สินเชื่ออเนกประสงค์สวัสดิการข้าราชการ เพื่อสมาชิก กบข.

                     

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553 ที่ธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนาคารกรุงไทย และ นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ได้ร่วมกันลงนามในบันทึกข้อตกลง โครงการบ้านกรุงไทย-กบข.เพื่อสมาชิก ครั้งที่ 1 เพื่อเป็นสินเชื่อสวัสดิการที่อยู่อาศัยให้กับข้าราชการซึ่งเป็นสมาชิก กบข.ทั่วประเทศ

                      นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์  เปิดเผยภายหลังการลงนามว่า ธนาคารได้เร่งขยายสินเชื่อไปยังลูกค้าในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะลูกค้ารายย่อย ทั้งในส่วนของข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจและบริษัทเอกชน ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งในส่วนของสินเชื่อรายย่อยสำหรับข้าราชการนั้น  ขณะนี้ยังมีความต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอีกจำนวนมาก  ดังนั้น ธนาคารจึงได้ร่วมกับกบข.จัดสินเชื่อสวัสดิการเพื่อที่อยู่อาศัยให้กับข้าราชการ ซึ่งเป็นสมาชิกของกบข.กว่า 1,100,000 คน ให้สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในเงื่อนไขพิเศษและอัตราดอกเบี้ยต่ำ

                      สำหรับเงื่อนไขการขอกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยหรือกู้เพื่อไถ่ถอน (Refinance) สมาชิกกบข. สามารถกู้ได้สูงสุด 100% ของราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ผ่อนชำระภายในระยะเวลา 30 ปี โดยในเดือนที่ 1-3 ธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ย 0% เดือนที่ 4-12 คิดอัตรา MLR-4.2%ต่อปี ปีที่ 2  คิดอัตรา MLR-2% ต่อปี  ปีที่ 3 เป็นต้นไป คิดอัตรา MLR-0.5% ต่อปี  ทั้งนี้ สมาชิกสามารถยื่นขอใช้บริการสินเชื่อได้ที่สาขาของธนาคารกว่า 880 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2553

                      นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์  กล่าวต่อไปว่า  นอกจากสนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้กับสมาชิกกบข.แล้ว ธนาคารยังให้บริการสินเชื่อสวัสดิการเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่ออเนกประสงค์ รวมทั้งสินเชื่อกรุงไทยธนวัฏที่ให้กู้สูงสุดถึง 10 เท่าของเงินเดือน สำหรับใช้เป็นวงเงินกู้ฉุกเฉิน ซึ่งช่วยให้ข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ไม่ต้องพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ  ขณะนี้มีหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้บริการสินเชื่อสวัสดิการกว่า 8,100 แห่ง และในปีนี้ ธนาคารมีแผนขยายการให้บริการกับหน่วยงานต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถอนุมัติสินเชื่อเพิ่มในปีนี้จำนวน 20,000 ล้านบาท

                      ด้านนางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ   (กบข. ) กล่าวว่า ความร่วมมือในโครงการบ้านกรุงไทย - กบข. เพื่อสมาชิกครั้งที่ 1 ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกสวัสดิการหลักที่ กบข.จัดขึ้น เพื่อให้สมาชิกได้มีทางเลือกในการใช้บริการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและเพื่อการไถ่ถอนจำนอง ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษดังกล่าวนี้  น่าจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องการผ่อนชำระแก่สมาชิก คาดว่าโครงการดังกล่าวนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากสมาชิก เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีสมาชิก กบข. จำนวนมากติดตามสอบถามถึงการใช้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวนี้มาอย่างต่อเนื่อง

                      การจัดสวัสดิการ โครงการบ้านกรุงไทย - กบข. เพื่อสมาชิกครั้งที่ 1 ในครั้งนี้เป็นการส่งเสริมให้สมาชิกได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองหรือมีที่อยู่อาศัยที่ดีขึ้นตามลำดับ ถือว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่สำคัญอีกทั้งยังเป็นการรองรับการใช้ชีวิตในช่วงหลังเกษียณอย่างมีคุณภาพในอนาคต โดยในปี 2553 ได้กำหนดแผนงานเชิงรุกในการจัดทำสวัสดิการใหม่ๆ แก่สมาชิกให้มากขึ้นทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านที่อยู่อาศัย  ด้านพัฒนาคุณภาพชีวิตมนุษย์ และการประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต

***********************************************************

สอบถามรายละเอียดข้อมูลโครงการได้ที่
ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ ธนาคารกรุงไทย โทร.1551 / www.ktb.co.th  / อีเมล์
ศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก กบข.โทร.1179 กด 6 /www.gpf.or.th /  อีเมล์

จุดเด่น

เพื่อการอุปโภคบริโภค และเพื่อไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น

รายละเอียดสินเชื่อ

จำนวนเงินให้กู้

ให้กู้ได้ตามความจำเป็นและความสามารถในการชำระคืน ดังนี้

1. กรณีใช้บุคคลค้ำประกัน

  • กรณีหน่วยงานทำข้อตกลงกับธนาคาร (ส่วนกลาง) ให้กู้ได้สูงสุดไม่เกิน 40 เท่า ของเงินเดือนผู้กู้ แต่ไม่เกินรายละ 3,000,000 บาท
  • กรณีหน่วยงานทั่วไป ให้กู้ได้สูงสุดไม่เกิน 30 เท่า ของเงินเดือนผู้กู้ แต่ไม่เกินรายละ 3,000,000 บาท

2. กรณีใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน

  • ให้กู้ไม่เกินรายละ 5,000,000 บาท โดยให้กู้ได้ไม่เกิน ร้อยละ 90 ของราคาประเมินที่ดินพร้อมอาคาร หรือไม่เกิน ร้อยละ 85 ของราคาประเมินห้องชุด ทั้งนี้ กรณีใช้ที่ดินเป็นหลักประกัน ให้กู้ได้ไม่เกินร้อยละ 80 ของราคาประเมินที่ดิน และไม่เกิน 3,000,000 บาท
  • ให้สามารถกู้ตาม 1. และ 2. รวมกันได้ ไม่เกินรายละ 5,000,000 บาท

ดอกเบี้ย

อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

ระยะเวลาชำระหนี้เงินกู้

  • กรณีใช้บุคคลค้ำประกัน : ให้กู้ได้ไม่เกิน 15 ปี โดยนับตั้งแต่เดือนที่ต้องชำระเงินกู้และดอกเบี้ยงวดแรกตามที่กำหนดในสัญญา
  • กรณีใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน : ให้กู้ได้ไม่เกิน 20 ปี โดยนับตั้งแต่เดือนที่ต้องชำระเงินกู้และดอกเบี้ยงวดแรกตามที่กำหนดในสัญญา ยกเว้น กรณีใช้ที่ดินเป็นหลักประกันให้กู้ได้ไม่เกิน 15 ปี

รายละเอียดการสมัคร

คุณสมบัติ

  1. เป็นข้าราชการ พนักงานราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ
  2. มีอายุครบ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ต้องไม่เกิน 60 ปี ยกเว้น ข้าราชการอัยการและข้าราชการตุลาการ เมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี
  3. เป็นผู้ฝากเงินประเภทเผื่อเรียกของธนาคาร

หลักประกัน

กรณีใช้บุคคลค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

  1. ต้องเป็นบุคลากรตามที่กำหนดไว้ในคุณสมบัติผู้กู้
  2. มีอายุครบ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุผู้ค้ำประกันกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ ต้องไม่เกิน 60 ปี
  3. ทำงานมาแล้วครบ 3 ปี หรือในกรณีที่ทำงานไม่ครบ 3 ปี ต้องใช้ผู้ค้ำประกันที่ทำงานมาแล้วครบ 1 ปี จำนวน 2 คน แทน

กรณีใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน กรณีใช้หลักประกัน ให้ใช้ที่ดิน หรือที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด อย่างหนึ่งอย่างใด โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้

  1. เป็นของผู้กู้และ/หรือของบุคคลอื่น
  2. ตั้งอยู่ในแหล่งชุมชนที่มีความเจริญ มีไฟฟ้า สาธารณูปโภคอื่นๆ ตามความจำเป็นและมีทางสาธารณประโยชน์ ซึ่งมีรถยนต์ผ่านเข้าออกได้สะดวก

ทั้งนี้ กรณีเป็นการไถ่ถอนและชำระหนี้เดิมที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ต้องนำหลักทรัพย์ที่ไถ่ถอนมาเป็นหลักประกันในการกู้ครั้งนี้ด้วย โดยผู้มีอำนาจอนุมัติตามวงเงินสามารถพิจารณาเปลี่ยนแปลงจำนวนหลักประกันที่มีหลายแปลงให้เหมาะสมกับจำนวนเงินกู้ได้