พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 โปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดแจ้ง และพระราชทานนามใหม่ว่า วัดอรุณราชธาราม ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ให้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมาประดิษฐานไว้ที่พระพุทธอาสน์ของพระประธานในพระอุโบสถ และพระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดอรุณราชวราราม ถ้าจะเปรียบเทียบในรัชกาลที่ ๑ เป็นยุคฟื้นฟู หากแต่ยังมีศึกสงครามอยู่ บ้านเมืองยังไม่สงบสุขนัก ไม่เหมือนสมัยรัชกาลที่ ๒ ซึ่งบ้านเมืองสงบราบคาบ จึงทำให้รสวรรณคดีแตกต่างกันไป เช่น ในรัชกาลที่ ๑ วรรณคดีมักจะโน้มน้าวปลุกใจให้คนรักชาติ ให้คนรักต่อสู้ ไม่นิ่มนวลรื่นรมย์เหมือนวรรณคดีในรัชกาลที่ ๒ ในรัชกาลนี้ วรรณคดีจึงเฟื่องฟูที่สุด เพราะพระองค์สนพระทัย และทรงจัดเจนอยู่มาก มีวรรณคดีที่เป็นอมตะหลายเรื่อง ที่ปรากฏมาจนทุกวันนี้ เช่น อิเหนาในรัชกาลที่ ๒ มีบทไพเราะ แสดงละครได้เป็นอย่างดี มีความรู้ในด้านประวัติศาสตร์ในสมัยนั้น เพราะมักจะมีคำซึ่งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ปนอยู่ด้วย รู้จักขนบประเพณีไทยในสมัยรัชกาลที่ ๒ นับว่าเป็นยอดแห่งกลอนบทละคร แสดงได้ตามบทบาท ไม่สั้น ไม่ยาว ได้รับความรู้ทางศิลป สถาบปัยกรรมไวมาก เพราะพระองค์ทรงมีความชำนาญในทางนี้อยู่แล้ว บทในการชมต่างๆ ไพเราะ มองเห็นภาพพจน์ เช่น บทชมนกและดอกไม้ ซึ่งจำได้อย่างขึ้นใจโดยทั่วไปว่า “…นางนวลจับนางนวลนอน เหมือนพี่แนบนวลสมรจินตะหรา มีกลอนที่จำได้ติดปากโดยทั่วไป ก็ได้แก่การชมปลาและดอกบัว เช่น การที่จะรู้ว่าพระองค์ทรงพระราชนิพนธ์ตามแบบฉบับก็ด้วยกลอนบทหนึ่งว่า ราชพิธีต่างๆ เราก็จะได้รู้ในอิเหนามาก เช่น ราชพิธีสมโภชลูกหลวงประสูติใหม่ พิธีพระเมรุ พิธีรับแขกเมือง พิธีแห่สนานใหญ่ พิธีโสกันต์ ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น ที่ผู้อ่านจะได้ประโยชน์อย่างยิ่ง บทเสภาขุนช้างขุนแผน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงทรงโปรดให้นักปราชญ์ราชบัณฑิตแต่งขึ้นใหม่ โดยอาศยสำนวนที่เคยได้ยินได้ฟังมาแล้ว ต่อมาปี ๒๔๖๐ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพร่วมกับกรมหมื่นพจน์สุปรีชา ได้ชำระใหม่เรียกว่า “เสภาหลวง” ใช้สำหรับขับเสภา ลักษณะเป็นกลอนเสภาสำหรับเล่นละคร ใช้คำที่ไพเราะมาก เนื้อความเข้าใจง่ายซึ้งตรึงใจยิ่งนัก โบราณท่านสมมุติมนุษย์นี้ ยากแล้วมีใหม่สำเร็จถึงเจ็ดหน บทขำขันก็มี เช่น หมอสมิท พิมพ์เสภาฉบับหลวงจำหน่ายครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๕ บทละครนอกในรัชกาลที่ ๒ ไชยเชษฐ์ สังข์ทอง ไกรทอง มณีพิชัย คาวี มีกลอนสอนใจว่า แม้แต่ภรรยาก็ไม่ควรบอก สังข์ศิลป์ชัย รามเกียรติ์ในรัชกาลที่ ๒ ทรงพระราชนิพนธ์ตั้งแต่ตอนหนุมานถวายแหวน หนุมานเผากรุงลงกา พิเภกถูกขับ พระรามจองถนน องคตสื่อสาร สุครีพหักฉัตร ศึกไมยราพ ศึกกุมภกรรณ ศึกมังกรกัณฑ์และแสงอาทิตย์ ศึกอินทรชิต พิเภกครองกรุงลงกา สีดาลุยไฟ สีดาประสูติรพระมงกุฎ ฤาษีชุบพระลบ พระรามปล่อยม้าอุปการ พระรามคืนดีกับสีดาและกรุงอโยธยา บทพากย์รัชกาลที่ ๒ ลักษณะเป็นกาพย์ฉบังและกาพย์ยานี ทรงพระราชนิพนธ์ใช้พากย์โขน มี ๔ ตอนด้วยกันคือ ตอนนางลอย พรหมมาศ นาคมาศ เอราวัณ กาพย์เห่เรือในรัชกาลที่ ๒ นิราศสุนทรภู่ สุนทรภู่เป็นกวีคนแรก ที่แต่งหนังสือขาย เพื่อเลี้ยงชีพ แต่มีรายได้ไม่พอเลี้ยงท้อง ชีวิตจึงลุ่มๆ ดอนๆ วรรณคดีเรื่องแรกคือเรื่องโคบุตร สุนทรภู่ ได้กลับเข้ารับราชการอีกครั้งหนึ่งในตำแหน่งอาลักษณ์ของพระปิ่นเกล้า มีบรรดาศักดิ์เป็นพระสุนทรโวหาร ได้อยู่ในตำแหน่งนี้เพียง ๑๐ ปีก็ถึงแก่กรรม เมื่ออายุได้ ๗๐ ปี ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๙๘ สุนทรภู่ได้แต่งนิราศไว้หลายเรื่อง บางเรื่องก็แต่งถึงความรู้สึกที่ต้องจากนางที่ตนรัก เช่น ชมความงามของนํ้า ชมความงามของสวนไม้ ต้นไม้ สอนคน ชมสัตว์เป็นคำโคลงสี่สุภาพ พระอภัยมณี คำกลอนสละสลวย คมคาย มีคติเตือนใจสั่งสอนคนไว้ด้วย ศรีสุวรรณกับพราหมณ์ทั้ง ๓ ร้อนใจออกติดตามไปได้นางเกษรีธิดาของท้าวทศวงศ์ เมืองรมจักร ฝ่ายพระอภัย สินสมุทรบุตรได้พาพระอภัยหนีนางผีเสื้อไปอยู่กับฤาษีที่เกาะแก้วพิสดาร ได้นางเงือกเป็นชายา ต่อมาพระอภัยมณีได้โดยสารเรือท้าวสิลราชเมืองผลึก ถูกผีเสื้ออาละวาดจนเรือแตก สินสมุทรพาสุวรรณมาลีธิดาท้าวสิลราชซึ่งจมน้ำขึ้นฝั่ง โดยสารเรือโจรสุหรั่งไป สินสมุทรฆ่าโจรตายเนื่องจากโจรคิดทำร้าย และได้ต่อสู้กับศรีสุวรรณซึ่งตามหาพระอภัยมณี พระอภัยมณีเป่าปี่ ทำให้ผีเสื้อตายที่เกาะแก้วพิสดาร หลังจากขึ้นฝั่งได้แล้วก็โดยสารเรืออุศเรนคู่หมั้น นางสุวรรณมาลี ทำให้เกิดรบกับสินสมุทรเรื่องนางสุวรรณมาลี พระอภัยครองเมืองผลึก นางสุวรรณมาลีหนีไปบวช นางวารีทำอุบาย จนได้อภิเษกกับพระอภัย อุศเรนแค้นใจยกทัพมารบเมืองผลึก จนตัวถึงแก่ความตาย นางละเวงน้องสาวอุศเรนขอแก้แค้นทำให้เกิดสงครามใหญ่ พระฤาษีแห่งเกาะแก้วพิสดารมาหย่าทัพเรืองจึงสงบ เรื่องราวต่อไปก็รับลูก สุนทรภู่ได้แต่งจนถึงตอนพระอภัยออกบวช นับเป็นคำกลอนที่เป็นนิทานไพเราะมาก เช่น สอนคน “อันทุกข์โศกโรคภัยในมนุษย์ ไม่รู้สุดสิ้นลงที่ตรงไหน กาพย์พระไชยสุริยา เป็นคำกลอนไพเราะ มีคติเตือนใจ สอนอ่านได้ดี มีคนท่องจำได้มาก เนื้อเรื่อง พระไชยสุริยาครองกรุงสาวัตถี บรรดาอำมาตย์ทั้งหลายประพฤติมิชอบ ทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นอาเภท พระไชยสุริยาได้ลงเรือหนีไปกับพระมเหสี เรือแตก แต่ก็ขึ้นฝั่งได้ ต่อมาได้สดับธรรมของฤาษี แล้วจึงออกบวชจนตลอดชีวิต บรรยายถึงความชั่วที่ไม่นำพาต่อราชการ กลอนสุภาษิตสุนทรภู่ แต่งเป็นสุภาษิตสอนหญิง เพื่อสอนสตรี และแต่งขาย ตัวอย่างเช่น มีเนื้อหาในกลอนสุภาษิต คือ บทเห่ของสุนทรภู่ เข้าใจว่าแต่งเมื่อลาสิกขาแล้ว เนื้อเรื่อง จับเอาตอนสำคัญในเรื่องกากี จับระบำเกี่ยวกับการรำฟ้อน ของชาวสวรรค์ในวสันตฤดู พระอภัยมณี และโคบุตร นิราศนรินทร์ นรินทร์ ถนัดโคลง ส่วนสุนทรภู่ถนัดกลอน จึงเด่นไปคนละแบบ …..ชีวิตคงไม่ขี้เมา และเจ้าชู้เหมือนสุนทรภู่ ลักษณะ เป็นร่ายสุภาพนำ แล้วเป็นโคลงสี่สุภาพเพื่อแสดงถึงความรักและอาลัย ในการจากไปของนรินทร์ โดยเหตุที่นรินทร์อิน เลียนแบบกำสรวลศรีปราชญ์ และเป็นลักษณะโคลงสี่สุภาพ ไม่ใช่โคลงดั้นเช่นศรีปราชญ์ ทั้งใช้ภาษาง่ายกว่า จึงมีความไพเราะ มากกว่า เช่น ชมปราสาทราชวัง เจดีย์สลับสล้างพระ พรางแสง ทองแฮ อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น พันแสง ฝากรัก โฉมแม่ฝากน่านน้ำ อรรณพ แลฤา โฉมควรจักฝากฟ้า ฤาดิน ดีฤา ฝากอุมาสมรแม่แล้ ลักขมี เล่านา นิราศขึ้นต้นด้วยร่าย ด้วยถ้อยคำไพเราะ แม้นรินทร์ จะแต่งวรรณคดีไว้น้อย แต่ก็แสดงถึงผลงานที่เป็นเพชรนํ้าหนึ่งในวรรณคดีไทยทีเดียว โคลงนิราศเสด็จตามลำน้ำน้อย การแต่งนิราศนี้ก็เพื่อรำพึงถึงนางที่ตนรัก และบันทึกเหตุการณ์ตามเสด็จรัชกาลที่ ๑ ไปตีเมืองทวาย แต่งเมื่อ พ.ศ.๒๓๓๐ ลักษณะ เป็นร่ายดั้น โคลงดั้นบาทกุญชร และ วิวิธมาลี แต่งเลียนแบบศรีปราชญ์ ถ้อยคำศัพท์เป็นคำเก่า ขนาดกำสรวลศรีปราชญ์ ตัวอย่างชมวัดเจดีย์ โฉมแม่จักฝากฟ้า เกรงอินทร์ หยอกนา โฉมเจ้าจักแหวกฟ้า ฝากพรหม เมศฤา พระยาตรัง ก็อดจะกล่าวเปรียบเทียบกำสรวลศรีปราชญ์ไม่ได้ เช่นเดียวกับนรินทร์อิน ว่า กำสรวลสาคเรศสร้อย สารศรี ปราชญ์แฮ กำสรวลศรีปราชญ์พร้อง เพรงกาล นิราศถลาง ลำดวนควรเด็ดก้าน ชมเชย อย่างไรก็ดี พระยาตรัง ก็เป็นนักกวีชั้นแนวหน้าผู้หนึ่งในสมัยรัตนโกสินทร์ บางศัพท์แม้จะยากแก่การเข้าใจ แต่ก็มีสำนวนไพเราะ บรรยายได้ละเอียดลออดี |