ครั้งหนึ่งในวิชา กพอ.(การงานพื้นฐานอาชีพ ปัจจุบันน่าจะเทียบเคียงกับสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ) สมัยที่ยังเป็นนักเรียน ผู้เขียนเคยต้องเอาไม้กวาด กะละมัง เตารีด ตลอดจนเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ ไปโรงเรียน เพื่อเรียนรู้วิธีการใช้อุปกรณ์งานบ้านงานเรือนเหล่านั้น ตั้งแต่การกวาดพื้น การซักผ้า รีดผ้า ล้างจาน ตลอดจนการทำอาหารและการเย็บผ้า จนถึงขนาดมีการสอบเก็บคะแนนการทำงานบ้านกันเลยทีเดียว สิ่งนี้ทำให้คนรุ่นเรา ๆ ค่อนข้างจะทำงานบ้านกันเป็นเป็นส่วนใหญ่ และการทำงานบ้านก็เป็นเรื่องปกติมากไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือเป็นชาย Show
ปัจจุบันนี้นักเรียนอาจไม่จำเป็นต้องเรียนเรื่องเหล่านี้ในโรงเรียนอย่างจริงจังนัก เพราะมีเครื่องทุ่นแรงที่ช่วยในการทำงานต่าง ๆ เหล่านี้ได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าพื้นฐานที่ได้จากการเรียนรู้เรื่องราวเหล่านี้ ช่วยให้มีทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตอย่างมาก งานบ้านนั้น ประกอบด้วยงานหลัก ๆ 6 อย่าง ได้แก่ งานประกอบอาหาร งานซักรีดซ่อมแซมเสื้อผ้า งานทำความสะอาดเครื่องเรือนเครื่องใช้ในบ้าน งานจัดตกแต่งบ้าน สวนและดูแลบริเวณบ้าน งานเลี้ยงดูเด็กและคนชรา และงานดูแลสัตว์เลี้ยง ซึ่งมีความหมายโดยรวมว่า เป็นกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาและซ่อมแซม ที่อยู่อาศัย รวมถึงสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวัน โดยเกิดจากการร่วมมือร่วมใจของสมาชิกทุกคนในครอบครัว ซึ่งต้องปฏิบัติเป็นประจำ เพื่อสร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับสมาชิกทุกคนในบ้าน ในสมัยก่อน งานบ้านงานเรือนอาจเคยถูกกำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้หญิง เพราะในสมัยก่อนนั้นผู้ชายจะต้องเป็นผู้ออกไปทำงานนอกบ้าน ในขณะที่ผู้หญิงทำหน้าดูแลบ้านเรือน หญิงที่เป็นแม่ศรีเรือนจะเป็นที่เชิดหน้าชูตาของผู้ชายที่เป็นสามี เวลาใครมาเยี่ยมเยือนถึงเรือน สามารถต้อนรับขับสู้ได้ไม่น่าเกลียด แต่ในยุคปัจจุบัน สังคมมีการเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ไม่ใช่ผู้ชายเท่านั้นที่ต้องทำงานนอกบ้าน ผู้หญิงก็สามารถทำงานนอกบ้านได้และเริ่มมีบทบาทในฐานะอื่น ๆ มากขึ้น ทำให้งานบ้านงานเรือนจึงไม่ใช่เรื่องเฉพาะของผู้หญิงอีกต่อไป ปัจจุบันนี้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ควรจะต้องรู้จักการทำงานบ้าน เพราะเป็นเรื่องที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิต บ้านที่สะอาดเรียบร้อย จะนำมาซึ่งความสุขและสุขภาพที่ดี และการช่วยแบ่งเบาภาระงานบ้านซึ่งกันและกันจะช่วยให้สัมพันธภาพของครอบครัวดีขึ้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรจะปลูกฝังให้นักเรียนมีทักษะในเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย ซึ่งประโยชน์ของการปลูกฝังให้นักเรียนเป็นงานบ้านงานเรือนนั้น มีอยู่หลายประการ ได้แก่
การศึกษาเรื่องการทำความสะอาดบ้านและบริเวณบ้าน สามารถแบ่งออกได้ดังนี้ 1. การทำบ้านให้น่าอยู่ บ้านเป็นสถานที่ให้สมาชิกในครอบครัวได้อยู่อาศัยพักผ่อนนอนหลับ ให้ความปลอดภัย ความสบายกายและความสบายใจแก่สมาชิกทุกคนในครอบครัว บ้านแต่ละหลังมีรูปแบบการสร้างที่แตกต่างกันด้วยองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง ลักษณะของบ้านจะเป็นเช่นไร สมาชิกในบ้านก็สามารถทำให้บ้านน่าอยู่ น่าอาศัยได้ ด้วยการเอาใจใส่ดูแลรักษาทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นการทำความสะอาดบ้านให้มีสภาพเรียบร้อย จนเป็นที่สะดุดตาก็สามารถดึงดูดความสนใจให้สมาชิกในครอบครัวไดอยู่อาศัยอย่างมีความสุขมากกว่าบ้านที่ขาดการรักษาความสะอาด หลักในการทำความสะอาดบ้านให้น่าอยู่1.1 การทำความสะอาด ความสะอาดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บ้านน่าอยู่ การทำความสะอาด ปัดกวาด เช็ดถูเป็นประจำ ทำให้เครื่องเรือนเครื่องใช้ปราศจากความสกปรกแม้แต่บริเวณบ้าน รั้ว สนาม ทางเดินเข้าบ้านสะอาด ร่มรื่น ปราศจากขยะมูลฝอยต่าง ๆ 1.2 การสร้างความสะดวกสบาย จัดแบ่งพื้นที่บริเวณบ้านให้เกิดการใช้สอยที่เป็นสัดส่วน เดินไปมาสะดวกและมีแสงแดดส่องถึง ระบายอากาศได้ดี มีการจัดวางสิ่งของเครื่องใช้อำนวยความสะดวกไว้อย่างเหมาะสม สะดวกในการหยิบใช้และการทำกิจกรรมต่าง ๆ 1.3 การตกแต่งให้สวยงาม นอกจากการจัดวางสิ่งของเครื่องใช้ให้เหมาะสมดังที่กล่าวในข้อที่ผ่านมา การจัดตกแต่งให้เป็นระเบียบ ไม่เกะกะ การจัดวางสิ่งของให้เกิดความสมดุล การใช้สี การตกแต่งผ้าม่าน เพื่อให้ดูสบายตาก็สามารถทำให้บ้านสวยงามน่าอยู่ยิ่งขึ้น 1.4 การจัดบ้านให้เกิดความปลอดภัย การจัดบ้านให้มีความปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่าง ๆ เช่น มีลูกกรงที่ระเบียงกันพลัดตกบันไดให้แข็งแรง เก็บยา สารเคมีให้พ้นจากมือเด็ก ทำความสะอาดบ้าน บริเวณบ้านให้ปราศจากตะไคร่จับทำให้ลื่นในขณะทำกิจกรรม ปลูกบ้านห่างไกลจากสิ่งปฏิกูลและแหล่งแพร่เชื้อโรคหรือมีวิธีการป้องกันที่ถูกต้องเหมาะสม ถ้าหากไม่สามารถหลีกเลี้ยงได้ 2. การวางแผนใช้ทรัพยากรในการทำความสะอาด ทรัพยากรในการทำความสะอาดที่มีอยู่ภายในบ้าน ควรคำนึงถึงการวางแผนการทำ ความสะอาดทั้งภายในและภายนอกบ้าน มีดังนี้ 2.1 เวลาที่จะใช้ในการทำความสะอาด 2.2 แรงงานที่จะใช้ในการทำความสะอาด 2.3 วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือที่จะใช้ในการทำความสะอาด การทำความสะอาดทั้งภายในบ้านและบริเวณภายนอกตัวบ้าน จะมีประสิทธิภาพสูงสุด ก็ต่อเมื่อผู้ทำความสะอาดได้วางแผนการทำงานอย่างรอบคอบและรัดกุม ลงมือทำงานตามแผนที่วางไว้ ตรวจสอบการทำงานและประเมินผลการทำงานในทุก ๆ งานที่ได้ทำไป ว่าได้ผลตามที่ต้องการหรือไม่ เพื่อจะได้พิจารณาปรับปรุงทั้งการวางแผนการทำความสะอาดและวิธีการทำงานในคราวต่อไป การวางแผนในการใช้ทรัพยากรที่เกี่ยวกับการทำความสะอาดคือ การใช้เวลา แรงงานและวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือเหล่านี้ช่วยลดความสูญเสียทรัพยากรทั้งสามประการที่ไม่จำเป็นลงได้ 3. การเลือกใช้อุปกรณ์และเครื่องมือในการทำความสะอาดบ้าน อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้และเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เรานำมาใช้ในการทำความสะอาดบ้าน ทั้งภายในตัวบ้านและบริเวณภายนอกตัวบ้านนั้น สามารถแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้ 3.1 อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการปัดกวาด ได้แก่ – ไม้กวาดดอกหญ้า – ไม้กวาดทางมะพร้าว – ไม้กวาดด้ามยาวหรือไม้กวาดเสี้ยนตาล – ไม้กวาดขนไก่ – ไม้กวาดไม้ไผ่ – เครื่องดูดฝุ่น 3.2 อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการเช็ด ขัดและถู
– ผ้าสำหรับเช็ดถู – ฟองน้ำ – แผ่นขัด – แปรงพลาสติก – แปรงกาบมะพร้าว – ไม้ถูพื้นธรรมดา – ไม้ถูพื้นชนิดซักและบิดในตัว วิธีดูแลรักษาบ้านให้แข็งแรงทนทาน และน่าอยู่ ปลอดภัยบ้านคือที่ที่เราอยู่อาศัย ใช้เวลาสำหรับการพักผ่อน ดังนั้นเพื่อให้บ้านของเรามีสภาพดี แข็งแรงน่าอยู่ไม่ดูทรุดโทรมลงเร็วจึงต้องมีการบำรุงรักษาบ้านอยู่สม่ำเสมอ ดังนั่น Poolprop มีวิธีดูแลบ้านมีมีสภาพดีน่าอยู่มากฝากเจ้าของบ้านเพื่อนำกลับไปดูแลบ้านของคุณให้น่าอยู่ตลอดไป 1.ตรวจสอบการรั่วซึมของหลังคาบ้านเนื่องจากหากมีการรั่วซึมของหลังคาจะให้ให้เกิดคราบเลอะ เป็นรอยตะไคร่น้ำตามเพดานฝ้าทำให้ได้รับความเสียหาย ดูไม่น่ามอง และยังอาจทำให้ข้าวของภายในบ้านเปียกอีกด้วย ต้องรีบแก้ไข ปูกระเบื้องมุงหลังคาที่แต่แตก และเปลี่ยนฝ้าใหม่ 2.พื้นกระเบื้องไม่ควรปล่อยให้มีน้ำขังพื้นหากมีน้ำขังปล่อยไว้อาจจะมีตะไคร่มาจับ ทำให้ลื่นหกล้มได้ง่าย ดังนั้นควรขัด เช็ดน้ำให้แห้ง 3.ไม่ควรทิ้งขยะลงไปในท่อ เพราะจะทำให้อุดตันได้ไม่ควรทิ้งขยะลงในท่อระบายน้ำ เพราะอาจทำให้ท่ออุดตันจนไม่สามารถระบายน้ำได้ ต้องเสียเวลา ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอีกด้วย ควรทิ้งในถุงขยะที่จัดเตรียมไว้ 4.ดูแลสวน และต้นไม้ไม่ให้รกควรดูแลต้นไม้ ตัดหญ้า ตัดกิ่งที่ขึ้นมารกให้ดูเป็นระเบียบ หากปล่อยทิ้งไว้จะเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์มีพิษพวก งู ตะขาบ และควรรดน้ำต้นไม้เพื่อให้ต้นไม้งามให้ร่มเงาไม่แห้งเหี่ยวและตายไป 5.หมั่นเช็คสภาพระบบไฟฟ้าปลั๊ก สายไฟว่ามีรอยชำรุดเสียหายหรือไม่ควรสังเกตตรวจสอบสายไฟ ปลั๊กไฟ หลอดไฟ หากพบว่าชำรุดควรเปลี่ยนใหม่ให้มีสภาพพร้อมใช้งาน เพื่อความปลอดภัยของสมาชิกภายในบ้านไม่ให้เกิดอันตรายจาก ไฟฟ้ารัดวงจร ไฟช็อต ไฟรั่ว หรืออาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ 6. หมั่นทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูบ้านอยู่เสมอบ้านที่สะอาดย่อมทำให้บ้านน่าอยู่ เจริญหูเจริญตา มองแล้วอารมณ์ดี ป้องกันฝุ่นหรือเชื้อโรคเพื่อสุขภาพที่ดีของเราอีกด้วย ทำความสะอาดรีโมท ที่จับประตู ทำความสะอาดฟองน้ำล้างจาน โทรศัพท์ เมาส์ คีย์บอร์ด ตู้เย็น อ่างล้างจาน พรมปูพื้น เปลี่ยนเครื่องนอน ซัก หรือนำไปแตกแดดเสมอเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย 10. หมั่นทำความสะอาดห้องน้ำอยู่เป็นประจำโดยเฉพาะแหล่งสะสมของเชื้อโรคเช่น ทำความสะอาดฝักบัวอาบน้ำ โถสุขภัณฑ์ ม่านกันเปียก ดูแลแปรงสีฟัน อ่างล้างหน้า ลูกบิดที่จัดประตู ดูแลให้สะอาดเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคซึ่งส่งผลต่อสุขภาพผู้อยู่อาศัยด้วย 7. เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลบ้านที่มีคุณภาพเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลบ้านที่มีคุณภาพ สภาพดีพร้อมใช้ อุปกรณ์ไม้ถูพื้น ไม้กวาด ผ้าเช็ดทำความสะอาด ถังขยะ ที่ตักผง ที่ปัดฝุ่น เครื่องดูดฝุ่น น้ำยาถูพื้นควรมียาฆ่าเชื้อแบคทีเรียด้วย น้ำยาเช็ดกระจก นำยาล้างจาน น้ำยาล้างห้องน้ำ เป็นต้น เมื่อเรามีอุปกรณ์ดีครบถ้วนจะทำให้เราอยากทำความสะอาด และทำความสะอาดดูแลบ้านได้อย่างดีมีคุณภาพอีกด้วย 8.หมั่นดูแลสี ความเสียหายของบ้านเพื่อซ่อมแซมปรับปรุงอยู่เสมอหมั่นตรวจสอบตัวบ้าน เมื่อพบว่าสีผนังอาคารเกิดฝุ่นคล้ายแป้ง แสดงให้เห็นว่าสีเริ่มเกิดการเสื่อมสภาพ รอยร้าว สีลอก ทำรัง ควรให้ช่างดูแลซ่อมแซมอุดรอย ทาสี ขัดเงา ทาเคลือบป้องกันปลวกให้เรียบร้อยเพื่อให้บ้านคงสภาพดีดังเดิม 9.บ้านที่มีถังบำบัดสำเร็จรูปใต้ดินควรสูบตะกอนทุก 2 ปีถังบำบัดสำเร็จรูปใต้ดินนั้นควรสูบตะกอนออกทุกๆ 2 ปี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และรักษามาตรฐานการใช้งานถังบำบัดนั้น และควรเติม จุลินทรีย์ธรรมชาติ หรือ ผงจุลินทรีย์ผสมน้ำ ลงในถังทุกๆ เดือนเพื่อให้แบคทีเรียย่อยสลายเองด้วย 10.บ้านที่มีถังสำรองน้ำกักเก็บน้ำไว้ใช้ควรตรวจสอบรอยรั่วซึมของน้ำควรตรวจสอบรอยรั่วซึมของน้ำว่ามีดินเปียกหรือผนังเปียกที่เกิดจากการรั่วซึ่มของน่ำ ทุกๆ 2 ปี รวมถึงการตรวจสอบตะไคร้น้ำข้างถังทุกๆ ปี หรือสังเกตปั้มน้ำทำงานตอนไม่ได้ใช้น่ำหรือไม่หากทำงานอาจเกิดจากมีน้ำรั่ว 11.ตรวจสอบพื้นคอนกรีต เช่นพื้นโรงรถ พื้นลานซักล้าง พื้นทางเท้าพื้นคอนกรีตนั้นควรตรวจสอบทุกๆ ปี เพราะโดยธรรมชาตินั้น ดินจะเกิดการทรุดตัว ทำให้พื้นคอนกรีตทรุดเกิดรอยร้าวหรือแตกเป็นเศษเล็กๆ หรือเป็นหลุมทำให้เกิดความเสียหายควรทำการซ่อมแซม 12.มีระบบการป้องกันบ้านจากปลวกควรมีการตรวจสอบปลวกทุกๆ 4 เดือนหากพบปัญหาปลวกขึ้นบ้านให้รีบแจ้งบริษัทที่รับกำจัดปลวกฉีดยาป้องกันปลวกและให้รับประกันปลวกขึ้นบ้านด้วย พอหมดประกันก็ให้มาตรวจดีอีกครั้งเพื่อต่อประกันปลวกขึ้นบ้าน เพราะปลวกขึ้นบ้านทำให้บ้านได้รับความเสียหายโดยเฉพาะเสาบ้าน คานซึ่งเป็นที่เสริมความแข็งแรงของบ้านต้องหมั่นดูแลให้ดีอยู่เสมอ
นักเรียนจะทำอย่างไรให้บ้านสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอจัดบ้านสะอาดอยู่เสมอ ด้วยเคล็ดลับสุดแจ๋ว !. เก็บของให้เข้าที่เข้าทาง ... . หามุมสำรองของเก่าเก็บในบ้าน ... . ปิดโอกาสคราบสกปรก ... . ทำความสะอาดจุดใหญ่ที่สังเกตเห็นได้ง่ายก่อน ... . กำหนดเวลาทำความสะอาดบ้านประจำวัน ... . ร่วมด้วยช่วยกัน ... . ให้รางวัลตัวเองหลังทำงานบ้านเสร็จ. นักเรียนมีวิธีในการจัดการในบ้านให้น่าอยู่ได้อย่างไรวิธีดูแลรักษาบ้านให้แข็งแรงทนทาน และน่าอยู่ ปลอดภัย. 1.ตรวจสอบการรั่วซึมของหลังคาบ้าน ... . 2.พื้นกระเบื้องไม่ควรปล่อยให้มีน้ำขัง ... . 3.ไม่ควรทิ้งขยะลงไปในท่อ เพราะจะทำให้อุดตันได้ ... . 4.ดูแลสวน และต้นไม้ไม่ให้รก ... . 5.หมั่นเช็คสภาพระบบไฟฟ้าปลั๊ก สายไฟว่ามีรอยชำรุดเสียหายหรือไม่ ... . 6. หมั่นทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูบ้านอยู่เสมอ. ทำยังไงให้บ้านเป็นระเบียบ20 เทคนิคจัดระเบียบบ้าน ให้ชีวิตง่ายขึ้นเห็น ๆ. 1. ดาวน์โหลดคู่มืออิเล็กทรอนิกส์ ... . 2. ถือกฎกำจัดสิ่งของ 5 ชิ้น ... . 3. ใช้ตัว S แขวนกระเป๋า ... . 4. ใช้ประโยชน์พื้นที่ใต้โต๊ะ ... . 5. ล้างตู้เย็นให้ถูกเวลา ... . 6. กำจัดเสื้อผ้าแค่ไม้แขวนเสื้อ 40 อัน ... . 7. ใช้กล่องแบ่งช่องเก็บของชิ้นเล็ก ... . 8. เก็บผ้าปูที่นอนอย่างมืออาชีพ. การจัดตกแต่งบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อยต้องทำอย่างไรเคล็ดลับการจัดบ้าน ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ภายใน 1 วัน !. 1.จัดหมวดหมู่หนังสือ. 2. จัดเก็บลงกล่อง. 3. คัดแยกกระดาษ เอกสาร โบรชัวร์. 4. จัดการกับตู้เย็น. 5. จัดระเบียบในลิ้นชัก. 6. อัพเดตฉลากและวันหมดอายุ. 7. จำแนกเสื้อผ้า. 8. แขวนของบนผนัง. |