ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

ชื่อผลงาน : ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ ฯ รายวิชาวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม ชั้น ม.3 เรื่องระบบนิเวศ ชุดที่ 1

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) วิชาวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง ระบบนิเวศ ชุดที่ 1 ความหมายและองค์ประกอบของระบบนิเวศ   โดย ครูญาณิตา  อึ่งทอง 

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc
ดาวน์โหลดไฟล์   ขนาดไฟล์ 2.87 MB

โพสเมื่อ : 11 ม.ค. 2560,09:00   อ่าน 3152 ครั้ง

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่องชีวิตกับระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว23102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

เผยแพร่ผลงานวิชาการ VIP 3,171 Views

Share

  • tweet

KRUPUNMAI SHARE


เผยแพร่ผลงานวิชาการ
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
เรื่องชีวิตกับระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม
รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว23102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

 

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

ดาวน์โหลดที่นี่

4.4/5 - (8 votes)


KRUPUNMAI SHARE

2018-06-18

webmaster

Share

  • tweet

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

ชุดการสอน เรื่อง ระบบนิเวศ
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

พร้อมรายงาน 5 บทฉบับเต็มสมบูรณ์

ครูสำรวย อรรคบุตร
โรงเรียนสุรศักดิ์วิทยาคม
อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

ติดต่อเจ้าของผลงานได้ที่ [email protected]

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc


ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

เปิดอ่าน 12,265 ครั้ง

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

เปิดอ่าน 11,735 ครั้ง

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

เปิดอ่าน 2,039 ครั้ง

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

เปิดอ่าน 9,585 ครั้ง

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

เปิดอ่าน 5,893 ครั้ง

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

เปิดอ่าน 15,379 ครั้ง

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

เปิดอ่าน 19,258 ครั้ง

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

เปิดอ่าน 10,933 ครั้ง

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

เปิดอ่าน 7,538 ครั้ง

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

เปิดอ่าน 3,911 ครั้ง

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

เปิดอ่าน 14,675 ครั้ง

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

เปิดอ่าน 7,032 ครั้ง

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

เปิดอ่าน 8,204 ครั้ง

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

เปิดอ่าน 15,655 ครั้ง

ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

เปิดอ่าน 10,059 ครั้ง

วิเคราะห์จีน: กรณีศึกษา จีนสร้างมหาวิทยาลัยมุ่งเน้นวิทย์และเทคโนโลยีในมณฑลยากจน เบื้องหลังสำคัญแก้จน นำพา "GDP มณฑล ทะลุ 1 ล้านล้านหยวน" เมื่อการศึกษาเปลี่ยนชะตาชีวิต
.

"การศึกษา เป็นหนทางที่เปลี่ยนชะตาชีวิตได้" คือสิ่งที่พวกเราคงเคยได้ยินมาบ้าง ซึ่งต้องบอกว่าแนวคิดนี้ นับเป็นแนวคิดหลักที่ถูกปลูกฝังในคนจีนจากรุ่นสู่รุ่น จากอดีตจนถึงปัจจุบัน
.
หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัด และอ้ายจงนำมาบอกเล่าเก้าสิบในวันนี้ คือ เรื่องราวการพลิกจากมณฑลที่ยากจนสุดๆในประเทศจีน อย่างมณฑลอันฮุย กลายเป็ยหนึ่งในมณฑลที่หลุดพ้นจากความยากจน และมีเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง และที่สำคัญ "เป็นฮับแห่งการศึกษาและสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีระดับสูงของจีน"
.
จีนใช้เวลาพลิกฟื้นมณฑลอันฮุย ทางตะวันออกของจีน มณฑลที่ว่ากันว่าจนที่สุดในจีนมณฑลหนึ่ง เป็นมณฑลที่มีการพัฒนาทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง ในระยะเวลาราว 50 กว่าปี
.
ผมเชื่อว่า หลายคน อาจไม่เคยได้ยินชื่อมณฑลนี้มาก่อน
.
ต้องยอมรับว่า คนไทยไม่ค่อยรู้จักมณฑลอันฮุย และเมืองเหอเฝย เมืองเอกของมณฑลนี้มากนี้นัก ไม่เป็นที่นิยมเท่าเมืองอื่นๆ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว โดยก่อนหน้านี้หลายคนอาจรู้สึกว่า ยังไม่เจริญมากเท่าเมืองอื่นๆ
.
แต่ตอนนี้ เมืองเหอเฝย ปรับจากหัวเมืองชั้น 2 มาเป็นหัวเมืองชั้น 1 ใหม่ ร่วมกับเมืองอื่นๆ ซึ่งเป็นเมืองเอกของแต่ละมณฑล เป็นหลัก เช่น ซีอาน หนานจิง หังโจว ซึ่งยังมีพื้นที่ในการพัฒนาอีกมาก
.
จากการวิเคราะห์ อาจกล่าวได้ว่า 1 ใน เบื้องหลังสำคัญของการพัฒนาของเมืองเหอเฝยและมณฑลอันฮุย ได้แก่ การตัดสินใจด้านการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ของตน แม้ในขณะที่ยังเป็นพื้นที่ยากจน และครั้งหนึ่งเป็นมณฑลยากจนที่สุดในภาคตะวันออกของจีน
.
อย่างการย้ายมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ชื่อว่า University of Science and Technology of China (USTC) ซึ่งก่อตั้งโดยสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (Chinese Academy of Sciences: CAS) จากกรุงปักกิ่ง เมืองหลวง มาที่เมืองเหอเฝย เมืองเอกของมณฑลอันฮุย ช่วงปี ค.ศ. 1970 ช่วงที่เหอเฝยและอันฮุยเข้าขั้นแร้นแค้นและอยู่ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม
.
ความเป็นจริงคือ เหอเฟยและมณฑลอันฮุย ไม่ใช่ตัวเลือกแรกๆในตอนที่จะมีการย้ายและขยายมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไปพื้นที่อื่นนอกเมืองหลวงจีน แต่ด้วยเหตุผลหลายประการ รวมทั้งการใช้ทรัพยากรและงบ พร้อมกับความรับผิดชอบที่คาดว่า "ต้องสูงและมีมาก" เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยที่ทางการมุ่งเน้น ในช่วงที่หลายพื้นที่ของจีนประสบปัญหาเศรษฐกิจ ในช่วงปี 1970 ตามที่กล่าวไปข้างต้น
.
ด้วยเหตุนี้ ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นของเมืองและมณฑลหลายแห่งปฏิเสธที่จะเป็นที่ตั้งใหม่ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้
.
แต่ไม่ใช่กับเมืองเหอเฝยและมณฑลอันฮุย
.
คือการมีมหาวิทยาลัยที่เน้นเฉพาะทาง ควบคู่ไปกับมหาวิทยาลัยอื่นๆที่มีอยู่ในพื้นที่ ณ ขณะนั้น อยู่แล้ว และที่สำคัญคือเป็นไปตามนโยบายหลักของส่วนกลาง นั่นหมายความว่า "งบประมาณส่วนหนึ่งจากส่วนกลาง รวมถึงสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้อง จะตามมาที่พื้นที่นั้น มากขึ้นจากเดิม" ดังนั้น มีความเป็นไปได้ว่า

"มหาวิทยาลัยเฉพาะทางแห่งนี้จะพลิกฟื้นพื้นที่ยากจน ให้ดีขึ้น รวมถึงเป็นพื้นที่สำคัญผลักดันเศรษฐกิจทั้งประเทศจีนในอนาคต" ด้วยการหว่านเมล็ด "การศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี" ที่เป็นดังกลไกความหวังที่จีนตั้งเป้าว่า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะช่วยพัฒนาจีนได้
.
และก็เป็นเช่นนั้น หลังจากสิ้นสุดการปฏิวัติวัฒนธรรม และจีนมีการปฏิรูปเศรษฐกิจ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย USTC มีการเติบโตและพัฒนาต่อเนื่อง จนติดอันดับโลก และเป็นหนึ่งใน TOP10 ของจีน และ TOP100 ของโลกในปัจจุบัน
.

เป็นมหาวิทยาลัยที่เด่นทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน
.
และการพัฒนาของมหาวิทยาลัย USTC เป็นการพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาเมืองเหอเฝยและมณฑลอันฮุย ให้ มีศูนย์วิจัย มีองค์กรและบริษัททางด้านวิทยาศาสตร์ นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงตามไปด้วย
.
โดยหลายปีมานี้ จีนมุ่งเน้นพัฒนา "เขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี" ครอบคลุมพื้นที่เซี่ยงไฮ้ มณฑลเจียงซู มณฑลอันฮุย และมณฑลเจ้อเจียง
.
ปัจจุบัน "เขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี"
เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากที่สุดของจีน โดยเฉพาะการมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของจีน เป็นไปตามนโยบาย Made in China 2025 ของจีน
.
โดยข้อมูลเมื่อปี 2564 ที่ทาง China Media Group (CMG) สื่อหลักของจีน เคยเผยแพร่เป็นสกู๊ปเอาไว้ ชี้ให้เห็นถึง GDP ในเขตภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี ที่ครองสัดส่วนถึง 24.5% ของ GDP ทั้งหมดของจีน ในครึ่งปีแรก 2564"
.
และล่าสุด เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 จีนก็เพิ่งประกาศวางแผนที่จะสร้างเขตนำร่องสำหรับนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและการปฏิรูปทางการเงินในเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี
.
"เน้นสร้างนวัตกรรม เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะระบบนิเวศและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อเป้าหมายนั้น " เป็นเป้าสำคัญเป้าหนึ่งในแผนสร้างเขตนำร่องดังกล่าว
.
พื้นที่มณฑลอันฮุย และอย่างยิ่ง เมืองเหอเฝย เมืองที่ตั้งหลักของ มหาวิทยาลัย USTC เกี่ยวข้องในฐานะเรือธงของการสร้างนวัตกรรมระดับสูง
.
ตัวอย่างเช่น ตอนนี้ เมืองเหอเฝย ถือเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีควอนตัมจีน มีบริษัทเทคโนโลยีควอนตัมมากกว่า 20 แห่ง สร้างเม็ดเงินกว่า 430 ล้านหยวน (ประมาณ 67.3 ล้านดอลลาร์) ในปี 2020 ที่ผ่านมา
.
โดยทางจีนได้อนุมัติปริญญาเอกทางด้านวิทยาศาสตร์ควอนตัม (Quantum Science) เป็นครั้งแรกในจีน ที่มหาวิทยาลัย USTC
.
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควอนตัมได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และได้กลายเป็นหนึ่งในพรมแดนใหม่ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรม โดยจีนได้บรรจุ "เทคโนโลยีควอนตัม" เป็นโครงการสำคัญ (Key Project) ในแผนพัฒนาประเทศระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 (2021-2025)
.

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จีนประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมหลายโครงการ รวมถึงดาวเทียมควอนตัมดวงแรกของโลก เพื่อสร้างเครือข่ายการสื่อสารควอนตัม ระยะทาง 2,000 กิโลเมตร ระหว่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ สายการสื่อสารควอนตัมระยะทาง 2,000 กม. ระหว่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ และจีนยังสามารถสร้างต้นแบบคอมพิวเตอร์ควอนตัมประมวลผลเร็วที่สุดในโลกอีกด้วย
.
จะเห็นว่า จีนวางแผนการพัฒนา กับ การศึกษา ควบคู่ไปด้วยกันจริงๆ
.
ทั้งนี้ นอกจากพิ้นที่มณฑลอันฮุยและการสร้างมหาวิทยาลัยเฉพาะทางอย่างด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในช่วงที่จีนลุยยกระดับคุณภาพชีวิตและนำพาคนจีนออกจากความยากจนที่ประกาศความสำเร็จไปเมื่อต้นปี 2021 พื้นที่ยากจนของจีนพื้นที่อื่นๆ ก็ได้ใช้โมเดลพัฒนาการศึกษาเข้ามาช่วย เช่น พัฒนาโรงเรียนให้ลดความเหลื่อมล้ำของการเรียนการสอน การพัฒนาสถาบันที่เหมาะกับลักษณะพื้นที่และงานในพื้นที่นั้นๆ และพัฒนาการศึกษาระดับอาชีวศึกษา เพื่อให้เข้าสู่ตลาดงานได้ไว คู่ไปกับการสร้างตำแหน่งงาน สร้างตลาด และสร้างโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละพื้นที่
.
เขียนโดย: ภากร กัทชลี อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเจ้าของเพจอ้ายจง
.

#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน #เศรษฐกิจ #การศึกษา

 

ไอเดียดี ! แบตเตอรี่ชาร์จรถ EV จากต้นไม้ ปลอดภัยต่อโลก
.
ทุกวันนี้นอกจากการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เริ่มมีหลายค่ายใส่ลูกเล่นเด็ด ๆ มาให้ติดตามแล้ว อีกสิ่งที่น่าจับตามองไม่แพ้กันก็คือนวัตกรรมด้านแบตเตอรี่ โดยล่าสุดมีบริษัทในฟินแลนด์ ที่นำเสนอแบตเตอรี่ชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าแบบใหม่ ทำจากต้นไม้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ของรถพลังงานไฟฟ้าที่ยั่งยืนขึ้น
.
โดยบริษัท สโตร์รา เอนโซ (Stora Enso) บริษัทผู้ผลิตวัสดุหมุนเวียนในเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ได้คิดค้นนวัตกรรมแบตเตอรี่ในชื่อ ลิกโนด (Lignode) ที่ใช้วัสดุหลักทำจากต้นไม้ โดยใช้ส่วนที่เรียกว่าลิกนิน (lignin) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเนื้อเยื่อพืช ที่ทำให้ผนังเซลล์พืชแข็งแรง
.
สำหรับกระบวนการผลิตแบตเตอรี่ จะเริ่มจากการแยกลิกนินออกจากเนื้อไม้ นำไปกลั่นจนได้ออกมาเป็นผงคาร์บอนละเอียด เพื่อใช้เป็นวัสดุสำหรับทำขั้วบวกลบของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน หรือที่เรียกว่าผงคาร์บอนแข็ง จากนั้นจะนำผงคาร์บอนแข็งมาใช้ต่อ เพื่อผลิตเป็นแผ่นอิเล็กโทรดคาร์บอนแข็งทั้งแบบแผ่น และแบบม้วน จากนั้นจึงนำไปรวมกับขั้วไฟฟ้าบวก ตัวคั่น อิเล็กโทรไลต์ และส่วนประกอบอื่น ๆ จนได้ออกมาเป็นแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ที่ผลิตจากลิกนินในที่สุด
.
โดยบริษัทเคลมว่า แบตเตอรี่ที่ได้จากต้นไม้นี้ มีประสิทธิภาพไม่ต่างจากแบตเตอรี่ทั่วไป และมีราคาที่ถูกกว่า อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อธรรมชาติน้อยกว่า และยังสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย และมองว่าถึงแม้จะใช้ส่วนประกอบจากต้นไม้ แต่ก็ไม่ได้เป็นการทำลายป่า กลับเป็นการกระตุ้นให้ภาคอุตสาหกรรมหันมาสนใจการปลูกป่าเพิ่มมากขึ้น โดยต้นไม้หนึ่งต้น มีลิกนินประมาณ 20 – 30 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นยิ่งปลูกเพิ่ม ก็ยิ่งนำมาใช้ประโยชน์ได้เพิ่มขึ้น
.
ดังนั้นการพัฒนาแบตเตอรี่ใหม่นี้ อาจจะช่วยให้อุตสาหกรรมยานยนต์ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติน้อยลง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วยก็เป็นได้
.
ข้อมูลจาก https://www.tnnthailand.com/news/tech/133243/
ภาพจาก storaenso
.
#แบตเตอรี่ #รถยนต์พลังงานไฟฟ้า #ev #lignode #storeenso #เทคโนโลยีการผลิตพลังงาน
#สิ่งแวดล้อม #TNNTechreports #Techreports #TNNONLINE #TNNThailand #TNNช่อง16 #Frame #ซิงเกิลอิมเมจ
—————————————————————————
ติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
• Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
• Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
• TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok0.
• Line @TNNONLINE : https://lin.ee/4fP2tltIo
หรือดูรายการ Live ได้ทาง
https://www.facebook.com/TNN16LIVE/

 

BRIEF: เปิดรายงานการประชุม กมธ.กฎหมาย ตัวแทนตำรวจยอมรับ สลายม็อบ 18 พ.ย. ทำก่อนได้คำสั่งศาล
.
ใกล้ครบรอบ 1 เดือน เหตุสลายการชุมนุมของกลุ่มราษฎรหยุด APEC2022 เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 บริเวณถนนดินสอ โดยตำรวจ คฝ. ที่ปฏิบัติการอย่างรุนแรงจนทำให้มีสื่อมวลชนและผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และมีข้อสงสัยว่า เป็นการสลายการชุมนุมโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉินถูกยกเลิกใช้ใน กทม. ไปตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 การจะสลายการชุมนุมหลังจากนั้น ต้องใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ที่ต้องขอให้ศาลแพ่งอนุมัติก่อน
.
ล่าสุด มีการเผยแพร่รายงานสรุปผลการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 110 ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ที่มีการเชิญตัวแทนผู้เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ผู้การตำรวจ คฝ. ฯลฯ มาชี้แจง แต่ปรากฎว่า มีการส่งตัวแทนระดับรองผู้การในนครบาล จำนวน 3 คน มาชี้แจงแทน
.
เอกสารดังกล่าว เขียนสรุปคำชี้แจงของตำรวจทั้ง 3 คนไว้ โดยสิ่งที่น่าสนใจก็คือการยอมรับว่า การสลายการชุมนุมในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ทำโดยไม่มีคำสั่งของศาลแพ่ง
.
“ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ในการสลายการชุมนุมในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลได้รับมอบหมายให้ดูแลการประชุมเอเปค มีการวางแผนและมีการออกคำสั่งปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เจรจาอย่างเต็มที่โดยคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ การปฏิบัติหน้าที่เป็นการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 จะมีการยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเพื่อให้มีคำสั่งให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมสาธารณะ แต่ในวันดังกล่าวเป็นวันหยุดราชการของศาลแพ่งทำให้ไม่มีการขอคำสั่งศาลให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมสาธารณะในวันดังกล่าว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ได้ดำเนินการตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก
.
“ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงการสลายการชุมนุมวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 เรียบร้อยแล้ว”
.
ผู้สื่อข่าว The MATTER มีโอกาสไปร่วมประชุม กมธ.กฎหมายฯ ในวันดังกล่าวด้วย พบว่า ตัวแทนตำรวจชี้แจงข้อมูลดังกล่าวต่อที่ประชุมจริง แต่ก็มีการอ้างเพิ่มเติมด้วยว่า ปฏิบัติการดังกล่าวไม่ใช่การ “สลายการชุมนุม” แต่เป็นการ “จับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งหน้า” ทว่าก็อ้างในเวลาเดียวกันว่า มีตัวแทนตำรวจได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเพื่อให้เลิกการชุมนุมตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 จริง แต่เนื่องจากวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 เป็นวันหยุดราชการพิเศษ ศาลจะรับพิจารณาคดีเฉพาะที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเท่านั้น (แปลว่าก็รู้ว่าจะต้องให้ศาลแพ่งอนุมัติก่อน)
.
เดิมการประชุมของ กมธ.กฎหมายฯ ในวันนี้ (14 ธันวาคม 2565) ได้เชิญตัวแทนตำรวจที่มีอำนาจสั่งการและอยู่ในเหตุการณ์วันดังกล่าวจริงๆ มาชี้แจง ทั้ง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1, พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้การตำรวจ คฝ. และผู้กำกับ สน.สำราญราษฎร์ แต่ก็ถูกเลื่อนไปเป็นวันที่ 21 ธันวาคม 2565 แทน รอติดตามกันต่อไปว่า นายตำรวจเหล่านี้จะมาชี้แจงด้วยตัวเองหรือส่งตัวแทนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องตรงๆ มาชี้แจงแทนอีก
.
.
.
อ้างอิง

https://www.parliament.go.th/.../25_law/ewt_dl_link.php...
.
รวมข่าวที่เรียกร้องการแสดงความรับผิดชอบจากตำรวจ จากเหตุสลายการชุมนุมดังกล่าว

https://thematter.co/brief/191060/191060
https://thematter.co/brief/191106/191106
https://thematter.co/brief/191715/191715
https://thematter.co/brief/191750/191750
https://thematter.co/brief/191995/191995
https://thematter.co/brief/192277/192277

#Brief #ความรับผิดชอบ #ตำรวจ #สลายม็อบ18พย #TheMATTER

 

จดโน้ต วางแผน เขียนโค้ด รู้จัก ‘Notion’ และฟังก์ชั่นเด่น
.
‘จดโน้ต เขียนไดอารี่ เก็บลิงก์บทความที่แชร์ทิ้งไว้ (แต่ชอบลืมอ่าน) จัดตารางงานสัปดาห์นี้ เขียน to do list แต่ละวัน หรือเขียนเป้าหมายระยะยาวเป็นปี’ ถ้าทำทั้งหมดนี้คงต้องใช้สมุดหลายเล่ม โพสต์อิทหลายแผ่น หรือกระโดดไปใช้แอปฯ โน้นแอปฯ นี้บ้างสลับกันจนงง
.
ถ้ากำลังเจอปัญหาทำนองนี้เราอยากชวนมารู้จักกับ ‘Notion’ ตัวช่วยจัดระเบียบชีวิตให้เราเห็นทั้งภาพรวมและเก็บรายละเอียดยิบย่อยไว้อย่างเป็นหมวดหมู่เหมือนกับมีเลขาส่วนตัวเลยล่ะ
.
- Notion คืออะไร ? ใครใช้ได้บ้าง ?
.
พอพูดถึง Notion บางคนอาจจะนึกถึงแอปฯ จดโน้ต แต่จริงๆ แล้วการจดโน้ตเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเพราะ Notion มีหหลากหลายฟีเจอร์ ถ้าให้สรุปสั้นๆ ก็คือ ‘จดบันทึก จัดหมวดหมู่ และอัปเดตความคืบหน้า’ ไม่ว่าจะเป็นไดอารี่ส่วนตัว แพลนการทำงานในแต่ละวัน จดโน้ตตอนเรียน จัดการโปรเจกต์ต่างๆ ไปจนถึงการวางแผนงานแต่งงาน แถมยังยืดหยุ่นเพราะปรับแต่งหน้าเพจได้ในแบบที่ต้องการและแชร์ลิงก์ให้คนอื่นเข้ามาอ่านได้ด้วยนะ
.
- จุดเด่นของ Notion
.
จัดตารางชีวิตได้หลายแบบด้วย Database พอได้ยินคำว่า Database แล้วอย่าเพิ่งตกใจไป เพราะจริงๆ แล้วมันเป็นเครื่องมือที่เราสามารถจดสิ่งที่ต้องทำ วัน-เวลา ความคืบหน้าของงานชิ้นนั้น รวมทั้งใส่รายละเอียดอื่นๆ เช่น ลิงก์ ข้อความ ฯลฯ ลงไปได้ โดยเราสามารถตั้งค่าให้ข้อมูลเหล่านี้แสดงผลออกมาได้ 5 รูปแบบด้วยกัน
.
1. ตาราง - หน้าตาจะเหมือนตารางใน google sheet ที่เห็นรายละเอียดทั้งหมด
2. บอร์ด - เห็นตัวงานและความคืบหน้าว่าชิ้นไหนอยู่ในขั้นตอนอะไร คล้ายๆ กับ trello
3. ปฏิทิน - เห็นภาพรวมว่าวันไหนมีงานอะไร แต่ต้องกดเข้าไปดูรายละเอียดอีกที เหมือนกับ google calendar
4. ลิสต์ - เห็นงานทั้งหมดและความคืบหน้าของงานเหมือนกับทำ to do list
5. แกลเลอรี่ - เห็นเฉพาะชื่องานที่ต้องทำและหน้าตาก็เหมือนแกลเลอรี่สมชื่อเลย
.
มีฟีเจอร์หลากหลายและปรับแต่งเองได้ ทั้งใส่รูป อิโมจิ เพลง คลิป ไปจนถึงการจัดหน้า อีกจุดเด่นคือเรื่องความสวยงามและยืดหยุ่น เพราะเราสามารถใส่อิโมจิ ภาพ เพลง วิดีโอ รวมทั้งลิงก์จากทวิตเตอร์ ยูทูบ กูเกิลไดรฟ์ และอีกหลายๆ แพลตฟอร์มได้ รวมทั้งจัดหน้าเองได้ด้วยว่าอยากให้ข้อมูลนี้อยู่ตรงไหน จนแวบนึงก็แอบนึกถึงยุค Hi5 อยู่เหมือนกัน
.
ฟังก์ชั่นเสริมที่น่าสนใจ เช่น มีเครื่องมือที่รองรับการเขียน Code , สามารถเซฟเป็นไฟล์ PDF ได้, แชร์ให้เพื่อนเข้ามาแก้ไขหรือคอมเมนต์ได้, Import ไฟล์จากช่องทางอื่นอย่าง microsoft word, google doc, trello เข้ามาเก็บไว้ใน Notion ได้อีกด้วย
.
ใช้งานเบื้องต้นได้ฟรี ยกเว้นถ้าใครอยากอัปเกรดบางอย่าง เข่น อัปโหลดไฟล์ได้มากกว่า 5 MB ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเข้ามา
.
- ข้อจำกัดของ Notion
.
แม้จะมีฟีเจอร์หลากหลาย ปรับแต่งได้อย่างยืดหยุ่น แต่จุดเด่นนี้ก็กลายเป็นข้อจำกัดเหมือนกัน เพราะทำให้ใช้งานยากจนปาดเหงื่อโดยเฉพาะช่วงเริ่มต้นที่หลายคนน่าจะใช้เวลาศึกษานานพอสมควรกว่าจะเข้าใจและใช้งานได้คล่อง เลยไม่น่าแปลกใจที่มีคลิปสอนใช้ Notion ออกมาเยอะพอสมควร แถมยังเป็นคลิปยาวหลายนาทีอีกต่างหาก (แต่พอใช้เป็นแล้วบอกเลยว่ารู้สึกคุ้มค่ากับความพยายามตอนแรกมากๆ)
.
จดด้วยลายมือไม่ได้ บางคนเลยใช้คู่กับแอปฯ อื่นๆ อย่าง goodnotes แล้วแคปภาพมาใส่ใน Notion แทน
.
- วิธีใช้งานเบื้องต้น
.
1. เข้าไปสมัครใช้งานใน https://www.notion.so/ หรือดาวน์โหลดแอปฯ Notion
.
2. ล็อกอินแล้วกด add a page ตรงแถบด้านซ้าย เพื่อสร้างหน้าใหม่ หรือถ้าต้องการสร้างหน้าย่อย เราสามารถกดเครื่องหมายบวกบนเพจนั้น หรือพิมพ์ / แล้วเลือก ‘Page’ ได้เลย
Notion จะไม่ได้มีแถบเครื่องมืออยู่บนหน้าจอตลอดเวลา แต่เราสามารถกด / เพื่อเลือกเครื่องมือที่ต้องการได้
.
3. สำหรับการจัดหน้า ไม่ว่าจะย้ายรูป ข้อความ เครื่องมือต่างๆ เราสามารถคลิกตรงที่มีจุด 6 จุดหน้าหัวข้อ/รูปนั้นๆ แล้วขยับได้เลย
ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc


อ่านต่อ: https://thematter.co/.../notion-productivity-software/192710
#Notion #จดโน้ต #TheMATTER

 

BRIEF: เกาหลีใต้เผยสถิติปีล่าสุด คู่รักแต่งงานใหม่ที่ไม่มีลูก มีสัดส่วนเพิ่มเป็น 45.8%
.
กลายเป็นสถิติใหม่ทุกๆ ปี สำหรับอัตราการมีลูกของคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งแต่งงานในเกาหลีใต้ ซึ่งข้อมูลที่เพิ่งเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (12 ธันวาคม) ก็ระบุว่า คู่รักแต่งงานใหม่ที่ไม่มีลูก เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ ที่ 45.8%
.
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติเกาหลีใต้ (Statistics Korea) ภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจและการเงิน พบว่า คู่รักที่จดทะเบียนสมรสในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา นับจนถึงพฤศจิกายน 2021 ที่ไม่มีลูก เพิ่มขึ้นเป็น 45.8% ของทั้งหมด 871,428 คู่ ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ที่มีจำนวนอยู่ที่ 44.5%
.
ขณะเดียวกัน สัดส่วนของคู่รักแต่งงานใหม่ที่ ‘มีลูก’ ก็ลดลงเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องในช่วงปีที่ผ่านมา จากในปี 2016 มีอยู่ที่ 63.7% ก็เหลือ 62.5% ในปี 2017 และมาอยู่ที่สัดส่วนเพียง 54.2% ในปี 2021 ที่ผ่านมา
.
ก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคม เกาหลีใต้ยังเพิ่งทำลายสถิติ กลายเป็นประเทศที่มีจำนวนเด็กเกิดใหม่น้อยที่สุดในโลก เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยข้อมูลของปี 2021 พบว่า ผู้หญิงเกาหลีใต้มีลูกโดยเฉลี่ย 0.81 คนตลอดชั่วชีวิต ลดลงจากค่าเฉลี่ย 0.84 คนในปีก่อนหน้า ส่วนจำนวนเด็กเกิดใหม่ในปีนั้นลดลงเหลือ 260,600 คน เท่ากับประมาณ 0.5% ของประชากรทั้งหมด
.
ยู ยอง ยี (Yoo Young Yi) พนักงานบริษัทการเงินหญิงวัย 30 ปี เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AP ว่า “ฉันและสามีชอบเด็กมากๆ ... แต่มีหลายอย่างที่ต้องเสียสละไปถ้าจะเลี้ยงลูก มันเลยกลายเป็นเรื่องของการเลือกระหว่างสิ่งสองสิ่ง และเราก็ตกลงกันว่าอยากจะโฟกัสกับตัวเราเองมากกว่า”
.
ไม่ต่างจากยู ชาวเกาหลีใต้รุ่นใหม่หลายคนก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องมีลูกหรือครอบครัวเช่นกัน
.
ปัจจัยอาจจะมีหลากหลาย เช่น สถานการณ์การหางานที่ไม่สู้ดี บ้านราคาแพง ความเหลื่อมล้ำทางสังคมและทางเพศ การขยับสถานะทางสังคมที่เป็นไปได้ยาก ค่าใช้จ่ายสูงในการเลี้ยงลูก สังคมแข่งขันสูง หรือแม้แต่สังคมชายเป็นใหญ่ ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้หลายคนไม่อยากมีลูก
.
จากข้อมูลของธนาคารโลก (World Bank) และสหประชาชาติ (UN) เกาหลีใต้เป็นประเทศที่เดินหน้าสู่สังคมสูงวัยเร็วที่สุด ในกลุ่มประเทศที่มี GDP ต่อหัวอย่างน้อย 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และภายในปี 2100 ก็คาดว่า ประชากรเกาหลีใต้จะลดลงไป 53% เหลือเพียง 24 ล้านคน จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 43% ในปี 2019
.
“กล่าวโดยสรุปเลยนะ ผู้คนคิดว่าประเทศของเราไม่ใช่ที่ที่จะใช้ชีวิตได้ง่ายๆ” ลี โซยอง (Lee So-Young) ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายประชากร จากสถาบันเกาหลีเพื่อกิจการสาธารณสุขและสังคม (Korea Institute for Health and Social Affairs) กล่าว
.
“พวกเขาเชื่อว่า ลูกๆ ของพวกเขาจะไม่สามารถมีชีวิตที่ดีกว่าพวกเขาได้ ดังนั้นจึงเกิดการตั้งคำถามว่าจะมีลูกทำไม”
.
.
.
อ้างอิงจาก

https://m-en.yna.co.kr/view/AEN20221212002200320

https://www.bloomberg.com/.../fastest-aging-wealthy...

https://apnews.com/.../health-business-south-korea...

#เกาหลีใต้ #ประชากร #TheMATTER