รวมระยะการเปลี่ยนถ่ายของเหลวในรถยนต์ Show Create Date: 9 กันยายน 2562 1. น้ำมันเครื่อง 2. น้ำมันเบรก 3. น้ำมันเกียร์ / น้ำมันเฟืองท้าย 4. น้ำมันพาวเวอร์ 5. น้ำยาหม้อน้ำ รถยนต์นั้นเมื่อถูกใช้งานจะประกอบด้วยการทำงานของหลายๆส่วนร่วมกัน โดยหัวใจหลักในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์คงหนีไม่พ้นระบบของเหลวไม่ว่าจะเป็น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ น้ำยาหล่อเย็น น้ำมันพาวเวอร์ เป็นต้น โดยของเหลวเหล่านี้แน่นอนว่าต้องมีอายุการใช้งานที่ครบกำหนดแล้วต้องทำการเปลี่ยนใหม่ ว่าแต่ของเหลวในรถยนต์ ควรเปลี่ยนถ่ายตอนไหนบ้าง วันนี้พี่หมี TQM มีคำตอบมาฝากครับ
1. น้ำมันเครื่องน้ำมันเครื่องก็เปรียบเสมือนเลือดที่หล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ ถือเป็นของเหลวที่เปลี่ยนบ่อยมากที่สุด เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้ โดยนิยมเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อรถวิ่งถึงระยะ 8,000 – 10,000 ก.ม. หรือทุกๆ 6 เดือน แต่ทั้งนี้ระยะการเปลี่ยนขึ้นอยู่กับ ประเภทน้ำมันเครื่องที่ใช้ และการใช้งานงานของรถว่าใช้งานบ่อยแค่ไหน และขับขี่ไปได้กี่กิโลเมตร น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา 5,000 กิโลเมตร , น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ 7,500-8,000 กิโลเมตร และน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 10,000-15,000 กิโลเมตร 2. น้ำมันเบรกน้ำมันเบรกก็ถือว่าเป็นของเหลวที่สำคัญ มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบเบรก โดยปกติแล้วน้ำมันเบรกควรเปลี่ยนถ่ายทุก ๆ 40,000 กิโลเมตร ส่วนมากแล้ว น้ำมันเบรกจะมีอายุได้ถึง 80,000 กิโลเมตร หรือ ประมาณ 3 ปี การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกก็เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และป้องกันสนิม เพราะการเปลี่ยนน้ำมันเบรกจะช่วยไล่ความชื้นที่ผสมอยู่ในน้ำมันเบรกได้ 3. น้ำมันเกียร์น้ำมันเกียร์ มีทำหน้าที่หล่อลื่น ระบายความร้อน และลดแรงเสียดสี ป้องกันสนิมจากการกัดกร่อนระหว่างชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ ทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์ออโต้ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ทุกๆ 30,000 หรือ 40,000 กิโลเมตร หรือ 2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานรถของแต่ละคน
4. น้ำยาหล่อเย็นน้ำยาหล่อเย็น มีทำหน้าที่ช่วยรักษาระดับอุณหภูมิของเครื่องยนต์ไม่ให้ร้อนจนเกินไป และยังป้องกันการเกิดสนิมตะกรัน ตะกอน ต่างๆภายในหม้อน้ำ และทางเดินน้ำต่างๆ โดยควรล้างหรือเปลี่ยนถ่ายทุก ๆ 6-9 เดือน หรือ 50,000 กิโลเมตร ระยะการเปลี่ยนถ่ายนั้นขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่น และน้ำยาที่ใช้ 5. น้ำมันพาวเวอร์น้ำมันพาวเวอร์ หรือน้ำมันพวงมาลัย โดยมากอาจมีให้เห็นในรถรุ่นเก่าๆที่เป็นระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฮดรอลิค เป็นของเหลวที่ช่วยในการทำให้เราหมุนพวงมาลัยได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าหากน้ำมันไม่เพียงพอ ก็จะส่งผลให้บังคับเลี้ยวยากขึ้นเช่นกัน โดยเปลี่ยนถ่ายน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ทุก 80,000 กิโลเมตร 6. น้ำฉีดกระจกปิดท้ายกันที่น้ำฉีดกระจกที่มีหน้าที่ในการชะล้าง ทำความสะอาดคราบ หรือสิ่งสกปรกต่างๆ ที่เลอะบริเวณกระจกหน้ารถ เพื่อทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่รถ โดยคุณควรหมั่นตรวจเช็กอยู่เสมอสัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้พร้อมต่อการใช้งานอยู่ตลอดเวลา โดยสามารถใช้ได้ทั้งน้ำเปล่า หรือน้ำที่ผสมน้ำยาล้างรถก็สามารถทำได้เช่นกัน
และนี่ก็เป็นระยะเวลาในการตรวจเช็ก เปลี่ยนถ่ายของเหลวต่างๆ ในเครื่องยนต์ หากของเหลวในรถของเพื่อนๆครบกำหนดแล้วละก็อย่าลืมที่จะทำการเปลี่ยนทันที เพื่อช่วยถนอมเครื่องยนต์ให้อยู่กับเราไปนานๆ ดูแลของเหลวในรถแล้ว อย่าลืมที่จะมองหา ประกันรถยนต์ ราคาดี คุ้มครองจัดเต็ม ที่TQM สามารถให้คุณ เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ ได้ด้วยตัวเอง เพื่อได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าตรงใจคุณ คลิกเลยที่นี่ หรือโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1737 ตลอด 24 ชั่วโมงครับ ค้นหาราคาประกันรถยนต์กรุณาเลือกประเภทประกันภัยรถยนต์ เปลี่ยนน้ำมันเกียร์เฟืองท้ายกี่กิโล- การรั่วซึมของน้ำมันเฟืองท้ายเมื่อครบ 1,000 กม.แรก และ ทุกๆ 3,000 กม. - เปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้ายเมื่อครบ 1,000 กม.และทุกๆ 10,000 กม. - สายพาน V ให้ตรวจสอบการชำรุดเสียหายและสึกหรอเมื่อครบ 7,000 กม. และทุกๆ 3,000 กม. - ตัวสายพานควรเปลี่ยนใหม่เมื่อครบ 25,000 กม.
น้ำมันเฟืองท้ายรถกระบะกี่กิโลเปลี่ยนควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเฟืองท้ายทุกๆ ระยะ 20,000 กิโลเมตร ถ้าไม่มีเปลี่ยนถ่าย จะทำให้เฟืองท้ายเกิดการสึกหรอไปเรื่อยๆ และอาจทำให้เกิดความเสียหายหนักได้
ถ่ายของเหลวรถยนต์ กี่กิโลเปลี่ยนถ่ายของเหลวในรถยนต์ น้ำมันเครื่องสำคัญ
น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา เปลี่ยนถ่ายทุกๆ 5,000-8,000 กม. น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ เปลี่ยนถ่ายทุกๆ 8,000-10,000 กม. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ เปลี่ยนถ่ายทุกๆ 10,000-15,000 กม.
น้ำมันเกียร์ออโต้กี่ปีเปลี่ยน3. น้ำมันเกียร์
น้ำมันเกียร์ มีทำหน้าที่หล่อลื่น ระบายความร้อน และลดแรงเสียดสี ป้องกันสนิมจากการกัดกร่อนระหว่างชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ ทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์ออโต้ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ทุกๆ 30,000 หรือ 40,000 กิโลเมตร หรือ 2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานรถของแต่ละคน
|