ริดสีดวง มี ติ่ง ออก มา

พฤติกรรมการใช้ชีวิต ทั้งการรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ใช้เวลาเบ่งถ่ายอุจจาระนาน อาการท้องผูก ยกของหนัก รวมถึงการตั้งครรภ์ ล้วนเป็นสาเหตุของการเกิด “โรคริดสีดวง ทวารหนัก” ซึ่งแม้ไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อชีวิตประจำวัน ก่อให้เกิดความทรมานไม่ว่าจะนั่งหรือเดิน

คุณโย ธิดารัตน์ ทวาเรศเรืองคราม หนึ่งในผู้ป่วยโรคริดสีดวงทวารหนัก ที่ทนอยู่กับความทรมานจากอาการของโรคเป็นเวลานานถึง 7 ปี เล่าว่า “ดิฉันเป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก จากการตั้งครรภ์ลูกคนแรกเมื่อปี พ.ศ. 2553 โดยรู้สึกว่ามีติ่งเนื้อยื่นออกมาจากรูทวารหนัก มีเลือดออกขณะเบ่งถ่ายในบางครั้ง และรู้สึกปวดรอบรูทวารหนัก ซึ่งอาการนี้เป็น ๆ หาย ๆ มาตลอดระยะเวลา 7 ปี”

ริดสีดวง มี ติ่ง ออก มา

ทนทรมานมานานแต่ไม่กล้ารักษา

“ดิฉันพยายามดูแลตัวเอง ด้วยการรับประทานยาสมุนไพร ปรับพฤติกรรมการขับถ่าย แต่ยังไม่หายขาด จึงหาข้อมูลการรักษาริดสีดวงเพิ่มเติม แต่ที่ผ่านมาพบเพียงการผ่าตัดรักษาริดสีดวงทวารหนักด้วยวิธีการเดิม ๆ เลยยังไม่ตัดสินใจผ่าตัด เพราะกลัวความเจ็บและเกรงว่าจะต้องพักฟื้นนาน เนื่องจากเป็นพนักงานประจำ ไม่สามารถหยุดพักงานได้นาน”

HAL-RAR เทคนิคใหม่ ในการรักษาริดสีดวงทวารหนัก

“จากการสืบค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ทำให้พบวิธีการรักษาริดสีดวงทวารหนักเทคนิคใหม่ เรียกว่า HAL-RAR ซึ่งมีอยู่ที่โรงพยาบาลเวชธานี จึงศึกษาข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับเทคนิคนี้ จนกระทั่งมั่นใจว่าเทคนิครักษาริดสีดวงดังกล่าว ‘เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว’ จึงตัดสินใจโทรมานัดหมายกับโรงพยาบาลเวชธานี เพื่อเข้ารับการตรวจและรักษาริดสีดวงทวารหนัก”

ประทับใจการรักษา ด้วยเทคนิค HAL-RAR

“หลังรักษาด้วยเทคนิค HAL-RAR ดิฉันรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งดีกว่าการทนเจ็บปวดจากโรคริดสีดวงทวารหนักค่อนข้างมาก ส่วนตอนนี้ไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ เลย ดิฉันรู้สึกตัดสินใจถูกที่เลือกรักษาริดสีดวงทวารด้วยวิธีการนี้ เพราะฟื้นตัวเร็วมาก หลังรักษา 5 วัน ก็สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ นอกจากการรักษาริดสีดวงแล้ว ดิฉันยังประทับใจการบริการ รวมถึงเอกสารที่ได้รับหลังการรักษา ซึ่งเป็นเมนูอาหารสำหรับผู้ป่วยริดสีดวงโดยเฉพาะ ดิฉันพกติดตัวในชีวิตประจำวันด้วย เพราะช่วยในการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมได้ดี ดิฉันเชื่อมั่นว่าเมื่อเราได้รับการรักษาริดสีดวงที่ดีแล้ว และดูแลตัวเองตามที่แพทย์แนะนำ ก็จะช่วยให้อาการริดสีดวงทวารดีขึ้นอย่างยั่งยืนและเร็วมากด้วยเช่นกัน”

ด้าน นพ.ปิยะ โตเต็มโชคชัยการ ศัลยแพทย์ทั่วไป แพทย์เจ้าของไข้ อธิบายเกี่ยวกับเทคนิคการรักษาริดสีดวงด้วยวิธี HAL-RAR เพิ่มเติมว่า

“HAL-RAR มีชื่อเต็มว่า Hemorrhoidal Artery Ligation and Recto Anal Repair เป็นการรักษาริดสีดวงด้วยการนำคลื่นเสียงความถี่สูง (Doppler Ultrasound) เข้ามาช่วยตรวจหาตำแหน่งของเส้นเลือดแดง ที่มาเลี้ยงหัวริดสีดวงทวารหนัก แล้วเย็บผูกรัดหลอดเลือดแดง เพื่อลดความดันเลือดที่ไปขยายขนาดหัวริดสีดวงทวารให้ลดลง ทำให้หัวริดสีดวงหดเล็กโดยไม่ตัดหัวริดสีดวง หรือเยื่อบุทวารหนักใด ๆ และสามารถรักษาริดสีดวงด้วยการเย็บผูกรั้งดันเนื้อริดสีดวงกลับเข้าไปภายในทวารหนักได้ โดยไม่ต้องตัดเนื้อเยื่อออก ซึ่งหัวริดสีดวงจะค่อย ๆ ลดขนาดลงภายใน 3-4 สัปดาห์ ข้อดีของการรักษาริดสีดวงทวารหนักด้วยเทคโนโลยี HAL-RAR ช่วยลดอัตราการบาดเจ็บ ลดความทรมาน ลดภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว กลับมาขับถ่ายอย่างสะดวกได้ตามปกติ”

ริดสีดวงทวารหนัก กับการตั้งครรภ์

“คุณโยเป็นริดสีดวงทวารหนักจากการตั้งครรภ์ ซึ่งริดสีดวงขณะตั้งครรภ์มักเกิดจากหัวเด็กกดทับหลอดเลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดดำที่อยู่บริเวณอุ้งเชิงกราน เมื่อคลอดแล้วสามารถฝ่อลงได้ ส่วนใหญ่จึงไม่ผ่าตัดระหว่างตั้งครรภ์ แต่เมื่อคลอดบุตรแล้วควรตรวจดูอาการอีกครั้งหนึ่ง เพื่อพิจารณาว่าจำเป็นต้องผ่าตัดรักษาริดสีดวงหรือไม่”

HAL-RAR และการรักษาผู้ป่วยรายดังกล่าว

“สำหรับคุณโย มาด้วยโรคริดสีดวงทวารหนักระยะที่ 2 และมีแผลฉีกขาดที่ทวารหนัก จึงรักษาด้วยวิธี HAL-RAR เย็บผูกรัดหลอดเลือดด้วยไหมละลาย เพื่อลดความดันเลือด ที่ไปขยายขนาดของริดสีดวงทวารหนัก ทำให้หัวริดสีดวงฝ่อลง โดยไม่ต้องตัดหัวริดสีดวง จึงเจ็บน้อย มีผลข้างเคียงน้อย ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็ว สำหรับแผลฉีกที่ทวารหนัก ได้ผ่าตัดกล้ามเนื้อหูรูดบางส่วนออก ผลการผ่าตัดริดสีดวงทั้งหมดเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งขณะนี้ผู้ป่วยไม่มีก้อนเนื้อริดสีดวง และแผลทวารหนักหายดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

“ริดสีดวงทวารหนักถือเป็นโรคใกล้ตัวที่เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย จึงควรหมั่นสังเกตตัวเองว่า มีเลือดออกขณะขับถ่ายหรือมีติ่งเนื้อหรือไม่ หากพบความผิดปกติควรรีบพบแพทย์ เพื่อตรวจดูก้อนเนื้อว่าเป็นหัวริดสีดวงหรือเป็นโรคร้ายอื่น ๆ เช่น มะเร็ง เป็นต้น หากพบว่าเป็นริดสีดวง แพทย์จะวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับระยะความรุนแรงของโรค เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องทรมานกับอาการเจ็บปวดอีกต่อไป”

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป โรงพยาบาลเวชธานี โทร 02-734-0000 ต่อ 4500 , 4501

  • Readers Rating
  • Rated 4.3 stars
    4.3 / 5(5 Reviewers)
  • Outstanding

  • Your Rating


ริดสีดวงทวารหนัก เป็นโรคที่พบบ่อยในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีความเข้าใจลักษณะของโรคที่คลาดเคลื่อนอยู่มาก การถ่ายอุจจาระเป็นเลือดไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเฉพาะโรคริดสีดวงทวารหนักอย่างเดียว แต่อาจจะมีติ่งเนื้อในลำไส้ หรือเนื้องอกลำไส้ใหญ่ซ่อนอยู่ได้ 

ริดสีดวงทวารหนัก คืออะไร

โดยปกติแล้วบริเวณเยื่อบุช่องทวารหนักจะมีเส้นเลือดและหลอดเลือดขนาดเล็กอยู่ เมื่อเกิดจากการโป่งพองของหลอดเลือดขนาดเล็กบริเวณเยื่อบุช่องทวารหนัก รวมถึงมีการบวมและหย่อนยานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของเยื่อบุช่องทวารหนักด้วย จะก่อให้เกิดเป็นโรคริดสีดวงทวารหนักขึ้น ซึ่งสามารถเป็นพร้อมกันหลายอันและหลายตำแหน่ง โดยริดสีดวงทวารหนักแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ

1.ริดสีดวงทวารภายใน

จะเกิดขึ้นภายในทวารหนัก โดยหลอดเลือดที่โป่งพองอาจจะไม่โผล่ออกมาให้เห็น และไม่สามารถคลำได้ จะตรวจพบต่อเมื่อส่องกล้องเท่านั้น ซึ่งแบ่งเป็น 4 ระยะ ตามขนาดจากเล็กไปใหญ่

ระยะที่ 1 ขนาดเล็ก อยู่ข้างในรูทวาร ไม่ยื่นออกมา  อาจมีเลือดสด ๆ ขณะถ่ายหรือหลังถ่ายอุจจาระ

ระยะที่ 2 หัวริดสีดวงโตขึ้นโผล่ออกมาขณะเบ่งถ่ายและหดกลับเข้าไปได้เองหลังถ่ายอุจจาระเสร็จ จะมีเลือดออกได้บ่อยขึ้น ลักษณะเป็นสีแดงสด

ระยะที่ 3 หัวริดสีดวงขนาดใหญ่ และโผล่ออกมาขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ ไม่สามารถกลับเข้าไปเองได้ ต้องใช้มือดันเข้าไป จะมีเลือดออกบ่อยๆ และ มีอาการระคายเคืองมากขึ้น

ระยะที่ 4 หัวริดสีดวงโตมาก โผล่ออกมาด้านนอกไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ อาจรู้สึกปวดและรบกวนชีวิตประจำวัน

2. ริดสีดวงทวารภายนอก

จะเกิดขึ้นบริเวณปากรอยย่นรอบทวารหนัก จากการที่กลุ่มหลอดเลือดดำใต้ผิวหนังปากทวารหนักโป่งพอง สามารถมองเห็นและคลำได้ เวลาอักเสบจะมีอาการเจ็บปวด

ทั้งนี้ ในผู้ป่วยบางราย อาจมีทั้งริดสีดวงภายในและภายนอกอักเสบในเวลาเดียวกัน

ริดสีดวง มี ติ่ง ออก มา

เมื่อไหร่ควรมาพบแพทย์เพื่อทำการรักษา

เนื่องจากอาการของริดสีดวงทวารหนักและเนื้องอก / มะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย มีความคล้ายคลึงกัน เพราะฉะนั้น ควรรีบมาพบแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยแยกโรคให้ชัดเจนและนำไปสู่การรักษาที่เหมาะสม เพราะในปัจจุบันมะเร็งลำไส้ใหญ่ สามารถเกิดขึ้นกับผู้ป่วยอายุน้อยได้ ไม่เฉพาะแต่กับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเมื่อมีอาการเหล่านี้  

  • ถ่ายมีมูกขาวๆ ปนกับเลือดสีคล้ำๆ
  • มีภาวะซีดร่วมด้วย
  • ถ่ายอุจจาระบ่อย ถ่ายไม่สุด หรืออาการถ่ายไม่ค่อยออก
  • รู้สึกปวดในรูทวารหนักตลอดเวลา
  • มีอาการท้องผูก สลับท้องเสีย
  • ขนาดของอุจจาระเล็กลงอย่างต่อเนื่อง
  • น้ำหนักลดลง
  • มีประวัติเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ในครอบครัว

มะเร็งลำไส้ใหญ่ มีอาการ = มะเร็งลุกลาม อ่านเพิ่มเติมคลิก

ริดสีดวง มี ติ่ง ออก มา

สาเหตุที่ทำให้เกิดริดสีดวงทวารหนัก

  • ท้องผูก ถ่ายเป็นก้อนแข็ง เวลาถ่ายต้องเบ่งมาก เป็นประจำ
  • รีบเร่ง พยายามเบ่งถ่ายแรงๆ ให้หมดเร็วๆ
  • รับประทานผักผลไม้น้อย รับประทานแต่เนื้อสัตว์ อุจจาระจะจับเป็นก้อนแข็ง ทำให้ถ่ายลำบาก
  • ดื่มน้ำน้อย ทำให้อุจจาระแห้งแข็ง
  • นั่งในห้องน้ำนานเกิน อ่านหนังสือ หรือดูมือถือเพลิน จะทำให้หัวริดสีดวงพองขยายตัวมากขึ้น
  • การตั้งครรภ์ มดลูกที่โตขึ้นจะทำให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณอุ้งเชิงกรานไม่สะดวก ริดสีดวงจะขยายตัวมากขึ้น (แนะนำให้มาพบแพทย์รักษาริดสีดวงทวารก่อนการตั้งครรภ์)
  • อายุที่มากขึ้น ทำให้มีการหย่อนยานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของเยื่อบุช่องทวารหนักมากขึ้น และริดสีดวงทวารหนักอักเสบง่ายขึ้น

เทคนิคการรักษาริดสีดวงทวารหนัก ที่เป็นมาตรฐาน

วิธีการรักษาโรคริดสีดวงทวารหนักขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของแต่ละบุคคล แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่

1. การรักษาโดยไม่ผ่าตัด

ใช้รักษาริดสีดวงทวารหนักใน ระยะที่ 1  และ 2 คือขนาดไม่ใหญ่มาก มีหลายวิธี ดังนี้

  • การเหน็บยา โดยแพทย์จะสั่งยาเหน็บรักษาริดสีดวงภายในที่ช่วยรักษาอาการให้ดีขึ้น (การเหน็บยาไม่ช่วยในการรักษาริดสีดวงภายนอก)
  • การฉีดยา เข้าไปในตำแหน่งที่กำหนดใต้ชั้นผิวหนังที่มีขั้วริดสีดวงเพื่อให้หัวริดสีดวงยุบลง โดยจะมีการฉีดซ้ำทุก 2 – 4 สัปดาห์ เพื่อบรรเทาอาการให้ดีขึ้น
  • การใช้ยางรัด (Rubber band ligation) บริเวณหัวริดสีดวงที่โผล่ออกมาเพื่อให้หัวริดสีดวงฝ่อและหลุดออก วิธีนี้จำเป็นต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์เฉพาะทาง เพราะอาจเกิดการติดเชื้อและผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมาได้ ไม่ควรใช้วิธีนี้กับผู้ป่วยที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด เพราะจะทำให้มีเลือดออกมากหรือเลือดไหลไม่หยุด

ริดสีดวง มี ติ่ง ออก มา

2. การรักษาโดยการ ผ่าตัดริดสีดวง

เหมาะกับริดสีดวงภายนอกที่มีการอักเสบ และ ริดสีดวงภายใน ระยะที่ 3 และ 4

  • การผ่าตัดริดสีดวง แบบมาตรฐานปกติ

เป็นการผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อริดสีดวงที่โตและก่อปัญหาออกมา และรวบตัดไปถึงขั้วเส้นเลือดที่เข้ามาเลี้ยงหัวริดสีดวงนั้นๆ โดยไม่ทำอันตรายกับหูรูดทวารหนัก ผู้ป่วยสามารถควบคุมการถ่ายอุจจาระได้เป็นปกติหลังผ่าตัด ซึ่งได้ผลที่ดีระยะยาวกว่าวิธีอื่นๆ มีโอกาสเป็นซ้ำใหม่น้อยที่สุด หากทำการผ่าตัดโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีริดสีดวงภายนอกขนาดใหญ่ หรือริดสีดวงภายในหย่อนออกจากลำไส้ตรง ซึ่งปัจจุบันสามารถผ่าตัดได้โดยไม่ต้องฉีดยาชาบล็อกหลัง แต่จะฉีดยาเข้าเส้นเลือดให้ผู้ป่วยหลับ และ ฉีดยาชาเฉพาะที่ ทำให้ผู้ป่วยไม่เจ็บขณะผ่าตัด และใช้ไหมละลายในการเย็บ ทำให้ไม่ต้องมาทำแผลและไม่ต้องตัดไหม นอกจากนั้น ผู้ป่วยไม่ต้องนั่งแช่ก้น หรือ นั่งห่วงยางเหมือนในอดีต

  • การผ่าตัดริดสีดวง โดยใช้เครื่องมือตัดเย็บอัตโนมัติ (PPH stapler)

เหมาะกับริดสีดวงทวารหนักภายในเท่านั้นและต้องไม่ใหญ่เกินไป เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีริดสีดวงทั้งภายในและนอกร่วมกัน จึงมีข้อบ่งชี้น้อยในการใช้เครื่องมือนี้ แพทย์จะต้องใช้เครื่องมือตัดเย็บริดสีดวงภายในอย่างระมัดระวัง เพราะถ้าตัดต่ำเกินไป และ ตัดถูกผิวหนังด้านนอกด้วย จะทำให้เจ็บมาก และในระยะยาวอาจจะมีปัญหารูทวารตีบตันได้ เพราะมีตะเข็บโลหะเป็นวงแหวนฝังตัวอยู่ถาวร 

  • การผ่าตัดริดสีดวงด้วยเลเซอร์

เหมาะกับริดสีดวงในระยะที่ยังไม่รุนแรงและหัวไม่ใหญ่นัก โดยจะใช้แสงเลเซอร์เข้าไปทำลายเส้นเลือดบริเวณหัวริดสีดวงให้ค่อย ๆ ฝ่อลง ได้ผลดีพอสมควร มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากเครื่องเลเซอร์ แต่ในระยะยาวมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำอีกได้มาก คล้ายการรักษาด้วยการฉีดยาซึ่งมีค่าใช้จ่ายถูกกว่า จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมแพร่หลาย

  • การผ่าตัดริดสีดวง แบบ Doppler guided hemorrhoid artery ligation with recto-anal repair

รักษาได้เฉพาะริดสีดวงภายในขนาดเล็ก เป็นการใช้เครื่องมืออัลตร้าซาวด์ตรวจหาขั้วเส้นเลือดแดงที่เข้ามาเลี้ยงหัวริดสีดวงทวารหนักแต่ละอัน แล้วเย็บรวบผูกขั้วเส้นเลือดนั้นๆ โดยไม่ได้ตัดเอาหัวริดสีดวงที่อักเสบออกไป เพื่อหวังว่าหัวริดสีดวงจะฝ่อไป จึงเหมาะกับริดสีดวงทวารหนักขนาดเล็กเท่านั้น และในระยะยาวมีโอกาสเป็นซ้ำได้มากกว่า เนื่องจากเส้นเลือดที่มาเลี้ยงริดสีดวงทวารหนักมีหลายเส้น หรือเมื่อเย็บผูกแล้ว ร่างกายก็สามารถมีเส้นเลือดแขนงใหม่งอกมาเลี้ยงหัวริดสีดวงที่ไม่ได้ตัดออก จึงมีโอกาสที่จะบวมอักเสบได้อีก

หากมีอาการผิดปกติดังกล่าวข้างต้น และ อาการไม่ดีขึ้น หรือ แย่ลง แนะนำว่าอย่าชะล่าใจ ควรรีบมาพบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อทำการวินิจฉัยแยกโรคร้ายแรงออกไปตั้งแต่เริ่มต้น ส่งผลให้ทำการรักษาได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที

ริดสีดวง มี ติ่ง ออก มา