วีซ่า J1 Work and Travel อยู่ได้กี่เดือน

เอกสารวีซ่า J1 เป็นเอกสารที่ทางรัฐบาลอเมริกาออกให้เพื่อบุคคลที่เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนของรัฐบาล ที่มีจุดประสงค์หลักคือการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวอเมริกัน บุคคลที่สามารถขอวีซ่า J1 ได้นั้นจะต้องผ่านคุณสัมบัติต่างๆที่ทางโครงการแลกเปลี่ยนนั้นๆ กำหนดไว้ รวมทั้งได้รับเอกสารประกอบที่ถูกต้องตามกฎหมายของทางรัฐบาลอเมริกา ซึ่งในโครงการแลกเปลี่ยน Work & Travel USA. นี้ นักเรียนจำต้องได้รับเอกสาร DS-2019 ที่ออกโดยนายจ้างก่อนการยื่นขอวีซ่า J1

  • DS-2019 Form
    เอกสาร DS-2019 เป็นเอกสารสำคัญประกอบการขอวีซ่า J1 สำหรับบุคคลที่เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน เป็นเอกสารสำคัญที่แสดงถึงสถานะของบุคคล ว่าได้เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนชนิดใด และสถาบันใดเป็นผู้รับรองการเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาของบุคคลนั้นๆ ทั้งนี้บนเอกสาร DS-2019 จะระบุถึงระยะเวลาที่บุคคลนั้นจะสามารถพำนักอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

  • SEVIS Fee
    SEVIS (Student and Exchange Visitor Information System) คือค่าธรรมเนียมที่นักศึกษาต่างชาติต้องจ่ายเพิ่มเติมจากค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าปกติผู้ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมนี้จะเป็นเฉพาะผู้ที่เป็น นักศึกษาใหม่ในโครงการแลกเปลี่ยนในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือผู้ที่เคยได้รับวีซ่านักเรียน และกลับมาอยู่ในประเทศไทย นานเกินกว่า 5 เดือน และต้องการกลับเข้าไปเรียนหนังสือในสหรัฐอมริกาใหม่ สำหรับค่าธรรมเนียม SEVIS Fee ของนักศึกษาโครงการ Work and Travel USA. คือ 35 เหรียญสหรัฐ หรือเป็นเงิน 1,300 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน ณ ขณะนั้น นอกจากนี้ การที่นักศึกษาได้ลงทะเบียนในระบบ SEVIS แล้ว จะทำให้ข้อมูลของนักศึกษาถูกเก็บรวบรวมอยู่ใน database ของทางสถานทูตเพื่อสามารถติดต่อนักศึกษาได้ในกรณีฉุกเฉินตลอดระยะเวลาที่นักศึกษาเข้าร่วมโครงการ Work and Travel USA.

  • Social Security Card
    บัตร SSC เปรียบเสมือนบัตรประจำตัวของบุคคลที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้เป็นเอกสารในการแสดงสถานะของบุคคลนั้นๆ ที่สามารถทำงานในสหรัฐอเมริกาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมใช้หมายเลขบนบัตร SSC เป็นหมายเลขประจำตัวในการเสียภาษีเช่นกัน ดังนั้น นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ Work & Travel USA. จะได้รับบัตร SSC ถูกต้องตามกฎหมายเช่นกัน

    หลาย ๆ คนที่สนใจเรียนต่อหรือทำงานต่างประเทศ อาจเคยได้ยินชื่อโครงการเหล่านี้อยู่บ้าง เอ แล้วแต่ละโครงการแตกต่างกันอย่างไร เราสามารถสมัครโครงการไหนได้บ้าง แล้วโครงการไหนเหมาะสมกับเรามากที่สุดล่ะ วันนี้ conNEXT จึงได้รวบรวม 6 สิ่งที่ควรรู้มาฝาก จะมีอะไรบ้าง ตามมาดูกัน

    วีซ่า J1 Work and Travel อยู่ได้กี่เดือน

    Work and Travel (WAT)

    คืออะไร: คือโครงการระยะสั้นสำหรับนิสิตนักศึกษาในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน จุดประสงค์ คือ เพื่อเรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทยกับวัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ เกิดการพัฒนาภาษา และได้เรียนรู้โลกแห่งการทำงานจริง

    สรุปง่าย ๆ คือ ทำงานเป็นหลัก เที่ยวเป็นรองนั่นเอง

    ใครสามารถเข้าร่วมโครงการได้บ้าง: นิสิตนักศึกษาระดับปริญญาตรี-โท อายุตั้งแต่ 18–28 ปี

    ประเภทวีซ่าและระยะเวลา: วีซ่าประเภท J1 ระยะเวลาสูงสุด 4 เดือน และหลังวีซ่าหมดอายุ สามารถอยู่เที่ยวต่อได้อีก 30 วัน แต่ห้ามทำงานเด็ดขาด

    ขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการ:

    • เลือก agency ที่ดีและน่าเชื่อถือ
    • สอบวัดระดับภาษาอังกฤษ (คะแนนที่ได้มีผลต่อการเลือกงาน)
    • เลือกงานที่สนใจ
    • สอบสัมภาษณ์กับผู้จ้างงาน
    • สอบขอวีซ่า

    *จะเห็นว่าทักษะภาษาอังกฤษสำคัญมาก เป็นตัวตัดสินว่าเราจะเข้าร่วมโครงการได้หรือไม่

    ทำงานอะไรได้บ้าง: งานบริการต่าง ๆ ที่ไม่มีความซับซ้อนมากนัก เช่น งานสวนสนุก โรงแรม ร้านอาหาร หรือร้านค้าต่าง ๆ

    สิ่งที่ควรรู้: WAT มีข้อดีมาก เช่น ได้ฝึกภาษา ท่องเที่ยว เรียนรู้การทำงาน ออกไปใช้ชีวิต พบเจอผู้คนใหม่ ๆ ทำให้เราเติบโตขึ้น แต่ก็มีข้อควรระวัง เช่น งบประมาณที่ไม่แน่ชัดว่าต้องใช้จ่ายกับอะไรบ้าง เอกสารมีเงื่อนไขยุ่งยาก ค่ารักษาพยาบาลที่มีจำกัด ประกันอุบัติเหตุที่ไม่คุ้มครองในเหตุการณ์บางอย่าง ดังนั้น ก่อนเดินทาง ควรศึกษาเงื่อนไขในเอกสาร รวมถึงกฎหมายและค่าครองชีพของประเทศที่จะไปอย่างละเอียด

    Work and Study 

    คืออะไร: คือวีซ่านักเรียนนั่นเอง ปกติเมื่อนักเรียนเดินทางไปเรียนที่ประเทศต่าง ๆ จะได้วีซ่าที่สามารถทำงานและเรียนไปด้วยได้ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับนักเรียนมาก เพราะจะได้ฝึกการแบ่งเวลาและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ประเทศที่นักเรียนสามารถทำงานและเรียนไปด้วยได้ เช่น สหราชอาณาจักร แคนาดา ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้

    สรุปง่าย ๆ คือ เรียนเป็นหลัก ทำงานเป็นรองนั่นเอง

    ใครสามารถเข้าร่วมโครงการได้บ้าง: บุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป

    ประเภทวีซ่าและระยะเวลา: 

    -วีซ่าประเภท Student Visa ระยะเวลาแล้วแต่จะกำหนด แต่สูงสุด 4 ปี นอกจากนี้ แต่ละประเทศอนุญาตให้นักเรียนมีชั่วโมงทำงานแตกต่างกัน เช่น

    -วีซ่านักเรียนอังกฤษ (Tier-4 Student Visa) อนุญาตให้นักเรียนทำงาน Part-Time ได้ไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในช่วงเปิดเทอมและไม่จำกัดเวลาในช่วงปิดเทอม

    -วีซ่านักเรียนนิวซีแลนด์อนุญาตให้นักเรียนทำงานได้ไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์และทำ full-time ได้ในวันหยุดราชการ

    -วีซ่านักเรียนออสเตรเลียอนุญาตให้ทำงานได้ไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อ 2 สัปดาห์ (14 วัน เริ่มนับตั้งแต่วันจันทร์) ในช่วงเปิดเทอม และทำงานได้ไม่จำกัดเวลาในช่วงปิดเทอม

    -วีซ่านักเรียนสิงคโปร์อนุญาตให้นักเรียนทำงานได้ไม่เกิน 16 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในช่วงเปิดเทอมแบบไม่ต้องมี work pass แต่ต้องเป็นนักเรียนที่ลงเรียนแบบ full-time กับสถาบันที่ทางการกำหนด หรือเป็นผู้ที่ถือ Student Pass โดยสถาบันที่ทางการรับรองให้ทำงานพิเศษได้ทั้งหมด 24 แห่ง (ดูรายชื่อสถาบันได้ที่ Ministry of Manpower)  

    ขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการ:

    • เลือกเมือง โปรแกรม และสถาบันที่สนใจ จากนั้นกรอกใบสมัคร และสอบวัดระดับภาษา
    • เมื่อชำระค่าโครงการแล้ว จะได้รับเอกสารตอบรับจากสถาบันเพื่อใช้ประกอบการยื่นวีซ่า
    • เตรียมเอกสารและทำการยื่นวีซ่า
    • เดินทางเข้าร่วมโครงการ ณ ประเทศนั้น ๆ

    ทำงานอะไรได้บ้าง: เราสามารถหางานได้เองหรือโรงเรียนอาจมีบริการช่วยเหลือเรื่องการหางาน งานมีหลากหลายตั้งแต่งานพาร์ทไทม์ทั่วไปจนถึงงานที่ตรงตามหลักสูตรการเรียน

    สิ่งที่ควรรู้: ข้อดีคือได้เรียนภาษาแบบจริงจัง ได้เพื่อน แต่เนื่องจากเรียนเป็นหลัก ค่าใช้จ่ายจึงค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม ยังได้เงินจากการทำงาน

    Work and Holiday 

    คืออะไร: คือโครงการแลกเปลี่ยนที่สนับสนุนให้เยาวชนไทยได้ออกไปเรียน ทำงาน และท่องเที่ยว เป็นเวลา 1 ปี เพื่อเปิดโลกทัศน์ สามารถปรับตัวและเข้าใจในวัฒนธรรมที่แตกต่าง หาประสบการณ์การทำงาน ฝึกฝนการใช้ภาษาอังกฤษ และได้เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น เยาวชนสามารถเลือกไปได้ 2 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ (โครงการ Work and Holiday Visa (WHV) ไทย — ออสเตรเลีย และ โครงการ Working Holiday Scheme (WHS) ไทย — นิวซีแลนด์)

    สรุปง่าย ๆ คือ เป็นการผสมผสานระหว่าง เรียน ทำงาน และท่องเที่ยว

    ใครสามารถเข้าร่วมโครงการได้บ้าง:

    • อายุ 18–30 ปี (อายุต้องไม่เกิน 31 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ยื่นขอวีซ่า)
    • จบปริญญาตรีขึ้นไป
    • มีหลักฐานทางการเงินเป็นบัญชีออมทรัพย์ของผู้สมัครเอง (5,000 AUD สำหรับประเทศออสเตรเลีย และ 7,000 NZD สำหรับประเทศนิวซีแลนด์)
    • มีหลักฐานแสดงทักษะภาษาอังกฤษ (IELTS 4.5 หรือเทียบเท่า)

    ประเภทวีซ่าและระยะเวลา: วีซ่าเพื่อท่องเที่ยวและทำงาน ระยะเวลา 1 ปี

    ขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการ:

    • ลงทะเบียนออนไลน์เพื่อรับ Username และ Password ผ่านเว็บไซต์ของกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) www.dcy.go.th
    • รอกดโควตาเพื่อขอหนังสือรับรองคุณสมบัติเพื่อประกอบการขอวีซ่าออนไลน์ ขั้นตอนนี้ต้องแข่งขันกันว่าใครจะกดได้เร็วที่สุดเพราะมีผู้สมัครเป็นจำนวนมากทำให้โควตาเต็มเร็วเป็นประจำทุกปี
    • ยื่นเอกสารเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติกับทาง ดย.
    • รับหนังสือรับรองคุณสมบัติ และนำไปยื่นวีซ่ากับสถานทูต
    • เมื่อได้วีซ่าแล้วต้องเดินทางภายใน 1 ปี และอายุของวีซ่าจะนับจากวันที่เดินทางถึงประเทศนั้น ๆ ต่อไปอีก 1 ปี

    ทำงานอะไรได้บ้าง: ผู้ที่ได้รับเลือกเข้าโครงการต้องดำเนินการหางาน ที่พัก หรือสถานที่เรียนด้วยตนเอง งานมีหลากหลายตั้งแต่งานพาร์ทไทม์ทั่วไปจนถึงงานออฟฟิศ

    สิ่งที่ควรรู้: เนื่องจากไม่ใช่วีซ่าทำงาน แต่เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีประสบการณ์ใช้ชีวิตในต่างประเทศที่หลากหลาย จึงห้ามทำงานที่เดียวเกินระยะเวลาที่กำหนด หากเกินถือว่าทำผิดกฎหมาย

    • นิวซีแลนด์ ห้ามทำงานประจำที่เดียวเกิน 3 เดือน
    • ออสเตรเลีย ห้ามทำงานประจำที่เดียวเกิน 6 เดือน

    และสามารถเข้าเรียนโดยไม่เกิน 3 เดือนสำหรับนิวซีแลนด์ และ 4 เดือนสำหรับออสเตรเลีย

    เป็นอย่างไรกันบ้างกับทั้ง 3 โครงการ หากใครสนใจโครงการไหนก็เตรียมตัวหาข้อมูลให้ดี ฝึกภาษาให้แม่น เก็บเงินให้พร้อม แล้วลุยกัน! ประสบการณ์แบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อย ๆ นะ

    วีซ่า Work and Travel ได้กี่เดือน

    Work and Travel (WAT) ประเภทวีซ่าและระยะเวลา: วีซ่าประเภท J1 ระยะเวลาสูงสุด 4 เดือน และหลังวีซ่าหมดอายุ สามารถอยู่เที่ยวต่อได้อีก 30 วัน แต่ห้ามทำงานเด็ดขาด ขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการ: เลือก agency ที่ดีและน่าเชื่อถือ

    ไป Work and Travel ทำงานได้กี่เดือน

    คำถามที่พบบ่อย ถาม ระยะเวลาเข้าร่วมโครงการนานเท่าไหร่และสามารถเข้าร่วมโครงการได้กี่ครั้ง ตอบ โครงการ Work & Travel in USA จะอยู่ในช่วงของการปิดเทอมภาคฤดูร้อน ซึ่งจะมีระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือน และสามารถอยู่ท่องเที่ยวต่อได้อีก 30 วันหลังจากวีซ่าหมดอายุ และสามารถเข้าร่วมโครงการได้ 2 ครั้ง

    J

    เป็นวีซ่าสำหรับนักเรียน/นักศึกษา รวมถึงผู้ที่ต้องการไปศึกษาดูงาน ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ความรู้ ศิลปะ และวิทยาศาสตร์ หรือประสบการณ์ต่างๆ กับชาวอเมริกัน โดยวีซ่าโครงการแลกเปลี่ยน J1 จะได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศได้สูงสุด 2 ปี อีกทั้งได้รับอนุญาตให้ทำงานโดยไม่จำกัดชั่วโมงการทำงาน ...

    Work and Travel กี่วัน

    โครงการ Work and Travel in USA จะอยู่ในช่วงของการปิดเทอมภาคฤดูร้อน แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลาคือ ช่วงสปริง Spring (เดือนมีนาคม - เดือนกรกฏาคม) และช่วง Summer (เดือนพฤษภาคม - เดือนกันยายน) ซึ่งจะมีระยะเวลา 2 เดือนครึ่ง ถึง 4 เดือน ซึ่งผู้เข้าร่วมร่วมโครงการฯ จะได้รับวีซ่าประเภท J-1 ทำให้สามารถอยู่ท่องเที่ยวต่อในประเทศ ...