ลักษณะ ของผู้ป่วยที่หัวใจหยุด ทํา งาน

ภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน เป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกสถานที่ และสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่สามารถคาดเดาล่วงหน้าได้ การมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการช่วยเหลือคนไข้ที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน จะช่วยให้ผู้ป่วยรอดชีวิตได้ จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรเตรียมความพร้อมในเรื่องของการฝึกช่วยเหลือเบื้องต้น และการเรียกรถพยาบาล รวมถึงการขอความช่วยเหลือที่ถูกต้องเหมาะสม

Show

ขั้นตอนการช่วยเหลือผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน

  1. หากพบผู้ป่วยหมดสติ ให้ทำการกระตุ้นว่าผู้ป่วยรู้สึกตัวหรือมีการตอบสนองหรือไม่ หากคลำชีพจรเป็นให้คลำชีพจรเพื่อตรวจสอบ
  2. เรียกขอความช่วยเหลือแล้วกลับมาทำการกดหน้าอกผู้ป่วย เนื่องจากในการช่วยเหลือผู้ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือได้ด้วยคนเดียวต้องมีผู้ช่วยด้วย

การทำ CPR ช่วยเหลือผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน

การกดหน้าอกผู้ป่วยให้กดบริเวณตรงกลางซึ่งเป็นตำแหน่งที่อยู่ของกระดูกหน้าอก โดยบริเวณนี้จะมีความปลอดภัยเนื่องจากมีกระดูกรองรับอยู่ โดยให้กดที่ตำแหน่งครึ่งล่างของกระดูกหน้าอก ใช้สันมือหนึ่งข้างในการกดพร้อมกับใช้มืออีกข้างหนึ่งล็อคมือที่ใช้กดหน้าอกไว้ กดหน้าอกให้ลึกลงไป 2 นิ้ว ไม่ควรลึกเกิน 2.4 นิ้ว ซึ่งปกติแรงกดของคนทั่วไปมักไม่เป็นอันตราย จึงควรพยายามกดให้แรงเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการกระตุ้นหัวใจ โดยใช้ความเร็วในการกดหน้าอกที่ 100-120 ครั้งต่อนาที สำหรับคนทั่วไปไม่ต้องเว้นช่วงเพื่อเป่าปาก แต่ถ้าหากเป็นบุคลากรทางการแพทย์อาจใช้วิธีเป่าปากร่วมด้วยในการช่วยเหลือ และหากมีอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อก็ควรใช้ร่วมด้วย

รู้จักกับเครื่อง AED อุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน

ผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นกะทันหันกว่าร้อยละ 50 เกิดจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ในลักษณะของหัวใจห้องล่างเต้นพริ้ว หากเกิดภาวะนี้จำเป็นต้องใช้เครื่อง AED ในการช็อตหัวใจผู้ป่วย หากไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าว ส่งผลให้การช็อตหัวใจผู้ป่วยช้าไปเพียง 10 นาที ผู้ป่วยสามารถเสียชีวิตได้ ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมาก โดยเครื่องนี้สามารถใช้ได้กับผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นเท่านั้น ดังนั้นหากพบคนหมดสติต้องแน่ใจก่อนว่าผู้ป่วยแค่เป็นลม หรือมีภาวะหัวใจหยุดเต้นไป หากพบผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นแล้วนำเครื่อง AED มาใช้งาน ตัวเครื่องจะทำการวิเคราะห์ได้ว่าผู้ป่วยรายนั้นต้องช็อตหัวใจหรือไม่

สาเหตุของภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน อาจเกิดจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวที่ส่งผลให้การนำไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ หรือมีความผิดปกติของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ เป็นต้น ทั้งนี้ สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มตามช่วงอายุของนักกีฬา ดังนี้

1.กลุ่มนักกีฬาที่อายุน้อยกว่า 35 ปี

สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นในนักกีฬากลุ่มนี้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากความผิดปกติของหัวใจที่มีมาแต่กำเนิด ซึ่งอาจจะถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือไม่ก็ได้ เช่น ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัว ภาวะที่มีการนำไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ หรือความผิดปกติของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ เป็นต้น ในอดีตนั้นพบว่า สาเหตุหลักนั้นเกิดจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัว ซึ่งสุดท้ายแล้วจะก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้การนำไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ ส่งผลให้หัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิตได้

แต่ในการศึกษาในช่วงหลังพบสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นจากหัวใจหนาตัวน้อยลง อาจเป็นเพราะการตรวจคัดกรองโรคหัวใจในนักกีฬาถูกบรรจุเป็นภาคบังคับสำหรับนักกีฬาอาชีพที่แพร่หลายมากขึ้น ทำให้สาเหตุของการเสียชีวิตของนักกีฬาอายุน้อยในช่วงหลังๆ ตรวจไม่พบความผิดปกติของโครงสร้างของหัวใจ จึงถูกสรุปว่าการเสียชีวิตนั้นมีสาเหตุมาจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะเฉียบพลัน (Sudden Arrhythmic Death Syndrome; SADS) มากขึ้นแทน

2.กลุ่มนักกีฬาที่อายุมากกว่า 35 ปี

สาเหตุของการเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันที่อาจทำให้เกิดการเสียชีวิตได้ในคนกลุ่มนี้ จะมาจากเรื่องของเส้นเลือดหัวใจตีบมากกว่าความผิดปกติของโครงสร้างของหัวใจ ซึ่งสาเหตุของเส้นเลือดหัวใจตีบที่พบบ่อยนั้น ได้แก่ การมีภาวะไขมันในเลือดสูง หรือมีโรคร่วมอื่นๆ เช่น เบาหวาน หรือมีภาวะไตเสื่อม หรืออาจเกิดจากอุปนิสัยส่วนตัว เช่น สูบบุหรี่มาเป็นระยะเวลานานๆ การใช้สารเสพติด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สาเหตุอย่างภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะเฉียบพลันก็ยังคงพบได้อยู่ แต่พบได้ในอัตราส่วนที่น้อยลงเมื่อเทียบกับกลุ่มนักกีฬาที่อายุน้อยกว่าข้างต้น

ประเทศไทยมีประชาชนเสียชีวิตจากโรคหัวใจเฉลี่ยปีละ 54000 คนหรือ เฉลี่ยชั่วโมงละ 6 คน โรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 รองจากโรคมะเร็งและอุบัติเหตุ

"ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันคืออะไร"

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน คือภาวะซึ่งหัวใจทำงานผิดปกติ จนกระทั่งไม่มีการบีบตัวหรือหยุดเต้นโดยทันที และไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า ทำให้ไม่มีการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงร่างกายส่วนต่างๆ เกิดอาการของการทำงานผิดปกติที่อวัยวะต่างๆ ที่เห็นได้อย่างหนึ่งคือการทำงานของสมอง ซึ่งเมื่อไม่มีเลือดเลี้ยงทำให้หมดสติ การช่วยเหลือโดยการช่วยฟื้นชีวิตในทันทีจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยรอดชีวิต

เพราะฉะนั้นบ่อยครั้งที่อาการแสดงแรกว่าเป็นโรคหัวใจอาจเป็นอาการสุดท้ายและทำให้เสียชีวิตทันที หากมีหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันโดยไม่คาดฝันจนเสียชีวิตใช้ศัพท์ว่า sudden cardiac death

"เราพบภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้บ่อยแค่ไหน"

ข้อมูลของประเทศสหรัฐอเมริกาพบการเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นฉับพลันปีละ 300,000 – 400,000 รายต่อปี โดยพบในกลุ่มนักกีฬาในอัตราส่วนประมาณ 1 ต่อ 65,000 ถึง 1 ต่อ 200,000 สำหรับประเทศไทยนั้นยังไม่มีการเก็บสถิติภาวะนี้อย่างเป็นระบบจึงยังไม่มีรายงานตัวเลขที่ชัดเจน

"สาเหตุของการเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน"

สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากหัวใจเต้นผิดปกติที่เรียกว่า Ventricular Fibrillation ในภาวะปกติหัวใจจะผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นให้หัวใจบีบตัวอย่างเป็นจังหวะ ซึ่งจะส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกาย แต่เมื่อเกิดหัวใจเต้นผิดปกติชนิด Ventricular Fibrillation กระแสไฟฟ้าที่ส่งออกจากหัวใจจะเร็วและไม่เป็นจังหวะจนทำให้หัวใจไม่บีบตัวและเลือดไม่สามารถไปเลี้ยงร่างกายได้ ผู้ป่วยจะหมดสติในไม่กี่วินาทีและเสียชีวิตในไม่กี่นาที แต่อาจจะช่วยให้ปลอดภัยได้โดยการช็อคด้วยกระแสไฟฟ้า(Electrical Shock)จากเครื่องมือที่เรียกว่า Defibrillator ซึ่งเดิมทีเครื่องมือชนิดนี้มีใช้เฉพาะในโรงพยาบาลหรือรถพยาบาล แต่ปัจจุบันเราอาจจะพบเครื่องมือชนิดนี้ที่สามารถใช้งานได้โดยประชาชนทั่วไปที่เรียกว่า AEDs(Automatic External Defibrillators) ตามสถานที่ต่างๆเช่น สนามบิน, โรงเรียน, สนามกีฬา, ห้างสรรพสินค้า, ...

"ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน"

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันมักจะเกิดในคนที่ดูปกติและไม่ทราบว่าเป็นโรคหัวใจมาก่อน แต่โดยความเป็นจริงแล้วเขาเหล่านั้นมักจะมีโรคหัวใจแฝงอยู่โดยที่ไม่รู้ตัว ซึ่งสาเหตุหลักๆคือ

1.หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบ ซึ่งพบในผู้ป่วยโรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเลือดสูง และสูบบุหรี่

2.กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง (low ejection fraction EF)

Ejection Fraction คือการวัดปริมาณเลือดที่สูบฉีดออกจากหัวใจในการบีบตัว 1 ครั้ง คนปกติหัวใจจะบีบตัวให้เลือดสูบฉีดออกไปต่อครั้งประมาณ 50-70% (EF 50-70%) แต่ในคนที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน จะมีการบีบตัวน้อยกว่า 35% (EF <35%) แต่ในผู้ป่วยที่อายุน้อย โดยเฉพาะ <30 ปี มักเกิดจาก

1.ความผิดปกติในทางเดินกระแสไฟฟ้าของหัวใจ เช่น Congenital long QT syndrome (LQTS)

2.ความผิดปกติที่กล้ามดนื้อหัวใจ เช่น Hypertrophic Cardiomyopathy

3.ความผิดปกติที่หลอดเลือดโคโรนารีที่เลี้ยงหัวใจ (Abnormalities of coronary arteries)

ลักษณะ ของผู้ป่วยที่หัวใจหยุด ทํา งาน

"ถ้าเราพบผู้หมดสติควรทำอย่างไร"

สิ่งแรกที่ต้องทำคือตรวจว่าผู้ป่วยหมดสติจริง ให้ทำการเรียกหรือเขย่าตัวผู้หมดสติว่ายังมีการตอบสนองหรือไม่ ถ้าไม่มีการตอบสนอง ให้สังเกตว่าผู้ป่วยมีอาการกระตุกหรือชักเกร็งหรือไม่ หรือหายใจเฮือก หรือหยุดหายใจ และ ถ้ามีให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ป่วยมีภาวะหัวใจหยุดเต้นฉับพลัน หลังจากนั้นจากนั้นให้รีบโทรศัพท์แจ้งเพื่อขอความช่วยเหลือ จากโรงพยาบาลทันที และเริ่มการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานประกอบด้วยการนวดหัวใจ


แค่การนวดหัวใจเพียงอย่างเดียวโดยไม่จำเป็นต้องเป่าปากร่วมด้วย ก็ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยได้แล้ว(Compression-only CPR "Something is better than Nothing") ซึ่งถ้าบริเวณนั้นมีเครื่อง Automated External Defibrillator หรือ AED ให้รีบนำเครื่องมาใช้

"การทดสอบเพื่อประเมินความเสี่ยง"

มีการตรวจหลายชนิดที่อาจจะประเมินความเสี่ยงได้ เช่น
- การตรวจเลือด เช่น ระดับน้ำตาล, ไขมัน
- คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram)
- คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (Echocardiogram) ซึ่งเป็นการตรวจที่สามารถวัด Ejection Fraction
- การติดตามการเต้นหัวใจ (Holter Monitoring) โดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กประมาณ

โทรศัพท์มือถือติดที่บริเวณหน้าอก ซึ่งจะบันทึกการเต้นของหัวใจได้ตลอดเวลานานถึง 24-48 ชม

"การป้องกัน"

Living a "HEART HEALTHY life จะสามารถลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน รวมทั้งโรคหัวใจได้

-กินอาหารสุขภาพ เช่นผัก, ผลไม้, พืชเมล็ดถั่ว, ปลา
-ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่นเดินเร็วประมาณ 30 นาทีให้ได้เกือบทุกๆวัน
-ควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม
-ไม่สูบบุหรี่
- ดูแลรักษาโรคประจำตัว โดยเฉพาะ เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) ต่างกับภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน (Heart Attack) กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Acute myocardial infarction; AMI) หรือรู้จักกันว่า ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน (Heart Attack) เกิดจากการไหลของเลือดเพื่อเลี้ยงส่วนของหัวใจถูกรบกวนทำให้เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนตาย ซึ่งส่วนมากเกิดจากการอุดกั้นของหลอดเลือดโคโรนารีที่เลี้ยงหัวใจ โดยที่หัวใจอาจจะไม่ได้หยุดเต้นขณะเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายและเสียชีวิตได้

จริงๆแล้วภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน (Heart Attack) ก็คือสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิด ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) แต่ก็อาจเกิดจากภาวะอื่นๆได้อีก

ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน (Heart Attack)

กล้ามเนื้อหัวใจตายนับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของทั้งผู้ชายและผู้หญิงทั่วโลก โดยปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคืออายุมาก, โรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเลือดสูง และสูบบุหรี่


อาการของกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันที่พบบ่อยได้แก่เจ็บหน้าอกกะทันหัน ซึ่งมักร้าวไปยังแขนซ้ายหรือด้านซ้ายของคอ อาการหายใจลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน ใจสั่น เหงื่อออก แต่ราว 1 ใน 4 ของผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายจะไม่มีอาการ คือไม่มีอาการปวดเจ็บหน้าอกหรืออาการอื่นเลย


ในกรณีที่สงสัย ควรเรียกรถพยาบาลเพื่อนำส่งห้องฉุกเฉินโดยเร็วที่สุด และจะได้รับการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การถ่ายภาพเอกซเรย์ทรวงอก และการตรวจเลือดเพื่อดูความเสียหายของกล้ามเนื้อหัวใจ โดยตัวชี้วัดความเสียหายของกล้ามเนื้อหัวใจที่ใช้บ่อยคือ สัดส่วนครีเอตินไคเนส-เอ็มบี (creatine kinase-MB; CK-MB) และระดับโทรโปนิน (troponin)


การรักษาผู้ป่วยที่สงสัยกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันได้แก่การให้ออกซิเจน แอสไพริน และไนโตรกลีเซอรีนชนิดอมใต้ลิ้น จากนั้นจะต้องพิจารณาถึงการรักษาด้วยยาสลายลิ่มเลือดหรือการขยายหลอดเลือดโคโรนารีทางผิวหนัง (Percutaneous coronary intervention; PCI) เพื่อเปิดหลอดเลือดหัวใจให้ได้เร็วที่สุด

ลักษณะอาการใดที่อาจแสดงว่าผู้ป่วยหยุดทำงาน

หากพบเจอคนกำลังหมดสติ คุณสามารถสังเกตว่าผู้ป่วยมีอาการหยุดหายใจได้จาก ทรวงอกของผู้ป่วยจะหยุดขยายตัวขึ้นลง และ ลมหายใจของผู้ป่วยอ่อนหรือหายไปเมื่อคุณแนบแก้มใกล้จมูกผู้ป่วย ส่วนคนที่มีอาการหัวใจหยุดเต้น คุณสามารถสังเกตได้จาก ผู้ป่วยเจ็บหน้าอกกะทันหัน หมดสติเฉียบพลัน คลำชีพจรที่ข้อมือที่ต้นคอไม่พบหรืออ่อน ไม่หายใจตามปกติ ...

เมื่อพบว่าผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น ควรกระทำอย่างไร

ขั้นตอนการช่วยเหลือผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน หากพบผู้ป่วยหมดสติ ให้ทำการกระตุ้นว่าผู้ป่วยรู้สึกตัวหรือมีการตอบสนองหรือไม่ หากคลำชีพจรเป็นให้คลำชีพจรเพื่อตรวจสอบ เรียกขอความช่วยเหลือแล้วกลับมาทำการกดหน้าอกผู้ป่วย เนื่องจากในการช่วยเหลือผู้ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือได้ด้วยคนเดียวต้องมีผู้ช่วยด้วย

ภาวะหัวใจหยุดเต้นมีอาการอย่างไร

ภาวะหัวใจหยุดเต้นหมายถึงการไหลเวียนเลือดหยุดลงอย่างสิ้นเชิง ซึ่งทราบได้จากการหมดสติไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มีอาการไอ คลำชีพจรไม่ได้ ไม่มีการหายใจอย่างที่เป็นตามปกติ ภาวะหัวใจหยุดเต้น เกิดขึ้นจากสาเหตุหลาย อย่าง เช่น ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากหลอดเลือดหัวใจตีบหรือที่เรียกกันว่าหัวใจวาย หรืออาจเกิดขึ้น ตามหลังภาวะ ...

ผู้ป่วยประเภทใดบ้าง มีโอกาสสูงที่จะเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น

สำหรับผู้ที่อายุมากกว่า 35 ปี ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันที่พบบ่อยได้แก่ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง สูบบุหรี่ ฯลฯ ดังนั้นการตรวจสุขภาพประจำปีจะช่วยให้ทราบ ตั้งแต่เนิ่นๆ ว่า เรามีโรคเหล่านี้หรือไม่ และควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรคร่วมด้วย ส่วนผู้ที่อายุน้อยกว่า 35 ปีนั้นต้องอาศัย ...