ceramic coating • liquid foam • Polystyrene foam • pu foam • Rigid foam • การเลือกฉนวนกันความร้อน • ค่า K-value • ค่า R -value • ค่า Thermal Capacity • ค่าK • ค่าR • ฉนวนกันความร้อน • ฉนวนกันความร้อน pantip • ฉนวนกันความร้อน pe • ฉนวนกันความร้อน polynum • ฉนวนกันความร้อน pu foam ราคา • ฉนวนกันความร้อน scg • ฉนวนกันความร้อน คือ • ฉนวนกันความร้อน ตราช้าง • ฉนวนกันความร้อน ยี่ห้อไหนดี • ฉนวนกันความร้อน ราคา pantip • ฉนวนกันความร้อน ราคา ไทวัสดุ • ฉนวนกันความร้อน ราคาถูก • ฉนวนกันความร้อน แบบไหนดี • ฉนวนกันความร้อน ใต้หลังคา • ฉนวนกันความร้อนผนัง • ฉนวนกันความร้อนรถยนต์ • ฉนวนกันความร้อนห้องเย็น • ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา • ฉนวนเยื่อกระดาษ • ฉนวนใยแก้ว • ป้องกันความร้อน • ผนังรอบบ้าน • ฝ้ากันความร้อน • ฝ้าเพดาน • พ่นพียูโฟม ราคา • พี.ยู.โฟม คืออะไร • พียูโฟม • พียูโฟม pantip • พียูโฟม กระป๋อง • ราคา พี ยู โฟม • หลังคา • เซรามิคโค๊ดติ้ง • แผ่นฉนวนกันความร้อน • โฟม พียู • โฟมพี.ยู. • โฟมพียู 0 Comments Show
ฉนวนกันความร้อนพียูโฟม(Polyurethane)ฉนวนกันความร้อนพียูโฟม (โพลียูรีเทน Polyurethane, PU)ผลิตขึ้นครั้งแรกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อใช้ทดแทนยางธรรมชาติ และยังใช้ในการผลิตกระดาษ การผลิตก๊าซมัสตาร์ด ผ้าที่มีความทนทาน เคลือบผิวเครื่องบิน เคลือบโลหะ ไม้ และอิฐ เพื่อป้องกันการกัดกร่อนและสารเคมี โพลียูรีเทน ผลิตจากปฏิกิริยาของโพลีออลกับไดไอโซไซยาเนตหรือโพลีเมอริก ไอโซไซยาเนต โดยมีตัวเร่งปฏิกิริยาที่เหมาะสม โพลียูรีเทนส่วนใหญ่เป็นพลาสติกชนิดเทอร์โมเซ็ต คือ ไม่สามารถหลอมเหลวและขึ้นรูปใหม่ได้ ซึ่งผลิตออกมาหลายรูปแบบได้แก่ เป็นโฟมยืดหยุ่น โฟมแข็ง สารเคลือบป้องกันสารเคมี กาว สารผนึก และอีลาสโตเมอร์ คุณสมบัติของฉนวนโพลียูรีเทน P.U. Foamโพลียูริเทน ประเภทสารประกอบเดี่ยว ซึ่งจะแข็งตัวเมื่อสัมผัสกับละอองน้ำในอากาศ มีคุณสมบัติยึดติดแน่น ดีเยี่ยม ใช้ส้าหรับอุดช่องว่าง รอยแตก รอยแยกต่าง ๆ และยังเป็นฉนวนกันความร้อน กันเสียง ได้เป็นอย่างดี
ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้ฉนวนโพลียูรีเทน P.U. Foam1. ป้องกันความร้อน-เย็น (Most efficient) 2. ป้องกันการรั่วซึม (Water leaking) 3. การทนกรด-ด่าง (Acid & Base Resistant) 4. การทนไฟ ไม่ลามไฟ (Fire Resistant) 5. ไม่มีสารพิษเจือปน (Non-toxic Irritant) 6. ป้องกันสัตว์ จำพวกนก หนู แมลง ไม่ให้เข้ามาอยู่อาศัย (Vermin Resistant) 7. น้ำหนักเบาและแข็งแรง (Light weight & Strength) 8. ติดตั้งง่าย (Easy to Install) 9. ไม่มีการยุบตัวและสวยงามตามแบบสถาปัตยกรรม (Not Pack Down) 10. ลดเสียงดัง กั้นเสียง (Noise Inhibiting) 11. ควบคุมการกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ (Condensation control) 12. ประหยัดพลังงาน
ทำไมต้องใช้ “โพลียูริเทนโฟม”ฉนวนกันความร้อนพียูโฟมเพราะเป็นฉนวนกันความร้อน กันเสียง กันรั่วซึม ที่เหมาะแก่การลงทุนที่คุ้มค่า ( Worth for Investment ) เมื่อเปรียบเทียบคุณสมบัติด้านวิศวกรรมที่เท่าๆกัน จะพบว่าต้นทุนต่อหน่วยที่ใช้ฉนวนโพลียูริเทนโฟมจะถูกว่าฉนวนชนิดอื่น ๆ ทั้งในด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ อายุการใช้งานในระยะยาวที่มากกว่าฉนวนชนิดอื่น อรรถประโยชน์ที่จะได้รับทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งฉนวนชนิดอื่นอายุการใช้งานไม่เทียบเท่าฉนวนโพลียูริ เทนโฟม โพลียูริเทนโฟม เป็นฉนวนที่มีความคงทนต่อแรงอัดและแรงดึงได้เป็นอย่างดี, มีอัตราการดูดซับความชื้นที่ต่ำ ไม่อมน้ำและไม่ซึมน้ำ, สามารถใช้ได้กับอุณหภูมิหลายระดับ เปลี่ยนรูปได้ยากและมีความคงตัวสูง, กรณีที่ใช้เป็นฉนวนกันความร้อน สามารถป้องกันความร้อนจากผนังและหลังคาได้มากกว่า 90% ท้าให้อุณหภูมิลดลง เหมาะสำหรับห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศจะท้าให้ห้องเย็นลงอย่างรวดเร็ว เครื่องปรับอากาศจะท้างานน้อยลง จึงลดการสูญเสียพลังงานประหยัดค่าไฟฟ้าถึง 50% ทั้งยังลดภาวะโลกร้อนไปในตัว ฉนวนกันความร้อน ราคาถูก,ฉนวนกันความร้อน ตราช้าง,ฉนวนกันความร้อน polynum,ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา,ฉนวนกันความร้อน ราคา ไทวัสดุ,ฉนวนกันความร้อน แบบไหนดี,ฉนวนกันความร้อน pantip,ฉนวนกันความร้อน คือ,ฉนวนกันความร้อน ใต้หลังคา,ฉนวนกันความร้อน ใต้หลังคา ราคา,ฉนวนกันความร้อน pe,ฉนวนกันความร้อน ราคา pantip,ฉนวนกันความร้อน ยี่ห้อไหนดี,ฉนวนกันความร้อน polynum,ฉนวนกันความร้อน ตราช้าง,ฉนวนกันความร้อนผนัง,ฉนวนกันความร้อนรถยนต์,ฉนวนกันความร้อนห้องเย็น,ฉนวนกันความร้อน scg,ฝ้ากันความร้อน,แผ่นฉนวนกันความร้อน,โฟม พียู,พียูโฟม,ราคา พี ยู โฟม,พียูโฟม pantip,ฉนวนกันความร้อน pu foam ราคา,พ่นพียูโฟม ราคา,พียูโฟม กระป๋อง,พี.ยู.โฟม คืออะไร #ฉนวนกันความร้อนพียูโฟมJuly 7, 2016 By admin การก่อสร้างอาคาร • การประหยัดพลังงาน • ความรุ้เกี่ยวกับฉนวนกันความร้อน ceramic coating • liquid foam • Polystyrene foam • pu foam • Rigid foam • การเลือกฉนวนกันความร้อน • ค่า K-value • ค่า R -value • ค่า Thermal Capacity • ค่าK • ค่าR • ฉนวนกันความร้อน • ฉนวนกันความร้อน pantip • ฉนวนกันความร้อน pe • ฉนวนกันความร้อน polynum • ฉนวนกันความร้อน pu foam ราคา • ฉนวนกันความร้อน scg • ฉนวนกันความร้อน คือ • ฉนวนกันความร้อน ตราช้าง • ฉนวนกันความร้อน ยี่ห้อไหนดี • ฉนวนกันความร้อน ราคา pantip • ฉนวนกันความร้อน ราคา ไทวัสดุ • ฉนวนกันความร้อน ราคาถูก • ฉนวนกันความร้อน แบบไหนดี • ฉนวนกันความร้อน ใต้หลังคา • ฉนวนกันความร้อนผนัง • ฉนวนกันความร้อนรถยนต์ • ฉนวนกันความร้อนห้องเย็น • ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา • ฉนวนเยื่อกระดาษ • ฉนวนใยแก้ว • ป้องกันความร้อน • ผนังรอบบ้าน • ฝ้ากันความร้อน • ฝ้าเพดาน • พ่นพียูโฟม ราคา • พี.ยู.โฟม คืออะไร • พียูโฟม • พียูโฟม pantip • พียูโฟม กระป๋อง • ราคา พี ยู โฟม • หลังคา • เซรามิคโค๊ดติ้ง • แผ่นฉนวนกันความร้อน • โฟม พียู • โฟมพี.ยู. • โฟมพียู 0 Comments การเลือกฉนวนกันความร้อนอากาศบ้านเราทุกวันนี้ค่อนไปทางร้อนถึงร้อนมาก ความร้อนเข้าไปเยี่ยมเราถึงในบ้านจากทุกทิศทุกทาง ทำให้หลายๆ บ้านต้องเปิดแอร์กันอยู่ตลอดเวลา ไม่ตรงกับวิถีการใช้ชีวิตแนวกรีนที่ทุกคน ทุกฝ่ายพยายามจะรณรงค์กันในปัจจุบัน ฉนวนกันความร้อนภายในบ้านจึงกลายเป็นหนึ่งในรายชื่อวัสดุก่อสร้างที่ขาดไม่ได้ในการสร้างบ้านเพื่อช่วยลดความร้อนในบ้าน ลดความจำเป็นในการใช้เครื่องปรับอากาศ และลดการใช้พลังงาน แต่ทำไมฉนวนกันความร้อนถึงได้มีให้เลือกมากมายหลายประเภทจนเริ่มสับสนว่าจะใช้ฉนวนป้องกันความร้อนแบบไหนดี? แล้วฉนวนที่ดีต้องดูอะไรบ้าง? วันนี้เราจะมาดูกันว่าจะเลือกฉนวนอย่างไรช่วยคลายร้อนให้บ้าน ทำไมฉนวนป้องกันความร้อนภายในบ้านถึงได้มีหลายแบบ?หลักการทำงานของฉนวนกันความร้อนก็คือการดัก การหน่วงอากาศร้อนจากภายนอกให้ผ่านเข้ามาในบ้านได้น้อยที่สุด แต่เนื่องจากพื้นที่ที่จำเป็นต้องติดตั้งฉนวนกันความร้อนแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน ทั้งเรื่องจุดติดตั้งฉนวน ความร้อนที่เข้ามา ข้อจำกัดอื่นๆ ของพื้นที่เอง มันก็เลยจำเป็นที่จะต้องมีฉนวนกันความร้อนที่เหมาะสมกับตัวแปรพวกนี้ หลักๆ แล้ว เราจะใส่ฉนวนกันความร้อนอยู่ 3 จุดใหญ่ๆ ในบ้าน ด้วยกันคือ หลังคา – เป็นพื้นที่โดนแดดนานเกือบทั้งวัน สะสมความร้อนเอาไว้มากกว่าส่วนอื่นๆ และมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องอุณหภูมิอยู่เสมอ ฉนวนที่เหมาะกับพื้นที่ส่วนนี้จึงต้องทนต่อการเปลี่ยนแปลง ของอากาศได้ดี ฝ้าเพดาน – เป็นส่วนที่รับความร้อนจากหลังคาก่อนจะผ่านเข้ามาในตัวบ้าน ฉนวนที่เหมาะกับพื้นที่ส่วนนี้จะต้องไม่สะสม ความร้อนเอาไว้ในตัวฉนวนและยังต้องถ่ายเทความร้อนเข้าสู่ภายในบ้านต่ำด้วย ผนังรอบบ้าน – เป็นจุดที่มีเนื้อที่รับแดดมากที่สุดในบ้าน ถึงจะโดนแดดไม่นานเท่าหลังคาแต่ก็สามารถบ่มความร้อนให้ตัว บ้านได้ไม่แพ้จุดอื่นๆ ฉนวนที่เหมาะกับบริเวณนี้จึงต้องต้านทานความร้อนได้สูงพอสมควร ที่สำคัญต้อง ทนน้ำ ทนชื้นได้ เพื่อไม่ทำให้ประสิทธิภาพกันร้อนลดลงหรือฉนวนกันความร้อนเสียหาย คุณสมบัติของฉนวนกันความร้อนทีดี“เลือกฉนวนต้องเลือกที่ค่า R ตัวเลขสูงๆ ค่า K ต้องต่ำๆ ” ส่วนใหญ่เรามักจะได้ยินคำแนะนำทำนองนี้ ในการเลือกซื้อฉนวนกันความร้อน ก็เพราะฉนวนกันความร้อนมีประสิทธิภาพกันความร้อนได้ก็ด้วยค่าเหล่านี้นั่นเองค่ะ มาดูกันหน่อยว่า ค่าต่างๆ พวกนี้หมายถึงอะไรและมีผลอย่างไรกับประสิทธิภาพการทำงานของฉนวนบ้าง ค่า R -value (resistivity) หรือค่าความต้านทานความร้อนของฉนวน ตัวเลขที่กำกับไว้จะบอกเราว่า ฉนวนชนิดนั้นต้านทานความร้อนที่เข้ามาได้มากน้อยแค่ไหน ยิ่งตัวเลขมากเท่าไหร่ ก็หมายความว่าฉนวนชนิดนั้นต้านทานความร้อนไม่ให้ผ่านเข้าไปในบ้านได้มากเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะเลือกฉนวนที่มีค่านี้สูงๆ ไว้ก่อน ส่วนค่า K-value หรือ conductivity เป็นค่าที่บอกว่า ฉนวนชนิดนั้นมีคุณสมบัตินำความร้อนมากน้อยแค่ไหน ตามธรรมชาติแล้ว อากาศร้อนจะเข้าไปแทนที่อากาศที่เย็นกว่าเสมอ แต่ถ้าวัสดุนั้นมีค่าการนำความร้อนต่ำ อากาศร้อนก็จะผ่านตัวฉนวนเข้ามาที่ตัวบ้านได้น้อยลง โดยมากแล้วตัวเลขยิ่งต่ำก็ยิ่งดี ค่า Thermal Capacity หมายถึงความสามารถในการเก็บหรือสะสมความร้อนของตัวฉนวน ตัวนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน ยิ่งตัวเลขน้อยๆ ก็แสดงว่าฉนวนชนิดนั้นสะสมความร้อนไว้ในตัวฉนวนต่ำ ส่วนใหญ่แล้วค่า Thermal Capacity ส่วนใหญ่แล้วยิ่งต่ำก็ยิ่งดี เช่นเดียวกับกับค่า K-value เพราะฉะนั้นแล้ว ฉนวนที่ดี มีประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อน ก็จะต้องต้านทานความร้อนได้สูง ในเวลาเดียวกันก็จะต้องถ่ายเทความร้อนต่ำ และต้องไม่เก็บหรือสะสมความร้อนเอาไว้ในเนื้อฉนวนด้วยถึงจะเป็นฉนวนที่ทำให้อากาศภายในบ้านไม่ร้อนอบอ้าว แต่แน่นอน ฉนวนแต่ละตัวมักจะมีคุณสมบัติที่เด่นไม่เหมือนกัน เจ้าของบ้านจึงต้องชั่งใจว่า คุณสมบัติไหนเหมาะกับการใช้งานของตนมากที่สุด
รูปซ้าย. ผนังที่ไม่ใส่ฉนวน รูปขวา. ผนังที่ใส่ฉนวน
ข้อดี-ข้อเสียของวัสดุฉนวนแต่ละชนิดวัสดุที่นิยมนำมาทำฉนวนมีอยู่หลากหลายชนิดซึ่งพอจะแยกตามการใช้งานของมันได้เช่น แบบแผ่น ฉนวนแบบโฟมอัด แบบที่เป็นของเหลวที่ไว้ใช้ฉีดพ่น เป็นต้น นอกจากแยกตามการนำไปใช้งานแล้ว ยังแยกย่อยไปตามชนิดของวัสดุได้อีก ไม่ว่าจะเป็น ใยแก้ว ใยแร่ เยื่อกระดาษ foam board โฟม PU ฯลฯ ซึ่งมีคุณสมบัติที่เหมาะกับการใช้งานที่ต่างกัน ฉนวนประเภทหนึ่งก็อาจจะมีการยืด-หดตัวสูงเมื่อเจอความร้อน บางประเภทก็เสื่อมประสิทธิภาพกันความร้อนเมื่อโดนน้ำหรือแค่ความชื้นในอากาศ หรือบางประเภทก็ทนน้ำ ทนความชื้นได้ดีแต่ไม่ทนแดด ไม่ทนแรงกดทับบีบอัด ยุบตัวลงเรื่อยๆ เมื่อผ่านการใช้งานไปได้ระยะหนึ่ง เราเลยลองทำตารางเปรียบเทียบฉนวนแต่ละประเภทมาให้ได้ดูกันค่ะ เราสามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพของฉนวนแต่ละชนิดได้อย่างไรฉนวนที่ดีจะมีค่าการนำความร้อน ((λ) หรือ K value) ต่ำ ค่าการนำความร้อนหมายถึงฉนวนชนิดนั้นๆยอมให้ความร้อนผ่านตัววัสดุได้ง่ายแค่ไหน มีหน่วยวัดเป็น W/mK หากวัสดุมีคุณสมบัติความเป็นฉนวนดีจะมีค่าการนำความร้อนต่ำยิ่งสามารถใช้ความหนาของฉนวนที่บางลงได้ ค่าการนำความร้อนเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัววัสดุไม่ขึ้นกับความหนา ฉนวนที่ดีจะมีค่าการต้านทานความร้อน (R value) สูง ค่าการต้านทานความร้อนหมายถึงความสามารถของวัสดุที่จะยับยั้งการไหลหรือถ่ายเทความร้อน วัดเป็นค่าพลังงานต่อตารางเมตรต่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงหนึ่งองศาเคลวิน ค่าการต้านทานความร้อนยิ่งสูง ความเป็นฉนวนยิ่งดี คำนวณเป็นส่วนกลับของค่าการนำความร้อนขึ้นอยู่กับความหนาของวัสดุด้วย แต่ละความหนาก็จะมีค่าการนำความร้อนที่แตกต่างกันไป ดังนั้นหากต้องการเปรียบเทียบค่าการต้านทานความร้อนของวัสดุหลายๆ ชนิด อย่าลืมเทียบที่ความหนาเท่าๆ กัน ฉนวนกันความร้อนแบบไหนดีที่สุด ?ถ้าถามว่าฉนวนแบบไหนดีที่สุดในโลกหรือแย่ที่สุดในโลก ก็คงตัดสินเป็นเอกฉันท์ไม่ได้เสียทีเดียว เพราะฉนวนแต่ละประเภทก็มีการใช้งานที่เหมาะสมกับคุณสมบัติของตัวมัน การเลือกฉนวนจึงน่าจะขึ้นอยู่กับความจำเป็นในการใช้งานและความพอใจของคนซื้อมากกว่า คนซื้อพอใจกับความหนา พอใจที่จะจ่ายในราคานี้มั้ย ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมากน้อยแค่ไหน หรือจะนำไปติดตั้งส่วนไหนของบ้าน เลือกที่จะติดตั้งเองหรือต้องว่าจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญติดตั้งให้? รวมถึงปัจจัยอื่นๆ อย่างเช่น อายุการใช้งาน ระวังเรื่องการกดทับด้วยสำหรับฉนวนชนิดเส้นใย โดยเฉพาะในขณะติดตั้งไม่ควรเดินเหยียบบนฉนวนโดยตรง เพราะเส้นใยที่ถูกทำให้แฟบแบนจะเสื่อมประสิทธิภาพป้องกันความร้อน แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้หาไม้กระดานปูทับก่อนแล้วค่อยเดินบนไม้กระดานแทน เพื่อลดแรงกดทับบนฉนวน ส่วนฉนวนที่ผลิตจากโฟม ทั้งชนิดอัดแผ่นเรียบและชนิดฉีดพ่น ก็อาจจะบิดงอ เสียรูปเมื่อโดนความร้อนจัดหรือแสงแดดโดยตรงถ้าไม่มีวัสดุป้องกันแสง UV ปิดทับอีกชั้น ถ้าเรารู้สึกว่าบ้านร้อนขึ้นทั้งๆ ที่ติดฉนวน ให้สันนิษฐานก่อนว่าอาจจะมีฉนวนส่วนไหนเสียหาย อย่าปล่อยให้ฉนวนฉีกขาดโดยไม่ซ่อมแซม ปล่อยให้ความชื้นเข้าไป แมลงเข้าไปกัดแทะทำลายหรือทำรัง ฉนวนก็จะใช้งานไปได้อีกนานๆ หลายปีอย่างที่ควรจะเป็น ความปลอดภัยต่อผู้ติดตั้ง เจ้าของบ้านและสิ่งแวดล้อม แต่ที่เป็นปัญหาแน่ๆ โดยเฉพาะฉนวนแบบเส้นใยก็คือ อาการระคายเคืองผิวเมื่อสัมผัสฉนวนในขณะติดตั้งโดยเฉพาะฉนวนใยแก้วที่ไม่ได้มีแผ่นอลูมินั่มฟอยด์หุ้มปิด ก่อนติดตั้งให้สวมใส่เสื้อผ้าที่ปิดคลุมร่างกายมิดชด สวมถุงมือ หน้ากากปิดปากจมูกให้เรียบร้อย หลังติดตั้งแล้วก็ควรอาบน้ำด้วยฝักบัวเพื่อให้แรงดันน้ำจากฝักบัว ชะล้างเอาเศษเส้นใยขนาดเล็กที่อาจติดอยู่ตามผิวหนังหลุดออกไปกับน้ำ สมัยก่อนฉนวนกันความร้อนยังไม่สามารถนำกลับไปใช้ใหม่ เดี๋ยวนี้ฉนวนกันความร้อนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น บางชนิดสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ บางชนิดก็ทำมาจากวัสดุที่ใช้แล้วอย่างแก้วหรือกระดาษใช้แล้ว ส่วนใครจะเลือกใช้แบบไหนก็ขึ้นอยู่กับว่า คนซื้อใส่ใจกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมมากน้อยแค่ไหน ราคา แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกฉนวนกันความร้อนด้วยเหตุผลอะไร ข้อสำคัญคือ ทำความเข้าใจกับข้อมูลของสินค้า ชนิดของฉนวน การติดตั้ง ข้อจำกัด ตัวเลขแสดงค่าต่างๆ ของฉนวน ข้อมูลด้านความปลอดภัย มาตรฐานความปลอดภัย(มอก.) และเพื่อให้การลงทุนซื้อฉนวนกันความร้อนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรจะศึกษาไปถึงการป้องกันความร้อนเข้าบ้านทั้งระบบ ว่าฉนวนแบบไหน เหมาะกับการใช้งานแบบไหน ควรจะติดตั้งตรงไหน ควบคู่กับอะไร เพื่อให้เราได้ประโยชน์จากฉนวนนั้นจริง เพียงแค่นี้ เราก็สามารถลดอุณหภูมิในบ้านเย็นลงได้โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศตลอดเวลาแล้วค่ะ |