การ ติด ตั้ง แรม ควร ติด ตั้ง แบบ ใด

Simple line memory module (SIMMs) เป็นประเภทมาตรฐานของ RAM ที่ใช้ในช่วงปี 1980 และ 1990 โมดูลเหล่านี้มีอยู่ในรูปแบบของ 30-pin และ 72-pin กับรุ่น 64-pin ที่ใช้ในระบบที่เป็นกรรมสิทธิ์ SIMMs 30 พินนั้นมีให้ใช้ในความจุ 256KB (กิโลไบต์), 1MB (เมกะไบต์), 4MB และ 16MB; ในขณะที่ 72-pin เนื่องจากปลั๊กจำนวนมากสามารถเก็บข้อมูลได้ระหว่าง 1MB ถึง 128MB โมดูลหน่วยความจำในภายหลังมีเส้นทางข้อมูลแบบ 32 บิตดังนั้น SIMMs ของความจุเท่ากันจึงถูกติดตั้งแบบขนานเพื่อซิงโครไนซ์กับโปรเซสเซอร์ที่ใช้เส้นทางข้อมูลแบบ 64 บิต

Show

ตรึง

คำว่า "พิน" ใช้เพื่ออธิบายจุดสัมผัสที่เหมือนเข็มของโมดูลแรก ปลั๊กดั้งเดิมที่ใช้ในการแตกหักหรืองอระหว่างการติดตั้งดังนั้นพวกมันจึงถูกแทนที่ด้วยแผ่นสัมผัสที่เรียบและทนทานกว่า

สล็อต SIMM

สล็อตสำหรับโมดูลหน่วยความจำสำหรับ SIMM RAM มีขนาดแตกต่างกันขึ้นอยู่กับจำนวนพินที่จะรับ สล็อต 30 พินนั้นสั้นกว่าและมักใช้ในแล็ปท็อปในขณะที่สล็อต 64 และ 72 พินมักใช้ในคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป ควรติดตั้ง SIMM RAM ในมุมที่กำหนดและดันให้เข้าที่ มีรอยบากที่ปลายทั้งสองของโมดูลหน่วยความจำที่จัดขึ้นโดยแขนที่ปลายตรงข้ามของช่อง

DIMM

โมดูลหน่วยความจำแบบดูอัลไลน์ (DIMM) เป็นประเภทของ RAM มาตรฐานที่ใช้ในคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ ส่วน "คู่" ของชื่อนั้นมาจากหน้าสัมผัสอิเล็กทรอนิกส์แยกต่างหากที่ออกแบบมาทั้งสองด้านของโมดูล DIMM ได้รับการออกแบบมาเพื่ออนุญาตเส้นทางข้อมูล 64- บิตดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องติดตั้งเป็นคู่ซึ่งต่างจาก SIMMs จุดเชื่อมต่อหลายจุดและปลั๊กจำนวนมาก (ระหว่าง 72 และ 240) ช่วยให้คอมพิวเตอร์ที่มี DIMM สามารถจุหน่วยความจำได้มากขึ้นและเข้าถึงข้อมูลได้เร็วกว่าคอมพิวเตอร์ที่มี SIMM

ช่องเสียบ DIMM

เช่นเดียวกับสล็อต SIMM สล็อต DIMM มีรอยบากที่ปลายเพื่อยึดโมดูลหน่วยความจำให้เข้าที่ ไม่เหมือนกับสล็อต SIMM สล็อต DIMM อนุญาตให้ติดตั้งโมดูลหน่วยความจำโดยตรง สามารถแทรกโมดูลลงในสล็อตโดยตรงและยึดเข้าที่ได้โดยตรง เนื่องจากมีขนาดพินที่หลากหลายใน DIMM ดังนั้นช่องจึงแตกต่างกันไปตามขนาด

RIMM

Rambus Online Memory Module (RIMM) เป็นคำตอบของ บริษัท เกี่ยวกับการโอน SIMM และ DIMM การ์ดในแคลิฟอร์เนีย RIMM มีความถี่สูงกว่าในการปฏิวัติของนาฬิกาและแบนด์วิดท์ที่ใหญ่กว่าหน่วยความจำ SIMM และหน่วยความจำ DIMM แรก แต่ได้รับความเดือดร้อนจากความล่าช้าความร้อนสูงเกินไปและมีต้นทุนการผลิตสูง นอกจากนี้เช่นเดียวกับ SIMM ความทรงจำ RIMM ควรติดตั้งเป็นคู่ การมาถึงของโมดูล DIMM ของหน่วยความจำเข้าถึงความเร็วคู่แบบไดนามิกแบบซิงโครไนซ์แบบสุ่ม (DDR SDRAM) พร้อมแบนด์วิดท์และรอบสัญญาณนาฬิกาที่มากขึ้นในขณะที่ยังคงมีประสิทธิภาพเนื่องจากค่าใช้จ่ายลดลง

สล็อต RIMM

สล็อตสำหรับหน่วยความจำ RIMM นั้นมีลักษณะคล้ายกับสล็อตสำหรับ DIMM และโมดูลถูกติดตั้งในลักษณะเดียวกัน อย่างไรก็ตามแต่ละช่องบนกระดานต้องถือ RIMM เพื่อสร้างหน่วยความจำ หากคอมพิวเตอร์มีสามช่องโมดูลควรจะวางเป็นหลอกลวงเพื่อทำให้หน่วยความจำสมบูรณ์ ในขณะที่ SIMM หนึ่งคู่สามารถทำงานบนเมนบอร์ดสามสล็อต แต่คู่ของ RIMM ไม่สามารถทำได้

ในแผงวงจรหลัก หรือ เมนบอร์ด (Motherboard) ของคอมพิวเตอร์ทุก ๆ เครื่อง อย่าง คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop Computer) หรือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก (Notebook Computer) จะมีช่อง (Slot) สำหรับใส่ หน่วยความจำหลัก หรือ แรม (RAM) หรือ "หน่วยความจำชั่วคราว" ซึ่งหลายคนก็อาจจะรู้จัก RAM กันมาบ้างแล้ว แต่ถ้าพูดถึง Single Channel, Dual Channel และ Quad Channel ล่ะ ? จะงงกันไหมนะ ? แต่ถ้าทำความเข้าใจสักหน่อย ประเภท Channel ของ RAM ก็ช่วยบอกได้ว่ามันรองรับการทำงานในรูปแบบไหน

บทความเกี่ยวกับ RAM อื่นๆ

ถ้าคุณเป็นคนนึงที่กำลังคิดจะประกอบคอม หรือ กำลังเลือกซื้อโน้ตบุ๊กสักเครื่อง หลังจาก ดูสเปกคอมพิวเตอร์ ต่าง ๆ กันมาแล้วเรื่องประเภทช่อง (Channel) ของ RAM ที่เครื่องใช้ ก็สำคัญไม่แพ้กันเลย อีกทั้งยังมีเรื่องความเร็ว และ ประสิทธิภาพต่าง ๆ ที่ RAM สามารถทำได้อีก ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจลองมาทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ให้มากขึ้นกันเถอะ

ความเร็วของ RAM มีผลต่อ ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม(RAM speed affects overall performance)

ก่อนจะไปที่เรื่อง Channel ทุกคนคงคนเห็นตัวเลขบน RAM ที่ลงท้ายด้วยหน่วย MHz (เมกะเฮิรตซ์) โดยความเร็วของแรม (RAM Speed) บางคนอาจจะเข้าใจว่ายิ่งตัวเลขสูง ๆ ก็ยิ่งดี ใช่ไหม? คำตอบคือ ใช่ ! เพราะเลขที่มากเท่ากับความถี่ที่มาก นั่นหมายถึง การรับส่งข้อมูล (Bandwidth) ก็มากขึ้นตามไปด้วย เช่น 2,133 MHz, 2,666 MHz และ 3,200 MHz เป็นต้น

โดยตัวเลขต่าง ๆ เหล่านี้จะมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของการสื่อสารระหว่าง หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ ในการรับส่งชุดข้อมูลและคำสั่งต่าง ๆ ข้อดีของความเร็วที่สูงที่เห็นได้ชัด คือ เวลาเล่นเกมจะได้ภาพที่มี ค่า FPS ที่สูงขึ้น เพราะ RAM รับ-ส่งข้อมูลจำนวนมากได้เร็วขึ้นนั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม : RAM Speed ความเร็วแรมสำคัญขนาดไหน ยิ่งเร็วยิ่งดีจริงหรือไม่ ?

แรม Single Channel คืออะไร ?(What is Single Channel RAM ?)

การ ติด ตั้ง แรม ควร ติด ตั้ง แบบ ใด

ขอบคุณรูปภาพจาก : GamersNexus

Single Channel คือ การกำหนดค่าของ RAM รูปแบบหนึ่ง ที่ผู้ใช้งานสามารถติดตั้ง RAM ลงไปได้ 1 แท่ง ซึ่งเป็นรูปแบบที่พบเห็นได้มากที่สุด เพราะถึงแม้เครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกออกแบบมาให้ใส่ RAM ได้หลายช่องแบบ Multi-channel แต่มันก็รองรับการทำงานแบบ Single Channel อยู่ดี

ยกตัวอย่างเมนบอร์ดที่บ้าน ถ้าใครมีช่อง Slot สำหรับใส่ RAM แบบ 4 ช่อง ถ้าใส่ RAM ลงไป 1 ช่อง RAM ก็จะทำงานในรูปแบบ Single Channel ซึ่งข้อดี คือ มันติดตั้งง่ายสุด เสียบแล้วก็สามารถใช้งานได้เลย ส่วนข้อเสียคือ รุ่นความจุสูงจะราคาแรง และ การใส่แค่ช่องเดียว ช่องอื่นจะดูว่าง ๆ ไม่ค่อยสวยงาม (สำหรับคนที่ใช้เคสใสโชว์ภายใน)

Channel ของ RAM คืออะไร ?

คำว่า Channel (แชนเนล) คือ ช่องทาง, เส้นทาง ที่สำหรับเชื่อมต่อเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยความจำชั่วคราว (RAM) และ หน่วยประมวลผลกลาง (CPU)  ซึ่ง CPU จะทำหน้าที่ประมวลผลร่วมกับหน่วยความจำชั่วคราวผ่านทางช่องทางที่เรียกว่า Channel นี้ โดยส่งข้อมูลไปกลับซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แรม Dual Channel คืออะไร ?(What is Dual Channel RAM ?)

การ ติด ตั้ง แรม ควร ติด ตั้ง แบบ ใด

ขอบคุณรูปภาพจาก : GamersNexus

สำหรับ RAM แบบ Dual Channel คือ รูปแบบการรองรับการทำงานแบบคู่ โดยอัตราการส่งข้อมูลในรูปแบบนี้จะเพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบกับรูปแบบ Single Channel ถ้าสเปกของเครื่องที่ใช้รองรับ RAM รูปแบบนี้ เมื่อใส่แรมเข้าไปสองตัว ระบบจะทำงานผ่าน Dual Channel ซึ่งมีข้อดีในหลาย ๆ ด้านในกรณีที่ใช้ทำงานหนัก ๆ หรือ เล่นเกมที่มีกราฟฟิกสูง ๆ

ยกตัวอย่าง RAM แบบ Single Channel 2,133 MHz DDR4 มีอัตราการส่งข้อมูลอยู่ที่ 17 GB/s แต่ถ้าเพื่อน ๆ มี RAM แบบ 2,133 MHz DDR4 อีกตัว จับมาใส่คู่กันแบบ Dual Channel อัตราการส่งข้อมูลจะเพิ่มขึ้นสองเท่ากลายเป็น 34 GB/s เลยทีเดียว ซึ่งการจะทำให้ RAM แบบ Single Channel รองรับประสิทธิภาพได้มากขนาดนั้น มีอยู่ทางเดียวคือต้องใช้ RAM แบบ 4,000 MHz หรือ สูงกว่า ซึ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องราคา มันแพงกว่ามาก ๆ 

แรม Quad Channel คืออะไร ?(What is Quad Channel RAM ?)

Quad Channel คือ การรองรับการทำงานของ RAM แบบ 4 ช่องทาง หมายความว่า CPU และ RAM สามารถสื่อสารพร้อมกันได้ถึง 4 ช่องทาง ทำให้อัตราการส่งข้อมูลจากเดิมก็จะเพิ่มไปอีก 4 เท่า ซึ่งการติดตั้งและใช้งาน RAM รูปแบบนี้จำเป็นจะต้องใช้งาน RAM, CPU และ เมนบอร์ดเฉพาะที่รองรับ Quad Channel เท่านั้น

เพราะถ้าเป็นเครื่องปกติที่มี Slot มาให้ 4 ช่อง ถ้าเราใส่ครบทั้ง 4 ช่องก็ไม่ได้แปลว่ามันจะทำงานแบบ Quad Channel ต้องดูรายละเอียดของสเปกเครื่อง และส่วนประกอบอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน และที่สำคัญการใส่ RAM ลงในแต่ละช่องนั้นมีความหมาย เพราะมันมีผลต่อความเร็วและรูปแบบของ Channel ในการทำงานอีกด้วย

วิธีการใส่ RAM แบบ Single Channel, Dual Channel และ Quad Channel ใส่อย่างไร ? (How to install RAM with difference configurations ?)

การใส่เลือก RAM เป็นสิ่งที่บางคนอาจมองข้าม ใส่ RAM ผิดชีวิตก็เปลี่ยนได้ เพราะการใส่ RAM สลับที่กัน หรือ ใส่ RAM ที่มี BUS ความถี่ ไม่เท่ากันจะทำให้ RAM ทำงานด้วยความเร็วของตัวที่น้อยสุด หรือ ใส่ผิดเครื่องอาจเปิดไม่ติดเลยก็ได้ ดังนั้นก่อนจะใส่ RAM ควรเลือกสเปก RAM ที่เหมือนกันและดูคู่มือก่อนทุกครั้ง ส่วนถ้าใครรู้ว่าเมนบอร์ดเรารองรับ RAM แบบไหนและได้ RAM มาอยู่ในมือแล้วก็จัดการตามนี้ได้เลย

ตัวอย่างการแนะนำวิธีการติดตั้ง RAM ที่ถูกต้อง

  • ติดตั้ง RAM แบบ 1 ตัวในแถวแรกจะเป็น Single Channel
  • ติดตั้ง RAM แบบ 2 ตัวในแถวแรกและท้ายสุดจะเป็น Dual Channel
  • ติดตั้ง RAM แบบ 4 ตัวในแบบสลับช่องจากแถวแรกจะเป็น Quad Channel
  • ติดตั้ง RAM แบบ 6 ตัวอย่างละ 3 แถวจะเป็นแบบ Triple-Channel
  • ติดตั้ง RAM แบบ 8 ตัวทุกช่องเรียงกันจะเป็น Quad Channel

การ ติด ตั้ง แรม ควร ติด ตั้ง แบบ ใด

ขอบคุณรูปภาพจาก rog.asus.com

และสำหรับคนที่อยากรู้ แต่ไม่แน่ใจว่า RAM ที่ใช้งานอยู่ เป็น Single หรือ Dual ก็สามารถ ดาวน์โหลดโปรแกรม CPU-Z วัดดูความเร็ว CPU ดูสเปกคอมพิวเตอร์ มาเช็คดูได้ โดยเปิดเข้าไปดูที่แท็บ Memory ในส่วนช่อง General จะบอก Channel ของ RAM ที่เราใช้ว่าเป็นแบบไหน อย่างเช่นในภาพ เป็นแบบ Dual Channel

การ ติด ตั้ง แรม ควร ติด ตั้ง แบบ ใด

ขอบคุณภาพจาก : www.hardwaretimes.com

ดาวน์โหลดโปรแกรม CPU-Z วัดดูความเร็ว CPU ดูสเปกคอมพิวเตอร์

ติดตั้งแรมความจุขนาดเล็กหลายตัว ดีกว่าขนาดใหญ่ตัวเดียวอย่างไร ?(Multiple Small RAM vs One Large RAM)

การติดตั้ง RAM ที่มีความจุขนาดเล็กหลายตัวนั้นมีข้อดีกว่า เมื่อเทียบกับการติดตั้ง RAM ที่มีความจุขนาดใหญ่ตัวเดียวนั้นส่งผลที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะได้ความจุเท่ากันก็ตาม เช่น 32 GB x 1 ตัวเดียว กับ 8 GB x 4 ตัว การใส่ RAM ที่รองรับ 4 ช่องแบบ Quad Channel นั่นหมายถึงการเพิ่มการรับส่งข้อมูลได้ถึง 4 เท่าเลย

นึกภาพตามง่าย ๆ เหมือน 32 GB = รถบรรทุกคันเดียว แต่ 8 GB x 4 เท่ากับรถบรรทุก 4 คัน (ขนของได้เท่า 32GB) แต่สามารถแบ่งกระจายสินค้า (ข้อมูล) ได้ 4 ทาง แถมแบ่งกันขนของได้เร็วกว่า รถบรรทุก 32GB ถึงแม้รถคันเดียวจะจุได้เยอะ แต่สุดท้ายก็วิ่งไปกลับได้แค่ทางเดียว ก็พอจะนึกออกใช่ไหมล่ะครับว่าแบบไหนดีกว่ากัน

ผลทดสอบการเล่นเกม ระหว่าง RAM แบบ Single Channel, Dual Channel และ Quad Channel (RAM Test in Gaming)

จากผลทดสอบในวิดีโอด้านล่างนี้จะเห็นได้ว่า การใส่ RAM แต่ละรูปแบบจะมีผลต่อการแสดงผล FPS ของภาพ ถึงแม้การใส่ RAM ตัวเดียวที่มีความถี่สูงกว่า แต่ประสิทธิภาพโดยรวมก็น้อยกว่าการใส่ RAM หลายตัว เพราะการใส่ RAM หลายตัวนั้นจะช่วยในเรื่องการทำงานและทำให้เครื่องสามารถดึงประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ทั้งหมดมาใช้ได้มากกว่านั่นเอง

Single Channel, Dual Channel หรือ Quad Channel ควรเลือกซื้อ และใส่แรมประเภทไหน ? (What kind of RAM configuration should I get ?)

การเลือกซื้อประเภทและจำนวน RAM นั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน แต่สำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่มักจะเลือกแบบ (Multi-channel) ที่เป็น RAM หลายตัว มากกว่า RAM ตัวเดียว (Single Channel) เพราะนอกจากราคาจะถูกกว่าแล้ว เวลาใส่แรมในเครื่องคอมเป็นแถวเรียงกันแล้วมันออกมาสวยงามกว่าใส่ตัวเดียวโดด ๆ อีกด้วยล่ะ ยิ่งมี ไฟ RGB วิบวับเป็นแถวเรียงกันงี้ยิ่งสวยและแรง ! (หมายถึงราคา)

นอกจากนี้การใส่ RAM หลายตัวก็ยังมีข้อดีในเรื่องระบบการทำงาน หาก RAM ตัวใดตัวนึงเสียไป เราก็ยังสามารถสลับ RAM ตัวอื่นมาใช้ได้ แต่ถ้ามี RAM เพียงแค่ตัวเดียว ถ้าพังก็อาจจะเปิดคอมไม่ติดเลย แถมการลงทุนซื้อ RAM ความจุสูง ๆ เพียงแค่ตัวเดียวยังแพงกว่าการซื้อแบบหลายตัวอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม : 5 เรื่องเกี่ยวกับแรม (RAM) ที่หลายคนมักเข้าใจผิด

อนาคตของ RAM จะเป็นเช่นไร ?(What will the future of RAM be like ?)

ในอดีตการพัฒนาของ RAM แต่ละรุ่นนั้นไม่ได้พัฒนาเร็วมากนัก เมื่อเทียบกับชิ้นส่วนอื่น ๆ ในคอมพิวเตอร์ อย่าง RAM รุ่น DDR4 ที่เปิดตัวในปีพ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) และถูกใช้งานมาอย่างยาวนานกว่า 6 ปี กว่ารุ่น DDR5 จะเปิดตัว

ซึ่งในรุ่นใหม่นี้ได้ถูกอัปเกรดความสามารถในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ความเร็วที่สูงขึ้น, อัตราการส่งข้อมูลที่มากขึ้น, การจัดการพลังงานที่ดีกว่า ดีกว่ารุ่นก่อน ๆ ในทุก ๆ ด้าน และคาดว่ารุ่น DDR5 นี้ก็น่าจะถูกใช้ต่อไปอีกหลายปีกว่าจะมีรุ่นใหม่ออกมา และถึงแม้จะมี RAM รุ่นใหม่ออกมาเมนบอร์ดและชิ้นส่วนอื่น ๆ ก็ต้องรองรับการทำงานควบคู่กันไปด้วย