1) ประวัติความเป็นมา การแสดงตนเป็นพุทธมามกะเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาล ดังมีปรากฏในวินัยปิฎกมหาวรรคเล่ม 4 ซึ่งสรุปโดยย่อ ดังนี้ Show ยสกุลบุตรเป็นเศรษฐีผู้มีทรัพย์สมบัติมากมาย และได้รับการบำรุงบำเรออย่างเต็มที่ คืนวันหนึ่งเขาได้หลับก่อนบริวาร และตื่นขึ้นมาเห็นบริวารของตนหลับด้วยอาการต่างๆ 2) การเตรียมการ 1. ผู้จัดกำหนดวัน เวลา สถานที่ให้แน่นอน จะเป็นช่วงเช้าหรือบ่ายก็ได้ ถ้าจัดภาคเช้า ควรจัดใกล้เวลาเพล พอเสร็จพิธีจะได้ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ 2. จัดหาคณะกรรมการร่วมมือเพื่อดำเนินการประมาณ 5-6 คน เช่น ฝ่ายสถานที่ ฝ่ายถวายภัตตาหาร จัดเครื่องสักการะ เครื่องไทยทาน เครื่องไทยธรรม และฝ่ายควบคุมเสียง 3. จัดเครื่องสักการะ (กระทงดอกไม้ ธูปแพ เทียนแพ) ใส่พานเตรียมไว้ถวาย สักการะพระเถระที่มาในพิธี 4. นิมนต์พระ 7 หรือ 9 รูป ตามศรัทธา 5. สถานที่ควรจัดในหอประชุม ไม่ควรจัดกลางสนามและเตรียมจัดที่บูชาพระสงฆ์เท่าจำนวนพระที่นิมนต์มา 3) พิธีปฏิบัติ 1. ก่อนเวลากําหนด 15 นาที ผู้เข้าร่วมกิจกรรมนั่งประจำที่ เมื่อพระเถระและคณะสงฆ์มาถึงเรียบร้อยแล้ว ให้ตัวแทนผู้ที่จะแสดงตนเป็นพุทธมามกะจุดธูปเทียนบูชาพระ อิมินา สกฺกาเรน พุทธํ ปูเชมิ ข้าพเจ้าขอบูชาพระพุทธเจ้าด้วยเครื่องสักการะนี้ (กราบ) อิมินา สกฺกาเรน ธมฺมํ ปูเชมิ ข้าพเจ้าขอบูชาพระธรรมด้วยเครื่องสักการะนี้ (กราบ) อิมินา สกฺกาเรน สงฆํ ปูเชมิ ข้าพเจ้าขอบูชาพระสงฆ์ด้วยเครื่องสักการะนี้ (กราบ) 2. เสร็จแล้วตัวแทนผู้แสดงตนคลานเข้าถวายเครื่องสักการะ ดอกไม้ ธูปแพ เทียนแก่พระเถระ แล้วกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ 3 ครั้ง (ขณะที่ตัวแทนคลานออกไป 3. จากนั้นทุกคนกล่าวนมัสการพระพุทธเจ้า 3 ครั้ง ดังนี้ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส (ซ้ำ 3 ครั้ง) ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น (ซ้ำ 3 ครั้ง) 4. จากนั้นกล่าวคำปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ ดังนี้ (ผู้ชาย) เอเต มยํ (ผู้หญิง) เอตา มยํ ภนฺเต สุจิรปรินิพฺพุตมฺปี ตํ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมญฺจ สงฺฆญฺจ พุทฺธมามกาติ โน สงฺโฆ ธาเรตุ คำแปล ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น แม้ปรินิพพานไปนานแล้ว ทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ เป็นสรณะที่ระลึกนับถือ 5.พระเถระให้โอวาท ขณะให้โอวาททุกคนพนมมือ จบแล้วยกมือขึ้นจบที่กลางหน้าผากพร้อมกล่าวว่า สาธุ และเปลี่ยนท่านั่งเป็นท่าพรหมและเทพธิดา และอาราธนาศีลดังๆ มยํ ภนฺเต วิสุํ วิสุํ รกฺขณตฺถาย ติสรเณน สห ปญฺจ สีลานิ ยาจาม ทฺติยมฺปิ มยํ ภนฺเต วิสุํ วิสุํ รกฺขณตฺถาย ติสรเณน สห ปญฺจ สีลานิ ยาจาม ตติยมฺปิ มยํ ภนฺเต วิสุํ วิสุํ รกฺขณตฺถาย ติสมเณน สห ปญฺจ สีลานิ ยาจาม เมื่อพระให้ศีล และรับศีลจบแล้ว กราบ 3 ครั้ง 6. ถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ 7. เมื่อพระสวด. ยถา วาริวหา...ตัวแทนกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล 8. เมื่อพระสวด...สพฺพีตีโย.. รินน้ำลงภาชนะให้หมด แล้วพนมมือรับพรจากพระจบแล้วกราบเบญจางคประดิษฐ์ 3 ครั้ง พิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะมีความสำคัญต่อพุทธศาสนาอย่างไรจุดประสงค์ในการแสดงตนเป็นพุทธมามกะ คือ
เมื่อมีบุคคลต่างศาสนาเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ต้องการจะประกาศตนเป็นชาวพุทธ ก็ประกอบพิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะ เพื่อประกาศว่านับแต่นี้ไปตนได้ยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาแล้ว การแสดงตนเป็นพุทธมามกะกระทำซ้ำบ่อย ๆ ก็ได้ไม่จำกัดครั้งเพราะเป็นการแสดงความมั่นคงในการนับถือพระพุทธศาสนา
การแสดงตนเป็นพุทธมามกะส่งผลดีต่อผู้แสดงตนอย่างไรการแสดงตนเป็นพุทธมามกะ คือ การประกาศตนของผู้แสดงว่าเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนา คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นสิ่งสูงสุดและเป็นที่พึ่งที่ระลึกของตน จุดประสงค์ในการแสดงตนเป็นพุทธมามกะ คือ ๑) เพื่อให้เด็กและเยาวชนสืบความเป็นชาวพุทธตามวงศ์ ตระกูลต่อไป
การแสดงตนเป็นพุทธมามกะควรทำอย่างไร๑) ผู้จะแสดงตนเป็นพุทธมามกะพร้อมกันที่บริเวณพิธีก่อนกำหนด นั่งรอเวลาในที่ที่ทางวัดจัดไว้ ๒) ถึงเวลากำหนด พระสงฆ์เข้าสู่บริเวณพิธี กราบพระพุทธรูปประธานแล้ว เข้านั่งประจำอาสนะ ๓) ผู้แสดงตนเข้าไปคุกเข่าหน้าโต๊ะบูชา จุดธูปเทียนและวางดอกไม้บูชาพระ ส่งใจระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย เปล่งวาจาว่า อิมินา สักกาเรนะ, พุทธัง ปูเชมิ.
นักเรียนจะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะเหมาะสมเพื่อแสดงถึงการเป็นพุทธมามกะที่ดีส 1.2 (ป.3/3) แสดงตนเป็นพุทธมามกะ หรือแสดงตนเป็นศาสนิกชนของศาสนาที่ตนนับถือ. ศึกษาหลักธรรมให้เป็นสัมมาทิฏฐิ. ฟังธรรมหรือสนทนาธรรมตามกาล. ทำบุญตักบาตร. ไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอน. ปฏิบัติตนตามศีล ๕ เป็นอย่างน้อย. ปฏิบัติกิจกรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา. |