เก่งอังกฤษใน 1 เดือน pantip

กระทู้คำถาม

ชีวิตในต่างแดน

ผมมาอยู่สหรัฐอเมริกาแม่ให้เวลา1เดือนถ้าพูดไม่ได้ก็กลับไปอยู่ไทยคำถามคือผมควรทำอย่างไรให้พูดภาษาอังกฤษได้ภายใน1เดือน ตอนนี้ปวดหัวมาก

เก่งอังกฤษใน 1 เดือน pantip
เก่งอังกฤษใน 1 เดือน pantip
เก่งอังกฤษใน 1 เดือน pantip

แก้ไขข้อความเมื่อ

0

1

เก่งอังกฤษใน 1 เดือน pantip

สมาชิกหมายเลข 2470853

สมาชิกหมายเลข 2346830 ทึ่ง

กำลังโหลดข้อมูล...

แสดงความคิดเห็น

คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ

เข้าสู่ระบบ

กระทู้ที่คุณอาจสนใจ

ยุคพุทธกาลมีการผ่าตัดกันแล้วหรือครับ?

อ่านจากเรื่องหมอชีวกผ่าสมองให้เศรษฐีที่ป่วยเป็นโรคปวดหัว ซึ่งเป็นเรื้อรังมานาน มีคำทำนายว่าเศรษฐีจะเสียชีวิตภายในสามวันหรือห้าวัน หมอชีวกเลยผ่าตัดกะโหลกจนพบหนอนสองตัว มีตัวใหญ่กับตัวเล็ก เลยเอาให้ผู้ค

สมาชิกหมายเลข 6782979

ถ้าเราฟังสำเนียงอเมริกัน เข้าใจหมด แต่เราลำบากกับการฟังสำเนียงอินเดีย

ปกติ ปัจจุบัน ใช้ภาษาอังกฤษทำงานมาเป็น 10 ปี แล้ว เคยไปอยู่ต่างประเทศ ทุกวันนี้ก็ทำงานที่ต่างประเทศครับ ตอนนี้เวลาดูซีรี่ส์เกาหลี ก็จะดูแต่ Eng Sub ถ้าอันไหน เป็นภาษาอังกฤษ ไม่ต้องเปิดซับดูแล้ว ก็เ

เดคิซุงิคุง

ขออนุญาตถามนะครับ พม่าอนุญาตให้ถือ2 สัญชาติไหม

ตามหัวข้อเลยครับ ผมเป็นคนพม่า พ่อแม่ทำงานที่ไทย อยู่ที่ไทย มาตั้งแต่เกิดจนตอนนี้15 ( พูดพม่าไม่ได้ พูดได้แค่ ไทย กับ อังกฤษนิดหน่อย) ผมเลยอยากถามว่า ถ้าวันนึงผมได้สัญชาติใหม่ ผมต้องสละสัญชาติเก่าไหม ค

สมาชิกหมายเลข 6889947

ถ้าไม่ได้เรียนที่ต่างประเทศหรือไม่ได้เรียนรรอินเตอร์มีทางเก่งภาษาอังกฤษไหมเหรอคะ

คือเราก็เรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เข้ารรเลยก็ว่าได้แต่ไม่รู้สิรู้สึกว่าเวลาอยู่ที่รรรู้สึกว่าเก่งอังกฤษสุดในชั้นเลยแต่พอมาเจอฝรั่งจริงคือไปไม่เป็นเลยเราพยายามดูหนังภาษาอังกฤษแล้วคือแบบรู้ศัพท์แค่ sub&am

สมาชิกหมายเลข 7149765

ใบกำกับภาษี ของ Xiaomi

เพิ่งเปิดบริษัทใหม่ๆ (อยากเสียภาษีให้ถูกต้อง) ซื้อสินค้าจาก lazada แล้วนำมาขายต่อ แต่ก่อนก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะสั่งจาก lazada เป็นผู้ขายเอง ของส่งถึง ใบกำกับส่งmail มา แต่มาวันที่ 9/9 ได้สั่งโทรศัพท์จ

kijabusu

ชื่อภาษาอังกฤษ

ชื่อต้นหนาวภาษาอังกฤษเขียนยังไงหรอครับ😭

สมาชิกหมายเลข 7154444

ภายใน 50 ปีหน้า หลายประเทศทยอยออกจากเครือจักรภพอังกฤษ เป็นไปได้มั้ย

ผลจากสงครามยูเครน , ราชวงศ์อังกฤษ , ลดบทบาทการเมืองอังกฤษ , หากรัฐเท็กซัสออกจากประเทศอเมริกา เป็นเอกราชใหม่  จะทำให้หลายประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ จะทยอยออกจากเครือภพ แก้ไขรัฐธรรมนูญทีละน้อยจนภายใ

Mr.ChinaTown

ต้นสน เขียนเป็นภาษาอังกฤษยังไงหรอคะ??

สมาชิกหมายเลข 6608402

อยากเรียนภาษาเพิ่มครับ ระหว่างอังกฤษกับจีนภาษาไหนยากกว่ากันครับ?

สวัสดีครับ คือผมอยากเรียนภาษาเพิ่มน่ะครับ อังกฤษกับจีนภาษาไหนยากกว่ากันครับ ผมอยากเก่งภาษาเพิ่มน่ะครับ ผมเป็นคนกะเหรี่ยง แต่พูดได้แค่สองภาษาเอง ไทยกับพม่า แต่สองภาษานี้ผมจะเข้าใจแบบภาษาตัวเองเลยครับ แ

สมาชิกหมายเลข 3483127

การแปลใบเกิดเป็นภาษาอังกฤษ เราต้องใช้ข้อมูลเดิมทุกอันไหม ถ้าพ่อแม่เราเปลี่ยนชื่อสกุลภายหลัง เราก็ต้องใช้ข้อมูลเดิมหรอ

คนที่แปลใบเกิดเป็นภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง(ก่อนที่จะไปให้กองสัญชาติช่วยเซ็นต์รับรอง)  ถ้าพ่อแม่เรามีการเปลี่ยนชือ นามสกุลภายหลัง เราก็ต้องใช้ข้อมูลเดิมหรอ เราสามารถกรอกเป็นข้อมูลปัจจุบันได้ไหม 

สมาชิกหมายเลข 3426669

อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ชีวิตในต่างแดน

สวัสดีค่ะ

เก่งอังกฤษใน 1 เดือน pantip

เราเป็นเด็กมัธยมที่ไม่ชอบภาษาอังกฤษเอามากๆเลยค่ะ ที่ไม่ชอบเนี่ยอาจเป็นเพราะเราเรียนไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ พื้นฐานอ่อน เลยรู้สึกว่ามันเป็นจุดด้อยของตัวเองไปเลย
ถ้าให้เราประเมินคะแนนภาษาอังกฤษของตัวเอง ก็คง 1/10 อะค่ะ
เก่งอังกฤษใน 1 เดือน pantip
  ในขณะที่เพื่อนเรา 4/10 ประมาณนี้ เราเลยถือโอกาสช่วงปิดเทอม 30 วันนี้ พัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเอง แต่ไปๆมาๆ
ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง พื้นฐานก็ไม่มี เลยอยากจะขอคำแนะนำจากทุกคนหน่อยค่ะ ว่าจะทำยังไง อยากน้อยก็ให้มีความรู้เพิ่มจากเดิมซัก 1% ก็ยังดี ช่วยหน่อยนะคะ กราบบบ
ปล. ผิดพลาดยังไง ขออภัยด้วยค่ะ

เก่งอังกฤษใน 1 เดือน pantip

How you doin'?!

อยากเก่งภาษาอังกฤษต้องเริ่มเรียนจากตรงไหนดี?” เป็นคำถามที่มีคนเข้ามาถามผมบ่อยมากที่สุดเลย

และเมื่อมันเป็นดังนั้น กระทู้นี่ผมเลยจะมาอธิบายให้ดูคร่าว ๆ ว่า มีเรื่องอะไรบ้างที่เราควรทำความเข้าใจ ทำขึ้นสำหรับคนที่กำลังคิดที่จะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษโดยเฉพาะเลย!

เนื้อหาในกระทู้อาจจะไม่ละเอียดและไม่ลงลึกมาก (เพราะเดี๋ยวจะยาวเกินน) ผมตั้งใจทำไว้เพื่อให้เป็นแนวทางสำหรับคนที่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนจริง ๆ (แต่สำหรับคนที่อยากรู้ลึก และอ่านแบบละเอียดกว่านี้ ลองเข้าไปเชคกระทู้อื่น ๆ ของผมได้เลยนะครับ ผมทำออกมาหลายเรื่องเลยแล้ว ค่อย ๆ อ่านกันไป)

โอเค มาเริ่มกันเลย!

1. อ่านให้ออก

สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราอ่านออกนั้นก็คือ เสียงสระ ทั้งหลาย สระในภาษาอังกฤษมีอยู่ 5 ตัวคือ A, E, I, O, U
แต่ 5 ตัวนี้มันสามารถรวมร่างกัน สลับปรับเปลี่ยนไปมาได้ รวมออกมาทั้งหมดได้ 20 เสียง!

สำหรับผู้เริ่มต้น จะให้จำทั้ง 20 เสียงมันก็จะหนักไป เอาเป็นว่าสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือ ให้เพื่อน ๆ ทำความรู้จักกับ คู่สระสั้นยาว ก่อนละกันครับ

มีทั้งหมดอยู่ 5 คู่ (10 เสียง) ด้วยกัน (แนะนำให้เปิด dict http://dictionary.cambridge.org/ และฟังควบคู่ไปด้วย)

คู่ที่ 1: อี้ กับ อิ
1.1 สระ อี้ (ไม่ใช่ อี แต่ อี้)
สามารถสะกดได้ด้วย:
e, ee – be, see, meet
ea – meal, read, team
ie, ei – field, believe, receive

1.2 สระ อิ
สามารถสะกดได้ด้วย:
i – kick, sit, Nick
y – happy, system, city

คู่ที่ 2: เอ้ กับ เอะ
2.1 สระ เอ้ (ไม่ใช่ เอ นะครับ เพิ่มเสียงไม้โทให้มันด้วย)
สามารถสะกดได้ด้วย:
a_e – late, make, take
ai, ay – aim, play, say
ei, ey – eight, weight, hey, they
ea – break, great

2.2 สระ เอะ
สามารถสะกดได้ด้วย:
e – let, set, bed
ea* – bread, dead, weather (* แปลว่าให้ระวังสับสนกับสระ เอ้ ที่บ้างครั้งสะกดด้วย –ea เหมือนกัน)

คู่ที่ 3: อ้อ กับ เอาะ
3.1 สระ อ้อ (ไม่ใช่ ออ)
สามารถสะกดด้วย:
or – more, horse, lord (*ข้อยกเว้น work, word)
o – long, gone, cost
aw, au – law, saw, pause, because
ought – bought, caught, thought
al – always, ball, hall

3.2 สระ เอาะ
สามารถสะกดด้วย:
o – not, rock, model (เมาะเดิ่ล ไม่ใข่ โมเดล), copy, bottle

คู่ที่ 4: อู้ว กับ อุ
4.1 สระ อู้ว (ไม่ใช่ อู)
สามารถสะกดด้วย:
u – rude, Lucy, June
o, oo – do, move, room, tool
ew – crew, chew, flew, jewel (จำให้ขึ้นใจเลยว่า ew ไม่ใช่สระ อิว นะครับ แต่เป็นสระ อู้ว)
ue, ui – true, blue, fruit, juice (จู้ส ไม่ใช่ จุ๊ยส)

4.2 สระ อุ
สามารถสะกดด้วย:
oo* – look, book, foot, good
u* – put, push, pull, full, sugar
ou* – would, could, should
(* ระวังสับสนกับสระอู้ว เพราะสะกดเหมือนกัน)

คู่ที่ 5: เอ้อ กับ เออะ
5.1 สระ เอ้อ (ไม่ใช่ เออ)
สามารถสะกดด้วย:
er, ur, ir – serve, herb, burn, hurt, girl, sir
or – work, word
ear – heard, earn, earth

5.2 สระ เออะ (มักจะอยู่กับพยาค์ที่ไม่โดนเน้น (unstressed syllable))
สามารถสะกดด้วย
er*, or* – water (ว้อเทอะ ไม่ใช่ วอเต้ออ), singer, actor (*สังเกตว่า er, or ที่พยางค์หลังจะออกเสียงเป็น เออะ หมดเลย ไม่ใช่ เอ้อ)
a – about, apart, agree (a ที่เป็นพยางค์หน้ามักจะอ่านว่า เออะ ตลอด)

นี่เป็น 10 เสียงสระพื้นฐานที่ควรอ่านให้ออกนะครับ เข้าใจว่าบางทีมันก็ซ้ำกัน (เยอะด้วย) แต่ถือว่าเป็นแนวทาง ๆ คร่าว ๆ ให้พออ่านออกได้บ้าง เดี๋ยวอีกทีเหลือจะตามมากระทู้หน้านะ (แบบเจาะลึกแค่เรื่องสระเลย)
_______________

2. แกรมมาร์สำคัญ ๆ ที่ควรรู้ไว้!

โอเคแน่นอนว่ามันต้องทำความเข้าใจแกรมมาร์ด้วย ในข้อ 2 ผมจะสรุปแกรมมาร์สำคัญ ๆ แบบคร่าว ๆ ให้นะครับ จะบอกแค่ว่าต้องทำความเข้าใจเรื่องอะไรบ้าง และประเด็นไหน

เรียงลำดับตามความสำคัญเลย

1) Verb to be
อันดับแรกคือต้องใช้ verb to be (is, am, are) ให้ถูก หมายความว่า

ประโยคไหนควรมี verb to be และประโยคไหนไม่ควรมี

คร่าว ๆ ดังนี้

1.1) เวลาบอกตำแหน่งของคนหรือสิ่งของบางอย่าง ให้เราเติม verb to be ด้วย พูดแบบง่าย ๆ คือ verb to be มักใช้คู่กับ preposition
เช่น He is in the room. (ไม่ใช่ he in the room)
      The children are at home. (ไม่ใช่แค่ the children at home)

1.2) เวลาจะบอกว่าใครรู้สึกอะไร มีคุณสมบัติอย่างไร เป็นคนที่ไหน มีลักษณะรูปร่างอย่างไร ให้มี verb to be ด้วย หรือพูดง่าย ๆ คือ

verb to be มักใช้คู่กับ adjective

(Fact check: verb to be แปลว่า เป็น อยู่ คือ ก็จริง แต่เวลาเราใช้มันกับ adjective เราไม่จำเป็นต้องแปลมันนะครับ ขอแค่อย่าลืมใส่มันมาด้วย!)

สำหรับคนที่ไม่รู้จัก adjective คร่าว ๆ ดังนี้
adjective คือ
- คำที่ใช้บอกความรู้สึก (sad, happy, boring)
- คำที่ใช้บอกคุณสมบัติ (good, bad, great, perfect, interesting)
- คำที่ใช้บอกเชื้อชาติ (English, American, Thai)
- คำที่ใช้บอกลักษะรูปร่าง (big, small, round))

เวลาจะใช้คำพวกนี้ในประโยค ก็อย่าลืมใส่ verb to be ให้มันด้วย

ตัวอย่างเช่น
My mother is happy. (ไม่ใช่ my mother happy เฉย ๆ)
This movie is good. (ไม่ใช่ this movie good เฉย ๆ)
All my friends are Thai. (ไม่ใช่ All my friends Thai เฉย ๆ)
My house is big. (ไม่ใช่ my house big เฉย ๆ)

1.3) เวลาเราจะบอกว่าใครเป็นใคร ทำอาชีพอะไร ให้มี verb to be ด้วย หรือพูดง่าย ๆ คือ

verb to be มักใช้คู่กับ noun

(และมักจะมี a, an มาด้วย)
ตัวอย่างเช่น
I am a student. (ไม่ใช่ I student แต่ I am student ก็พอถู ๆ ไถ ๆ ได้)
My father is a doctor.
They are my friends.
He is an engineer.

แกรมมาร์ที่สำคัญเรื่องที่สองคือ
2) Word order / sentence structure (การเรียงคำ และโครงสร้างในประโยค)

ในประโยคเล่า โครงสร้างประโยคจะเป็นดังนี้
ประธาน + กริยา + กรรม เช่น
I love you.
He likes apples.

หรือบางทีอาจจะมี ส่วนขยาย เข้าไปต่อท้ายประโยคด้วยก็ได้ เช่น
I love you so much.
He likes apples a lot.

บางที ส่วนขยาย ก็ขอแหวกแนวมาอยู่ข้างหน้าบ้าง (มักจะเป็นคำที่บอกความถี่ (frequency adverbs) ในการทำบางอย่าง เช่น เสมอ, ไม่เคย, บางครั้ง)
เช่น
I always love you. (ฉันรักเธอเสมอ)
He never eats oranges. (เขาไม่เคยกินส้ม)
They usually come late. (พวกนั้นมาสายประจำ)

ส่วนในประโยคคำถาม ในภาษาไทยเราจะเติมคำว่า มั้ย / ไหม ไว้ข้างหลัง

แต่ภาษาอังกฤษมักเติมไว้ข้างนะ

(do / does / did)
Do you love me?
Does he care about you?
Did you say something?
(แต่แน่นอนว่าคงไม่ง่ายแบบนี้แน่ อยากรู้วิธีการตั้งแบบละเอียดไปอ่านกระทู้นี้เลย https://pantip.com/topic/35623201)

แกมมาร์ไว้เท่านี้ เพราะถ้าแม่นพวกนี้ก็พอพูดได้แล้วแหละ
_______________

3. ฝึกฟัง + เก็บคำศัพท์นี่แหละสำคัญที่สุด!

มาถึงสกิลที่จะเป็นตัววัดความเก่งไม่เก่งของเราละนะครับ ทั้งสองประเด็นนี้ (การฟัง + คำศัพท์) ผมได้ทำกระทู้สอนแบบละเอียดไว้แล้วนะ (เดี๋ยวมีลิงค์ด่านล่างนะครับ)

อยากบอกว่ามันไม่มีทางลัดอะไรหรอก อยากฟังออกก็ต้องฟังบ่อย ๆ ไม่ใช่ว่าเรามานั่งอ่านเทคนิคต่าง ๆ แล้วจะฟังเก่งขึ้น (ขอโทษที่ต้องพูดจาแบบกระแทก ๆ ไปนิด แต่มันคือความจริง!)

เดี๋ยวสรุปเทคนิคการฟังให้ตรงนี้นะครับ
1. หยุดคิดแล้วตั้งใจฟัง อย่าคิดมาก อย่าประหม่า อย่ากังวล ทำตัวสบาย ๆ หายใจลึก ๆ แล้วตั้งใจฟังดี ๆ ฟังไม่ออกก็ฟังใหม่เท่านั้น เวลาฝึกฟังก็ยิ้มด้วยอย่าทำหน้าเครียดดด
2. ตั้งคำถามเวลาฟัง หมายความพยายามโฟกัสว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เสมอ ฝึกให้เป็นนิสัยแล้วเราจะเริ่มจับคำศัพท์ได้มากขึ้นครับ
3. ฝึกฝนการฟัง หาคลิปยูทูป หรือซีรีส์มาฝึกฟังบ่อยๆ  พร้อมกับเก็บคำศัพท์ไปด้วย เพราะแน่นอนส่วนหนึ่งที่เราฟังไม่ออกเพราะเราไม่รู้จักคำศัพท์ที่เราได้ยินนี่แหละ
4. หลับตาแล้วเปิดหู จะคล้าย ๆ กับข้อ 1 คือ อย่าวอกแวก บางทีเรามัวแต่สนใจนู่นนี่นั่นเกินไป จนทำให้หูเราไม่ตั้งใจฟังจริง ๆ ลองหลับตาแล้วตั้งใจฟังดี ๆ จะช่วยได้ครับ
(อ่านต่อแบบละเอียด ๆ ที่กระทู้นี้เลย https://pantip.com/topic/35845543)

ส่วนคำศัพท์ก็ให้เริ่มจาก oxford 3000 key words เลยครับ เพราะมันคือคำศัพท์ 90% ในชีวิตประจำของเรา พูดง่าย ๆ ว่าถ้าทำความเข้าใจทุกคำในนี้ ภาษาอังกฤษจะง่ายขึ้นอีกเยอะเลยครับ
(อ่านต่อแบบละเอียด ๆ พร้อม how to ท่องคำศัพท์แบบเป็นขั้นตอนที่กระทู้นี้เลยครับ https://pantip.com/topic/35316348)

ส่วนข้างล่างนี้จะเป็นลิ้งยูทูปเอาไว้ให้เพื่อน ๆ ฝึกฟังบทสนทนาต่าง ๆ นะครับ หูเราจะได้ชินกับภาษาอังกฤษ ผมเลือกมาแล้วว่าอันนี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นมากที่สุด วิธีฝึกก็ง่าย ๆ ครับ สำหรับช่วงแรกอาจจะฟังไปอ่านซับไป พอเราเริ่มชินกับเสียงแล้ว ก็ค่อยหาอะไรมาปิดซับไว้ (เพราะมันกดออกไม่ได้) แล้วก็ลองพูดตามเค้าทุกครั้งที่เขาพูดจบ (ฟังดูเหมือนคนบ้า แต่เป็นวิธีที่ช่วยได้ดีจริง ๆ ครับ)

มีหลายตอนนะครับ ใครชอบสำเนียงไหนก็เลือกอันนั้นเลย แบ่งเวลาฝึกฟังวันละ 1 - 2 ตอนก็ได้ครับ
1.  Oxford English Daily Conversation (https://www.youtube.com/watch?v=xRTMsguD-So) (สำเนียงอังกฤษ)
ดู ๆ ไปก็จะเริ่มสงสัยว่า เอ๊ะนี่เรียนอังกฤษหรือดูละครอยู่ 55555 ดราม่ากันเพลินเลยย

เก่งอังกฤษใน 1 เดือน pantip

2. Learn English and have fun with Extra English (https://www.youtube.com/watch?v=Yss8K_3EZyI) (สำเนียงอังกฤษ)
อันแรกเน้นไปทางดราม่า อันนี้จะเน้นไปทางตลก ๆ หน่อยครับ
เก่งอังกฤษใน 1 เดือน pantip

3. English Conversation (https://www.youtube.com/watch?v=UlSVe2ehjls) (สำเนียงอเมริกัน)
ส่วนอันนี้เป็นอันที่ผมคิดว่าธรรมดาที่สุดละ ไม่มีอะไรหวือหวา ชิว ๆ เฉย ๆ ไปทั้งเรื่อง ใครอยากฝึกแบบปราศจากดราม่าก็แนะนำอันนี้ครับ
เก่งอังกฤษใน 1 เดือน pantip

__________

จบแล้วครับ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญต่อคนที่เพิ่งเริ่มต้น และควรทำความเข้าใจ + ฝึกฝนไว้ ใจจริงก็อยากจะยกมาให้ทั้งหมด และพิมพ์อธิบายแบบละเอียดทุกอย่างนั้นแหละ แต่คงจะยาวเหยียดจนเพื่อน ๆ เบื่อหลับหนีหายกันไปซะก่อน ฮ่า ๆ

ไม่จำเป็นต้องรู้หมดทุกอย่างในวันนี้ รู้มากกว่าเมื่อวานนี้ก็พอ
รู้ภาษาอังกฤษมากขึ้นทุกวันที่ Page: พ่อผมเป็นคนอังกฤษ

ตอนนี้เพจ "พ่อผมเป็นคนอังกฤษ" มี Instagram แล้วนะ ผมโพสต์ Word of the day ทุกวันเลย
ใครต้องการอัพเดตคลังคำศัพท์ทุกวันก็เข้าไป Follow ด้วย!
Instagram: British Dad (@the.jgc)

Stay tuned
JGC.