มา ย. แม พ โครงสร้าง โลก ม. 4

โครงสร้างโลก

แจกฟรี❗️ แผนภาพสรุปความรู้ โครงสร้างโลก 🌎
ช่วยครูสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ม.4 นำไปใช้เป็นใบความรู้ประกอบการสอนได้อย่างมืออาชีพ
สรุปให้เห็นเป็นภาพเข้าใจง่ายในภาพเดียว
 

บทความที่เกี่ยวข้อง

มา ย. แม พ โครงสร้าง โลก ม. 4

ก้าวข้ามความท้าทายของการสอนออนไลน์

การทดลองใช้การสอนออนไลน์ระดับประเทศ ทำให้เกิดกระแสตอบรับมากมาย และสะท้อนให้เห็นถึงแง่มุมอันท้าทายของการสอนที่ครูและผู้เรียนต้องจัดการเรียนรู้ผ่านอุปกร...

มา ย. แม พ โครงสร้าง โลก ม. 4

เคล็ดลับช่วยจำการผันวรรณยุกต์

พื้นฐานสำคัญในการเรียนภาษาไทย นอกจากให้เด็กเริ่มรู้จักพยัญชนะ สระ การแจกลูกและการสะกดคำแล้ว การผันอักษรและการผันวรรณยุกต์เป็นขั้นตอนต่อไปที่เด็กๆต้องม...

จุดประสงค์การเรียนรู้

  1. อธิบายลักษณะและโครงสร้างภายในโลกได้
  2. สามารถสร้างแบบจำลองโครงสร้างภายในโลก

บทเรียน

โลก

นักดาราศาสตร์สันนิษฐานว่าโลกกำเนิดขึ้นเมื่อหลายพันล้านปีมาแล้ว โดยเกิดจากการหมุนวนของฝุ่นและแก๊สในอวกาศ ทำให้ฝุ่นและแก๊สรวมกัน ซึ่งโลกยุคแรกส่วนใหญ่ประกอบด้วยแก๊สเฉื่อย เมื่อเวลาผ่านไปก็เย็นตัวลง และสิ่งมีชีวิตก็ถือกำเนิดขึ้น

โครงสร้างภายในของโลก

นักธรณีวิทยาแบ่งโครงสร้างภายในของโลกตามองค์ประกอบทางเคมีออกเป็น 3 ชั้น ได้แก่

  1. เปลือกโลก เป็นผิวโลกชั้นนอก มีสถานะของแข็งที่ประกอบด้วยซิลิกอนไดออกไซด์และอะลูมิเนียมออกไซด์ มีความหนาประมาณ 70 กิโลเมตร ซึ่งเปลือกโลกส่วนที่บางที่สุดคือส่วนที่อยู่ใต้มหาสมุทร ส่วนเปลือกโลกที่หนาที่สุดคือเปลือกโลกส่วนที่รองรับทวีปที่มีเทือกเขาที่สูงที่สุดอยู่

  2. เนื้อโลก หรือเมนเทิล เป็นชั้นหินที่อยู่ถัดจากเปลือกโลก หนาประมาณ 3,000 กิโลเมตร มีองค์ประกอบหลักเป็นซิลิคอนออกไซด์ แมกนีเซียมออกไซด์ และเหล็กออกไซด์ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ เนื้อโลกชั้นบนสุดที่เป็นฐานรองรับเปลือกโลก ลึก 70-100 กิโลเมตร รวมเรียกว่า "ธรณีภาค" ต่อมาคือเนื้อโลกตอนบนที่ลึก 100-300 กิโลเมตร บริเวณนี้มีอุณหภูมิสูงมาก ทำให้แร่บางส่วนหลอมละลายกลายเป็นหินหนืดหรือแมกมา และเนื้อโลกตอนล่างที่เป็นของแข็ง ลึก 300-2,900 กิโลเมตร ส่วนใหญ่เป็นเหล็ก แมกนีเซียม และซิลิเกท

  3. แก่นโลก คือส่วนที่อยู่ใจกลางของโลก หนาประมาณ 3,440 กิโลเมตร ส่วนใหญ่ประกอบด้วยธาตุนิกเกิลและเหล็ก แบ่งเป็น 2 ชั้นคือ

    • แก่นโลกชั้นนอก อยู่ที่ระดับความลึก 2,900 – 5,000 กิโลเมตร ภายในเป็นเหล็กเหลวร้อนที่เคลื่อนที่หมุนวน ซึ่งเหนี่ยวนำให้เกิดสนามแม่เหล็กโลก
    • แก่นโลกชั้นใน มีความลึก 5,000 กิโลเมตรไปจนถึงใจกลางโลก มีสถานะเป็นของแข็ง เนื่องจากความดันและอุณหภูมิสูง ทำให้อนุภาคของเหล็กและนิเกิลถูกอัดแน่น

มา ย. แม พ โครงสร้าง โลก ม. 4

ชั้นบรรยากาศ

ชั้นบรรยากาศคือส่วนที่ปกคลุมผิวโลก มีหน้าที่ป้องกันรังสีอันตรายจากดวงอาทิตย์และวัตถุต่างๆในอวกาศ แบ่งเป็น 5 ชั้น ได้แก่

  1. โทรโพสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศใกล้ผิวโลกที่สุดจนถึง 10 กิโลเมตร ชั้นนี้มีความหนาแน่นมาก เกิดเมฆ ฝน พายุ หิมะ และอากาศแปรปรวนตลอดเวลา
  2. สตราโตสเฟียร์ สูงตั้งแต่ 20 - 50 กิโลเมตรจากผิวโลก แก๊สสำคัญในชั้นนี้ คือโอโซน ซึ่งช่วยดูดซับรังสียูวี ดังนั้นอุณหภูมิของบรรยากาศชั้นนี้จึงสูง บรรยากาศชั้นนี้ไม่แปรปรวนจึงเหมาะสำหรับการบิน
  3. มีโซสเฟียร์ สูงตั้งแต่ 50-80 กิโลเมตร เป็นชั้นที่มีโอโซนน้อยมาก แต่ก็มากพอที่จะช่วยดูดซับรังสียูวีจากดวงอาทิตย์
  4. ไอโอโนสเฟียร์ สูงตั้งแต่ 80-600 กิโลเมตร มีแก๊สออกซิเจนเบาบางมาก จึงไม่เหมาะกับมนุษย์
  5. เอกโซสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศตั้งแต่ 600 กิโลเมตรขึ้นไป มีแก๊สออกซิเจนน้อยมาก แต่มีแก๊สฮีเลียมและไฮโดรเจนมาก เมื่อความสูงเพิ่มขึ้น อากาศก็ยิ่งเจือจางจนเข้าสู่อวกาศ

สรุปสาระสำคัญ

  • สันนิษฐานว่าโลกกำเนิดขึ้นจากการรวมกันของฝุ่นและแก๊สในอวกาศ
  • นักธรณีวิทยาจำแนกโครงสร้างโลกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ เปลือกโลก เนื้อโลก และแก่นโลก
  • ชั้นบรรยากาศของโลกเป็นส่วนที่ปกคลุมผิวโลก ทำหน้าที่ป้องกันรังสีและวัตถุจากนอกโลก

มา ย. แม พ โครงสร้าง โลก ม. 4

โลกเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งในระบบสุริยะที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 4,600 ล้านปีมาแล้ว นักดาราศาสตร์ส่วนใหญ่สันนิษฐานว่าระบบสุริยะเกิดจากการหมุนวนของฝุ่นและ แก๊สในอวกาศ (เนบิวลา) แรงโน้มถ่วงระหว่างมวลทำให้ฝุ่นและแก๊สในอวกาศเกิดการยุบตัวและรวมกับจนใน ที่สุด กลายเป็นระบบสุริยะซึ่งประกอบ ด้วยดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์ต่างๆ

1. การศึกษาโครงสร้างโลก

 นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามหาวิธีการต่างๆ ที่จะศึกษาโครงสร้างโลกทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยพยายามใช้หลักฐานต่างๆ ที่สามารถค้นพบได้ รวมทั้งใช้ทฤษฎี หลักการทางวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ และ เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อจะตอบข้อสงสัยดังกล่าว

 ในปัจจุบันมนุษย์มีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีสำหรับการศึกษาโครงสร้างของโลกโดย ทางตรง  และในขณะนี้ได้ศึกษาจากหลุมเจาะสำรวจเพื่อเก็บตัวอย่างหิน  ซึ่งหลุมที่เจาะสำรวจที่ลึกที่สุดในปัจจุบันเจาะได้เพียงในระดับความลึก 12.3 กิโลเมตร เท่านั้น 

สำหรับการศึกษาโครงสร้างภายในของโลกโดยทางอ้อม ได้จากการศึกษาคลื่นไหวสะเทือนที่เกิดจากแผ่นดินไหวและจากการทดลองของมนุษย์

การ ศึกษาโครงสร้างโลกจากคลื่นไหวสะเทือนที่เคลื่อนที่ผ่านโลก คลื่นที่ใช้ในการวิเคราะห์  คือ คลื่นปฐมภูมิ (Primary waves, P waves) และคลื่นทุติยภูมิ (Secondary waves, S waves) ซึ่งเป็นคลื่นในตัวกลาง (Body wave) โดยที่คลื่นไหวสะเทือนดังกล่าวมีสมบัติสำคัญ ดังนี้

           –  คลื่น P สามารถที่ผ่านตัวกลางได้ทุกสถานะ และมีความเร็วมากกว่าคลื่น S

           –  คลื่น S สามารถเคลื่อนที่ผ่านได้เฉพาะตัวกลางที่เป็นของแข็งเท่านั้น

2. การแบ่งโครงสร้างโลก 

ผลจากการตรวจวัดคลื่นไหวสะเทือนทำให้นักวิทยาศาสตร์ทราบว่าโครงสร้างภายในของโลกแสดงลักษณะเป็นชั้น แต่ละชั้นมีสมบัติทางกายภาพที่แตกต่างกัน คือ ธรณีภาค  ฐานธรณีภาค มีโซสเฟียร์  แก่นโลก   ชั้นนอกและแก่นโลกชั้นใน 

การแบ่งโครงสร้างโลกโดยใช้สมบัติของคลื่นไหวสะเทือน  

1. ธรณีภาค (lithosphere) เป็นชั้นนอกสุดของโลก พบว่าคลื่น P และคลื่น S จะเคลื่อนที่ผ่านธรณีภาคด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วง 6.4 -8.4 กิโลเมตรต่อวินาที และ 3.7 – 4.8 กิโลเมตรต่อวินาที ตามลำดับ โดยทั่วไปชั้นนี้มีความลึกประมาณ 100 กิโลเมตร จากผิวโลก ประกอบด้วยหินที่มีสมบัติเป็นของแข็ง

2. ฐานธรณีภาค (asthenosphere) เป็นบริเวณที่คลื่นไหวสะเทือนมีความเร็วไม่สม่ำเสมอ แบ่งออกได้เป็น 2 บริเวณ คือ

          2.1 เขตที่คลื่นไหวสะเทือนมีความเร็วลดลง (low velocity zone) เป็นบริเวณที่คลื่นไหวสะเทือน P และ S มีความเร็วลดลง เกิดขึ้นในระดับความลึกประมาณ 100 – 400 กิโลเมตร จากผิวโลก และเนื่องจากบริเวณนี้ประกอบด้วยหินที่มีสมบัติเป็นพลาสติก (อุณหภูมิและความดันบริเวณนี้ทำให้แร่บางชนิดที่อยู่ในหินเกิดการหลอมตัว เล็กน้อย) และวางตัวอยู่ส่วนล่างของธรณีภาค

          2.2 เขตที่มีการเปลี่ยนแปลง (transitional zone) เป็นบริเวณที่คลื่นไหวสะเทือนมีความเร็วเพิ่มขึ้นในอัตราที่ไม่สม่ำเสมอ เกิดขึ้นในระดับความลึกประมาณ 400 – 660 กิโลเมตร จากผิวโลก เนื่องจากหินบริเวณส่วนล่างของฐานธรณีภาคเป็นของแข็งที่แกร่ง และมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของแร่

3. มีโซสเฟียร์ (mesosphere) เป็นชั้นที่อยู่ใต้ฐานธรณีภาค และเป็นบริเวณที่คลื่นไหวสะเทือนมีความเร็วเพิ่มขึ้นสม่ำเสมอ เนื่องจากหิน หรือสาร บริเวณส่วนล่างของมีโซสเฟียร์มีสถานะเป็นของแข็ง มีความลึกประมาณ 660-2,900 กิโลเมตร จากผิวโลก

4. แก่นโลกชั้นนอกและแก่นโลกชั้นใน

          4.1  แก่นโลกชั้นนอก (outer core) เป็นชั้นที่อยู่ใต้มีโซสเฟียร์มีความลึกประมาณ 2,900-5,140กิโลเมตร จากผิวโลว คลื่น P มีความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ในขณะที่คลื่น S ไม่สามารถเคลื่อนที่ผ่านชั้นดังกล่าวได้

          4.2  แก่นโลกชั้นใน (inter core) อยู่ที่ระดับความลึกประมาณ 5,140 กิโลเมตร จนถึงจุดศูนย์กลางของโลก คลื่น P และ S มีอัตราเร็วค่อนข้างคงที่ เนื่องจากแก่นโลกชั้นในเป็นของแข็งที่มีเนื้อเดียวกัน  

การแบ่งโครงสร้างโลกจากการศึกษาส่วนประกอบทางกายภาพ และทางเคมีของหิน รวมทั้งสารต่างๆ ที่อยู่ภายในโลก

มา ย. แม พ โครงสร้าง โลก ม. 4

1. ชั้นเปลือกโลก (Crust)  เป็นเสมือนผิวด้านนอกที่ปกคลุมโลก  แบ่งออกได้เป็น 2 บริเวณ  คือเปลือกโลกภาคพื้นทวีป  หมายถึง ส่วนที่เป็นแผ่นดินทั้งหมด ประกอบด้วยธาตุซิลิคอน (Si) และอะลูมิเนียม (Al) เป็นส่วนใหญ่  และเปลือกโลกใต้มหาสมุทร  หมายถึงเปลือกโลกส่วนที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำ  ประกอบด้วยธาตุซิลิคอน (Si) และแมกนีเซียม (Mg) เป็นส่วนใหญ่  มีความลึกตั้งแต่ 5 กิโลเมตร  ในส่วนที่อยู่ใต้มหาสมุทรไปจนถึง 70 กิโลเมตร ในบริเวณที่อยู่ใต้เทือกเขาสูงใหญ่

2. ชั้นเนื้อโลก (Mantle)  เป็นชั้นที่อยู่ถัดลงไปจากชั้นเปลือกโลก  ส่วนมากเป็นของแข็ง  มีความลึกประมาณ 2,900 กิโลเมตร นับจากฐานล่างสุดของเปลือกโลกจนถึงตอนบนของแก่นโลก  ชั้นเนื้อโลกส่วนบนเป็นหินที่เย็นตัวแล้วและบางส่วนมีรอยแตกเนื่องจากความเปราะ  ชั้นเนื้อโลกส่วน   กับชั้นเปลือกโลก รวมตัวกันเรียกว่า  “ธรณีภาค” (Lithosphere) ซึ่งมาจากรากศัพท์ภาษากรีก แปลว่าชั้นหิน ชั้นธรณีภาคมีความหนาประมาณ 100 กิโลเมตรนับจากผิวโลกลงไปชั้นเนื้อโลกถัดลงไปที่ความลึก 100 – 350  กิโลเมตร  เรียกว่าชั้นฐานธรณีภาค (Asthenosphere) เป็นชั้นของหินหลอมละลายร้อนหรือ หินหนืดที่เรียกว่า แมกมาซึ่งหมุนวนอยู่ภายในโลกอย่างช้า ๆ  ชั้นเนื้อโลกที่อยู่ถัดลงไปอีกเป็นชั้นล่างสุดอยู่ที่ความลึกตั้งแต่ 350 – 2,900 กิโลเมตร  เป็นชั้นที่เป็นของแข็งร้อนแต่แน่นและหนืดกว่า  ตอนบนมีอุณหภูมิสูง ตั้งแต่ประมาณ 2,250 – 4,500 ๐C

3. ชั้นแก่นโลก (Core)  อยู่ในระดับความลึกจากผิวโลกประมาณ  2,900 กิโลเมตร ลงไป  แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ แก่นโลกชั้นนอกมีความหนาตั้งแต่ 2,900 – 5,100 กิโลเมตร  เชื่อกันว่าชั้นนี้ประกอบด้วยสารเหลวของโลหะเหล็กและนิเกิลเป็นส่วนใหญ่และมีความร้อนสูงมาก  ต่อเนื่องจากแก่นโลกชั้นนอกลงไปเป็นแก่นโลกชั้นนอกแต่อยู่ในสภาพของแข็งเนื่องจาก มีความดันและอุณหภูมิสูงมาก อาจสูงถึง 6,000 ๐C