เรซูเม่ (Resume/Résumé) คืออะไร?เรซูเม่ (Resume/Résumé) คือ ประวัติโดยย่อของบุคคล สำหรับใช้สมัครงาน ซึ่งประกอบไปด้วยข้อมูลสำคัญของผู้สมัคร เช่น ชื่อ-นามสกุล ประวัติการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับงาน ฯลฯ มีความยาวประมาณ 1-2 หน้ากระดาษ A4 Show Resume ต่างกับ CV อย่างไร?CV ย่อมาจาก Curriculum Vitae มีลักษณะคล้ายเรซูเม่ แต่จะมีข้อมูลที่ละเอียดกว่า อาจยาวถึง 2-3 หน้ากระดาษ A4 และมักใช้สำหรับการสมัครเรียนต่อ หรืองานที่เกี่ยวกับการศึกษามากกว่า อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยและยุโรป ทั้ง 2 คำนี้ใช้ในความหมายเดียวกัน แต่ในสหรัฐอเมริกาจะแยกออกจากกันอย่างที่อธิบายไว้ตอนต้น วิธีทำเรซูเม่แบบสรุปข้อมูลในเรซูเม่ควรประกอบด้วย 9 ข้อ ดังนี้
วิธีทำเรซูเม่แบบละเอียด1. เลือกเว็บทำเรซูเม่วิธีทำเรซูเม่ที่ง่ายที่สุดคือ ทำผ่านเว็บไซต์เราสามารถทำเรซูเม่ใน Microsoft Word ได้ แต่วิธีทำเรซูเม่ที่ง่ายที่สุด คือการทำออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ เว็บไซต์เหล่านี้จะมีรูปแบบเรซูเม่ให้เลือกมากมาย และสามารถปรับแต่งสี ฟอนต์ และรูปภาพได้ค่อนข้างง่ายและอิสระ 5 เว็บไซต์ทำเรซูเม่ที่นิยม
2. เลือกรูปแบบที่เหมาะสมควรเลือกรูปแบบที่เหมาะกับทักษะ ความสามารถ ประสบการณ์ และตำแหน่งงานของเรา และสิ่งที่ห้ามมองข้ามเลยก็คือ “ดีไซน์” เพราะหากคุณกำลังมองหางานที่เน้นความคิดสร้างสรรค์ แต่เลือกดีไซน์ทางการเกินไป ก็อาจทำให้ดูไม่ปัง ในทางกลับกัน หากสมัครสายงานที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง แต่เรซูเม่มีลูกเล่นเยอะ หรือเลือกรูปถ่ายที่ใส่ชุดนักศึกษาหรือชุดครุย ก็อาจถูกมองว่าไม่เป็นมืออาชีพได้ รูปแบบเรซูเม่ที่นิยมมี 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. เรียงประวัติการทำงานตามเวลา (Chronical Resume) ผู้สมัครที่เหมาะกับเรซูเม่แบบนี้ ผู้สมัครที่ไม่เหมาะกับเรซูเม่แบบนี้ ทำงานไม่ต่อเนื่อง (มีช่วงพัก) เคล็ดลับหากมีการเลื่อนตำแหน่งในที่ทำงานเดิม ควรแยกประสบการณ์ทำงานออกจากกัน เพื่อแสดงให้เห็นทักษะและความรับผิดชอบที่สูงขึ้น 2. เน้นความสามารถในการทำงาน (Functional Resume) อย่างไรก็ตาม ในการสัมภาษณ์งาน ก็อาจมีคำถามเรื่องอายุงาน การเปลี่ยนงานบ่อย หรือการที่เราทำงานไม่ต่อเนื่องอยู่ดี จึงควรเตรียมคำตอบที่สมเหตุสมผลสำหรับคำถามเหล่านี้ไปด้วย เรซูเม่แบบเน้นความสามารถในการทำงาน (Functional Resume)ผู้สมัครที่เหมาะกับเรซูเม่แบบนี้ มีทักษะโดดเด่นและหลากหลาย ผู้สมัครที่ไม่เหมาะกับเรซูเม่แบบนี้ มีประสบการณ์และทักษะไม่มากพอ 3. ผสมกันทั้งสองแบบ (Combination Resume) ผู้สมัครที่เหมาะกับเรซูเม่แบบนี้ ทำงานมีนาน มีประสบการณ์สูง ผู้สมัครที่ไม่เหมาะกับเรซูเม่แบบนี้ 3. ใส่ข้อมูลสำคัญให้ครบถ้วนข้อมูลในเรซูเม่สำหรับงานตำแหน่งสูง และงานที่ต้องใช้ภาษาควรใส่ข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ หรือภาษาที่ต้องใช้) เพื่อแสดงความเป็นมืออาชีพและความสามารถด้านภาษา ข้อมูลที่จำเป็นต้องมีในเรซูเม่ ได้แก่
เคล็ดลับหากไม่มีข้อกำหนดจากบริษัทที่รับสมัคร ข้อมูลบางอย่างก็ไม่สมควรใส่ในเรซูเม่ เพราะอาจทำให้เกิดอคติในการคัดเลือกผู้สมัครได้ เช่น รูปถ่าย น้ำหนัก ส่วนสูง ฯลฯ 4. เขียนเรซูเม่อย่างมืออาชีพ
5. โพสต์เรซูเม่ในเว็บสมัครงาน/ส่งเรซูเม่ทางอีเมลก่อนการโพสต์หรือส่งเรซูเม่ทุกครั้ง ควรตรวจทานความถูกต้องก่อนเสมอ เพราะหากมีคำผิดก็อาจทำให้ดูไม่เป็นมืออาชีพ ส่วนชื่อตำแหน่งงาน ก็ควรเขียนให้เหมือนกับที่บริษัทรับสมัครด้วย ข้อมูลต่างๆ ก็ควรปรับให้เข้ากับตำแหน่งงานและความต้องการของแต่ละบริษัท ไม่ควรทำเรซูเม่เวอร์ชั่นเดียว แล้วส่งหว่านไปทุกบริษัท การโพสต์เรซูเม่ในเว็บสมัครงานเรซูเม่ พอร์ตโฟลิโอ และไฟล์ใดๆ ก็ตาม ควรเซฟไฟล์เป็น .pdf เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นแก้ไขได้ง่ายๆ และป้องกันปัญหาฟอนต์เด้งด้วย การส่งเรซูเม่ทางอีเมลควรมี Cover Letter (จดหมายนำ) แนบไปด้วยเพื่อแสดงความตั้งใจ และแนะนำตัวเบื้องต้น หรืออย่างน้อยก็ควรเขียนแนะนำตัวในอีเมลอย่างเป็นทางการ 1-2 ย่อหน้า ไม่ควรเขียนห้วนๆ หรือใช้ภาษาไม่ทางการ สรุปเรซูเม่ไม่ใช่แค่ประวัติส่วนตัว แต่เปรียบเสมือนโบรชัวร์โฆษณา เราจึงต้องทำกระดาษแผ่นนี้ให้ดูน่าสนใจที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ ดีไซน์ การใช้ภาษา ฯลฯ เพื่อ “ขาย” ตัวเราให้ฝ่าย HR “ซื้อ” ให้ได้ อ้างอิงข้อมูลจาก |