ย้ายลูกเข้าทะเบียนบ้านต่างจังหวัด

ย้ายลูกเข้าทะเบียนบ้านต่างจังหวัด

  • แจ้งเกิดเด็ก ทำที่ไหน
  • ต้องทำภายในกี่วัน
  • ใครเป็นผู้แจ้งเกิดเด็กได้บ้าง
  • เอกสารที่ใช้ สำหรับการทำเรื่องแจ้งเกิด
  • ขั้นตอนในการแจ้งเกิดเด็ก
  • หากแจ้งเกิดช้าต้องทำอย่างไร
  • กรณีที่เด็กไม่ได้เกิดในโรงพยาบาล
  • การแจ้งเกิดเด็กลูกครึ่ง

การที่เด็กคนหนึ่งเกิดมาบนโลกใบนี้ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดี แม้ว่าการเลี้ยงดูเด็กจะเป็นงานยากลำบาก แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ยุ่งยากและต้องใช้เวลาเช่นกัน สิ่งนั้นก็คือ “การดำเนินเรื่องแจ้งเกิด ทำสูติบัตรสำหรับเด็ก” ที่ต้องไปติดต่อหน่วยราชการ ซึ่งหากคุณไม่อยากเสียเวลาและไม่อยากเสียสิทธิ์ที่พึ่งมีไป อย่าง เงินสงเคราะห์บุตรจากประกันสังคม, เงินคลอดบุตรประกันสังคม และเงินอุดหนุนบุตร(สำหรับผู้ที่ที่ไม่ได้รับสวัสดิการใดๆ จากรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจ) คุณควรจะศึกษาถึงขั้นตอนการดำเนินการ รวมถึงเอกสารที่ต้องใช้ และเงื่อนไขต่าง ๆ มากมาย เพื่อที่จะไม่ต้องไปทำธุระให้เสียเที่ยวและจะได้ไม่ต้องลางานในครั้งต่อไป ซึ่งทุกอย่างที่เรากล่าวมานั้น เราจะบอกคุณทั้งหมดในบทความนี้ มีอะไรที่ต้องรู้บ้าง มาดูกันค่ะ

แจ้งเกิดเด็ก ทำที่ไหน

แม้ว่าปัจจุบันทางโรงพยาบาล สถานีอนามัย หรือสถานพยาบาล จะมีบริการดำเนินเรื่องแจ้งเกิดเด็กให้ในกรณีที่เด็กเกิดในโรงพยาบาล สถานีอนามัย หรือสถานพยาบาลนั้น ๆ แต่ในบางครั้งคุณอาจจะไม่สะดวกหรืออาจจะไม่ได้คลอดที่สถานพยาบาล การดำเนินเรื่องเองก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ

โดยคุณสามารถแจ้งเกิดได้ที่สำนักงานเขตในพื้นที่ที่เด็กเกิด หรือหากเป็นต่างจังหวัดก็ต้องไปแจ้งเกิดที่เทศบาล อำเภอ ในพื้นที่ที่เด็กเกิดเช่นกันค่ะ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ (ยกเว้นในกรณีที่แจ้งเกิดช้า)

ต้องทำภายในกี่วัน

หากไม่ดำเนินเรื่องแจ้งเกิดภายใน 15 วัน นับแต่ตั้งวันที่เด็กเกิด จะมีค่าปรับเป็นเงิน 1,000 บาท

ใครเป็นผู้แจ้งเกิดเด็กได้บ้าง

บิดา, มารดา, เจ้าของบ้าน (ที่เด็กเกิดหรือที่ต้องการย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้าน) หรือใครก็ได้ที่ได้รับสิทธิ์มอบหมาย

เอกสารที่ใช้ สำหรับการทำเรื่องแจ้งเกิด

  1. บัตรประจำตัวประชาชนของพ่อและแม่เด็ก
  2. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่มาแจ้งเกิด หรือ ผู้ที่ได้รับมอบอำนาจดำเนินเรื่องแทน
  3. หนังสือรับรองการเกิด (ท.ร 1/1) ที่ออกโดยสถานพยาบาล
  4. สำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าบ้าน ที่ต้องการย้ายชื่อเด็กเข้ามา

ขั้นตอนในการแจ้งเกิดเด็ก

  1. ไปยื่นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่นายทะเบียนท้องที่ (ที่เด็กเกิด)
  2. นายทะเบียนจะทำการตรวจสอบเอกสารและความถูกต้องของหลักฐานต่าง ๆ
  3. จากนั้นนายทะเบียนจะทำการลงข้อมูลในสูติบัตรและจะเพิ่มชื่อเด็กไปในทะเบียน รวมถึงในสำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าของบ้านด้วย
  4. ทำการมอบสูติบัตรตอนที่ 1 และมอบสำเนาทะเบียนบ้านคืนแก่ผู้ที่มาแจ้ง

หากแจ้งเกิดช้าต้องทำอย่างไร

ในกรณีที่คุณมาแจ้งเกิดเกิดระยะเวลาที่กำหนด นอกจากจะต้องเตรียมเงินไปแล้ว 1,000 บาท คุณจะต้องเตรียมเอกสารต่อไปนี้ด้วยนะคะ

เอกสารที่ต้องใช้ ในกรณีที่แจ้งเกิดเกินกำหนด

  • ใช้เอกสารเช่นเดียวกับ เอกสารที่ใช้แจ้งเกิดทั่วไปตามที่กล่าวไว้ในข้อ 1-4
  • ต้องนำพยานบุคคลที่รับรองมาด้วย อาจจะเป็นผู้ทำคลอด ผู้เห็นการเกิด (ซึ่งจะต้องมีฐานะที่มั่นคง เชื่อถือได้) และพยานต้องมีภูมิลำเนาตามที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ (ไม่น้อยกว่า 5 ปี) โดยจะต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนของจริง มายื่นต่อนายทะเบียน หรือเป็นข้าราชการสัญญาบัตร 2 คน
  • หากเด็กมีอายุเกิน 7 ปี จำเป็นต้องใช้ภาพถ่ายของเด็ก 1 รูป

กรณีที่เด็กไม่ได้เกิดในโรงพยาบาล

ในกรณีที่คุณไม่ได้คลอดที่โรงพยาบาล นอกจากเอกสารที่ต้องใช้ในข้อ 1-4 แล้วคุณอาจจะต้องใช้ใบนัดหมอ , บัตรโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ และสมุดฝากครรภ์ เพราะคุณไม่ได้คลอดที่สถานพยาบาลจึงทำให้ไม่มี ท.ร 1/1

ย้ายลูกเข้าทะเบียนบ้านต่างจังหวัด
การแจ้งเกิดเด็กลูกครึ่ง

การแจ้งเกิดเด็กลูกครึ่ง

แน่นอนค่ะว่าในกรณีที่เด็กเป็นลูกครึ่งนั้นจะต้องมีเงื่อนไขที่เพิ่มเข้ามาเล็กน้อย ซึ่งจะแบ่งเป็น

กรณีที่เด็กเกิดในประเทศไทย

  • ใช้เอกสารตามข้อ 1-4
  • เด็กจะได้สัญชาติไทย ก็ต่อเมื่อ
  • พ่อหรือแม่ต้องมีสัญชาติไทย และต้องจดทะเบียนสมรสกัน แต่สามารถแยกย่อยได้อีก 2 กรณี
    • หากแม่มีสัญชาติไทย จะจดหรือไม่จดทะเบียนสมรสก็ได้ เด็กก็จะได้สัญชาติไทย
    • หากพ่อมีสัญชาติไทย จะต้องจดทะเบียนสมรส เด็กถึงจะได้สัญชาติไทย

กรณีที่เด็กเกิดต่างประเทศ แต่ต้องการเข้าทะเบียนบ้านในไทย

  • เด็กจะต้องแจ้งเกิดและได้รับสูติบัตรจากสถานกงสุลมาเรียบร้อยแล้ว
  • จากนั้นให้ใช้เอกสารตามข้อ 1-4และใช้เอกสารสูติบัตรที่ออกโดยสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุล
  • ต้องมีหนังสือเดินทางที่ใช้ในการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วย

ย้ายลูกเข้าทะเบียนบ้านต่างจังหวัด

I am a graduate of Department of Computer Engineering Prince of Songkla University. I really enjoy writing and reviewing technology and women's products.