บริษัท มิตรผล ไบโอ-เพาเวอร์ อํานาจเจริญ จํากัด

สำนักงาน กกพ. ออกใบอนุญาตโรงไฟฟ้าชีวมวลให้ มิตรผล ไบโอ-เพาเวอร์ (อำนาจเจริญ) หลังใช้เวลาตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงเกือบ 3 เดือน พร้อมเพิ่มมาตรการกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อมไว้ในท้ายใบอนุญาต มั่นใจจะจัดการข้อร้องเรียนและลดข้อวิตกกังวลของชุมชนรอบโรงไฟฟ้าได้ครบถ้วน ด้านกลุ่มมิตรผล ยืนยันเดินหน้าโครงการต้นแบบที่อำนาจเจริญ

น.ส.นฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เผยว่า กกพ. มีมติเห็นชอบการออกใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานให้แก่ บริษัท มิตรผล ไบโอ-เพาเวอร์ (อำนาจเจริญ) จำกัด ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 32,500 กิโลโวลต์แอมแปร์ (kVA) หรือ 26 เมกะวัตต์ (MW) ผลิตไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงชีวมวล (กากอ้อย ใบอ้อย และชิ้นไม้สับ) ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.น้ำปลีก อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ พร้อมกำหนดมาตรการกำกับดูแลเพิ่มเติม นอกเหนือจากมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามรายงาน EIA

ดังนั้น เพื่อให้ครอบคลุมข้อร้องเรียนและประเด็นผลกระทบโดยระบุไว้ในเงื่อนไขเฉพาะในท้ายใบอนุญาต กกพ.ยังได้รับทราบมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และข้อวิตกกังวลของประชาชนเพิ่มเติมตามที่ตัวแทนกลุ่มบริษัทมิตรผลได้แสดงเจตจำนงว่าจะจัดทำมาตรการดังกล่าว เพื่อเป็นโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลต้นแบบ ซึ่งหากพบว่าผู้ประกอบการฝ่าฝืนและเกิดมลพิษที่ส่งผลกระทบสูงกว่ามาตรฐานที่กำหนดให้หยุดการผลิตได้ทันที

- Advertisment -

บริษัท มิตรผล ไบโอ-เพาเวอร์ อํานาจเจริญ จํากัด

ทั้งนี้ การประชุม กกพ. เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2561 กกพ. ได้มีมติชะลอการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า ระบบจำหน่ายไฟฟ้า  การอนุญาตก่อสร้างอาคาร และการอนุญาตประกอบกิจการโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าของบริษัท มิตรผล ไบโอ-เพาเวอร์ (อำนาจเจริญ) เพื่อให้ กกพ. ได้รับฟังข้อมูลจากประชาชนในพื้นที่และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อสรุปประเด็นปัญหาข้อร้องเรียน ข้อกังวลใจ และแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2562 นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธาน กกพ. ยังได้ลงพื้นที่และประชุมร่วมกับ นายนิกร สุกใส ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร และกลุ่มผู้คัดค้านโครงการ อาทิ กลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบายและกลุ่มเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำเซบาย ซึ่งมีข้อสรุปที่นำมาใช้กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามรายงาน EIA โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัทฯ เพื่อนำมาใช้ตั้งแต่ช่วงก่อนก่อสร้างและตลอดช่วงก่อสร้าง ตลอดจนถึงช่วงการดำเนินการ

สำหรับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า น.ส.นฤภัทร กล่าวว่า กกพ.ได้มีมติเพิ่มเงื่อนไขเฉพาะในการประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า เป็น 9 ข้อ มีสาระสำคัญ ดังนี้

  1. ต้องปฏิบัติตามรายงาน EIA “โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ต.น้ำปลีก อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ” ฉบับล่าสุด หรือฉบับที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมที่ได้รับความเห็นชอบโดยเคร่งครัด
  2. ต้องนำส่งรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตลอดจนปัญหา ข้อจำกัด และข้อเสนอแนะต่อสำนักงาน กกพ. ทุก 6 เดือน
  3. ให้ผู้รับใบอนุญาตจัดส่งเอกสารดังต่อไปนี้ ก่อนแจ้งเริ่มประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า

(1) ผลการทดสอบสมรรถนะและประสิทธิภาพเครื่องจักรอุปกรณ์สำคัญที่ได้รับรองอย่างเป็นทางการจากผู้ผลิต

(2) ผลการทดสอบสมรรถนะและประสิทธิภาพของระบบผลิตไฟฟ้า ซึ่งรวมถึง Heat Balance, Mass Balance, Water Balance และปริมาณมลพิษทางอากาศที่ระบายจากปล่อง ซึ่งได้รับรองอย่างเป็นทางการหลังจากการทดลองเดินเครื่องและทดสอบระบบ

  1. หากจะเปลี่ยนแปลงชนิดของเชื้อเพลิงหรือรายละเอียดโครงการจากที่เสนอไว้ จะต้องเสนอรายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงให้คณะกรรมการให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการ
  2. ให้นำส่งรายงานสมดุลของการผลิต ซื้อ ใช้ และ/หรือจำหน่ายไฟฟ้าประจำวันของสถานประกอบกิจการ โดยแสดงรายละเอียดเป็นรายชั่วโมง และผลการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามรอบการตรวจติดตามที่กำหนดในรายงาน EIA ทุกเดือน นับแต่วันที่เริ่มประกอบกิจการ
  3. ห้ามจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบโครงข่ายพลังงานของการไฟฟ้าก่อนได้รับอนุญาต
  4. ต้องจัดทำแผนปฏิบัติการฉุกเฉิน จัดการฝึกอบรม แนะนำวิธีการป้องกันเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในส่วนที่อาจก่อให้เกิดอันตราย อุบัติเหตุและอุบัติภัย และมีการฝึกซ้อมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
  5. ต้องตรวจวัดคุณภาพอากาศทั้งระยะก่อสร้างและระยะดำเนินการ จำนวน 4 จุด (ทิศทางลมและความเร็วลม 2 จุด) ปีละ 3 ครั้ง (ทุก 4 เดือน) ครั้งละ 7 วันต่อเนื่อง ให้ครอบคลุมทั้งในช่วงฤดูหีบอ้อยและนอกฤดูหีบอ้อย
  6. ให้ควบคุมดูแลการระบายมลพิษทางอากาศให้น้อยที่สุด และติดตั้งเครื่องตรวจวัดความเข้มข้นของมลพิษทางอากาศจากปล่องที่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศแบบอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง (CEMs) โดยให้ติดตั้งจอแสดงผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศที่บริเวณหน้าโรงงาน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าตรวจสอบได้โดยสะดวก

ส่วนมาตรการเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ข้อวิตกกังวลของประชาชนเพิ่มเติมตามที่บริษัทให้เจตจำนงไว้ มีดังนี้

กกพ.ไฟเขียว “มิตรผล” เดินหน้าโรงไฟฟ้าชีวมวลต้นแบบ หลังพ่วงเงื่อนไขแนบท้าย

เผยแพร่: 25 ก.พ. 2562 15:59   ปรับปรุง: 25 ก.พ. 2562 17:21   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“กกพ.” ลงมติออกใบอนุญาตโรงไฟฟ้าชีวมวล “มิตรผล ไบโอ-เพาเวอร์ (อำนาจเจริญ)” หลังพ่วงเงื่อนไขแนบท้ายประกอบการอนุญาตตามข้อเรียกร้องของชุมชน

นางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ.มีมติพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้า ใบอนุญาตระบบจำหน่ายไฟฟ้า ใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้า ใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร (อ.1) และใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานผลิตไฟฟ้า (รง.4) ให้แก่ บริษัท มิตรผล ไบโอ-เพาเวอร์ (อำนาจเจริญ) จำกัด พร้อมกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ในการดูแลผลกระทบต่อชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อมในพื้นที่

“โรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งนี้จะเป็นโรงไฟฟ้าต้นแบบโดยกลุ่มมิตรผล ที่ได้แสดงเจตจำนงในการที่จะจัดทำมาตรการเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และลดข้อวิตกกังวลของประชาชน เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้เป็นอย่างเป็นสุข สามารถสร้าง พัฒนาทางเศรษฐกิจ และสังคมได้อย่างยั่งยืน” นางสาวนฤภัทรกล่าว

ทั้งนี้ การประชุม กกพ.เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุญาตให้ก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัท มิตรผล ไบโอ-เพาเวอร์ (อำนาจเจริญ) จำกัด ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 32,500.00 กิโลโวลต์แอมแปร์ (kVA) หรือ 26 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.น้ำปลีก อ.เมืองฯ จ.อำนาจเจริญ โดยกำหนดเงื่อนไขประกอบการอนุญาตให้บริษัทฯ ต้องดำเนินโครงการโดยจะต้องบริหารจัดการเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม อย่างเคร่งครัด หากพบว่าฝ่าฝืนหรือไม่มีการปฏิบัติ กกพ.จะระงับการก่อสร้างโครงการได้ทันที

ก่อนที่จะมีมติอนุมัติโครงการฯ ดังกล่าว เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2561 กกพ.ได้มีมติให้ชะลอการอนุญาตโครงการการจัดตั้งโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัท มิตรผล ไบโอ-เพาเวอร์ (อำนาจเจริญ) จำกัด ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 32,500.00 กิโลโวลต์แอมแปร์ (kVA) หรือ 26 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.น้ำปลีก อ.เมืองฯ จ.อำนาจเจริญ หลังจากที่กลุ่มอนุรักษ์ และกลุ่มเครือข่ายอนุรักษ์ลำน้ำเซบาย ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กกพ.เพื่อขอให้ระงับการอนุญาตและตรวจสอบข้อเท็จจริงในการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่อาจจะไม่ครอบคลุม และยังมีความห่วงใยกับผลกระทบต่อความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อมในชุมชนรอบโรงไฟฟ้า


โดยในการดำเนินการ นายเสมอใจ ศุขสุเฆษ ประธาน กกพ. นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กกพ.พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร สำนักงาน กกพ. ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องด้วยตัวเอง ภายหลังจากการลงพื้นที่และการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการให้บริษัท มิตรผลฯ เข้าชี้แจง และแสดงเจตจำนง จนเกิดความมั่นใจ จึงได้นำไปสู่การอนุญาตดังกล่าว

“ในส่วนของใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า กกพ.ได้มีมติให้เพิ่มเงื่อนไขเฉพาะในการประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า เป็น 9 ข้อ เช่น ต้องปฏิบัติตามรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ต้องนำส่งรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตลอดจนปัญหาข้อจำกัด และข้อเสนอแนะต่อสำนักงานเป็นประจำทุก 6 เดือน เป็นต้น”

สำหรับมาตรการเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ข้อวิตกกังวลของประชาชนเพิ่มเติมตามที่ตัวแทนกลุ่มบริษัทมิตรผลฯ ได้แสดงเจตจำนงยินดีที่จะจัดทำมาตรการดังกล่าวเพิ่มเติมมี 12 ข้อ เช่น 1. บริษัทฯ จะควบคุมการระบายมลพิษทางอากาศให้น้อยที่สุดและจะติดตั้งเครื่องตรวจวัดความเข้มข้นของมลพิษทางอากาศจากปล่องที่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศแบบอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง (CEMs) 2. จัดส่งรายงานการตรวจสอบคุณภาพน้ำใต้ดินให้แก่สำนักงาน กกพ.ทุกเดือน 3. ยินดีจะเชิญผู้ร้องเรียนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการไตรภาคี จัดตั้งกองทุนมวลชนสัมพันธ์เพื่อพัฒนาท้องถิ่นในรัศมี 5 กิโลเมตร เป็นต้น

กำลังโหลดความคิดเห็น