การมีจิตอาสาช่วยให้สังคมน่าอยู่อย่างไรบ้าง

จิตอาสา

จิตอาสา เป็นคำที่เราได้ยินกันบ่อยครั้งเมื่อเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิต ทรัพย์สินของผู้คนในพื้นที่ต่าง ๆ ก็จะมีเหล่าจิตอาสาไปช่วยเหลือ จิตอาสาคืออะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร วันนี้เรามีความรู้เรื่องนี้มาฝากกันค่ะ

จิตอาสา มีที่มาจากการรวมกันของคำสองคำ คือคำว่า “จิต” และคำว่า “อาสา” จิต หมายถึง จิตใจหรือความรู้สึกนึกคิด ส่วนอาสานั้น หมายถึง การทำสิ่งใดด้วยความสมัครใจโดยไม่มีผู้ใดบังคับ เมื่อนำสองคำมารวมกันก็กลายเป็นจิตอาสา ซึ่งหมายถึง การกระทำสิ่งใดก็ตามที่เป็นการช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความสมัครใจโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือด้วยแรงกายหรือสิ่งของเงินทอง การเห็นประโยชน์ส่วนรวมสำคัญ จำเป็นมากกว่าประโยชน์ส่วนตน มีความเสียสละเพื่อส่วนรวม โดยสามารถสรุปพฤติกรรมของผู้มีจิตอาสาได้ ดังนี้

  • มีจิตใจเมตตาและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น เข้าช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกเท่าที่ตนเองสามารถทำได้ ทั้งกำลังกาย กำลังทรัพย์ กำลังใจโดยไม่หวังผลตอบแทน หรือกระทั่งการให้ความรู้คำแนะนำ ล้วนแล้วแต่เป็นการช่วยเหลืออย่างจิตอาสาทั้งสิ้น
  • มีจิตใจเสียสละ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน เสียสละเวลาเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม
  • มีจิตใจมุ่งมั่นเพื่อพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น มีพฤติกรรมที่ใฝ่หาความรู้และเพียรพยายามที่จะแก้ไขปัญหาของส่วนรวม โดยไม่ขัดกับระเบียบวินัย กฎหมาย และศีลธรรมอันดีงาม
  • มีจิตสาธารณะ มีการประพฤติปฏิบัติที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมอยู่เสมอ รวมถึงการเข้าร่วมหรือให้ความร่วมมือกับชุมชนหรือสังคม ช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลรักษาสมบัติที่เป็นของส่วนรวมเท่าที่ตนทำได้ เคารพสิทธิหน้าที่ของตนเองและผู้อื่น

หัวใจจิตอาสา  ว่าที่ร้อยตรีอาทิตย์  อนุสรณ์  ...“ทำความดีด้วยหัวใจ  เพราะพลังของการให้..ไม่มีที่สิ้นสุด”

  

การมีจิตอาสาช่วยให้สังคมน่าอยู่อย่างไรบ้าง

แนะนำตัวเอง  

ชื่อ  :  ว่าที่ร้อยตรีอาทิตย์  อนุสรณ์ ชื่อเล่น โควต้า

สถานที่ทำงาน  :  งานพิธีการและกิจการพิเศษ กองกลาง สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม 44150 โทรศัพท์ 043-754443 

การศึกษา  :  ปริญญาตรี  สาขาดุริยางศิลป์ วิทยาลัยดุริยางศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปริญญาโท สาขาวัฒนธรรมศาสตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

นอกเหนือจากงานในหน้าที่แล้ว  ได้มีภารกิจในงานจิตอาสาต่างๆ  ทำเกี่ยวกับอะไรบ้าง  

ปฏิบัติหน้าที่เป็นจิตอาสา 904 รหัส ก-387 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในการประสานงานและดำเนินกิจกรรม ร่วมกับศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน 904 จังหวัดมหาสารคาม / จิตอาสา 904 กองทัพภาคที่ 2 / จิตอาสา 904 สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม และ โรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน ศูนย์อํานวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.จอส.พระราชทาน)

ภารกิจขับเคลื่อนและเผยแผ่งานด้านทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมสู่ชุมชน อนุรักษ์สืบสานประเพณีท้องถิ่นอีสาน และส่งเสริมพระพุทธศาสนา ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม 

การมีจิตอาสาช่วยให้สังคมน่าอยู่อย่างไรบ้าง

เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการทำงานจิตอาสา

การทำงานในด้านจิตอาสาของผมนั้น มี Idol ที่เป็นแรงจูงใจและเป็นตัวอย่างตั้งแต่เด็กคือ คุณบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ที่ไปช่วยเหลือสังคมตามที่เห็นทางสื่อโทรทัศน์ ผมเห็นรอยยิ้มของผู้ให้และผู้รับ ดูแล้วมีความสุข เป็นแรงบันดาลใจ และเป็นตัวอย่างในการทำความดีเพื่อช่วยเหลือคนอื่นอยู่ตลอดเวลา     ผมถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ มีพ่อแม่ ครูอาจารย์ ที่คอยแนะนำอบรมสั่งสอนอยู่ตลอดเวลา ว่าให้เป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ มีโอกาสช่วยเหลือผู้ที่ลำบาก ผมเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่เติบโตท่ามกลางครอบครัวที่มีใจรักด้านศิลปวัฒนธรรมอีสาน คือการแสดงดนตรีและหมอลำ บางครั้งไม่มีค่าจ้าง ก็ต้องเสียสละไปช่วยชุมชนตามงานบุญในหมู่บ้าน เห็นความสนุกสนานของชาวบ้านลุกขึ้นมาฟ้อนรำ ก็มีความสุขตามไปด้วย ถ้าพูดถึงในจุดเริ่มต้นของจิตอาสานั้น ก็คงจะเน้นในช่วงเรียนในระดับมัธยม และมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วนั้นในช่วงที่เรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้มีโอกาสได้ร่วมงานกับเพื่อนนิสิตในการจัดทำกิจกรรม/โครงการในด้านช่วยเหลือสังคม ซึ่งสอดคล้องกับ อัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยที่ว่า “นิสิตกับการช่วยเหลือสังคมและชุมชน” ได้รับหน้าที่เป็นประธานดำเนินการจัดโครงการเผยแผ่ศิลปวัฒนธรรม (ดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน) โครงการทางด้านจิตอาสา ช่วยเหลือและพัฒนาสังคม ตลอดระยะเวลาที่ศึกษาในรั้วของมหาวิทยาลัยเรียกได้ว่ากิจกรรมไม่เคยขาด จะต้องมีงานอยู่ตลอดเวลา เวลาว่างต้องชวนเพื่อนๆน้องไปทำกิจกรรมจิตอาสาช่วยเหลือสังคม จนกระทั่งจบการศึกษาและมีโอกาสได้บรรจุรับราชการที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สิ่งที่ภูมิใจในการทำงานด้านจิตอาสามากที่สุดคือ ผมได้รับการเสนอชื่อจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อเข้ารับการพิจารณาคัดเลือกฝึกหลักสูตรจิตอาสา 904 ทั่วประเทศ จากทางโรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงจากทุกกระทรวง และเมื่อจบหลักสูตรออกมาแล้วจะต้องนำความรู้ที่ผ่านการอบรม มาขับเคลื่อน และดำเนินงานด้านจิตอาสาในสถาบันการศึกษาของตนเอง และทางมหาวิทยาลัยฯ ได้มอบหมายหน้าที่ในการขับเคลื่อนงานด้านจิตอาสาช่วยเหลือสังคมและประเทศชาติ ตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดโครงการ “จิตอาสา เราทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” หมายถึง ประชาชนทุกหมู่เหล่าทั้งในและต่างประเทศที่สมัครใจช่วยเหลือผู้อื่นยอมเสียสละเวลา แรงกาย แรงใจ และสติปัญญาใน การทำงานที่เป็นสาธารณประโยชน์ โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณฯ ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทรงมีพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคงและประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดังพระปฐมบรมราชโองการที่พระราชทานในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” ซึ่งผมได้น้อมนำเอามาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อน และทำกิจกรรมด้านจิตอาสา ในระดับมหาวิทยาลัยฯ เพื่อช่วยเหลือสังคมจนถึงปัจจุบันนี้ 

การมีจิตอาสาช่วยให้สังคมน่าอยู่อย่างไรบ้าง

การมีจิตอาสาช่วยให้สังคมน่าอยู่อย่างไรบ้าง

งานจิตอาสา ต่างจากงานในหน้าที่อย่างไร

  งานจิตอาสาคือ งานแห่งการให้ความดีงามทั้งปวงแก่เพื่อนมนุษย์ โดยเต็มใจ สมัครใจ อิ่มใจ ซาบซึ้งใจ ปีติสุข ที่พร้อมจะเสียสละเวลา แรงกาย และสติปัญญา เพื่อสาธารณประโยชน์ ในการทำกิจกรรม หรือสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน และมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น

 งานในหน้าที่ คือ กิจงานที่ต้องทำด้วย “ความรับผิดชอบ” โดยปฏิบัติงานตามภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ให้ประสบความสำเร็จและเกิดความสุขในการทำงานนั้น และจะต้องเข้าใจในหน้าที่และความรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อเพื่อนร่วมงาน ต่อผู้บังคับบัญชาและต่อผู้ใต้บังคับบัญชา

ส่วนตัวของผมนั้นมองว่า งานจิตอาสาไม่ได้ต่างไปจากงานในหน้าที่เลย เพราะได้ตะหนักและนำเอาคุณธรรมพื้นฐานมาใช้ในการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นความขยัน สื่อสัตย์ มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งเสียสละแรงกายช่วยเหลือและทำงาน ซึ่งทำให้ผลของงานประสบผลสำเร็จ 

การมีจิตอาสาช่วยให้สังคมน่าอยู่อย่างไรบ้าง

ได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับการทำงานจิตอาสา

ผมได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับการทำงานจิตอาสา 3 ข้อหลักๆ ที่สำคัญสำหรับผม  ได้แก่

ข้อที่  1  เมื่อมาทำงานจิตอาสา ได้เรียนรู้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น พร้อมวิธีแก้ไขปัญหาให้สำเร็จ 

ข้อที่  2  ได้รู้จักคำว่าเสียสละ แบ่งปัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นผู้ให้มากกว่าเป็นผู้รับ

ข้อที่  3  ประสบการณ์ที่มีความสุขในชีวิต เคยเจอในสิ่งไม่เคยเจอ ได้ทำให้สิ่งไม่เคยทำ

มีเรื่องประทับใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ 

กิจกรรมจิตอาสาที่ทำมาทุกกิจกรรม ล้วนมีเรื่องประทับใจ เพราะมีความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ เราได้เห็นรอยยิ้มของสังคม ต้องบอกเลยว่าทั่วภาคอีสานที่เดินทางไปทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ ช่วยเหลือน้ำท่วม ไฟไหม้ มอบผ้าห่มกันหนาว พัฒนาสังคม เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมให้กับน้องๆนักเรียน ทุกกิจกรรมที่ไปล้วนแล้วได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ใจดี ทั้งทุนสนับสนุนกิจกรรมและทรัพยากรบุคคล ความภาคภูมิใจและประทับใจมากที่สุดต้องยกให้ทุกคนที่มีส่วนช่วยเหลือและทำกิจกรรม เราได้เครือข่ายจิตอาสามากยิ่งขึ้น เรามีส่วนชวนให้ผู้คนให้มาทำจิตอาสา ทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมต่างมีความสุข เห็นจากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ความประทับใจที่ได้เสียสละช่วยเหลือคนอื่น น้ำใจของทีมงานที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นี่คือความประทับใจที่พิเศษสุดๆสำหรับผม การไปทำกิจกรรมจิตอาสาของผมนั้น ภูมิใจอีกอย่างคือได้นำเอาวิชาชีพของตนเองที่เรียนมาไปช่วยพัฒนาและช่วยสร้างสรรค์สังคมให้มีความสุข คลายทุกข์ ผมเรียนจบทางด้านดนตรีเมื่อมีโอกาสไปจัดกิจกรรมเราได้นำพาน้องๆที่มีความสามารถทางด้านดนตรีและการแสดงไปสร้างสีสันให้กับชุมชนและสังคมอยู่ตลอดเวลา จนทำให้กล่าวขานว่า จิตอาสา มมส ไปไหนจะต้องมีหมอลำ มีดนตรีไปด้วย เราทำงานเหน็ดเหนื่อยมา เราก็มีดนตรีเป็นเพื่อนคลายความเหนื่อยล้า สร้างความสุขให้กับชาวจิตอาสาอยู่ตลอดเวลา นิสิตที่มาเป็นจิตอาสากับผม ต้องยอมรับว่าเก่งจริงๆเก่งทุกด้าน เป็นงานเป็นการ ความเสียสละเกินร้อย ทุกคนสามารถแก้ไขปัญหาได้ เมื่อจบออกไปทุกคนสามารถไปเป็นผู้นำให้กับชุมชนบ้านเกิด และช่วยพัฒนาบ้านเกิดได้อย่างแน่นอน

การมีจิตอาสาช่วยให้สังคมน่าอยู่อย่างไรบ้าง

งานจิตอาสา เป็นงานที่ต้องเสียสละ  เป็นผู้ให้   สิ่งที่เราได้กลับมาคืออะไร

1. ความปีติยินดีเกิดขึ้นในตัวเอง สุขทั้งกาย สุขทั้งใจ ที่ได้เป็นผู้ให้ เพิ่มรสชาติและสีสันให้กับชีวิต 

2. ได้ประสบการณ์ในการใช้ชีวิต เป็นกำไรชีวิตที่ภาคภูมิใจ ได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ 

3. การพัฒนาตนเอง ได้ตระหนักถึงคุณธรรมพื้นฐาน เช่น มีความเสียสละ ซื่อสัตย์ มีน้ำใจ และมีความสามัคคี 

4. การทำประโยชน์แก่ส่วนรวมมากกว่านึกถึงประโยชน์ส่วนตน สังคมน่าอยู่มากยิ่งขึ้น

5. ทีม / เพื่อนใหม่ที่ช่วยกันสร้างสังคมให้น่าอยู่ พร้อมได้ส่งต่อความรักให้กับผู้อื่น

หลายคนอยากทำงานจิตอาสา  จะเริ่มต้นอย่างไร

    จิตอาสาเริ่มต้นที่ตัวของเราเอง เริ่มจากการถามใจตัวเองก่อนว่า พร้อมหรือไม่ ที่จะสละเวลาส่วนหนึ่งของชีวิตมาช่วยเหลือสังคม โดยไม่หวังผลตอบแทน บางคนอาจคิดว่าเราเป็นจิตอาสาไม่ได้ เพราะเราไม่มีเวลา ไม่มีทักษะ ที่จะไปช่วยเหลืออะไรใครได้ แต่จริงๆ แล้วมันขึ้นอยู่ที่ตัวเราว่าเราจะทำหรือไม่ อยากเห็นสังคมดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น คุณต้องคิดแล้วลงมือทำ และที่สำคัญคือต้องมีความหวังกับตนเอง ว่าเราเป็นคนที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม และชีวิตเราเองได้

การมีจิตอาสาช่วยให้สังคมน่าอยู่อย่างไรบ้าง


ข้อคิดในการดำเนินชีวิต

    จงทำดีทุกครั้งที่มีโอกาส อย่าไปกลัว อย่าไปอาย ขอให้ระลึกว่าความดีนั้นทำได้ทุกโอกาส ทุกเวลา และทำได้ตั้งแต่วินาทีนี้เลย “ การทำความดี เสียสละช่วยเหลือผู้อื่น มีโอกาสทำไปเรื่อยๆ อย่าหยุดทำ แต่ต้องพึงระลึกอยู่ตลอดเวลาว่า ทำดีและช่วยเหลือเท่าที่ตนเองทำได้ และไม่ลำบากตนเอง"


อยากให้ฝากข้อความให้กำลังใจจิตอาสาทุกๆ คน

    ความเป็นจิตอาสา ถือได้ว่าเป็นการทำบุญอีกอย่างหนึ่ง ที่จะต้องเสียสละแรงกายแรงใจช่วยเหลือคนอื่น มีความเชื่อว่าการทำบุญเป็นสิ่งที่ดี และทำให้จิตใจของเรานั้นดีตามไปด้วย ดังนั้นการทำบุญโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน จึงเป็นสิ่งที่สร้างความรู้สึกที่ดีให้กับตนเองได้มากที่สุด ทำบุญแล้วอย่าไปคิดว่าเสียดาย เพราะการทำบุญในเรื่องของจิตอาสาคือการให้การเสียสละอย่างแท้จริง โดยที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ และมันก็จะทำให้จิตใจของเรานั้นเป็นสุข และได้บุญได้กุศลอย่างเต็มที่ จิตอาสาจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรามีความตระหนักว่าเราเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เพราะฉะนั้นจิตอาสาไม่ได้มีความหมายแค่ว่า การช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการช่วยเหลือส่วนรวม ซึ่งเกิดจากความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย

Author

จิตอาสาช่วยตนเองและสังคมได้อย่างไร

กิจกรรมจิตอาสาเป็นเหมือนกับสนามฝึกที่สอนให้คุณรู้จักการปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่น ลดความเห็นแก่ตัว และตั้งใจรับผิดชอบงานในบทบาทหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม สิ่งนี้จะช่วยหล่อหลอมจิตใจแห่งการให้หรือสร้างจิตอาสาในตัวคุณ ทั้งนี้ หากเกิดปัญหาขึ้นในทีม ทุกคนจะต้องช่วยกันแก้ไข ร่วมไม้ร่วมมือ และยึดเอา ...

การทำกิจกรรมจิตอาสามีประโยชน์ต่อสังคมอย่างไร

จิตอาสา หรือจิตแห่งการเสียสละเปรียบเสมือนยาวิเศษ ที่ช่วยลดอาการของโรคเห็นแก่ตัว อีก ทั้งยังลดทอนตัวตนหรืออัตตาของคนเราลงได้เป็นอย่างดี จิตสาธารณะ คือ การตระหนักรู้ตน ที่จะทาสิ่งใดเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ลดปัญหาใน สังคม

จิตอาสามีความสําคัญต่อประเทศอย่างไร

ถามว่าอะไรทำให้ชาติแข็งแกร่งที่สุด คำตอบก็คือ ความสามัคคีของคนในชาตินี่แหละไม่ใช่อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ไหนเลย ถ้าคนในชาติสามัคคีกันก็ยากที่ใครจะทำอะไรได้ ความสามัคคีเกิดจากการที่คนในชาติร่วมมือกันทำอะไรบางอย่าง ซึ่งโครงการจิตอาสาที่ทำพร้อมกันทั่วประเทศนี่แหละจะเป็นตัวกลางสำคัญในการส่งเสริมความสามัคคีของคนในชาติ จากข้อดี ...

กิจกรรมจิตอาสาคืออะไร และมีความสำคัญต่อสังคมอย่างไร

จิตอาสา (Volunteer Spirit) - หมายถึง จิตแห่งการให้โดยเต็มใจจะช่วยผู้อื่นโดยไม่คิดค่าตอบแทน ยอมสละ เวลาทรัพย์สินเงินทอง และก าลังกายเพื่อกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อสังคม รวมถึงยังเป็นการฝึกฝนตนเองเพื่อลดอัตตา คือลดความเป็นตัวตนของตนเองด้วย