ประเทศไทยมีภูเขาไฟ 7 แห่ง เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทหมดแล้ว ในจำนวนนี้ 5 แห่งตั้งอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ได้แก่ ภูเขาไฟหินพนมรุ้ง ภูเขาไฟอังคาร ภูเขาไฟหินหลุบ-ภูเขาไฟคอก ภูเขาไฟกระโดง และภูเขาไฟไบรบัด Show อีก 2 แห่งตั้งอยู่ในจังหวัดลำปาง คือ ภูเขาไฟ ดอยผาดอกจำปาแดด และ ภูเขาไฟดอยหินคอกผาฟู มาทำความรู้จักภูเขาไฟลูกแรกกัน “ภูเขาไฟหินพนมรุ้ง” เป็นภูเขาไฟหินบะซอลต์แบบกรวยลาวา จุดสูงสุดอยู่ที่ 386 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง และสูงจากที่ราบโดยรอบประมาณ 180 เมตร ปากปล่องอยู่ที่ศูนย์กลางเนินภูเขาไฟ กว้างราว 300 เมตร รูปร่างคล้ายชามและมีความลึกจากขอบปล่องประมาณ 70 เมตร บนเขายังประกอบไปด้วยโบราณสถานสำคัญคืออุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จากการเกิดภัยธรรมชาติภูเขาไฟระเบิดของภูเขาไฟตองกา เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2565 ส่งผลให้เกิดควันภูเขาไฟและเถ้าถ่านที่เป็นมลพิษทางอากาศ พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าไปไกลได้ถึงประมาณ 20 กิโลเมตร และเกิดคลื่นสึนามิสูงถึง 15 เมตร ซัดเข้าชายฝั่งของเกาะแมงโก้ ทำให้หมู่บ้านแห่งหนึ่งบนเกาะหายไปแทบทั้งหมู่บ้าน เหตุภูเขาไฟระเบิดผลกระทบที่เกิดขึ้นรุนแรงจนทั้งเกาะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกไปช่วงระยะหนึ่ง และอีกหลายประเทศที่ชายฝั่งติดมหาสมุทรแปซิฟิกได้รับความเสียหายรุนแรงจากภูเขาไฟปะทุลูกนี้แม้ว่าประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบ เพราะจุดภูเขาไฟใต้ทะเลระเบิดอยู่ห่างจากชายฝั่งของไทยไปประมาณ 9,500 กิโลเมตร แต่ก็ต้องมีการจับตามองและเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นให้น้อยที่สุด ข่าวการเกิดภูเขาไฟหลายแห่งที่ยังคุกรุ่นอยู่นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาไฟที่ตั้งอยู่บนเทือกเขารอบมหาสมุทรแปซิฟิก หรือ “วงแหวนแห่งไฟ” ที่หลายๆคนรู้จักกันดี ซึ่งมากกว่าร้อยละ 75% ของภูเขาไฟทั้งหมดบนโลก หรือประมาณ 850 ลูก ที่ยังมีพลังอยู่ (Active Volcanoes) และครอบคลุมถึง 31 ประเทศด้วยกัน ตั้งแต่ทวีปออสเตรเลีย ทวีปเอเชีย ทวีปอเมริกา ทวีปอเมริกาเหนือ และมักจะก่อให้เกิดแผ่นดินไหวถึง 90% บนโลก ยังไม่นับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นอีก 80% ภูเขาไฟต่างประเทศและเป็นภูเขาไฟดังๆที่หลายๆคนอาจเคยได้ยินชื่ออยู่บ้าง เช่น ภูเขาไฟตองกา ภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาไฟคองโก ภูเขาไฟกรากะตัว ภูเขาไฟซีนาบุง ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นภูเขาไฟที่ยัง Active อยู่ ทีนี้เราย้อนกลับมาดูข้อมูลภูเขาไฟในประเทศไทยกันบ้าง เพราะมีภูเขาไฟที่เคยปะทุในไทย และภูเขาไฟที่ดับแล้วเช่นกัน แต่จะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนกันนะ ที่ภูเขาไฟของไทยเราจะปะทุขึ้นมาอีก ก่อนอื่นเราทำความรู้จักการกำเนิดภูเขาไฟเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย ภูเขาไฟคืออะไร ภูเขาไฟเกิดจากอะไร และชนิดภูเขาไฟในประเทศไทย ภูเขาไฟคือ ภูเขาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก มีหินหนืดอยู่ใต้เปลือกโลก ในอุณหภูมิสูงมาก จนเกิดแรงดันและการกระแทกแทรกตัวตามรอยแยกขึ้นสู่ผิวโลก โดยมีแรงปะทุหรือแรงระเบิดผลักดันหินหนืดที่ร้อนจัด ไอน้ำ เศษหิน ฝุ่นละออง และก๊าซต่างๆ เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) และ ก๊าซไนโตรเจน (N2) เป็นต้น พุ่งออกมาจากปล่องภูเขาไฟ ซึ่งหินหนืดที่พุ่งออกมานี้คือ “ลาวา” (LAVA) แต่หินหนืดที่ยังไม่ออกสู่พื้นผิวโลก เรียกว่า “แมกมา” (Magma) เราสามารถเรียกภูเขาไฟภาษาอังกฤษว่า Volcano โดยภูเขาไฟจะมี 3 ลักษณะ ดังต่อไปนี้
และยังสามารถแบ่งตามรูปร่างลักษณะได้อีก 4 ประเภท ดังนี้
ภูเขาไฟในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาไฟแบบโล่ และเป็นภูเขาไฟดับแล้ว แม้ว่าจะเคยเกิดการระเบิดมาก่อน แต่นั้นก็ผ่านมานานมากกว่าหมื่นปีแล้ว แต่ก็ยังภูเขาไฟอายุน้อยๆหลงเหลืออยู่บ้าง ตัวอย่างภูเขาไฟที่ว่านี้ เช่น ภูเขาไฟใน จ.บุรีรัมย์ ภูเขาไฟดอยผาคอกหินฟู จ.ลำปาง เป็นต้น ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วแต่ก็มีโอกาสที่อาจปะทุขึ้นได้อีก แม้ว่าจะน้อยมากๆก็ตาม เพราะไม่ได้อยู่แนวมุดตัวเหมือนภูเขาไฟ จ.เลย และ จังหวัดเพชรบูรณ์ ทำให้นักวิชาการและนักวิจัยเชื่อมั่น ว่าหากเกิดการระเบิดของภูเขาไฟการป้องกันสำหรับในประเทศไทย คาดว่าจะสามารถทำได้โดยไม่น่ากังวล แต่ที่น่ากังวลและควรเฝ้าระวังคือ ภูเขาไฟใต้ทะเลลูกเล็กที่เกาะบาแรน หรือภูเขาไฟชื่อ Barren Island ใกล้กับเกาะนิโคบาร์ มหาสมุทรอินเดีย ซึ่งห่างจากประเทศไทยเพียง 700 กิโลเมตร ทางฝั่งอันดามัน ด้านจังหวัดระนอง ภูเก็ต และพังงา พบว่าภูเขาไฟลูกนี้ยังคงปลดปล่อยพลังงานอยู่เป็นระยะๆ และอาจมีโอกาสที่จะปะทุ ทำให้เกิดแผ่นดินไหว และเกิดสึนามิตามขึ้นมาได้ แต่ก็อาจมาไม่ถึงประเทศไทย แต่นั่นก็ให้คำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ว่าจะไม่เกิดขึ้น เพราะเป็นภูเขาไฟอีกจุดหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวัง ด้วยภูมิศาสตร์และการทับซ้อนตามแนวรอยเลื่อนของเปลือกโลก และมีภูเขาไฟที่มีพลังกระจายตัวรอบๆ ไทยจึงต้องเตรียมพร้อมและคอยตรวจสอบเตือนภัย รวมถึงการให้ความรู้ในการอพยพ การขนย้ายผู้ป่วยและสัตว์เลี้ยง ภูเขาไฟที่ดับแล้วในไทยจะมีด้วยกัน 8 แห่ง โดยจะเป็นภูเขาไฟจ.บุรีรัมย์ 6 แห่งด้วยกัน ได้แก่ ภูเขาไฟหินพนมรุ้ง ภูเขาไฟหินหลุบ ภูเขาไฟคอก ภูเขาไฟอังคาร ภูเขาไฟไปรบัด ภูเขาไฟกระโดง จ.บุรีรัมย์ และอีก 2 แห่งคือ ภูเขาไฟดอยผาคอกหินฟู และ ภูเขาไฟดอยผาดอกจำปาแดด
**ภูเขาไฟดอยผาคอกจำปาแดด และ ภูเขาไฟดอยหินคอกผาฟู จะตั้งอยู่ไม่ไกลกัน โดยอยู่กันลูกละฝั่งถนน เพราะภูเขาไฟในไทยจะเป็นชนิดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว อาจไม่ได้เห็นความยิ่งใหญ่อลังการ ความสวยงามที่แฝงไปด้วยความน่ากลัว เหมือนๆอย่างภูเขาไฟต่างประเทศ แต่เชื่อว่าหลายๆคนคงยินดีที่มันเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วอย่างนี้มากกว่า แต่!! เราก็ไม่สามารถควบคุมธรรมชาติได้ ดังนั้นการไม่ประมาทจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้รอดพ้นสถานการณ์เลวร้ายได้มากกว่าความประมาทอย่างแน่นอน สิ่งสำคัญในการเอาตัวรอดเมื่อเกิดสถานการณ์ ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว และสึนามิ อย่า!!ฝากความหวังไว้กับระบบเตือนภัย 100% เพราะต่อให้ผ่านการฝึกซ้อมมามากแค่ไหน แต่เมื่อเกิดสถานการณ์จริง ระบบเตือนภัยก็อาจทำงานหรือไม่ทำงานก็ได้ ประเทศไทยเคยมีภูเขาไฟปะทุไหมจากการตรวจสอบหลักฐานของนักธรณีวิทยา พบว่า ประเทศไทยเคยมีภูเขาไฟที่ได้ระเบิดขึ้นเมื่อประมาณ 7 แสนล้านปีผ่านมาแล้ว ได้แก่ 1. ภูเขาไฟหินพนมรุ้ง เขาพนมรุ้ง ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์
ประเทศไทยมีโอกาสเกิดภูเขาไฟปะทุหรือไม่ เพราะเหตุใด *ในประเทศไทยมีภูเขาไฟอยู่ในทุกภูมิภาค ลักษณะของภูเขาไฟในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาไฟแบบโล่ (Shield Volcano) ซึ่งคุณสมบัติของลาวาจะไหลได้ง่ายดังนั้นหากมีการระเบิดขึ้นก็จะไม่รุนแรง ซ้ำภูเขาไฟในทุกภูมิภาคของไทยเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้วภาคเหนือ พบในเขตจังหวัด ลำปาง เชียงราย แพร่ น่าน และอุตรดิตถ์
ภูเขาไฟในประเทศไทยอยู่บริเวณใด“ภูเขาไฟหลุบ” อยู่ในเขตอำเภอเฉลิมพระเกียรติ และ “ภูเขาไฟเขาคอก” ตั้งอยู่ในอำเภอประโคนชัย ภูเขาไฟทั้งสองแห่งนี้ เเม้จะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก แต่ก็ยังเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ด้านธรณีวิทยาในเรื่องเกี่ยวกับภูเขาไฟของไทยได้เป็นอย่างดี
ลำปางมีภูเขาไฟไหมพบแหล่งภูเขาไฟบริเวณตอนกลางของลำปาง ในเขต อำเภอเมืองลำปาง-อำเภอแม่ทะ และเกาะคา-อำเภอสบปราบ โดยกลุ่มหินบะซอลต์ ที่เกิดจากลาวาของภูเขาไฟลำปางไหลอาบออกมาปกคลุมพื้นที่ มีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่คลุมพื้นที่อำเภอเกาะคา และอำเภอสบปราบ เรียกรวมกันว่า บะซอลต์สบปราบ มีพื้นที่ประมาณ 70 ตารางกิโลเมตร อีกกลุ่มหนึ่งอยู่ในบริเวณ ...
|