ระบบปฏิบัติการ Windows ล่าสุด

             Windows คือ ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ระบบหนึ่ง (operating system) สร้างขึ้นโดยบริษัทไมโครซอฟต์ เนื่องจากความยากในการใช้งานดอสทำให้บริษัท ไมโครซอฟต์ได้มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า Windows ที่มีลักษณะเป็น GUI (Graphic-User Interface) ที่นำรูปแบบของสัญลักษณ์ภาพกราฟิกเข้ามาแทนการป้อนคำสั่งทีละบรรทัด ซึ่ง ใกล้เคียงกับแมคอินทอชโอเอส เพื่อให้การใช้งานดอสทำได้ง่ายขึ้น แต่วินโดวส์จะยังไม่ใช่ระบบปฏิบัติการจริง ๆ เนื่องจากมันจะทำงานอยู่ภายใต้การควบคุมของดอสอีกที กล่าวคือจะต้องมีการติดตั้งดอสก่อนที่จะติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows และผู้ใช้จะสามารถเรียกใช้คำสั่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ในดอสได้โดยผ่านทางWindows   ซึ่ง Windows จะง่ายต่อการใช้งานมากกว่าดอส 

             ระบบปฏิบัติการ windows ใช้หลักการแบ่งงานเป็นส่วน เรียกว่า หน้าต่างงาน (windows) ที่แสดงผลลัพธ์แต่ละโปรแกรม มีการผลิตและจำหน่ายหลายรุ่น เช่น .....

           ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 95 พัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟต์ และวางจำหน่ายในช่วงปลายปี 1995 เป็นซอฟต์แวร ์ที่ใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ทั่ว ๆ ไป ที่มีคุณลักษณะฮาร์ดแวร ์และหน่วยความจำ สูงกว่าระบบปฏิบัติการดอส ต้องใช้ซีพียูที่มีความเร็ว ในการประมวลผลด้วย ตัวโปรแกรมต้องใช้พื้นที่ฮาร์ดดิสก์ประมาณ 40 MB มีรูปแบบการติดต่อกับผู้ใช้ (User Interface) เป็นภาพกราฟิก ทำให้ง่าย และสะดวกต่อการใช้งานยิ่งขึ้น (Friendly User Interface) 

             วินโดวส์ 95 ติดต่อกับผู้ใช้โดยใช้ภาพกราฟิก การใช้งานควบคุมโปรแกรม โดยใช้เมาส์เป็นส่วนใหญ่ ผู้ใช้ไม่ต้องจำคำสั่ง สะดวกต่อการใช้งานมาก นอกจากนั้นยังมี DOS Prompt ให้สามารถใช้คำสั่ง ที่จำเป็นของดอสในวินโดวส์ 95 ได้อีกด้วย ความสามารถของวินโดวส์ 95 คือเตรียมโปรแกรม สำหรับการควบคุม การเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอก ไว้จำนวนมาก สามารถตรวจสอบอุปกรณ์ ที่นำมาเชื่อมต่อใหม่ได้อย่างอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้สะดวกอย่างมาก ในการติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ เข้ากับคอมพิวเตอร์ การทำงานในลักษณะนี้เรียกว่า Pnp (Plug and Play) นอกจากนี้ยังมีความสามารถ จัดการในการเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แบบจุดต่อจุด (Peer-to-Peer) เพื่อใช้ทรัพยากรของระบบเครือข่ายร่วมกัน Windows 95 มีชื่อเต็มว่า "Microsoft Windows 95" คือ โปรแกรมควบคุมระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ตั้งแต่แสดงผลบนจอภาพ ป้อนข้อมูลด้วยคีย์บอร์ด หรือเม้าส์ เก็บข้อมูลตัวเลข อักษรหรือรูปภาพ ตลอดจนสั่งการทำงานออกจากเครีอง พิมพ์ ซึ่งได้รับการพัฒนามาจากระบบ Windows 3.11 ให้มีประสิทธภาพเหนือกว่าเดิม คือ ผู้ใช้จะมีความรู้สึกว่าจอคอมพิวเตอร์เป็น ห้องส่วนตัว เพราะบนจอภาพมีลักษณะเหมือนโต๊ะทำงาน เรียกว่า" Destop" ซึ่งใกล้เคียงความเป็นจริงมาก เนื่อง จากเก็บงานที่ทำค้าง ไว้ก่อนได้ (คลัายการเก็บงานใส่ลิ้นชัก) ยังมีส่วนเพิ่มเติมอีก .เช่น จัดเก็บแฟ้มต่างๆ อย่างเป็นระเบียบคล้ายกับ ตู้ใส่เอกสาร มีถังขยะที่ใช้ สำหรับทิ้งสิ่งของ โทรศัพท์ติดต่อสื่อสารกับภายนอก เป็นต้น โดยวิธีการใช้เครื่องมือเหล่านี้ยังคงทำงานได้เหมือนเดิม ลักษณะของรูปภาพแทนคำสั่งหรือที่เรียกว่า Icon ในระบบ Windows 95 ยังคงเอกลักษณ์เหมือนเดิม คือ จัดทำไว้เป็น รูปภาพกับขัอความสั้นๆ เพื่อป้องกันความสับสนหรือหลงลืมความหมาย และส่วนที่เก็บเป็นรายการคำสั่งก็ยังใช้แบบ Menu ให้เลือกได้ สะดวก อาจกล่าวไดัว่า ในแง่ความรู้สึกของผู้ใช้ที่เคยผ่าน Windows 3.11 มาแล้ว แทบจะเหมือนเดิมทุกอย่าง ความแตกต่างจริงๆ อยู่ที่รูปลักษณ์และลูกเล่นที่เพิ่มขึ้นมา

            วิวัฒนาการของ Window 95 นับเวลากว่า 10 ปีมาแล้วที่ทางบริษัทไมโครซอฟต์ได้ผลิตระบบปฏิบัติการหลายตัวหลายเวอร์ชัน ซึ่งแต่ละกลุ่มมีกลุ่ม เป้าหมายทั้งแตกต่างและคล้ายกัน โดยพอจะสรุปภาพรวมไว้ดังนี้

        1. MS-DOS เป้นระบบการ16 บิตขนาดเล็กทำงานแบบทีละงาน หรือ Single Task และรับคำสั่งจากผู้ใช้ด้วยการีย์คำสั่งเข้าที ละบรรทัด นอกจากนั้นยังแสดงผลข้อความล้วนๆ ( Text mode มีประวัติการพัฒนายาวนานกว่า 15 ปี เวอร์ชันล่าสุดคือ MS-DOS 6.22 ปัจจุบันยังมีผู้นิยม ใช่อยู่เป็นจำนวนมากรวมทั้งโปรแกรมแอพพลิเคชันที่ใช่บน MS-DOS อีกหลายหมื่นโปรแกม

        2. Window3.1 และ Window3.11 ระบบปฏิบัติการที่ต้องงานร่วมกับ MS-DOS อีกทอดหนึ่งสามารถทำงานแบบหลายๆงาน พร้อมกัน หรือ Multitasking ได้แต่ยังไม่สมบูรณ์แบบ ติดต่อกับผู้ใช้ในแบบกราฟฟิก ปัจจุบันมีผู้นิยมใช้มากที่สุดรวมทั้งมีโปรแกรมแอพพลิเคชันดังๆมากที่สุด เวอร์ชัน 3.1 ต่อมาพัฒนาเป็นเวอร์ชัน 3.11 

        3. Window 3.11 for Workgroup เป็นเวอร์ชันพิเศษของ Window 3.11 ที่ขยายความสามารถทางเน็ตเวิร์กออกไปเพื่อให้ทำงาน แบบร่วมกับกับเครื่องอื่นๆเช่น การใช่ไฟล์และอุปกรณ์ เช่น พลิตเตอร์ ร่วมกันได้ ปัจจุบันมีผู้นิยมใช้พอสมควร นอกจากนี้โปรแกรม Window 3.1 และ Window 3.11 สามารถนำมารันบน Window 3.11 for Workgroup ได้ทันที 

        4. Window 95 เป็นระบบปฏิบัติการตัวถัดจาก Window 3.1 โดยไมโครซอฟต์ ได้วางตำแหน่ง Window 95 ไว้เป็นระปฏิบัติการ สำหรับเครื่องพีซีเดสก์ท็อปและโน๊ตบุ้ค ความสามารถทางด้านเน็ตเวิร์กเน้นนักให้ Window 95 เป็นลูกข่าย (Client ) 

        5. Window NT Workstation ระบบปฏิบัติการ 32 บิตแท้อีกตัวของไมโครซอฟต์ เรียกกันโดยย่อว่า NT สามารถที่จะใช้งานบน คอมพิวเตอร์ได้หลายแบบไม่ว่าจะใชิ้ CPU เป็น Intel โดยทางไมโครซอฟต์ได้วางตำแหน่งของ Window NT Workstation เป็นระบบปฏิบัติ สำหรับเน็ตเวิร์กขนาดเล็กถึงกลางเหมาะสำหรับเครื่องแม่ข่ายหรืแเซิร์ฟเวอร์ ( Server ) ในงานธุรกิจ
        
6. Window NT Advanced Server หรือเรียกย่อว่า NTAS เป็นเวอร์ชันพิเศษของ Window NT โดยขยายขีดความสามารถ รองรับงานด้านเน็ตเวิร์กขนานใหญ่ได้

ระบบปฏิบัติการ Windows ล่าสุด

ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 98 :::: 

         วินโดวส์ 98 เป็นระบบปฏิบัติการ ที่มีความสามารถสูง พัฒนาต่อเนื่องมาจาก วินโดวส์ 95 สามารถทำงานแบบหลายงาน (Multi-Tasking OS) มีผู้ใช้ในระบบเพียงคนเดียว แบบ Single- User OS ได้ อีกทั้งยังสามารถ นำไปใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์ได้ทั่วไป เรียกว่าเป็นแบบ Generic Operating System การทำงานของวินโดวส์ 98 ติดต่อกับผู้ใช้แบบ Graphic User Interface (GUI) เช่นเดียวกับวินโดวส์ 95 แต่ปรับรูปแบบให้ดูสวยงาม อัตโนมัติยิ่งขึ้น มีความสามารถ ในการเชื่อมต่อ กับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ได้สะดวกยิ่งขึ้น มีโปรแกรมที่เป็นเครื่องมือ สำหรับการสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต มาพร้อมคือโปรแกรม Internet Explore 

ข้อด้อยของโปรแกรม ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 98 

        คือ ต้องการทรัพยากรของระบบ ได้แก่ หน่วยประมวลผล หน่วยความจำ ฮาร์ดดิสก์ อุปกรณ์มัลติมีเดียสูง คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพต่ำ ไม่สามารถติดตั้งวินโดวส์ 98 ได้ แต่มีข้อดีคือ ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก มากกว่าวินโดวส์ 95 มีซอฟต์แวร์ประยุกต์ต่าง ๆ สนับสนุนทำงานบนระบบวินโดวส์ 98 เป็นจำนวนมาก รองรับการใช้งาน ด้านอินเทอร์เน็ตได้เป็นอย่างดี     

  ความสามารถของ Windows 98

        Windows 98 เป็นรุ่นต่อมาของ Windows ที่ออกมาให้ได้ใช้กันมีการปรับปรุงหน้าตา และการทำงานให้สวยงาม และน่าใช้งานมากขึ้น โดยจะมีการนำเอาโปรแกรมเล่นอินเตอร์เน็ต IE4 (Internet Explorer 4.0) แถมมาให้ด้วย สามารถรองรับการทำงานของอุปกรณ์ใหม่ ๆของ คอมพิวเตอร์ได้มากขึ้น แต่หลาย ๆ คนก็ยังบอกว่า มักจะมีปัญหาบ่อย ๆ ในการใช้งาน IE4 ที่มีแถมมาให้ใน Windows รุ่นนี้ โดยรวมก็เรียกได้ว่า เป็นระบบปฏิบัติการที่มีผู้ใช้งานมากทีเดียว ต่อมาก็มีการออก Windows 98 SE (Second Editor) โดยทำการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่พบใน Windows 98 รุ่นแรก ๆ และมีการแถม IE5.0 มาให้แทน IE4.0 ด้วย

    การทำงานใน Windows 98 ให้ความเพลิดเพลินและให้ผลงานมากกว่าที่เคย คุณสามารถเข้าไปถึง เวิลด์ไวด์เว็บ (www) ได้โดยง่ายจากจุดใน Windows ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเดสก์ท็อป แถบงานและเมนู Start ช่วยให้คุณเปิดทางลัดและโปรแกรมได้อย่างรวดเร็ว คุณลักษณะใหม่ๆช่วยให้ทำงาน ได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น  

Windows 98 มีคุณสมบัติที่น่าสนใจดังนี้

            - ความสามารถในการทำงานพร้อมๆกัน หลายโปรแกรม (เรียกว่า Multitasking ) เช่นสามารถใช้โปรแกรม Word เพื่อพิมพ์                  เอกสารออกทางเครื่องพิมพ์ และใช้โปรแกรม Power Point เพื่อจัดทำ สไลด์สำหรับนำเสนองานได้ในเวลาเดียวกัน

            - Windows 98 สามารถอ่านเขียนข้อมูลจากดิสก์ และพิมพ์ได้เร็วขึ้น เพราะลักษณะการทำงานของมันเป็นแบบ 32 บิต ใน                  ขณะที่ Windows รุ่นก่อนทำงานแบบ 16 บิต

            -  การตั้งชื่อไฟล์สามารถตั้งได้ยาวถึง 255 ตัวอักษร

            -  ติดตั้งอุปกรณ์ฮาร์แวร์ เช่นโมเด็มและเครื่องพิมพ์ใหม่ได้โดยอัตโนมัติ ด้วยคุณสมบัติ Plug And Play โดย Windows 98                จะทำหน้าที่ติดตั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใหม่ และกำหนดข้อมูลทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องให้โดยอัตโนมัติ

            -  ผู้ใช้สามารถสร้างทางลัดที่เรียกว่า Shortcut เพื่อแทนการทำงานบางอย่างที่มีขั้นตอนมากแต่ต้องทำบ่อยครั้งได้ เพื่อให้                  ทำงานได้อย่างสะดวก รวดเร็ว 

ระบบปฏิบัติการ Windows ล่าสุด

ระบบปฏิบัติการ Windows ME :::: 

         Windows ME (Windows Millennium Edition) เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจาก ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 95และ98 ซึ่งออกแบบมาให้เหมาะสม กับผู้ใช้ตามบ้าน เป็นระบบปฏิบัติการที่ทันสมัย ฉลาด และเข้าใจผู้ใช้ มากกว่าวินโดวส์ 95 และวินโดวส์ 98 หน้าตาของ Windows ME จะมีรูปลักษณ์เหมือนวินโดวส์ 98 มาก แต่มันมีคุณลักษณะพิเศษ ที่เหนือกว่าเดิมมาก เช่นสามารถสร้างระบบเครือข่าย ภายในบ้านได้ นอกจากนี้ยังมีความสามารถ ด้านอินเทอร์เน็ต และมัลติมีเดีย มากกว่าวินโดวส์ 98 อีกด้วย  วินโดวส์มี (อังกฤษ: Windows Me, ชื่อรหัส: Millennium) หรือ Windows Millennium Edition เป็นระบบปฏิบัติการกูอี้ 16/32-บิต ออกแบบสำหรับผู้ใช้ทั่วไปซึ่งเป็นรุ่นต่อจากวินโดวส์ 98 พัฒนาโดยไมโครซอฟท์ และวางจำหน่ายวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000)   วินโดวส์มี มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้ตามบ้านทั่วไปต่างจากวินโดวส์ 2000 ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นธุรกิจ องค์กร ซึ่งได้วางจำหน่ายหลายเดือนก่อนหน้าวินโดวส์มี แม้ว่าวินโดวส์มีนั้นออกตามหลังวินโดวส์ 2000 แต่กลับเป็นรุ่นที่ต่อช่วงจากวินโดวส์ 95 และวินโดวส์ 98 ซึ่งวินโดวส์มีไม่ได้มีสายจากเอ็นทีเหมือนอย่างในวินโดวส์ 2000 หรือวินโดวส์เอกซ์พีที่แทนที่วินโดวส์มีในปีถัดมา

        วินโดวส์มี มาพร้อมกับอินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ 5.5 Windows Media Player 7 และ Windows Movie Maker รุ่นแรกสำหรับการตัดต่อภาพยนตร์อย่างง่าย นอกจากนั้นไมโครซอฟท์ยังทำการอัปเดตส่วนติดต่อกับผู้ใช้แบบกราฟิก โดยได้รวมความสามารถที่เพิ่มในวินโดวส์ 2000 มาพร้อมกับวินโดวส์มี

        วินโดวส์มีนั้นได้ปิดการเข้าถึงดอสแบบภาวะจริง (real mode) เพื่อให้ระบบบูตเร็วขึ้น แต่ส่งผลให้โปรแกรมที่พัฒนาบนดอสบางโปรแกรมที่เข้าถึงดอสแบบภาวะจริงนั้นไม่สามารถทำงานบนวินโดวส์มีได้ ซึ่งทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นในส่วนนี้ ซึ่งความจริงแล้วโปรแกรมที่ได้รับผลกระทบนั้นส่วนใหญ่เป็นโปรแกรมบริหารจัดการดิสก์

ความสามารถใหม่

             -   System Restore โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้การแก้ไขปัญหา และย้อนกลับระบบไปเวลาก่อนหน้าที่จะมีปัญหานั้นง่ายขึ้น    ซึ่งสำหรับกรณีที่ติดตั้งไดรเวอร์ หรือแอปพลิเคชัน แล้วมีปัญหา สามารถใช้ System Restore เพื่อย้อนไปเวลาก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีปัญหา System Restore ทำงานด้วยการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของไฟล์ระบบปฏิบัติการ โปรแกรมและ [[แต่ไม่รวมถึงเอกสารข้อมูลอย่างที่เก็บไว้ใน My Documents จึงไม่ควรเข้าใจผิดว่าเป็นโปรแกรมสำรองข้อมูล

            -   Universal Plug and Play หรือย่อว่า UPnP ซึ่งวินโดวส์มี เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นแรกที่รองรับเทคโนโลยีนี้

            -   Windows Image Acquisition (WIA) ซึ่งเป็น API มาตรฐานสำหรับการติดต่อกับอุปกรณ์ภาพอื่นๆที่เกี่ยวข้องเช่นกล้องดิจิทัล พรินเตอร์ สแกนเนอร์ ได้อย่างง่ายดายขึ้น

            -   Automatic Updates ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ทำการดาวน์โหลดและติดตั้งวินโดวส์อัปเดตที่สำคัญจากวินโดวส์อัปเดตเว็บไซต์ โดยค่าแรกเริ่มนั้นทำการตรวจสอบอัปเดตใหม่ทุกๆ 24 ชั่วโมง

            -   System File Protection เป็นความสามารถที่มาพร้อมกับวินโดวส์ 2000 ในชื่อ Windows File Protection โดยพัฒนาขึ้นจาก System File Checker เดิมในวินโดวส์ 98 โดยมีเป้าหมายตรวจสอบไฟล์ระบบจากการเปลี่ยนแปลง หรือเสียหายอย่างอัตโนมัติ 

        โดยหากพบว่าไฟล์อยู่ในกรณีดังกล่าว วินโดวส์จะทำการแทนที่ไฟล์นั้นด้วยไฟล์ต้นฉบับโดยอัตโนมัติ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ระบบเสถียรขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ความสามารถนี้ไม่ควรสับสนกับ System Restore ซึ่ง System Restore นั้นดูแลไฟล์กว้างขวางกว่าโดยบันทึกแบ่งเป็นจุดช่วงเวลา ต่างจากการทำงานของ System File Protection ที่คอยรักษาไฟล์ระบบสำคัญเท่านั้น และทำโดยอัตโนมัติ

ระบบปฏิบัติการ Windows ล่าสุด

ระบบปฏิบัติการ Windows 2000 :::: 

        Windows 2000 เป็นระบบปฏิบัติการ ที่เกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนอง ระบบเครือข่าย และเป็น OS ที่สร้างขึ้นมาเป็น GUI ตั้งแต่ต้น ดังนั้นการนำ Application เดิม ๆ ที่เคยใช้กับระบบปฏิบัติการดอส หรือโปรแกรม ที่สั่งงานฮาร์ดแวร์โดยตรง มาใช้บนระบบปฏิบัติการ วินโดวส์2000 อาจไม่ยอมทำงานให้ แต่การทำงานระบบ Multi-Tasking และ Multi-User ใช้งานได้ดีกว่าตระกูล วินโดวส์ 95 และ 98 โดยทำการควบคุม ขบวนการทำงาน ของแต่ละโปรแกรมได้ดีขึ้น
        Windows 2000 เป็นเวอร์ชันล่าสุด ของการปรับปรุงระบบปฏิบัติการ Windows ผู้ใช้ Windows98 และ Windows NT อยู่ในช่วงที่ต้องย้ายไปสู่ Windows 2000 ชื่อเดิมเรียกว่า Windows NT5.0 ซึ่ง Windows 2000 เป็นการใช้เทคโนโลยีของ NT ซึ่ง Windows 2000 ได้รับการออกแบบสำหรับงานด้านวิชาชีพและธุรกิจขนาดเล็ก รวมถึงตลาดธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการระดับเทคนิคที่สูงด้วยเทคโนโลยีของ NT การใช้ Windows 2000 จำเป็นต้องเลือกตามลักษณะการใช้งานสายผลิตภัณฑ์

          Windows 2000 ประกอบด้วย
        - Windows 2000 Professional: จุดมุ่งหมายสำหรับงานส่วนบุคคลและธุรกิจทุกขนาด รวมถึงระบบความปลอดภัยและการใช้งานแบบเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ประหยัดมากที่สุด

        - Windows2000 Server: จุดมุ่งหมายสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ซึ่งสามารถทำเป็น web server หรือ work group server และสนับสนุนการงานกับ SMP (two-way Symmetric Multiprocessing) Windows NT4.0 สามารถอัพเกรดเป็น Windows 2000 Server

        - Windows 2000 Advance Server: จุดมุ่งหมายสำหรับระบบปฏิบัติการของ Server แบบเครือข่ายและ/หรือเป็น server ของโปรแกรมประยุกต์ ซึ่งรวมถึงระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ในระบบนี้มีการอำนวยความสะดวกด้วยระบบ clustering and load balancing ซึ่ง Windows NT 4.0 ที่มีระบบ 8-way SMP สามารถอัพเกรดเป็นผลิตภัณฑ์ตัวนี้ได้

        - Windows 2000 Data center Server: ได้รับการออกแบบสำหรับระบบ data ware house ขนาดใหญ่ การประมวลผลแบบ On-line Transaction (OLTP) การวิเคราะห์ทางเศรษฐมิติและโปรแกรมประยุกต์อื่น ที่ต้องใช้การประมวลผลด้วยความเร็วสูง และฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น Data Center Server สนับสนุน 16-way SMP และใช้หน่วยความจำได้กับ 64 GB

        รายงานเบื้องต้นระบุว่า Windows 2000 มีเสถียรภาพสูงกว่า Windows 98 และ NT ส่วนประกอบใหม่ที่สำคัญคือ Microsoft Active Directory เมื่อรวมกับส่วนประกอบอื่นแล้ว ทำให้หน่วยธุรกิจสามารถจัดเป็นระบบเครือข่ายแบบ Virtual Private Network เพื่อ encrypt ข้อมูลสำหรับ NT หรือบนเครือข่าย และเพื่อให้การใช้ไฟล์ร่วมกันจากเครื่องคอมพิวเตอร์เครือข่าย

การอัพเกรดจาก Windows98 หรือ NT มีความลำบากแต่เหมาะสำหรับการใช้ที่ต้องการความสามารถใหม่ที่เพิ่มขึ้น

ระบบปฏิบัติการ Windows ล่าสุด

ระบบปฏิบัติการ Windows XP :::: 

           WindowsXP เป็นระบบปฏิบัติการ ที่เริ่มวางตลาดในปี ค.ศ. 2001 โดยตั้งชื่อ ให้รับกับการเปลี่ยนแปลงล่าสุดว่า Microsoft Windows XP โดยคำว่า XP ย่อมาจาก experience แปลว่ามีประสบการณ์ โดยทางบริษัทผู้สร้าง กล่าวว่าการตั้งชื่อเช่นนี้ มีเหตุผลมาจากที่ต้องการสื่อให้เห็นถึงการ ได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ จากการใช้ Windows XP ทุก ๆ ประมาณ 2 ปี บริษัทไมโครซอฟต์ผู้ผลิตโปรแกรมวินโดวส์ จะวางตลาดวินโดวส์รุ่นใหม่ ๆ โดยได้ใส่เทคโนโลยีที่ทันสมัย และเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เป็นข้อด้อยของวินโดวส์รุ่นเก่า เพราะฉะนั้น ผู้ที่ต้องการเทคโนโลยีใหม่ ๆ Windows XP มีจุดเด่นและความสามารถมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบใช้งานที่ดูสวยงาม และง่ายกว่าวินโดวส์รุ่นเก่า ๆ มีระบบช่วยเหลือในการปรับแต่งมากมาย เช่นระบบติดตั้งฮาร์ดแวร์ ติดตั้งเครือข่าย และสร้างผู้ใช้ในเครือข่าย การสร้างแฟกซ์ด้วยคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมรุ่นใหม่ แถมมาให้หลายโปรแกรม เช่นโปรแกรมดูหนังฟังเพลง (Windows Media Player 8)และโปรแกรมท่องโลกอินเทอร์เน็ต (Internet Explorer 6) เหมาะสำหรับนักคอมพิวเตอร์มือใหม่ และผู้ใช้งานทั่วไปอย่างยิ่ง
        Windows XP มีให้เลือกใช้สองรุ่นคือ Windows XP Home Edition ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้งานตามบ้าน ที่ไม่เชื่อมต่อกับเครือข่ายและอีกรุ่นคือ Windows Xp Professional Edition ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้งานในองค์กรตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่เนื่องจากสามารถเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายได้ดี คนที่ใช้วินโดวส์เวอร์ชั่น XP จะต้องใช้เครื่องที่มีทรัพยากรมาก เช่น ซีพียู เพนเทียม 300 MHz ขึ้นไป แรมไม่ต่ำกว่า 128 MB ฮาร์ดดิสก์เหลือกพื้นที่ว่างมากกว่า 1.5 GB เป็นต้น
    เริ่มวางตลาดในปี ค.ศ. 2001 โดยคำว่า XP ย่อมาจาก experience แปลว่ามีประสบการณ์ ทุกๆ 2 ปี บริษัทผู้ผลิตจะวางตลาดวินโดวส์รุ่นใหม่ๆ โดยได้ใส่เทคโนโลยีที่ทันสมัย และเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นข้อด้อยของรุ่นเก่า Windows XP มีจุดเด่นและความสามารถมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบใช้งานที่ดูสวยงาม และง่ายกว่าวินโดวส์รุ่นเก่าๆ มีระบบช่วยเหลือในการปรับแต่งมากมาย เหมาะสำหรับนักคอมพิวเตอร์มือใหม่ และผู้ใช้งานทั่วไปอย่างยิ่ง

 รุ่นต่างๆ ของ Windows XP

                -   Microsoft Windows XP Starter Edition    

ระบบปฏิบัติการ Windows ล่าสุด

                -   Microsoft Windows XP Home Edition

                -   Microsoft Windows XP Professional

                -   Microsoft Windows XP Media Center Edition

                -   Microsoft Windows XP Tablet PC Edition

                -   Microsoft Windows XP Edition N

                -   Microsoft Windows XP 64-Bit Edition

                -   Microsoft Windows XP Embedded

MICROSOFT WINDOWS XP รุ่นปรับปรุง (SERVICE PACK)

                -   SP1 ออกมาในปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546)

                -   SP1a ออกมาในปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) หลัง SP1

                -   SP2 ออกมาในปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547)

                -   SP3 ออกมาในปี ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) หลังวินโดวส์วิสต้า SP1

ระบบปฏิบัติการ Windows ล่าสุด

ระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows Vista :::

         Microsoft Windows Vista เป็นโปรแกรมระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ล่าสุดจากไมโครซอฟท์ ที่พัฒนาต่อจาก Windows XP และ Windows Server 2003 ที่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาให้มีความล้ำสมัย ทั้งรูปร่างหน้าตา และฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ และได้ปรับปรุงเรื่องความปลอดภัยและเน็ตเวิร์คให้สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ปัจจุบันได้วางจำหน่ายให้กับองค์กรธุรกิจวันที่ 8 พฤศจิกายน 2549 และวางจำหน่ายให้กับผู้ใช้ทั่วไปวันที่ 30 มกราคม 2550

        Windows Vista นั้นมาพร้อมกับรูปร่างหน้าตาแบบใหม่หมด เพื่อที่จะได้ รับประโยชน์จากกราฟิก 3 มิติแบบฮาร์ดแวร์ หน้าต่างของโปรแกรมนั้นจะ ถูกเปลี่ยนใหม่เป็นแบบแก้วใส (Glass) ให้ความรู้สึกที่มีมิติและความลึก เข้าไปเมื่อคุณเปิดหลายๆวินโดว์พร้อมกันบนหน้าจอ หน้าตาของ Vista นี้ มีชื่อว่า Aero Glass ไม่เพียงแค่มันใสๆได้ ยังมีลูกเล่นที่เรียกว่า Windows Preview

        ระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows Vista เป็นโปรแกรมระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ล่าสุดจากไมโครซอฟท์ ที่พัฒนาต่อมาจาก Microsoft Windows XP และ Microsoft Windows Server 2003 ที่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาให้มีความล้ำสมัย ทั้งรูปร่างหน้าตา (Interface) และฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ นอกจากที่ Vista จะมีความพิเศษในเรื่องฟังก์ชั่นต่างๆ แล้ว ไมโครซอฟท์ได้ปรับปรุงเรื่องความปลอดภัยและเน็ตเวิร์คให้สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ปัจจุบันได้วางจำหน่ายให้กับองค์กรธุรกิจวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 และวางจำหน่ายให้กับผู้ใช้ทั่วไปวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2550 ไมโครซอฟท์ประกาศใช้ชื่อ Microsoft Windows Vista อย่างเป็นทางการแก่สื่อมวลชนในวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 แทนที่ชื่อรหัส ลองฮอร์น (Longhorn) โดยคำว่า วิสตา ในภาษาอังกฤษ หมายถึงมุมมอง หรือทิวทัศน์

            ไมโครซอฟต์ Windows Vista เป็นการพัฒนาจาก บริษัทไมโครซอฟต์ เพื่อใช้กับเครื่อง ไมโครคอมพิวเตอร์ หรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer: PC) ซึ่งคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต้องมีโปรแกรมระบบปฏิบัติการ (Operating System) ในการทำหน้าที่ควบคุมการทำงานต่างๆ ของเครื่อง และอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งมีคุณสมบัติและประสิทธิภาพที่สูงขึ้น จากระบบ Windows XP โดยต้องเตรียมคุณสมบัติ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ เตรียมฮาร์ดดิสก์ (การแบ่งพาร์ติชัน) การฟอร์แมต แล้วจึงติดตั้ง ระบบปฏิบัติการ Windows Vista ได้ ซึ่งระบบปฏิบัติการต่างๆ ที่ทางไมโครซอฟท์ ได้ออกแบบมา ต้องสัมพันธ์กันกับ อุปกรณ์ภายในตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย ไม่เช่นนั้น การทำงานของระบบอาจ ไม่มีประสิทธิภาพพอ ความสำคัญของระบบปฏิบัติการ

            ในอดีตการพัฒนาโปรแกรมสำหรับหน้าที่หนึ่ง ๆ ต้องใช้เวลามาก เพราะต้องเขียน โปรแกรมถึง 2 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ โปรแกรมทำงาน และโปรแกรมที่ทำหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์ ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ภายในเครื่อง เมื่อมีการสร้างโปรแกรมใหม่ ปัญหาก็คือ ต้องมีการสร้างโปรแกรมควบคุมอุปกรณ์ ฮาร์ดแวร์อีกครั้ง ซ้ำซ้อนกับผู้อื่นที่ได้สร้างโปรแกรมนี้ไว้แล้ว ทำให้การพัฒนาโปรแกรมเป็นไป อย่างล่าช้า เพื่อแก้ปัญหานี้จึงได้มีการคิดค้นโปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางควบคุมอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ขึ้น ซึ่งมีชื่อเรียกว่า ระบบปฏิบัติการ หรือ โอเอส (OS: Operating System) ทำให้ไม่ต้องมีการเขียนโปรแกรมที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อีกต่อไป เพราะสามารถทำงานผ่านระบบปฏิบัติการได้โดยตรง

วิวัฒนาการของ WINDOWS VISTA

        ไมโครซอฟต์ Windows Vista เป็นโปรแกรมระบบปฏิบัติการที่พัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟต์ เพื่อใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ หรือคอมพิวเตอร์ ส่วนบุคคล (Personal Computer: PC) คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต้องมีโปรแกรม ระบบปฏิบัติการ (Operating System) ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเครื่อง และอุปกรณ์ต่าง ๆ มิเช่นนั้นคอมพิวเตอร์จะไม่สามารถนำมาใช้งานได้ บริษัทไมโครซอฟต์ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการขึ้นมาใช้กับเครื่อง PC มาตั้งแต่ยุคแรก ๆ เรียกชื่อระบบปฏิบัติการนั้นว่า MS-DOS (Microsoft Disk Operating System) ที่มีการทำงานใน แบบเท็กซ์โหมด และได้เปลี่ยนมาเป็นระบบปฏิบัติการ Windows ที่มีการทำงานแบบโหมดกราฟิก ซึ่งทางบริษัทไมโครซอฟต์ได้ทำการพัฒนาไปเรื่อย ๆ ตามการเปลี่ยนแปลงทางด้านฮาร์ดแวร์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ แนวคิดในการพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการของบริษัทไมโครซอฟต์ จะ เน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอยู่สองกลุ่มใหญ่ ๆ คือ กลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป และกลุ่มผู้ใช้งานด้าน ระบบปฏิบัติการเครือข่าย เริ่มจาก Windows 3.0 และ 3.1, Windows 95, Windows 98, Windows Me ซึ่งเป็น Windows สำหรับกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป และ Windows NT และ Windows 2000 ที่รวมเอา ความสามารถในการทำงานระดับเครือข่ายไว้ด้วย ต่อมาไมโครซอฟท์ได้รวม Windows ทั้งสองสายพันธุ์นี้เข้าไว้ด้วยกันเป็น Windows XP ซึ่งมี 2 รุ่นสำคัญคือ Home Edition (สำหรับ ผู้ใช้งานทั่วไป) และ Professional Edition (สำหรับผู้ใช้งานองค์กร) Windows XP นับเป็น Microsoft Windows Vista ได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่งขึ้น สำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกกลุ่ม ตั้งแต่ผู้ใช้งานที่บ้านซึ่งใช้เครื่องของตนในการท่องเว็บตามปกติ จนถึงนักธุรกิจที่ต้องจัดระเบียบและจัดการข้อมูลที่มีปริมาณมาก รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ที่ต้องทำ การวิเคราะห์ทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน เพื่อให้ทุกคนได้รับผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อ ตอบสนองการใช้งานเฉพาะของแต่ละคน Microsoft จะนำเสนอ Windows Vista ในรุ่นต่าง ๆ 4 รุ่น ด้วยกัน ได้แก่ Home Basic, Home Premium, Business และรุ่น Ultimate ที่เป็นรุ่นที่ได้ รวบรวมคุณสมบัติการใช้งานทั้งหมดไว้ แต่ละรุ่นจะเน้นในการตอบสนองการใช้งานแต่ละประเภท โดยเฉพาะ ไม่ว่าเราจะใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อจุดประสงค์ใดก็ตาม ตั้งแต่ความบันเทิงภายในบ้านไป จนถึงประสิทธิผลทางธุรกิจ Windows Vista จะมีรุ่นที่เหมาะสำหรับทุกคนเสมอ สำหรับองค์กรระดับโลกที่มีขนาดใหญ่ มีโครงสร้างด้าน IT ที่ซับซ้อน เราขอแนะนำให้ พิจารณา Windows Vista ในรุ่นพิเศษ คือ Windows Vista Enterprise Edition

ระบบปฏิบัติการ Windows ล่าสุด

ระบบปฏิบัติการ Windows 7 ::::

        Windows 7 คือ ระบบปฏิบัติการตัวใหม่ล่าสุดจากไมโครซอฟท์ มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 22 ตุลาคม  2009 หลังจากที่วางจำหน่าย Windows Vista  ซึ่งทำยอดขายได้สูงมาก (แต่ผลตอบรับไม่ค่อยน่าพอใจ) ในช่วง 2 – 3 ปี ที่ผ่านมาโดย Windows 7    นี้นับได้เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นที่ 7 ของไมโครซอฟท์ นับตั้งแต่ Windows 1.0 เป็นต้นมา Windows 7 (โค้ดเนม Blackcomb และ Vienna) นั้นเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเดสก์ท็อปตัวใหม่ของไมโครซอฟท์ อาจมีหลายคนที่สงสัยว่าเลข 7 นั้น หมายถึงอะไรหรือมาจากอะไร ซึ่งจากข้อมูลในบล็อกของทีมพัฒนาของไมโครซอฟท์นั้น ตัวเลข 7 นั้นเป็นการนับเวอร์ชันต่อเนื่องจากเวอร์ชันก่อนๆ หน้า หากมองย้อน กลับไปยังจุดเริ่มต้นของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ คิดว่าวินโดวส์เวอร์ชันที่หลายคงรู้จักเป็นเวอร์ชันแรกน่าจะเป็น Windows 3.0 แต่จริงๆ แล้ว ระบบปฏิบัติการวินโดวส์เวอร์ชันแรกของไมโครซอฟท์คือ 1.0 จากนั้นก็มีการพัฒนาเป็นเวอร์ชัน 2.0 แล้วจึงมาได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในวินโดวส์ เวอร์ชัน 3.0 หลังจากนั้นไมโครซอฟท์ได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อเวอร์ชันแทนการใช้เวอร์ชันแบบตัว เลข คือ Windows NT ซึ่งนับเป็นเวอร์ชัน 3.1 จากนั้นเป็น Windows 95 ซึ่งนับเป็นเวอร์ชัน 4.0 ต่อจากนั้นเป็น Windows 98 และ Windows Millennium Edition ซึ่งยังถือเป็นเวอร์ชัน 4 อยู่ โดย Windows 98 นับเป็นเวอร์ชัน 4.0.1998, Windows 98 SE นับเป็นเวอร์ชัน 4.10.2222 และ Windows Millennium Edition นับเป็นเวอร์ชัน 4.90.3000 (สรุปได้ว่าไมโครซอฟท์นับ Windows 9x เป็นเวอร์ชัน 4.0)ต่อจาก Windows 9x จะเป็น Windows 2000 ซึ่งนับเป็นเวอร์ชัน 5.0 เวอร์ชันถัดมาคือ Windows XP ซึ่งนับเป็นเวอร์ชัน 5.1 และล่าสุดคือ Windows Vista ซึ่งจะนับเป็นเวอร์ชัน 6.0

        ดังนั้น เมื่อไมโครซอฟท์วางแผนในการพัฒนาระบบปฏิบัติการสำหรับเดสก์ท็อปตัวใหม่ต่อจาก Windows Vista จึงตั้งชื่อเป็น Windows 7  อย่างไรก็ตามจากข้อมูลในบล็อกของทีมพัฒนา ถึงแม้ว่าจะใช้ชื่อ Windows 7 แต่หมายเลขเวอร์ชันจริงๆ ของระบบปฏิบัติการวินโดวส์สำหรับเดสก์ท็อปตัวใหม่ของไมโครซอฟท์นี้จะเป็นเวอร์ชัน 6.1 ทั้งนี้ การที่ไมโครซอฟท์ไม่กำหนดเป็นเวอร์ชัน 7.0 เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดความสับสนในด้าน application compatibility ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกันกับการกำหนดหมายเลขเวอร์ชันของ Windows XP เป็นเวอร์ชัน 5.1 แทนที่จะเป็น 6.0

ขั้นตอนการทำงานของ Windows 7

ถ้าคุณต้องการเรียกใช้ Windows 7 บนพีซีของคุณ คุณต้องมีสิ่งต่อไปนี้

            -   ตัวประมวลผล 1 กิกะเฮิร์ตซ์ (GHz) ขึ้นไป แบบ 32 บิต (x86) หรือ 64 บิต (x64)

            -   RAM (32 บิต) 1 กิกะไบต์ (GB) หรือ RAM (64 บิต) 2 GB

            -   เนื้อที่ว่างบนฮาร์ดดิสก์ 16 GB (32 บิต) หรือ 20 GB (64 บิต)

            -   อุปกรณ์แสดงผล DirectX 9 พร้อมโปรแกรมควบคุม WDDM 1.0 หรือสูงกว่า

ความต้องการเพิ่มเติมสำหรับการใช้งานคุณลักษณะบางอย่าง

            -   การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต (อาจมีค่าบริการ)

            -   การเล่นวิดีโออาจต้องใช้หน่วยความจำเพิ่มเติมและฮาร์ดแวร์กราฟิกขั้นสูง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความละเอียด

            -   เกมและโปรแกรมบางอย่างอาจต้องใช้การ์ดแสดงผลที่เข้ากันได้กับ DirectX 10 หรือ สูงกว่า เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

            -   สำหรับฟังก์ชันการทำงานบางอย่างของ Windows Media Center อาจต้องใช้เครื่องรับสัญญาณทีวี,ฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม

            -   Windows Touch และแท็บเล็ตพีซี ต้องใช้ฮาร์ดแวร์เฉพาะ

            -   โฮมกรุ๊ป ต้องการเครือข่ายและพีซีที่ใช้ Windows 7

ระบบปฏิบัติการ Windows ล่าสุด

            -   การเขียนดีวีดี/ซีดีต้องการไดรฟ์แบบออปติคัลที่เข้ากันได้

            -   BitLocker ต้องการ Trusted Platform Module (TPM) 1.2

            -   BitLocker To Go ต้องการ USB แฟลชไดรฟ์

            -   Windows XP Modeต้องการ RAMเพิ่มเติม 1GBและเนื้อที่ว่างบนฮาร์ดดิสก์เพิ่ม 15 GB

            -   เพลงและเสียงต้องการอุปกรณ์สัญญาณเสียงออก

    ฟังก์ชันการทำงานของผลิตภัณฑ์และกราฟิกอาจแตกต่างกันไปตามการกำหนดค่าระบบของคุณ คุณลักษณะบางอย่างอาจต้องใช้ฮาร์ดแวร์ขั้นสูงหรือฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม

พีซีที่มีตัวประมวลผลแบบมัลติคอร์:
        Windows 7 ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำงานกับตัวประมวลผลแบบมัลติคอร์ในปัจจุบัน Windows 7 รุ่น 32 บิตทุกรุ่นสามารถสนับสนุนแกนของตัวประมวลผลได้สูงสุด 32 แกน ส่วนรุ่น 64 บิตสามารถสนับสนุนแกนของตัวประมวลผลได้สูงสุด 256 แกน

พีซีที่มีตัวประมวลผล (CPU) หลายตัว:
        เซิร์ฟเวอร์เพื่อการพาณิชย์ เวิร์กสเตชัน และพีซีระดับสูงอื่นๆ อาจมีตัวประมวลผลทางกายภาพมากกว่าหนึ่งตัว Windows 7 Professional, Enterprise และ Ultimate สามารถรองรับตัวประมวลผลทางกายภาพสองตัว ซึ่งช่วยให้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการเหล่านี้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่สุด ขณะที่ Windows 7 Starter, Home Basic และ Home Premium สามารถรองรับตัวประมวลผลทางกายภาพได้เพียงหนึ่งตัว

ระบบปฏิบัติการ Windows ล่าสุด

ระบบปฏิบัติการ Windows 8

  
        Windows ทีครองตลาดในเมืองไทยในตอนนี้มีอยู่สองรุ่นคือ xp และ 7เมื่อ Windows 8 เข้ามาหลายคนจึงเกิดความสงสัยว่าควรเปลี่ยนดีหรือไม่? เปลี่ยนไปแล้วจะได้อะไรเพิ่มหรือจะใช้ Windows ตัวเก่าดี แล้วข้อดี-ข้อเสียของ Windows 8 มีอะไรบ้าง

     ข้อดี

     -  การบูต Windows 8 ด้วย HDD แบบ SSD ใช้เวลาบูตเครื่อง 7 วินาทีเร็วกว่า Windows 7 ที่บูต 17 วิ เกือบ 10 วินาที
      -  Live Tile อัพเดทอัตโนมัติในส่วนของ Live Tile ที่เทียบได้กับ Desktop ของ Windows 7ผู้ใช้สามารถปรับแต่งให้เรื่องที่เราต้องการอัพเดทมาอยู่ในหน้านี้ได้ไม่ว่าจะเป็นกล่องจดหมายจาก Email,ราคาหุ้น,สภาพอากาศข้อความทวีต,Facebook,รูปถ่ายในเครื่อง,สกายไดรฟ์ ฯลฯช่วยให้ผู้ใช้สามารถเห็นการอัพเดททุกอย่างได้ในหน้าจอเดียวเข้าถึงโปรแกรมต่างๆง่ายขึ้นด้วย Live Tileปกติการที่ผู้ใช้จะกลับมาหน้า Desktop ใน Windows 7 หรือ XPหากไม่มีไอคอน Desktop ก็ต้องไล่ย่อหน้าจอที่ใช้งานอยู่ให้หมดเพื่อที่จะกลับมาเลือกโปรแกรมที่ต้องการในหน้า Desktopบางคนอาจจะใช้ปุ่ม Home แล้วเลื่อนเม้าส์มาคลิกโปรแกรมที่ต้องการแทนใน Windows8 เพียงแค่กดปุ่ม Homeก็สามารถกลับไปที่หน้าจอ Live Tile เพื่อเลือกโปรแกรมต่างๆได้ทันทียิ่งถ้าเป็นหน้าจอสัมผัสด้วยแล้วการเลือกโปรแกรมจะยิ่งง่ายขึ้นไปอีกด้วยการเอานิ้วจิ้มเพื่อเลือกได้อย่างรวดเร็ว
    -  Internet Explorer 10 สวยงามและไม่ช้าเหมือนเคยภาพลักษณ์ของ IE ที่คุ้นตาคนทั่วโลกคือเบราเซอร์ที่ช้า ดูโบราณ และไม่มีใครอยากใช้แต่ IE 10 มาพร้อมกับภาพลักษณ์ที่ดูทันสมัยและความเร็วก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเบราเซอร์ตัวอื่นๆในตลาดเลยทีเดียวกินแรมน้อยลงWindows 7 ใช้แรมไป 1013 MB ส่วน Windows 8 ใช้ไป 981 MB Windows 8 จึงเฉือนชนะไปเล็กน้อยที่ประมาณ 32 MBทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆที่เป็น Windows 8 เหมือนกันได้สะดวก การซิงค์ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ Windows 8 ไม่ว่าจะเป็นSmart Phone,PC,Note Book,Tablet,Xbox โดยผู้ใช้เอง สามารถทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น ไม่ต้องมีการแปลงไฟล์ให้วุ่นวายเช่น ไฟล์เอกสารอย่างเวิร์ดที่ผู้ใช้สามารถดูและแก้ไขได้เสมอไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์อะไรอยู่ก็ตามอีกทั้งนักพัฒนาแอพเองก็สามารถทำแอพได้อย่างคุ้มค่าเพราะเขียนออกมาแค่ครั้งเดียวแต่สามารถรันได้หมดทุกอุปกรณ์ทำให้ประหยัดทั้งเงินและเวลาในการเขียนแอพลงไปมากจึงเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักพัฒนาแอพให้เขียนแอพมาลง Windows Store กันมากขึ้น
    -   ปรับปรุง Task ManagerTask Manager ที่ใช้เพื่อดูการทำงานของ Windowsและใช้แก้ปัญหาโปรแกรมค้างต่างๆได้รับการปรับปรุงให้ดูดีขึ้นอีกทั้งยังใช้งานได้หลากหลายกว่าเดิมโปรแกรมและเกมใดๆที่สามารถรันบน Windows7 ได้ก็สามารถรันบน Windows 8 ได้การอัพเดทครั้งนี้หลายคนกลัวว่าเกมหรือโปรแกรมที่เคยใช้งานจะใช้ไม่ได้แต่ผู้ใช้ไม่ต้องเป็นกังวลในจุดนี้ขอเพียงเราสามารถรันโปรแกรมใดๆบน Windows7 ได้การรันบน Windows8 ก็สามารถทำได้ไม่มีปัญหาเช่นกัน

   ข้อเสีย
        -  การใช้เมาส์บนหน้าจอ Live Tile เป็นเรื่องยากผู้ใช้ที่เคยชินกับการใช้งาน Windows 7 ที่ต้องใช้เมาส์เป็นประจำ อาจจะหงุดหงิดกับการเลื่อนเมาส์เพื่อเลือกไอคอมบนหน้าจอ Live Tileได้ เพราะ Windows 8 ออกแบบมาให้เหมาะกับการ Touch มากกว่าใช้เมาส์วิธีแก้คือให้ใช้คีย์บอร์ดลูกศรแทนหากไม่ใช่หน้าจอทัชสกรีนจากการทดสอบดูพบว่าความเร็วในการเข้าถึงโปรแกรมที่ต้องการด้วยปุ่มลูกศรทำเวลาได้น้อยกว่าการทัชอยู่ไม่มากเท่าใดเว้นเสียแต่ว่าโปรแกรมที่ต้องการจะอยู่หน้าลึกๆที่ปุ่มลูกศรจะหาโปรแกรมได้ยากกว่าการทัชพอสมควรต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เยอะมาก Windows 8 มีปุ่มคีย์ลัดจำนวนมากที่ทำให้ผู้ใช้ใช้งานได้ง่ายขึ้นข้อเสียคือหากไม่รู้หรือจำไม่ได้ Windows 8 จะเป็น OS ที่น่าหงุดหงิดสุดๆเช่น การเปิดแถบ Charm ด้านขวามือที่ต้องเลื่อนเมาส์หรือทัชไปที่มุมขวาบนถ้าเมาส์ไม่แม่นจริงบางครั้งแถบ Charm ก็ไม่โผล่มาทำให้การใช้เมาส์ลำบากกว่าการทัชเยอะคีย์ลัดจึงเข้ามามีบทบาทในจุดนี้เมื่อผู้ใช้กดปุ่ม Window+C แถบ Charm ก็จะโผล่มาทันทีซึ่งคีย์ลัดนี่แหละที่ทำให้ PC สามารถใช้ Windows8ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพไม่แพ้แทบเล็ตหรีอ Hybrid เลยแต่ก็เพราะคีย์ลัดมีเป็นจำนวนมาก ทำให้การใช้งาน Windows 8 ยุ่งยากขึ้นเยอะเพราะคีย์ลัดสำคัญๆมีเป็นสิบคีย์และผู้ใช้ก็ควรจะจำให้ได้ด้วย เช่น

        -   แอพยังมีน้อยแอพใน Windows Store มีเพียงแค่ 9,000 กว่าแอพต่างกับ App Store ที่มีมากถึง 700,000 แอพ ซึ่งกว่าที่ Window Store จะมีแอพรองรับมากขนาดนั้นคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่เลยอยากใช้งานเต็มประสิทธิภาพ ยังไงก็ต้อง Touch Screenถึงแม้การใช้คีย์ลัดจะทำได้แต่สุดท้ายแล้วการทัชย่อมมีสะดวกและเร็วกว่าอยู่ดีWindows 8 สร้างมาเพื่อTablet ที่มีคีย์บอร์ดเป็นหลักหากจอที่ใช้ไม่ได้เป็น Touch Screen แล้วWindows 7 อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่าในตอนนี้แต่ในอนาคตที่แอพมีเยอะขึ้น Windows 8 ก็ยังน่าสนใจกว่าอยู่ดี

ระบบปฏิบัติการ Windows ล่าสุด

ระบบปฏิบัติการ windows 10

        
        Windows 10 (วินโดวส์ 10) ระบบปฏิบัติการใหม่จากทางไมโครซอฟท์ (Microsoft) ที่ถูกออกแบบให้สามารถใช้งานได้กับทุกอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ในทุกขนาดหน้าจอ ทุกรูปแบบการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแบบระบบสัมผัส ทัชสกรีน หรืออุปกรณ์ควบคุมอย่างเมาส์หรือคีย์บอร์ด รวมไปถึงยังมีระบบแอพพลิเคชั่นครอบจักรวาล (Universal Application) ที่ให้แอพฯ ต่างๆ นั้นสามารถใช้งานได้บนทุกอุปกรณ์ในระบบ Windows 10 อีกด้วยเช่นกัน
        ในส่วนของด้านหน้าตาโปรแกรม (User Interface) ของ Windows 10 ได้ผสมผสานรูปแบบใหม่ของ Windows 8.1 เข้ากับรูปแบบของเดิม Windows 7 ที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการใช้งานมากกว่า ทำให้ Windows 10 นี้มีความลงตัวในการใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Cortana ผู้ช่วยส่วนตัวบนระบบปฏิบัติการ Windows ที่คอยช่วยตอบคำถามในทุกการใช้งานและสามารถรับคำสั่งด้วยระบบเสียง (Voice Command) รวมไปถึง Microsoft Edge หรือ เว็บเบราว์เซอร์ น้องใหม่ของทาง Windows ที่ออกมาเพื่อ มาแทน Internet Explorer มีฟีเจอร์อำนวยความสะดวกในการใช้งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการวาด จดบันทึก หรือครอบตัดภาพบนเว็บเบราว์เซอร์ รวมทั้งโหมดการอ่านหนังสือแบบออฟไลน์ หรือ Reading Mode ที่ผู้ใช้สามารถเก็บบทความไว้อ่านทีหลัง ในขณะที่ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ และแถมยัง กินทรัพยากรเครื่องน้อยกว่าเว็บเบราว์เซอร์ทั่วไปมากๆ อีกด้วย

สิ่งใหม่ใน Windows 10 และสิ่งที่เปลี่ยนไปจาก Windows 8 

           วันที่ 30 กันยายน 2557 ใน San Francisco ไมโครซอฟได้เปิดตัว Windows 10 ระบบปฏิบัติการใหม่ ต่อจาก Windows 8 แทนที่จะเป็น Windows 9 ได้มีการตั้งสมมติฐานกันว่าสาเหตุที่ไมโครซอฟไม่ตั้งชื่อระบบปฏิบัติการใหม่เป็น Windows 9 เพราะ [1] ปัญหาทางเทคนิคบางประการ ที่ซอฟต์แวร์หนึ่ง ๆ จะตรวจสอบก่อนการทำงานว่า กำลังทำงานบนระบบปฏิบัติการอะไร และอาจไม่ยอมทำงาน หากเกิดการเข้าใจผิดต่อ Windows 9 ว่าเป็นวินโดวส์อื่น ๆ ในอดีต ได้แก่ Windows 95 และ Windows 98 เนื่องจากซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันถูกพัฒนาขึ้นให้ทำงานบนระบบปฏิบัติการที่สูงกว่า Windows 9x ด้วยเหตุนี้ทำให้ไมโครซอฟตั้งชื่อระบบปฏิบัติการใหม่ว่า Windows 10 นั่นเอง อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงข้อสมมติฐานเท่านั้น
        ล่าสุด Windows 10 อนุญาติให้ดาวน์โหลดรุ่นทดลองใช้ได้ฟรี แต่มาพร้อมกับข้อตกลงการอนุญาติใช้งาน EULA หรือ End-user License Agreement หรือข้อตกลงผู้ใช้ปลายทาง นั่นก็คือไมโครซอฟจะขอดักจับการคลิก การพิมพ์ การใช้งานต่าง ๆ ของผู้ใช้ เพื่อนำข้อมูลไปปรับปรุงการพัฒนา Interface ของวินโดวส์ ดังนั้น ผู้ดาวน์โหลดรุ่นทดลองใช้นี้ จึงต้องพิจารณาข้อนี้ด้วย หลังจากการตอบรับที่ไม่ดีนักของผู้ใช้สำหรับ Windows 8 ทำให้ไมโครซอฟต้องพยายามที่จะรับฟังผู้ใช้งานมากขึ้นเมื่อพัฒนา Windows 10 โดยรุ่นทดลองใช้นี้ มีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นพอสังเขป ดังนี้

การกลับมาของ Start Menu

        ปุ่ม Start Menu ได้ถูกนำกลับมาอย่างเต็มรูปแบบบน Windows 10 เพื่อแก้ไขข้อร้องเรียนมากมายจากผู้ใช้ Windows 8 ที่ไม่มีปุ่ม Start Menu แม้ว่าไมโครซอฟออก Patch อัพเดตให้เป็น Windows 8.1 ที่มีปุ่ม Start Button แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจของผู้ใช้งานนัก
        ปุ่ม Start Menu บน Windows 10 มีรูปแบบการทำงานคล้ายกับปุ่ม Start Menu บน Windows 7 ซึ่งถือได้ว่าเป็นระบบปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จ เพียงแต่ปุ่ม Start Menu ใหม่ เมื่อคลิกเปิดขึ้นมา จะพบว่าเป็นการผสมผสานกันระหว่าง Start Menu แต่เดิม กับ Start Screen จาก Windows 8 การใช้งานก็เหมือนกับ Start Menu และ Start Screen ทั่ว ๆ ไป แต่สามารถปรับขนาดให้ยืดหดได้ตามต้องการได้

คุณสมบัติใหม่ที่เรียกว่า Continuum

       คุณสมบัติ Continuum ใน Windows 10 นั้น เป็นโหมดการทำงานที่วินโดวน์จะปรับเปลี่ยนหน้าจอการทำงานให้เหมาะสมตามอุปกรณ์ได้ที่กำลังใช้งานได้ นั่นคือ Windows 10 จะปรับเปลี่ยนให้สามารถใช้งานได้กับเมาส์กับคีย์บอร์ดได้ถ้าทำงานบนคอมพิวเตอร์พีซีหรือโน้ตบุ๊ค และจะปรับเปลี่ยนให้สามารถใช้งานด้วยจอสัมผัสหรือ Touch Screen ได้ ถ้าทำงานบนแท็ปเล็ต
        ตัวอย่างประโยชน์ของ Continuum เช่น ถ้าคุณมีแท็ปเล็ต อย่าง Surface Pro 3 ที่ต่อคีย์บอร์ดแล้ว หน้าจอของ Windows 10 จะปรับโหมดเป็นโหมด Desktop แต่เมื่อใดที่ไม่ได้ใช้คีย์บอร์ด Windows 10 จะแสดง pop up บนหน้าจอเพื่อถามผู้ใช้ว่าต้องการกลับไปสู่โหมด Tablet หรือไม่ ถ้าผู้ใช้ตอบว่า Yes ผู้ใช้ก็จะกลับไปสู่โหลดที่ใช้ Touch Screen ตามต้องการ

เพิ่มความสามารถให้ Snap การจัดการหน้าต่างวินโดวน์

       ใน Windows 7 มีฟีเจอร์หนึ่งที่เรียกว่า Snap ที่ผู้ใช้สามารถจัดเรียงหน้าต่างวินโดวน์ให้อยู่ด้านข้างของหน้าจอเพื่อช่วยให้ทำงานบางอย่างได้สะดวกขึ้น เช่น การเปรียบเทียบเอกสาร 2 ชุด การเปิดหน้าต่าง Windows Explorer 2 หน้าต่างเพื่อเคลื่อนย้ายไฟล์ข้อมูล เป็นต้น ใน Windows 10 มีการปรับปรุงฟีเจอร์นี้ ให้มีความสามารถมากขึ้นและเรียกว่า Snap Asist โดยนอกจาก Snap หน้าต่างของ app ไปด้านซ้ายและขวา (Horizontal Snap) แล้ว ยังสามารถ Snap หน้าต่างไปด้านบนและล่าง (Vertical Snap) และ snap ไปยังมุมทั้ง 4 ด้านของหน้าจอ (2x2 Snap)ได้อีกด้วย

ระบบปฏิบัติการ Windows ล่าสุด

ระบบปฏิบัติการวินโดว์เวอร์ชันใดเป็นเวอร์ชันล่าสุด

Windows 11 เป็นรุ่นล่าสุด ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อ 5 ตุลาคม ค.ศ. 2021 เป็นวินโดวส์ที่ปรับปรุงใหม่ ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แลบท๊อป หรือ Tablet PC เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยน คือ ในส่วนของหน้าตา (Interface) ใหม่ ทำให้ดูสวยงามขึ้น น่าใช้ รองรับการใช้งานสำหรับหน้าจอสัมผัสได้ ...

มีอะไรใหม่ใน Windows 10 21H1

Windows 10 21H1 ออกแล้ว!.
Windows Hello สามารถรองรับกล้องได้หลายตัว.
เพิ่มประสิทธิภาพให้การทำงานของ Windows Defender Application Guard เช่น สามารถปรับแต่งการเปิดเอกสารได้.
ปรับปรุง Windows Management Instrumentation (WMI) Group Policy Service (GPSVC) ให้รองรับกรณีสำหรับ Remote Work..

Windows 11 Update ได้วันไหน

09/09/2021. 990 views.

ระบบปฏิบัติการ Windows 11 เป็นระบบปฏิบัติการแบบใด

วินโดวส์ 11 ถือเป็นระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์ วินโดวส์รุ่นแรกที่หยุดการสนับสนุนสถาปัตยกรรม ไอเอ-32 และเออาร์เอ็มวี 7 อย่างเป็นทางการ โดยตัวระบบปฏิบัติการจะรองรับสถาปัตยกรรม เอกซ์86-64 และ เออาร์เอ็ม 64 เท่านั้น