เผยแพร่: 28 ก.ย. 2564 08:54 ปรับปรุง: 28 ก.ย. 2564 08:54 โดย: อำนาจ"อยู่เมืองนี้ อย่ารู้เยอะ” เรียกว่าแค่จั่วหัวขึ้นมาดังกล่าวก็ทำเอาหลายคนอยากดูขึ้นมาทันทีสำหรับออริจินัลซีรีส์ไทยเรื่องที่ 2 ของ Netflix อย่าง "Bangkok Breaking มหานครเมือง(ห)ลวง" ยิ่งนับรวมไปกับทีมงานทั้งเบื้องหลังและเบื้องหน้า ไล่ไปตั้งแต่ "ก้องเกียรติ โขมศิริ" (ลองของ, ไชยา, เฉือน, ขุนพันธ์ ฯลฯ) ในฐานะผู้กำกับ, "ปราบดา หยุ่น" นั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการสร้าง รวมถึงนักแสดงฝีมือดี นำโดย เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารส, ออม สุชาร์ มานะยิ่ง, แบงค์-ปวริศร์ มงคลพิสิฐ ฯลฯ ทั้งหลายเหล่านี้ก็เลยทำเอาหลายคนคาดหวังไม่น้อยกับซีรีส์เรื่องนี้ Bangkok Breaking ว่าด้วยเรื่องราวของ "วันชัย" หนุ่มบ้านนอกที่ตัดสินใจเดินทางมาใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ ตามคำแนะนำของ "โจ้" พี่ชาย ทว่าเพียงแค่วันแรกที่เดินทางมาถึง เขาก็ต้องกลายเป็นแพะรับบาปในการเสียชีวิตของพี่ชายจากอุบัติเหตุทำให้เขาตัดสินใจเข้าทำงานในมูลนิธิหน่วยอาสากู้ภัย และนั่นเองที่ทำให้เขาได้พบกับ "แคท" นักข่าวหญิงที่พยามค้นหาความจริงอันน่ากลัวที่ถูกปกปิกไว้ แน่นอนว่าด้วยพล็อตเรื่องดังกล่าวทำให้มีบางคนนำเอาซีรีส์เรื่องนี้ไปโยงกับเรื่องราวกับบรรยากาศทางการเมืองอย่างช่วยไม่ได้ โดยมีบางคนก็เลือกใช้คำด้วยการเปรียบเปรยชีวิตคนบ้านนอกตลอดจนคนจนที่เข้ามาทำมาหากินในกรุงเทพทำนองว่าเป็นชนชั้นกระฎุมพี ขณะที่คนกรุงเทพเองก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากพวกศักดินาที่ทำทุกอย่างที่จะกดหัวคนอื่นเพื่อความสบาของตนเองไปโน่นเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามหลังออกอากาศไปแล้วแม้โดยรวมจะไม่ได้ขี้เหร่อะไรทว่าก็ทำเอาหลายคนผิดหวังไม่น้อย โดยสิ่งที่หลายๆ คนเห็นตรงกันว่า "มีปัญหา" ก็เห็นจะเป็นในส่วนของบทและประเด็นที่จะบอก ซึ่งแม้ซีรีส์จะมีการปูทางและผูกเรื่องได้ค่อนข้างจะน่าสนใจแต่สุดท้ายการเล่าเรื่องกลับทำออกมาไม่ชวนตื่นเต้นเอาเสียเลย หลายประเด็นก็ดูขาดความสมเหตุสมผล ปมปัญหาหลายเรื่องถูกตัดจบอย่างรวบรัดด้วยความบังเอิญ ขณะที่บางเรื่องก็เป็นประเด็นเดิมๆ ที่หลายคนรับรู้กันอยู่แล้ว กระทั่งทำเอาคำโปรยอย่าง “อยู่เมืองนี้ อย่ารู้เยอะ” ต่างๆ นั้นกลายเป็นการโฆษณาที่ดูเวอร์วังอลังการเกินจริงไปมาก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายคนชื่นชมเหมือนกันๆ ก็เห็นจะเป็นในเรื่องของโปรดักชันที่ทำออกมาได้ไม่แพ้มาตรฐานต่างประเทศ ส่วนเรื่องฝีมือในการแสดงของแต่ละคนนั้นไม่ต้องพูดถึงแต่ด้วยความที่อาจจะเป็นเพราะบทไม่ส่งเท่าไหร่ทำให้เนื้อเรื่องดูไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร ยกตัวอย่างในส่วนของตัวละครอย่าง "ศักดิ์" (แบงค์ ปวริศร์ มงคลพิสิฐ) ซึ่งถูกสร้างปมความน่าสงสัยและดูท่าจะเป็นตัวละครที่มีความสำคัญๆ ไม่น้อย แต่เอาเข้าจริงๆ ซีรส์กลับไม่อธิบายและขยายว่าเพราะอะไรทำไมตัวละครตัวนี้ถึงเป็นเช่นนั้น โดยปัญหาดังกล่าว ส่วนหนึ่งหลายคนพยายามมองว่าอาจจะเป็นเพราะซีรีส์นั้นมีความยาวเพียงแค่ 6 ซีซันเท่านั้นทำให้การเล่าเรื่องดูขาดๆ เกินๆ แต่กระนั้นบางคนก็มองว่าตรงนี้ไม่น่าจะใช่ปัญหาแต่อย่างใด สำหรับกระแสวิจารณ์ในต่างประเทศของ Bangkok Breaking นั้นก็ต้องบอกว่าเป็นไปในระดับกลางๆ ไม่ถึงกับห่วยและก็ไม่ได้ชื่นชมอะไรมากมาย โดยในเวบไซต์อย่าง decider.com ที่ระบุว่า Bangkok Breaking นั้นชวนให้นึกถึง หนังแฟรนไชส์ Fast And Furious มากกว่าเรื่องอื่นเพราะการเปิดเรื่องชวนให้คาดคิดซีรีส์จะมีการไล่ล่าและซากปรักหักพังครั้งใหญ่มากขึ้นเมื่อซีรีส์ดำเนินต่อไป "เราคิดว่าแนวคิดเกี่ยวกับการแข่งขันระหว่างมูลนิธิต่างๆ ในหนังดูสับสนนิดหน่อย ไอเดียของรถพยาบาลเอกชนไม่ใช่ของใหม่ ในสหรัฐอเมริกา แต่นี่เมืองไทย ดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นการแข่งขันอย่างเอาเป็นเอาตาย และกลายเป็นการคอรัปชั่น แม้จะเรียกว่าเป็นมูลนิธิ แต่ก็แยกแยะยากว่าพวกเขาทำเรื่องเหล่านี้เพื่อผลประโยชน์หรือไม่ ซึ่งนี่ก็คือโลกตัว "แคท" และ "วันชัย" ต้องแทรกซึมเข้าไป ซึ่งในตอนแรกของซีรีส์ก็เซ็ตเรื่องได้ดีพอสมควร" "อย่างไรก็ตาม แม้ ก้องเกียรติ โขมศิริ และ ปราดา หยุ่น จะสร้างเรื่องราวที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่มันก็ยังดูยากว่าสุดท้ายแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะต้องมาพังพินาศเพราะความซับซ้อนของมัน หรือจะกลายเป็นความระทึกขวัญที่เข้มข้น?" Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง วังวนละครไทย ตามรอยเมืองนอก
“ความมืดกับความสว่างอยู่ในที่เดียวกัน เป็นเมืองที่ติดอันดับเมืองน่าท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก แต่ภายในกลับซ่อนอะไรไว้เต็มไปหมด เป็นเมืองที่พอตกกลางคืนคนออกมาเริงราตรีกัน และตอนเช้าก็มีคนออกมาใส่บาตรตามท้องถนน ที่ถือว่าเป็นเฉดสีอันหลากหลายของกรุงเทพฯ” ตามคำกล่าวของ ก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับของเรื่องในงานแถลงข่าวเปิดตัวซีรี่ย์ และ เรื่องนี้ยังได้ “ปราบดา หยุ่น” ผู้อำนวยการสร้าง และ ช่วยกันเขียนบทกล่าว “ผู้ชมทั่วโลกจะได้เห็นความร่วมสมัยและความหลากหลายของกรุงเทพฯ ทั้งความเป็นเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยอาคารสถานที่ใหญ่โตโออ่า และวิถีชีวิตในชุมชนตามตรอกซอกซอยผ่านเรื่องราวและพัฒนาการของตัวละครในซีรี่ย์เรื่อง Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง ซึ่งจะสะท้อนถึงความเป็นไปของสังคมในแง่มุมต่าง ๆ ทั้งด้านที่เป็นสีขาว สีดำ และสีเทา ผสมผสานอยู่ในทุก ๆ อณูของกรุงเทพฯ” นำทีมนักแสดงโดย “เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ” ในบท ‘วันชัย’ คนต่างจังหวัดที่ตั้งใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อทำงานหาเงินส่งกลับไปจุนเจือครอบครัว แต่กลับต้องเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายมากมายในเมืองหลวง และ “ออม-สุชาร์ มานะยิ่ง” ในบท ‘แคต’ นักข่าวรุ่นใหม่ไฟแรง ที่อยากเป็นกระบอกเสียงแทนประชาชน เพื่อเปิดโปงกลุ่มผู้มีอิทธิพลจนตัวเองต้องเสี่ยงอันตรายในหลาย ๆ ครั้ง และ ยังมีนักแสดงมากฝีมือรุ่นใหญ่เช่น ปู-สหจักร บุญธนกิจ ที่ผ่านผลงานระดับฮอลลีวูดมามากมาย เช่น Only God Forgives (2013) และ แบงค์-ปวริศร์ มงคลพิสิฐ ที่เคยร่วมแสดงใน Bangkok Dangerous (1999) ไปจนถึงนักแสดงไทยหน้าใหม่อีกหลายคน โปรดักชั่นของซีรี่ส์เรื่องนี้ยังถือเป็นซีรี่ย์ไทยเรื่องแรกที่ถ่ายทำในระบบ HDR (High Dynamic Range) เทคนิคที่ช่วยเน้นรายละเอียดของภาพทั้งในฉากที่สว่างจ้าและมืดสนิทเพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับผู้ชมได้ไม่น้อย ซีรี่ย์ไทยทุนสร้างจาก NETFLIX เรื่องนี้ได้เคลมไว้ว่า พวกเขามาเพื่อ “แฉ” ความลับบางอย่างที่ซ่อนอยู่ของกรุงเทพฯ และการสืบหาความจริงอาจนำไปสู่จุดจบอันน่าสะพรึงกลัว…. จากทีเซอร์ และ ชื่อเรื่องเราก็ต่างคาดหวังกับเนื้อเรื่องว่าจะนำเสนอด้านมืดของกรุงเทพฯ จริง ๆ (หลายด้านอยู่แหละ) แต่มันก็ยังมืดไม่พอสำหรับมหานครนี้ ทำได้แค่เทาอ่อน ๆ เท่านั้น สูตรการแสดงและการเดินเรื่องยังหนีไม่พ้นละครไทย ส่วนองค์กรหลักที่ใช้เดินเรื่องคือหน่วยกู้ชีพ และ มูลนิธิคนจีน ซึ่งจริง ๆ มันก็ไม่มีเรื่องอะไรที่เสียหายชัดเจนจนต้องเอามาทำเป็นซีรี่ย์ได้ ซึ่งก่อนดูคาดหวังว่าจะตีแผ่เรื่องอะไรที่มันใหญ่กว่านั้นเช่น องค์กรรัฐหรือตำรวจ แต่ไม่มีการแตะต้องหรือพูดถึงเลย พยายามจะโยงหลาย ๆ ฉากให้เหมือนซีรี่ย์ฝรั่งจนบางตอนไม่ได้ดูบริบท ความต่อเนื่องหรือความสมจริง ส่วนแคแรคเตอร์ของตัวละครก็ยังพยายามที่จะอิงจากแคแรคเตอร์ของฝรั่ง โดยเฉพาะบทของ หนึ่ง วรเชษฐ์ ที่ฝืนและพยามเลียนแบบฝรั่งเกินไปจนดูตลก บทพูดก็เต็มไปด้วยคำหยาบ (ซึ่งไม่ผิด) แต่มันไม่ช่วยเสริมให้บทมีความน่าสนใจเหมือนด่ากันทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ซะมากกว่า ปมต่าง ๆ ของเรื่องก็ไม่ได้ผูกไว้แน่นมากเกินที่คนดูจะเดาออก เรียกได้ว่าดูกันเพลิน ๆ มากกว่าที่จะให้คนดูลุ้นตาม หรือ ร่วมสนุกในการคิดตามเท่าไหร่นัก เรื่องที่น่าชื่นชมของซีรี่ย์เรื่องนี้คือ งานโปรดักชั่นที่เล่นใหญ่ตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะการเปิดเรื่องด้วยความพังพินาศของฉากการเกิดอุบัติเหตุ ถึงแม้จะแอบมีช่องโหว่บ้างแต่รวม ๆ ก็ถือว่าทำออกมาดีเลยทีเดียว แสง สี เสียง หรือมุมกล้องสวยงามน่าสนใจที่ช่วยทำให้ภาพรวมดูดีขึ้นมาบ้าง ก็ถือว่าใครที่อยากดูละครไทยที่กำลังจะยกระดับขึ้นมาแข่งกับอีกหลาย ๆ ชาติมหาอำนาจก็สามารถดูได้เพลิน ๆ ไม่ถึงขั้นเสียเวลา ดูสนุกได้ในระดับหนึ่ง และหวังว่าเรื่องนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการก้าวข้ามคำว่าละครไทยหลังข่าวหรือการลอกแคแรคเตอร์หนังจากต่างประเทศได้ซักที Bangkok Breaking
มหานครเมืองลวง ติดตามชมซีรีส์ “Bangkok Breaking – มหานครเมืองลวง” ได้แล้ววันนี้ทาง Netflix ทั่วโลก THE MEDIUM “ร่างทรง” คลิกเลย |