อาการชา ตาม หน้า เกิดจาก อะไร

       การเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเลิกสูบบุหรี่ การลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และออกกำลังกายสม่ำเสมอมีส่วนช่วยได้ แม้แต่เพียงการปรับเปลี่ยนง่ายๆ เช่น การสวมรองเท้าที่สบายและเหมาะสม หลีกเลี่ยงการนั่งเป็นเวลานาน และการแก้ไขท่าทางในชีวิตประจำวันก็ช่วยป้องกันการทำลายของประสาทได้ หากมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวานการควบคุมน้ำตาลในเลือดเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

มีอาการชาบริเวณหน้า ต้องนอนลงอาการจะดีขึ้น ทุกบ่ายจะเป็นมาก ต้องนอน ไม่สะดวกจะทำกิจกกรรมใดๆ ได้ เป็นมาหลายปี อาทิตย์ที่ผ่านมา มีอาการแขนขาชา  ขมปาก ร่วมด้วย (คนไข้อายุ 49ปี มีความพิการทางการควบคุมมีอและขาแต่กำเนิด ช่วยเหลือตนเองได้ ทำงานบ้านได้ แค่การเดินขาจะแกว่ง การหยิบจับสิ่งของเช่น ปากกา ช้อน จะลำบากหน่อย) เคยพบแพทย์ระบบประสาทหลายปีก่อน กรณีอาการชาบริเวณหน้า เอกซเรย์ไม่พบอะไร ให้ยาทาน เรื่อยๆ อาการก็เหมือนเดิม จึงหยุดการรักษาไป - คิดว่าคงจะพาคนไข้ไปพบแพทย์ระบบประสาทอีกครั้ง จะรบกวนขอคำวินิจฉัยอาการเบื้องต้น และคำแนะนำว่าควรพบแพทย์ด้านใดเป็นพิเศษ ขอบคุณครับ

อาการชา ตาม หน้า เกิดจาก อะไร
 พญ.นรมน

แพทย์

Mar 27, 2022 at 01:04 PM

สวัสดีค่ะคุณ tee3722

 

อาการชาที่บริเวณหน้า เป็นมาหลายปีนั้น อาจเกิดจาก ภาวะปลายเส้นประสาทอักเสบ เช่นการถูกกดทับนานๆ การขาดวิตามินบี เป็นโรคเบาหวาน โรคพิษสุราเรื้อรัง หรือเป็นการบาดเจ็บของเส้นประสาท โดยเส้นประสาทอาจเกิดความเสียหายจากอาการบาดเจ็บหรือการถูกกระแทกและกดทับ หรือถ้าเคยมีประวัติเกี่ยวกับเส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบก็อาจจะอธิบายอาการได้ โรคงูสวัด มักมีอาการปวดหรือชานำมาก่อนที่จะมีตุ่มน้ำใสขึ้น แต่ถ้าเป็นมาหลายปีแล้วก็นึกถึงเรื่องงูสวัดได้น้อยลง

 

ในเบื้องต้น ควรหลีกเลี่ยงการทำท่าที่กดทับบริเวณที่มีอาการชา สามารถทำกิจกรรมอื่นๆได้ตามปกติ แต่หากมีอาการชามากขึ้นเรื่อยๆ ชาไปครึ่งซีกของร่างกาย มีกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่เกิดขึ้นใหม่ด้วยนั้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม โดยอาจเป็นอายุรแพทย์ทั่วไปหรืออายุรแพทย์ด้านระบบประสาทก็ได้เช่นเดียวกัน

สวัสดีครับคุณหมอ ผมมีอาการชาใบหน้าข้างขวา บริเวณ กระพุ้งแก้ม กับโหนกแก้ม (ขากรรไกด้วย แต่ไม่แน่ใจ) ก่อนมีอาการชาผมนั่งขัดตะหมาด แล้วเอียงตัวลงไปทางด้านขวา พอเอียงตัวตรงกลับมาแล้วรู้สึกเหมือนจะวูบๆ เหมือนหน้ามืด หัวซีดขวารู้สึกหน่วงๆ แล้วก็ชาบริเวณแก้มเลยครับ อาการชาแบบ แปรบๆ จี๊ดๆ ตึงๆ บางทีอาการชาเหมือนจะดีขึ้นแต่ยังรู้สึกชาอยู่ แต่ไม่ได้ชาจนไม่รู้สึกอะไรเลย ก้มหน้าลงไม่ได้จะรู้สึกเกร็งหน้า และชาๆ แต่ตอนนอนลงจะไม่รู้สึกชา บางทีรู้สึกชารามไปถึงหู เป็นมาอาทิตย์กว่าๆ แล้วยังไม่หายไปเลยครับ เกิดจากสาเหตุอะไรครับ

อาการชา ตาม หน้า เกิดจาก อะไร
 พญ.นรมน

แพทย์

Jul 25, 2019 at 01:14 PM

สวัสดีค่ะคุณ Beta Trailer

อาการชาดังกล่าวมา อาจเกิดจาก

-ปลายเส้นประสาทอักเสบ เช่นการนั่งกดทับนานๆ การขาดวิตามินบี เป็นโรคเบาหวาน โรคพิษสุราเรื้อรัง

-โรคงูสวัด มักมีอาการปวดหรือชานำมาก่อนที่จะมีตุ่มน้ำใสขึ้น

-การบาดเจ็บ โดยเส้นประสาทอาจเกิดความเสียหายจากอาการบาดเจ็บต่าง ๆ เช่น กระดูกทับเส้น หมอนรองกระดูกเคลื่อน

-การขาดเลือดในสมองบางส่วน ทำให้ชาครึ่งซีก อาจมีกล้ามเนื้ออ่อนแรง ใบหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยวร่วมด้วย

แนะนำหลีกเลี่ยงการทำท่าที่กดทับบริเวณที่ชา ออกกำลังกายสม่ำเสมอและควรทำการยืดเหยียดกล้ามเนื้อเป็นประจำ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

หากชาเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ลามไปหลายตำแหน่ง เป็นตลอดเวลาไม่หาย ชาเหมือนชาหนาๆหรือเป็นแค่ครึ่งซีกร่วมกับมีอ่อนแรง ควรรีบไปพบแพทย์

อาการปวดหรือชาเกิดจากพยาธิสภาพที่เส้นประสาทรับความรู้สึกเหมือนกัน กรณีที่เซลล์ประสาทยังไม่ตายจะเป็นอาการปวด กรณีที่เซลล์ประสาทตายแล้วหรือถูกตัดขาดจากสมองจะเป็นอาการชา บางครั้งอาการก็คร่อมกัน คือทั้งปวดทั้งชา แยกจากกันไม่ได้

ศีรษะ ใบหน้า และลำคอคนเรามีเส้นเลือดและเส้นประสาทเลี้ยงเป็นส่วน ๆ เส้นประสาทเหล่านี้มาจากแขนงของเส้นประสาทสมองคู่ที่ V, VII, IX, X และเส้นประสาทไขสันหลังส่วนคอ (Cervical plexus)

  • เส้นประสาทสมองคู่ที่ V (Trigeminal nerve) รับความรู้สึกของอวัยวะบนใบหน้าเป็นส่วนใหญ่ โดยแบ่งเป็น 3 แขนง
    - Ophthalmic branch รับความรู้สึกบริเวณหน้าผาก ดวงตา และจมูก (สีเขียว)
    - Maxillary branch รับความรู้สึกบริเวณแก้มทั้งสองข้าง (สีเหลือง)
    - Mandibular branch รับความรู้สึกบริเวณคาง ขากรรไกร ด้านข้างของใบหน้า และใบหูเล็กน้อย (สีส้ม)
  • เส้นประสาทสมองคู่ที่ VII (Facial nerve) รับความรู้สึกจากลิ้นส่วนหน้าและในหูชั้นกลาง สั่งการให้กล้ามเนื้อใบหน้าขยับแสดงสีหน้า หลับตา
  • เส้นประสาทสมองคู่ที่ IX (Glossopharyngeal nerve) รับความรู้สึกจากบางส่วนของใบหู หลังโพรงจมูก คอหอย ลิ้นส่วนหลัง ทอนซิล และกล่องเสียง ควบคุมกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเปล่งเสียงและการกลืน กระตุ้นให้เกิดการหลั่งน้ำลาย
  • เส้นประสาทสมองคู่ที่ X (Vagus nerve) รับความรู้สึกจากบริเวณใบหูส่วนใน ควบคุมการหายใจ การเต้นของหัวใจ การกลืน การหลั่งน้ำย่อย
  • เส้นประสาทไขสันหลังส่วนคอ รับความรู้สึกจากกล้ามเนื้อบริเวณคอและหลังกะโหลกศีรษะ (สีม่วงและสีฟ้า)

เส้นประสาทเหล่านี้ในระดับที่สูงขึ้น (คือใกล้สมองหรือไขสันหลังยิ่งขึ้น) จะอยู่ใกล้กันมาก รอยโรคหนึ่ง ๆ อาจทำลายเส้นประสาทใกล้เคียงได้มากกว่าหนึ่งเส้น ทำให้เกิดอาการชาและเป็นอัมพาตของกล้ามเนื้อที่เส้นประสาทเหล่านั้นควบคุม

สาเหตุของอาการชาที่ใบหน้า

  1. จากการบาดเจ็บ เช่น อุบัติเหตุ การผ่าตัด การฉายรังสี
  2. จากการอักเสบ เช่น Scleroderma, Sjögren's syndrome, Sarcoidosis, Multiple sclerosis
  3. จากโรคของหลอดเลือด เช่น สมองขาดเลือด เส้นเลือดแตก กลุ่มเส้นเลือดผิดปกติ
  4. จากเนื้องอกต่าง ๆ
  5. จากการติดเชื้อ เช่น โรคเรื้อน งูสวัด ไลม์ ซิฟิลิส ฯลฯ
  6. จากความเสื่อม เช่น Kennedy's disease
  7. จากสารพิษ เช่น Stilbamidine, Trichloroethylene, Oxaliplatin
  8. จากความผิดปกติแต่กำเนิด
  9. จากโรคอื่น ๆ เช่น เบาหวาน, Amyloidosis, Pseudotumor cerebri
  10. ไม่ทราบสาเหตุ ได้แก่ ภาวะ Idiopathic trigeminal neuropathy

แนวทางการวินิจฉัย

การวินิจฉัยต้องอาศัยประวัติการบาดเจ็บ การรักษาโรคในช่องปากและศีรษะมาก่อนหน้านี้ โรคประจำตัว การสัมผัสกับสารพิษ ลักษณะของอาการ อาการร่วม และการดำเนินโรค จากนั้นแพทย์จะตรวจร่างกายและตรวจหาความผิดปกติทางระบบประสาททั้งหมด รวมทั้งความบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นของอวัยวะที่ไม่สามารถรู้สึกถึงความเจ็บปวดจนป้องกันตัวเองได้ เช่น กระจกตา ก่อนที่จะส่งตรวจ MRI และตรวจเลือดเพิ่มเติมเท่าที่จำเป็น

อาการชาที่ใบหน้าเกิดจากอะไร

อาการชาที่ใบหน้าสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ การอักเสบของเส้นประสาท โรคหลอดเลือดสมอง เนื้องอกต่างๆ โรคไตเสื่อม โรคเบาหวาน ขาดวิตามินบี และ บางครั้งก็ไม่ทราบสาเหตุ โดยสามารถแบ่งออกได้ดังนี้ เส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 ส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณใบหน้า โดยจะแบ่งออกเป็น 3 แขนง

หน้าชาทำไง

แนะนำหลีกเลี่ยงการทำท่าที่กดทับบริเวณที่ชา ออกกำลังกายสม่ำเสมอและควรทำการยืดเหยียดกล้ามเนื้อเป็นประจำ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หากชาเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ลามไปหลายตำแหน่ง เป็นตลอดเวลาไม่หาย ชาเหมือนชาหนาๆหรือเป็นแค่ครึ่งซีกร่วมกับมีอ่อนแรง ควรรีบไปพบแพทย์

หน้าชาครึ่งซีกเกิดจากอะไร

โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก หรืออัมพาตเบลล์ (Bell's Pasly) คือ อาการที่เกิดการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีก ทำให้ไม่สามารถขยับใบหน้าซีกนั้นได้ เป็นผลมาจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ซึ่งควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อแสดงสีหน้าไม่ทำงาน ซึ่งไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดแต่เชื้อว่าเป็นอาการอักเสบของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ภายหลังการ ...

อาการปากชาเกิดจากอะไร

อาการชาที่ริมฝีปาก อาจเกิดจาก -ปลายเส้นประสาทอักเสบ เช่นการถูกกดทับนานๆ การขาดวิตามินบี เป็นโรคเบาหวาน โรคพิษสุราเรื้อรัง -การบาดเจ็บของเส้นประสาท โดยเส้นประสาทอาจเกิดความเสียหายจากอาการบาดเจ็บหรือการถูกกระแทกและกดทับ อาจเกิดจากการอักเสบของฟันหรือการทำหัตถการในช่องปากได้