นักเรียนควรดูแลรักษาสุขอนามัยของระบบสืบพันธุ์ของตนเองอย่างไร

ระบบสืบพันธุ์ (Reprodutive System)

อวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย

อวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย ประกอบด้วยลูกอัณฑะ (testis) ถุงอัณฑะ (scrotum) องคชาต (penis) และท่ออสุจิ (vas deferens หรือ Sperm duct)

อัณฑะ คือ อวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่สร้างอสุจิ อสุจิมีขนาดเล็ก มีหางยาวเพื่อเคลื่อนที่ได้สะดวดและรวดเร็ว โดยมีถุงอัณฑะซึ่งมีกล้ามเนื้อที่มีการหดตัวและคลายตัวได้ห่อหุ้มเพื่อรักษาอุณหภูมิของอัณฑะให้อยู่ในสภาพที่พอเหมาะกับการสร้างเซลล์สืบพันธุ์

องคชาต (penis) ประกอบด้วยกล้ามเนื้อคล้ายฟองน้ำ (spongiosum) ซึ่งมีการหดตัวและคลายตัวได้ดี นอกจากนี้ยังมีระบบประสาทและเส้นเลือดเข้าไปหล่อเลี้ยงอวัยวะส่วนนี้มาก

นักเรียนควรดูแลรักษาสุขอนามัยของระบบสืบพันธุ์ของตนเองอย่างไร

อวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิง

นักเรียนควรดูแลรักษาสุขอนามัยของระบบสืบพันธุ์ของตนเองอย่างไร

อวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิง ประกอบด้วย มดลูก (Uterus) ท่อนำไข่ หรือปีกมดลูก (fallopian tube) ปากมดลูก (cervix) และรังไข่ (ovary)

มดลูกมีรูปร่างคล้ายชมพู่ มีความยาวประมาณ 3 นิ้ว มีตำแหน่งอยู่เหนือกระเพาะปัสสาวะประกอบด้วยกล้ามเนื้อหนาแข็งแรง ขยายตัวและหดตัวได้ดีมาก ช่องว่างภายในมดลูกจะต่อเชื่อมไปถึงท่อรังไข่หรือปีกมดลูก

ภายในรังไข่ประกอบด้วยไข่อ่อนจำนวนมาก ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ทารกเพศหญิงถือกำเนิดออกมา เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นฮอร์โมนเพศจะถูกส่งออกมากระตุ้นให้ไข่อ่อนเหล่านี้ค่อยๆ เจริญเป็นไข่ที่สมบูรณ์เดือนละฟอง ส่งออกมาจากรังไข่เข้าสู่ท่อนำไข่ เพื่อเคลื่อนตัวเข้ามาผสมกับอสุจิที่ได้รับการผสมแล้ว หากมีการผสมของอสุจิกับไข่แล้วจะเคลื่อนเข้ามาฝังตัวในมดลูก แต่ถ้าไม่มีการปฏิสนธิไข่ที่ถูกส่งออกมาจะฝ่อลีบและสลายตัวไปพร้อมๆ กับที่ผนังมดลูก และเลือดที่เข้ามาหล่อเลี้ยงแตกสลายออกมาเป็นประจำเดือน

นักเรียนควรดูแลรักษาสุขอนามัยของระบบสืบพันธุ์ของตนเองอย่างไร



วิดีโอ YouTube

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อาจเกิดขึ้นกับระบบสืบพันธุ์

ความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ที่สำคัญคือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีสาเหตุใหญ่ๆมาจากเชื่อแบคทีเรียและไวรัส กลุ่มโรคที่เกิดจากแบคทีเรีย ได้แก่ โกโนเรีย (Gonorrhea) และซิฟิลิส (Syphilis) ส่วนกลุ่มที่เกิดจากไวรัส ได้แก่ เอดส์ (AID: acquired immunodeficiency syndromes) และเริม (Herpes Simplex Type II)

โกโนเรีย (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดแรกๆ ที่พบ เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้อาศัยอยู่ในน้ำคัดหลั่งและน้ำหล่อเลี้ยง ทั้งในช่องคลอด ท่อปัสสาวะ และทวารหนัก ผู้หญิงจะติดเชื้อนี้ได้ง่ายกว่าผู้ชาย 80% ของผู้หญิงที่ติดเชื้อมักไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่เมื่อเป็นมากตกขาวจะมีกลิ่นเหม็น และปัสสาวะขัด ทำให้การรักษาลำบากมาก ผู้ชายที่ติดเชื้อนี้จะแสดงอาการภายใน 2-10 วัน โดยมักมีของเหลวสีเหลืองข้น กลิ่นเหม็นขับออกมาจากท่อปัสสาวะซึ่งเป็นที่มาของชื่อโรค หนองในมีอาการปัสสาวะขัดและแสบ

เอดส์ เกิดจากเชื้อไวรัส HIV (human immunodeficiency virus) เชื้อไวรัสชนิดนี้จะอาศัยเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน (T-Iymphocyte) เป็นสถานที่ขยายพันธุ์และเพิ่มจำนวน ผลที่เกิดขึ้นก็คือระบบภูมิคุ้มถูกทำลาย และทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อฉวยโอกาส (opportunistic infection) ซึ่งได้แก่ โรคติดเชื้อธรรมดาที่ปกติไม่ได้มีพิษอะไรนัก เช่น ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม วัณโรค และที่เกิดมากที่สุด คือ การเป็นมะเร็งผิวหนัง

เริม เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes Simples Virus เป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ซึ่งมีอาการพุพอง แต่เกิดได้ทั้งที่อวัยวะสืบพันธุ์และในปาก มีการขยายตัวแพร่กระจายไปได้หลายแห่ง อาการปวดแสบนี้รุนแรงกว่าแผลในปากมาก และจะไม่หายขาด

การสร้างเสริมและดำรงประสิทธิภาพการทำงานของระบบสืบพันธุ์

1.การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเพศศึกษาและดุแลสุขอนามัยทางเพศ

2.ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์

3.พบแพทย์เมื่อพบอาการผิดปกติเกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์

สรุป

                ระบบการทำงานของมนุษย์ แต่ละระบบทำงานแตกต่างกันออกไปและทำงานสัมพันธ์กันและส่งผลให้ร่างกายเจริญเติบโตเป็นปกติ จึงเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะส่งเสริมให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานอย่างปกติมีประสิทธิภาพ ซึ่งการที่จะดูแลและส่งเสริมการทำงานของระบบต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ นักเรียนจึงควรเรียนรู้และศึกษาการทำงานของระบบต่างๆ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

บรรณานุกรม

เรณุมาศ มาอุ่น. หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐานสุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6. กรุงเทพฯ :

             บริษัท พัฒนาคุณภาพวิชาการ(พว.) จำกัด, 2552.