มิ ช ชั้น นารี ใน ประเทศไทย มี ใคร บาง

มิชชันนารี มีแฟนได้เหรอ

กระทู้คำถาม

ศาสนาคริสต์ ศาสนา

ปกติที่เคยได้ยิน missionary เขาจะครองโสดไม่ใช่เหรอแต่เคยได้ยินว่ามีแฟนได้และสามารถแต่งงานได้

อยากถามคนที่รู้จ้า

0

0

มิ ช ชั้น นารี ใน ประเทศไทย มี ใคร บาง

สมาชิกหมายเลข 954862

กำลังโหลดข้อมูล...

แสดงความคิดเห็น

คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ

เข้าสู่ระบบ

กระทู้ที่คุณอาจสนใจ

สอบถามเกี่ยวกับมิชชันนารีของศาสนาคริสต์

รบกวนสอบถามเกี่ยวกับมิชชันนารีของศาสนาคริสต์ดังนี้ครับ 1.ในยุคสมัยนี้ ยังมีมิชชันนารีของศาสนาคริสต์จากชาติตะวันตกไปในประเทศต่างๆอยู่หรือไม่ เท่าที่สังเกต ในกรณีของไทย ของโปรเตสแตนท์ยังเห็นอยู่ค่อนข้าง

สมาชิกหมายเลข 4398378

หน้าต่างโลก

ประวัติศาสตร์

ศาสนาคริสต์

ชาวต่างชาติที่เข้ามาในไทยเเล้วมาเผยเเพร่ ศาสนาคริสต์ เค้าเป็นกลุ่มคนเเบบไหน

ตอนนี้ คือรู้จักเพื่อนต่างชาติค่ะ เเต่เค้าเป็นกลุ่มมิสชันนารี เเบบเราก็อยากฝึกพูดภาษาอังกฤษกับเค้า เเล้วก็พูดในหัวข้อของพระเจ้า คัมภีร์ไบเบิล ค่ะ เเล้วเราจะต้องย้ายศาสนาไหมค่ะ เเล้วถ้าเราไม่ย้ายเค้าจะ

สมาชิกหมายเลข 4474150

ศาสนาคริสต์

คัมภีร์ไบเบิล

โบสถ์

เพื่อนต่างชาติ

พิธีรับเข้าเป็นคริสต์ศาสนิกชน (ศีลล้างบาป)

มีเรื่องสอบถามค่ะ อยากได้ความกระจ่างให้กับตัวเอง เรื่อง sex (สำหรับผู้หญิงค่ะ)

คือเรื่องมีอยู่ว่า ดิฉันได้มีเพศสัมพันธ์กับคนที่สอง ค่ะ ในชีวิตค่ะ พอเขาเข้ามา ตอนแรกจะรู้สึกเจ็บๆหน่อยค่ะ อาจจะเพราะดิฉันไม่ได้มีเพศสัมพันธ์มานานตั้งแต่เลิกกับแฟนคนแรกค่ะ พอเริ่มคุ้นเคยแล้ว แล้วที

สมาชิกหมายเลข 853669

แต่งงาน

ประสบการณ์ชีวิตคู่

ประสบการณ์ความรัก

ความรักวัยทำงาน

ปัญหาความรัก

นักเรียนหล่อๆที่มาแจกเอกสารพระเยซู ใส่เสื้อสีขาว เขามาจากไหนกันหรอครับ

ผมอยากรู้มานานแล้วครับ แต่ไม่กล้าถามใคร ผมอยากทราบว่า นักเรียน(หรือเปล่า)เสื้อขาว บางทีก็ปั่นจักรยาน บางทีก็นั่งรถเมลล์ มาเจกแผ่นพับพระเยซู เกี่ยวกับศาสนา พวกนี้เขาเป็นใครกันครับ เขาทำอาชีพอะไรกัน มีเ

Dekphuket93

ศาสนาคริสต์

(มู) มิโกะและไพเธีย ประจำศาลเทพอพอลโล จำเป็นต้องประพฤติพรหมจรรย์ไหมคะ หรือแค่เทพเจ้าบางองค์เท่านั้น

ทั้งคนดูแลวิหาร คนทำนายดวงจากการดมแก๊ส และมิโกะประจำศาลเจ้าญี่ปุ่น สามารถมีเพศสัมพันธ์ หรือแต่งงานได้ไหมคะ หรือต้องครองโสดตลอดไป มีการขอลาออก ลาสิกขา ไหมคะ หรืออายุมาก แก่แล้ว ยกตำแหน่งให้คนรุ่นหลานสา

อวัยวะชิ้นนั้น

ถ้ามิชชันารีที่จะเขามาเผยแพร่ศาสนาจำเป็นจะต้องแต่งงานก่อนถึงจะมาไทยได้ ถ้าภรรยาตายจะมีผลให้ถูกส่งตัวกลับมั้ย

1.อยากทราบว่าถ้ามิชชันารีที่เคยแต่งงานแล้วภรรยาตายก่อนมาไทยจะสามารถมาเผยแพร่ศาสนาได้มั้ย 2.ถ้าภรรยาตายระหว่างมาเผยแพร่ศาสนาจะถูกส่งตัวกลับประเทศมั้ย ใครทราบช่วยตอบทีค่ะ อ้างอิงจาก: American board of c

สมาชิกหมายเลข 5012184

มิ ช ชั้น นารี ใน ประเทศไทย มี ใคร บาง

ว่าง ๆ มาดูดวงกันค่ะ by สโนว์ (สุ่มดู 9 คน) ทำนายวันนี้จ้า

ปิดกระทู้แล้วจ้า... ท่านอื่นรอรอบต่อไปน๊า  ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ 

หิมะราดคาราเมล

มิซซัง กับ มิชชันนารี ต่างกันอย่างไร ????

ตามที่เราทราบกันโดยทั่วไป ว่า มิซซัง (โรมันคาทอลิก) ...... มิชชันนารี (โปรเตนเตนท์) แต่เมื่อเราได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในสยาม หนังสือบางเล่ม ก็ใช้เรียก ศริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิ

แมมมอธตัวโตนั้นโก้จริงๆ

ใครสนใจศาสนาคริสต์บ้าง?(มอรมอน)

ถ้าคุณสนใจในศาสนจักรของเรา มาเรียนรู้สังคมใหม่ และเรื่องราวที่น่าประทับใจของสมาชิก หากคุณพบมิชชันนารีของเรา ผู้ชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาว ผูกเน็คไท ผู้หญิงแต่งตัวสุภาพ สวมกระโปงยาว จะมีป้ายสีดำ

สมาชิกหมายเลข 2126715

ความรักคือการว่งให้เค้าไปเจอสิ่งที่ดีกว่าในข้างหน้า

เคยได้ยินว่า ความรักคือการปล่อยให้คนที่เรารักได้เจอสิ่งที่ดีกว่า เรารู้สึกได้ว่าเป็นตัวของเราเองที่ไม่เหมาะสม ทั้งหน้าตา การงาน เงินเดือน และอนาคต ในขณะที่ตัวเราเอง แย่ลงทุกวัน เราไม่อยากให้เขามาลำบา

สมาชิกหมายเลข 4094936

อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ศาสนาคริสต์ ศาสนา

เขียนโดย Karl Dahlfred

แปล & เรียบเรียงโดย วัลลภาอรุโรทยานนท์

มิ ช ชั้น นารี ใน ประเทศไทย มี ใคร บาง

เมื่อมิชชันนารีใหม่ออกจากบ้านเดินทางไปทำพันธกิจของพระเจ้าครั้งแรกในต่างแดนคุณก็ยังรู้ชัดเจนว่าบ้านของตนนั้นอยู่ที่ไหนนั่นก็คือบ้านที่คุณเพิ่งจากมา เป็นบ้านที่คุณได้เติบโตขึ้นเป็นที่ ที่คุณได้รับการศึกษาและได้สร้างสัมพันธภาพแน่นแฟ้นกับพี่น้องในคริสตจักร

หากแต่เมื่อคุณไปอยู่ต่างแดนนานพอควรแล้วความรู้สึกแปลกแยกก็เกิดขึ้น

คุณจะเริ่มรู้สึกว่าบ้านของคุณนั้นไม่เหมือน “บ้าน” ที่เคยรู้จักอีกต่อไป  เมื่อ “กลับบ้าน” แล้ว แม้จะพบผู้คนและได้เห็นสถานที่ที่คุ้นเคยมาก่อน แต่ทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไประหว่างที่คุณไม่อยู่  ดังนั้นในช่วง “พักงานกลับบ้าน” คุณจึงไม่สามารถประติดประต่อช่วงเวลาให้เข้าสนิทกับช่วงเดิมที่คุณจากไปได้ เพราะเวลานี้ คุณได้กลายเป็นคนนอกเป็นเพียงแขกผู้มาเยือนเท่านั้น และคุณก็ไม่มีบทบาทหน้าที่อะไรชัดเจนด้วยบรรดาเพื่อนสนิททั้งหลายของคุณต่างก็ได้ผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ๆพี่น้องมากกว่าครึ่งในคริสตจักรรู้จักคุณเพียงผ่านทางระบบการสื่อสารที่รับรู้ได้ว่าคุณต้องการให้อธิษฐานเผื่อเรื่องอะไรบ้างเท่านั้น ขณะที่คนอื่นๆคุ้นเคยกับเทคโนโลยีใหม่ๆแต่คุณต้องคลำหาทางทำความเข้าใจคนอื่นพูดคุยกันสนุกสนานด้วยศัพท์แสลงแต่คุณกลับรู้สึกแปลกหูและไม่แน่ใจในความหมาย  แล้วคุณอาจสงสัยว่าแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมกำลังวิ่งไปทางไหนกัน?  ผู้คนที่บ้านเคยชินกับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจนกลายเป็นเรื่องปกติแต่คุณกลับมึนงงสับสน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าคุณได้เดินสวนทางกับสิ่งเหล่านี้ไป ตั้งแต่การออกเดินทางครั้งแรกแล้ว

ระหว่างการทำพันธกิจในต่างแดน คุณมักเริ่มต้นการสนทนาว่า “ที่บ้านผม...” แต่คนท้องถิ่นไม่กี่คนเท่านั้นที่อาจเข้าใจเรื่องของคุณหรือบางทีคุณก็รู้ดีว่าความจริงแล้วไม่มีใครเข้าใจเรื่องของคุณเลยสักคนเดียวแม้ว่าพวกเขาจะตั้งใจฟังอย่างสุภาพก็ตาม แล้วคุณก็จะปลอบใจตัวเองว่า “ไม่เป็นไรคนที่บ้านคงจะเข้าใจฉันได้”

หากเป็นเรื่องแปลกแต่จริงเพราะคนที่บ้านซึ่งคุณคิดว่าพวกเขาจะเข้าใจคุณอย่างดีนั้นก็ไม่เข้าใจคุณด้วยเหมือนกัน  เดี๋ยวนี้คุณกลับมาบ้านแล้วพร้อมกับประสบการณ์และเรื่องราวต่างๆมากมายจากดินแดนซึ่งกลายเป็นบ้านหลังที่สองของคุณ เป็นเหตุทำให้คุณชอบ หรือเผลอขึ้นต้นประโยคว่า“ในประเทศที่ผมไปทำงานนั้น...” แต่ความจริงก็คือไม่ว่าคุณจะเล่าเรื่องอะไรก็ตาม ก็ยากเหลือเกินสำหรับคนที่บ้านของคุณจะสัมผัสหรือเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ ความประทับใจของคุณสิ่งที่คุณคิดถึงกลับเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากรับรู้หรือพวกเขารับรู้ด้วยการตอบรับอย่างสุภาพทำนองนี้ว่า “อึม...ก็เป็นเรื่องแปลกดีนะ”

เมื่อเรื่องเล่าแปลกๆของคุณจบลงแล้วพวกเขาก็จะหันกลับไปพูดคุยเรื่องการแข่งขันกีฬา ความเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือเรื่องน่าสนใจอื่นๆ ซึ่งคุณเองไม่ค่อยได้ใส่ใจหรือลืมไปแล้วระหว่างหลายปีที่ทำงานในต่างแดนไม่ใช่เพราะว่าคนเหล่านั้นไม่ชอบคุณพวกเขายินดีมากที่คุณได้ “กลับบ้าน” เพียงแต่พวกเขาไม่อาจรับรู้และเข้าถึงประสบการณ์ “นอกบ้าน” ของคุณได้เท่านั้นเองยิ่งกว่านั้นหลายคนอาจรู้สึกว่าชื่อดินแดนที่คุณไปทำงานนั้นแปลกมากยิ่งชื่อคนในประเทศนั้นก็ยิ่งแปลกกว่าฟังดูน่าขันจนกระทั่งไม่อาจออกเสียงชื่อเรียกเหล่านั้นได้

ระหว่างการ “กลับไปเยี่ยมบ้าน” คนรอบข้างมักจะพูดกับคุณว่า “รู้สึกดีใช่ไหมที่ได้กลับบ้าน?”  ทำให้คุณคิดในใจว่า“ใช่! ก็ดีเหมือนกัน”  คุณได้ทานอาหารโปรดสองสามอย่าง ได้พบปะสังสรรค์กับเพื่อนเก่าบางคน และมีเหตุผลอีกมากมายที่ทำให้ต้องออกจาก “บ้าน” ไปโน่นนี่นั่น แล้วคุณก็ต้องแปลกใจว่าทำไมจึงเริ่มรู้สึกคิดถึงสิ่งต่างๆที่ชอบในบ้านหลังที่สองไม่ว่าจะเป็นอาหารจานพิเศษ  พวกเพื่อน หรืองานพันธกิจที่คุณทำด้วยความสุขใจ

เป็นเรื่องน่าเสียดายและน่าเศร้าเพียงใดกับความจริงที่ว่าบ้านเริ่มไม่เป็นบ้านอีกต่อไปแล้ว และในเวลาเดียวกันบ้านหลังที่สองในต่างแดนก็ไม่อาจเป็นบ้านถาวรของคุณได้เหมือนกัน.. มีบ้านอยู่สองแห่งเวลาเดียวกันทั้งสองแห่งก็ไม่ใช่บ้าน

เมื่ออยู่“บ้านเกิด” มิชชันนารีฝันถึงบ้านหลังที่สอง

เมื่ออยู่บ้านหลังที่สองเขากลับฝันถึงบ้านเกิด

มิชชันนารีต้องติดหล่มอยู่ระหว่างทางสองแพร่งเสมอพวกเขาไม่อาจเข้ากับผู้คนที่บ้านเกิดได้อย่างสมบูรณ์เหมือนเมื่อก่อนจากมาขณะเดียวกันก็ไม่สามารถจะกลมกลืนเข้ากับกลุ่มคนในบ้านหลังที่สองอย่างสนิท แนบแน่นโดยไร้รอยต่อได้เหมือนกัน

มีบ้านอยู่ทุกแห่งแต่ไม่มีสักแห่งที่เป็นบ้าน

ไม่เป็นไร! ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเคยมีผู้เดินผ่านเส้นทางนี้มาแล้วเหมือนดังฮีบรู11:13-16 กล่าวว่า

“คนทั้งปวงเหล่านี้ตายไปขณะที่ดำเนินชีวิตโดยความเชื่อพวกเขาไม่ได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้เพียงแต่ได้เห็นและเตรียมรับแต่ไกลและยอมรับว่าพวกเขาเป็นเพียงคนต่างถิ่นและคนแปลกหน้าในโลกนี้คนที่พูดอย่างนี้แสดงให้เห็นว่ากำลังมองหาบ้านเมืองที่จะเป็นของตนหากพวกเขาคิดถึงบ้านเมืองที่จากมาก็ย่อมมีโอกาสที่จะกลับไปได้แต่นี่พวกเขาใฝ่หาบ้านเมืองซึ่งดีกว่าคือเมืองสวรรค์เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงไม่ได้ทรงละอายเมื่อพวกเขาเรียกพระองค์ว่าพระเจ้าของพวกเขาเพราะพระองค์ทรงจัดเตรียมเมืองหนึ่งไว้ให้พวกเขาแล้ว”

ขณะที่ยังอยู่ในโลกนี้พวกเราต่างรู้สึกเลื่อนลอยและขาดความมั่นคงโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดามิชชันนารีและผู้อพยพย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ห่างไกลจากบ้านเกิดก็อาจจะมีความรู้สึกเคว้งคว้าง มากกว่าคนอื่นๆ แต่วันหนึ่งเราทั้งหลายผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าก็จะได้กลับ “บ้าน” ไปพบคุณพ่อและครอบครัวที่คุ้นเคยดีอีกครั้งอย่างแน่นอน