สิ่งที่ทำให้ฟรีแลนซ์ปวดหัวไม่น้อยก็คือการทำงานแล้วถูกเบี้ยวเงิน หรือจ่ายค่าจ้างช้า ไม่ตรงตามที่ตกลงไว้ ต้องถามตัวเองก่อนว่าเราลืม สัญญา หรือไม่ ไม่ว่าสัญญาปากเปล่า และสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งเป็นการปกป้องผลประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ให้ผู้รับจ้างได้ค่าตอบแทนตรงตามสัญญา และผู้ว่าจ้างที่จะได้งานตามที่ตกลงไว้ ไม่ถูกทิ้งงานกลางคัน สัญญาที่ต้องรักษาร่วมกันนี้คือสิ่งที่ต้องเรียนรู้ไว้ทั้งสองฝ่าย สัญญาและกฏหมายดูจะเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับนักออกแบบหรือคนทำงานอิสระแขนงต่างๆ สัมมนาเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ TCDC จึงจับมือร่วมกับบริษัท เออีซี เอนลิสท์ จำกัด โดยมีวิทยากรคือคุณชาติพร บารมีและคุณจิรพร ศรีเพ็ชรตานนท์ ซึ่งเป็นทีมผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายธุรกิจที่จะมาให้ความกระจ่างเกี่ยวกับการเขียนสัญญา ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการทำสัญญา สัญญาคืออะไร?สัญญาคือข้อตกลงระหว่างบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป (แต่ละฝ่ายจะมีกี่คนก็ได้) ว่าจะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งชอบด้วยกฎหมายและความสมัครใจ บุคคลตามกฏหมายนั้น คือบุคคลธรรมดา และนิติบุุคคล ฉะนั้น ฟรีแลนซ์ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา ก็ย่อมทำสัญญากับบริษัทซึ่งเป็นนิติบุคคลได้ ตราบใดที่เป็นการกระทำที่ถูกกฏหมาย อยู่ในวิสัยที่ทำได้ (เช่น ไม่ใช่ขอให้เราไปทำสวนบนดาวอังคาร) ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ถ้าผิดจากนี้ไม่ถือว่าเป็นสัญญา สัญญาทางธุรกิจมีหลายแบบ โดยพื้นฐานควรรู้จักสัญญา 2 รูปแบบนี้ไว้ คือสัญญาจ้างแรงงานและสัญญาจ้างทำของสัญญาจ้างแรงงาน คือ สัญญาซึ่งบุคคลหนึ่งเรียกว่า ลูกจ้าง ตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า นายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้ สัญญาจ้างแรงงานจึงเหมือนกับการจ้างพนักงานประจำที่มาทำงานให้ตลอดระยะเวลาจ้าง ลูกจ้างจะได้รับค่าตอบแทนตามระยะเวลาที่ตกลง เช่น รายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน โดยที่จะให้ผู้อื่นมาทำแทนไม่ได้ โดยนายจ้างมีอำนาจบังคับสั่งการลูกจ้าง และต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของลูกจ้างที่เกิดจากการทำงานนั้นด้วย สัญญาจ้างทำของ คือสัญญาซึ่งบุคคลหนึ่งเรียกว่า ผู้รับจ้าง ตกลงจะทำการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า ผู้ว่าจ้าง และผู้ว่าจ้างตกลงจะให้สินจ้างเพื่อผลสำเร็จแห่งการที่ทำนั้น สัญญาจ้างทำของมุ่งทำสิ่งที่ตกลงกันนั้นให้สำเร็จเสร็จสิ้น แล้วจึงจะได้ค่าตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้ โดยผู้รับจ้างสามารถไปว่าจ้างผู้อื่นมาทำสิ่งนั้นแทนได้ (ยกเว้นระบุในสัญญาว่าต้องเป็นคนๆ นั้น เช่น จ้างดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์) โดยผู้ว่าจ้างไม่มีอำนาจในการบังคับสั่งการ และไม่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของผู้รับจ้าง ฉะนั้น ลักษณะการทำงานของฟรีแลนซ์ จึงเป็นการทำงานภายใต้ สัญญาจ้างทำของ ซึ่งเป็นสัญญาต่างตอบแทน คือผู้ว่าจ้างจะให้ค่าจ้างเมื่อผู้รับจ้างทำงานสำเร็จตามตกลง เป็นสัญญาที่ไม่มีแบบฟอร์ม คือสัญญาจ้างทำของเกิดขึ้นได้เมื่อมีการตกลงร่วมกัน แม้แต่สัญญาปากเปล่า หรือเขียนขึ้นบนกระดาษทิชชูก็สามารถฟ้องร้องบังคับคดีกันได้
ในฐานะที่วิทยากรเป็นทนายความย่อมเจอปัญหามามากมาย ปัญหาโลกแตกของฟรีแลนซ์ที่มักเจอเสมอ ปัญหาแรกคือทำงานแล้วลิขสิทธิ์เป็นของใคร? ลิขสิทธิ์เป็นของผู้ออกแบบทันที 100 % โดยผู้ว่าจ้างมีสิทธิ์ใช้ผลงานตามที่ระบุไว้ในสัญญาเท่านั้น แม้ไม่ใช่นักออกแบบ บรรณาธิการอิสระก็ยังถูกโกงได้ ในกรณีนี้ แม้ไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ก็สามารถฟ้องร้องได้ เช่น การใช้หลักฐานการส่งงาน ก็เพียงพอต่อการฟ้องบังคับผู้จ้างให้ชำระเงิน แต่อาจไม่ตรงกับที่ตกลงไว้แต่แรก เนื่องจากไม่มีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเนื้องานต้องเป็นอย่างไร ค่าจ้างเท่าไหร่ ภายในระยะเวลาใด ฉะนั้น เพื่อป้องกันเหตุการณ์นี้ ก็ต้องทำสัญญา และระบุอย่างละเอียดทั้งเนื้องาน ปริมาณ ค่าตอบแทน ระยะเวลาการส่งงาน หรือการจ่ายค่าตอบแทนเช่นกัน หรือการว่าจ้างปากเปล่า แล้วผู้ว่าจ้างจ่ายเป็นเช็คเด้ง เช็คที่เด้งนั้นก็คือหลักฐานของการว่าจ้าง ซึ่งนำไปฟ้องร้องได้เช่นกัน ฉะนั้น เพื่อความรัดกุม ควรจะทำสัญญาขึ้นมาเป็นลายลักษณ์อักษร และมีองค์ประกอบครบถ้วน องค์ประกอบของสัญญาจ้างทำของ 1.ชื่อสัญญา 2. คู่สัญญา 3. ระยะเวลาของสัญญา 4. ความสัมพันธ์ของคู่สัญญา 5. การดำเนินการเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา 6. การบอกเลิกสัญญา 7. อื่นๆ ทั้งหมดนี้ สัญญาควรเขียนด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่คลุมเครือ ไม่ต้องตีความอีก ไม่ซ้ำซ้อนหรือยาวเกินไป ต้องพิจารณาด้วยว่าไม่มีข้อใดผิดกฏหมาย และที่สำคัญต้องทำอย่างน้อย 2 ฉบับขึ้นไป ให้ทุกฝ่ายลงนามอย่างครบถ้วน และเก็บไว้คนละฉบับ หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต้องทำเป็นบันทึกข้อตกลงเพิ่มขึ้นมาด้วยคำถามและกรณีศึกษาจากผู้เข้าร่วมสัมมนาผู้เข้าร่วมเวิร์คชอปนี้มีส่วนใหญ่เป็นฟรีแลนซ์ผู้รับจ้าง และมีที่เป็นผู้ว่าจ้างในขณะเดียวกันด้วย แต่ละท่านมีคำถามจากประสบการณ์หลากหลายที่น่าเรียนรู้เป็นกรณีศึกษา เช่น
Q:
ผู้ว่าจ้างจ่ายเงินช้าจะทำอย่างไร? Q: ทำงานเสร็จ และส่งมอบเรียบร้อย แต่ลูกค้าไม่จ่ายเงิน จะทำอย่างไร? Q:
ทำสัญญากับต่างชาติต้องคำนึงถึงอะไร? Q: บอกเลิกสัญญาปากเปล่าได้ไหม? Q: ออกแบบสินค้าลิขสิทธิ์ ซึ่งผู้ออกแบบจะได้ค่าตอบแทน 60% จากราคาขาย แต่ออกแบบไปให้นานแล้ว ผู้ว่าจ้างก็ไม่ผลิตสักที จะต้องทำอย่างไร? Q: การใช้ภาพหรือวิดีโอที่มีลิขสิทธิ์ การทำสัญญามีรายละเอียดปลีกย่อยไปตามบริบท ซึ่งต้องพิจารณาเฉพาะลงไปอีกที แม้สัญญาจ้างทำของเป็นสัญญาที่ไม่มีแบบ สำเร็จได้โดยปากเปล่า แต่ก็ควรทำขึ้นมาเป็นลายลักษณ์ให้ครบถ้วนตามองค์ประกอบของสัญญาย่อมดีที่สุด ในอดีต ฟรีแลนซ์อาจพลาดมามาก
แต่ถ้าทำสัญญาเป็นแล้วก็จะลดข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ |