คํา น วณ แอร์ กับ ขนาด ห้อง

*แปลงหน่วย 1 BTU เท่ากับ 0.293071 วัตต์

BTU คืออะไร

BTU ย่อมาจาก British Thermal Unit คือขนาดความสามารถการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ โดย 1 ตันความเย็น = 12,000 BTU

สูตรคำนวณหาค่า BTU

BTU = ความกว้าง (เมตร) x ความยาว (เมตร) x ค่าตัวแปร

ค่าตัวแปร

  • 700-800 : สำหรับห้องนอน หรือห้องที่มีความร้อนน้อย (ห้องที่ไม่โดนแดดหรือโดนเล็กน้อย ฝ้าต่ำ หรือห้องที่ใช้แอร์ช่วงกลางคืน)
  • 800-900 : สำหรับห้องรับแขก หรือห้องที่มีความร้อนปานกลาง - มาก (ห้องที่โดนแดด อยู่ทิศตะวันตก หรือใช้แอร์ช่วงกลางวัน)
  • 900-1000 : สำหรับห้องออกกำลังกาย ห้องทำงาน หรือห้องที่มีความร้อนมาก หรือฝ้าสูง(ห้องที่โดนแดด อยู่ทิศตะวันตก อยู่ชั้นบนสุด หรือใช้แอร์ช่วงกลางวัน)
  • 1000-1200 : สำหรับร้านค้า ร้านอาหารที่เปิดปิดประตูบ่อย ร้านทำผม หรือสำนักงานที่มีคนอยู่จำนวนมาก

หากฝ้าเพดานสูงกว่า 2.5 เมตร มีจำนวนคนในห้องมากกว่า 3คนหรือมีคอมพิวเตอร์ ควรบวกค่า BTU เพิ่มขึ้นอีก 5% จากค่าปกติ

ตัวอย่าง ห้องนอนมีขนาดกว้าง 3.5 เมตร ยาว 4.5 เมตร ต้องใช้แอร์ขนาดเท่าไร
(ข้อมูลเพิ่มเติม ห้องอยู่ทางทิศตะวันตก มีเครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี หลอดไฟฟ้า)

ใช้ค่าตัวแปร = 800
BTU = พื้นที่ห้อง x ค่าตัวแปร (ห้องนอน)

BTU = 3.5*4.5 *800 = 12,600 BTU

คํา น วณ แอร์ กับ ขนาด ห้อง

คํา น วณ แอร์ กับ ขนาด ห้อง

ทุกวันนี้หลายคนยังมีคำถาม BTU แอร์คืออะไร? BTU ซึ่งย่อมาจาก British Thermal Unit คือหน่วยที่ใช้วัดขนาดในการทำความเย็นของแอร์ จะสังเกตได้ว่า ตัวเลข BTU มักจะมีตั้งแต่ 8000 BTU ขึ้นไป ยิ่งตัวเลขสูงมากเท่าไหร่ ความสามารถในการทำความเย็นยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หากแต่การเลือกแอร์ที่มีค่า BTU ที่สูงมากเกินไปต่อพื้นที่และความต้องการ จะส่งผลให้ห้องหนาวเย็นเกินไปและค่าไฟที่เกินความควบคุม ดังนั้น BTU จึงถือเป็นหัวใจสำคัญที่ต้องทราบก่อนเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศทุกครั้ง

ในการเลือก BTU ที่เพียงพอและเหมาะสม
มีสูตรการคำนวณ BTU  คือ
 BTU =  พื้นที่ห้อง ( กว้าง x ยาว ) x ตัวแปรความแตกต่าง ครับ (ใช้ตัวแปร 650 – 700 = ห้องที่มีความร้อนน้อยใช้เฉพาะกลางคืน 
ใช้ตัวแปร 700 – 800 =ห้องที่มีความร้อนสูงใช้กลางวันมาก

โดยปรกติแล้ว

เครื่องปรับอากาศขนาด 8,500 BTU
เหมาะกับห้องขนาด 10-12 ตรม. ที่ไม่โดนแดดจัด
เหมาะกับห้องขนาด 7-9 ตรม. ที่ต้องรับแดดมาก

เครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 BTU
เหมาะกับห้องขนาด 14-16 ตรม. ที่ไม่โดนแดดจัด
เหมาะกับห้องขนาด 11-13 ตรม. ที่ต้องรับแดดมาก

เครื่องปรับอากาศขนาด 18,000 BTU
เหมาะกับห้องขนาด 22-24 ตรม. ที่ไม่โดนแดดจัด
เหมาะกับห้องขนาด 19-21 ตรม. ที่ต้องรับแดดมาก

เครื่องปรับอากาศขนาด 20,400 BTU
เหมาะกับห้องขนาด 25-27 ตรม. ที่ไม่โดนแดดจัด
เหมาะกับห้องขนาด 22-24 ตรม. ที่ต้องรับแดดมาก

เครื่องปรับอากาศขนาด 25,200 BTU
เหมาะกับห้องขนาด 31-33 ตรม. ที่ไม่โดนแดดจัด
เหมาะกับห้องขนาด 28-30 ตรม. ที่ต้องรับแดดมาก

สามารถคำนวณค่า BTU เบื้องต้น ด้วยตัวเองได้ได้ที่ https://carrierthailand.com/services/btu-calculator/ หากต้องการปรึกษาและขอข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ Hotline 080-293-4798 เวลาทำการ จ.-ศ. 08:30-17:30 น.

[[[["field52","greater_than","8,499"],["field52","less_than","10,499"]],[["hide_fields","field51"]],"and"],[[["field52","equal_to","8,694"]],[["hide_fields","field55"]],"and"]]

keyboard_arrow_leftย้อนกลับ

ถัดไปkeyboard_arrow_right

FormCraft - WordPress form builder

จะเลือกเครื่องปรับอากาศสักเครื่องต้องเลือกยังไงดี? แคเรียร์เอาวิธีการเลือกเครื่องปรับอากาศให้เหมาะกับห้องมาฝาก ฉบับค่าไฟไม่แรงแถมประหยัดพลังงาน สิ่งสำคัญในการซื้อเครื่องปรับอากาศคือต้องรู้ค่าของBTU นั้นเอง!! BTUคืออะไร? BTU ย่อมาจาก British Thermal Unit คือหน่วยวัดปริมาณความสามารถในการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศภายใน1ชั่วโมง ยิ่งตัวเลข BTU สูงเท่าไหร่เครื่องปรับอากาศก็จะสามารถปรับความเย็นมากขึ้น การเลือกเครื่องปรับอากาศจึงจำเป็นต้องคำนวณค่าBTUก่อน เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองพลังงานและประหยัดค่าไฟ 

สูตรการคำนวณ BTU เบื้องต้น

การเลือกเครื่องปรับอากาศขึ้นอยู่กับรูปแบบห้องหรือพื้นที่อาศัย แต่ในปัจจุบันสภาพอากาศค่อนข้างร้อนกว่าค่าตัวแปรที่ตั้งไว้ แคเรียร์แนะนำว่าควรใช้ค่าตัวแปร 1000 x ตารางเมตรของห้อง และเมื่อได้ค่าBTUมาแล้ว คุณสามารถเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีค่าBTU สูง-ต่ำได้นิดหน่อยแต่ไม่ควรเกิน1000 BTU เพื่อให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

สูตรการคำนวณค่าBTU

BTU =  ความกว้าง(เมตร) x ความยาว(เมตร) x ค่าตัวแปร

ทำไมต้องใช้ตัวแปรเข้ามาในการคำนวณ? ก็เพื่อนำไปวัดหาค่าBTU สำหรับการเลือกติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ซึ่งตัวแปรก็จะมีค่าที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับขนาดของห้อง ระดับความร้อนที่ห้องหรือพื้นที่อาศัยจะได้รับจากภายนอก จำนวนคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้น ความถี่การเข้า-ออก/เปิด-ปิดของประตู และรวมไปถึงประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้าในพื้นที่นั้นด้วย ซึ่งโดยประมาณค่าตัวแปรของแต่ห้องมีดังนี้

ค่าตัวแปร

600-800 : สำหรับห้องนอน หรือห้องที่มีความร้อนน้อยโดนแดดเล็กน้อย

800-900 : สำหรับห้องรับแขก หรือห้องที่มีความร้อนปลานกลาง – มาก

900-1000 : สำหรับห้องออกกำลังกาย ห้องทำงาน หรือห้องที่มีความร้อนมาก

1000-1200 : สำหรับร้านค้า ร้านอาหาร หรือห้องที่มีการเปิด-ปิดประตูบ่อย สำนักงาน

แต่เพื่อความสะดวกและง่ายขึ้นในการคำนวณค่า BTU  ทางCarrier มีระบบคำนวณค่าBTUอัตโนมัติให้บริการ เพียงแค่ใส่ความกว้างและความยาวของพื้นที่ห้องทางระบบของแคเรียร์ก็จะคำนวณค่าBTUที่เหมาะสมกับพื้นที่ห้องของคุณในทันที

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคู่ไปกับการคำนวณ BTU

ปัจจัยเพิ่มเติมในการคำนวณค่า BTU ที่เราไม่ควรมองข้าม

1.ขนาดและจำนวนของหน้าต่างและกระจกในห้อง

2.ทิศทางแสงแดดและตำแหน่งของห้อง

3.ความสูงของฝ้าเพดานและวัสดุหลังคามีฉนวนกันความร้อนหรือไม่

4.จำนวนคนที่ใช้งานภายในห้อง

5.จำนวนและประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดความร้อน เช่น ไมโครเวฟ ตู้เย็น คอมพิวเตอร์ เป็นต้น

6.ความถี่ในการเปิด-ปิด/เข้า-ออกประตู 

ซึ่งปัจจัยที่ได้กล่าวไปข้างต้นจะสามารถช่วยให้เราเลือกขนาด รูปแบบ และค่าBTUเครื่องปรับอากาศให้เหมาะกับการใช้โดยไม่สิ้นเปลืองพลังงานและประหยัดค่าไฟ

แนะนำค่า BTU ที่เหมาะสมกับขนาดห้อง

9,000 BTU ขนาดห้อง 9-15 ตารางเมตร

12,000  BTU ขนาดห้อง 12-20 ตารางเมตร

15,000  BTU ขนาดห้อง 15-25 ตารางเมตร

18,000  BTU ขนาดห้อง 18-30 ตารางเมตร

24,000  BTU ขนาดห้อง 24-40 ตารางเมตร

เลือก BTU ผิดจะเกิดผลเสียอย่างไร?

เครื่องปรับอากาศที่มีค่า BTU ที่สูงเกินไป

จะทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน ค่าไฟแพง คอมเพรสเซอร์จะถูกตัดการทำงานและรีสตาร์ทระบบใหม่บ่อย ๆ ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องปรับอากาศลดลง และอาจทำให้คอมเพรสเซอร์เสียหายได้ นอกจากนี้ยังทำให้อุณหภูมิในห้องมีความชื้นสูงอีกด้วย

และถ้าหากเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีค่า BTU ที่ต่ำเกินไป

หากค่า BTU ต่ำกว่าขนาดห้องจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักเกินไป คอมเพรสเซอร์จะทำงานตลอดเวลา เนื่องจาก BTU ที่น้อยแต่พื้นที่ในห้องกว้าง ทำให้เครื่องปรับอากาศใช้เวลานานในการทำความเย็นให้กระจายทั่วห้องและยังทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักเกินไป ส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานอีกเช่นกัน แถมทำให้อายุการใช้งานสั้นลงตามมาอีกด้วย 

สรุปประโยชน์ของการคำนวณค่า BTU

การคำนวณค่า BTU เครื่องปรับอากาศให้พอดีกับพื้นที่ของห้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ตอบโจทย์ในการใช้งาน

อย่างเหมาะสม นอกจากนี้เราไม่ควรละเลยในเรื่องขององค์ประกอบภายในห้อง 

เช่น ทิศทางของแสง จำนวนของหน้าต่าง ความสูงของฝ้าเพดาน เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถปล่อยความเย็นได้เต็มพื้นที่ในระยะเวลาที่ไม่นาน ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน และยังประหยัดค่าไฟได้อีกด้วย หากคุณกำลังมองหาเครื่องปรับอากาศดี ๆ ทางแคเรียร์มีเครื่องปรับอากาศหลายรุ่น ที่สามารถตอบโจทย์กับการใช้งานของคุณ ทั้งประหยัดค่าไฟและมาพร้อมฟังชั่นที่ใช้ง่าย ดูแลไม่ยุ่งยาก สามารถศึกษาข้อมูลของเครื่องปรับอากาศแคเรียร์เพิ่มเติมได้ที่ https://carrierthailand.com/