โพสโดย somsak เมื่อ 1 เมษายน 2532 00:00 Show
เพศหญิงและชาย มีการแบ่งแยกมาแล้วตั้งแต่แรกเกิด แม้บางราย จะมีความผิดปกติบางอย่างที่แยกเพศไม่ได้ทันที แพทย์ก็จะพยายามหาหลักฐานต่าง ๆ จากการตรวจร่างกาย และทางห้องทดลองเพื่อพยายามให้เด็กนั้นมีเพศของตนโดยเฉพาะ ฉะนั้นจึงเห็นว่าเพศเป็นสิ่งธรรมชาติและเป็นสิ่งจำเป็นของชีวิต แต่การพัฒนาทางเพศนั้นจะมีข้อแตกต่างกันไปตามลำดับอายุของเด็ก การพัฒนาทางเพศนั้น นอกจากขึ้นกับอวัยวะเพศที่ปรากฏภายนอกให้ให้เป็นที่ประจักษ์แล้ว ยังขึ้นกับโครโมโซม ฮอร์โมน ต่อมต่าง ๆ ของอวัยวะเพศและการอบรมเลี้ยงดูแล เป็นที่ชื่อกันว่า อิทธิพลของการเลี้ยงดูและสิ่งแวดล้อมนั้นสำคัญมากพอที่จะทำให้มีลักษณะบุคลิก และการยอมรับตนเองไปเป็นเพศตรงข้ามได้ เช่น เด็กชายที่ถูกชักจูงให้เล่นตุ๊กตา นุ่งกระโปรง พูดคะ ขา และถูกห้ามไม่ให้ซน ไม่ให้เล่นอะไรรุนแรง ก็จะเติบโตเป็นชายที่มีลักษณะบุคลิกเป็นหญิงได้ ถ้าเด็กถูกเลี้ยงดูให้ตรงข้ามกับเพศจริงนานเกินอายุ 2 ขวบครึ่งไปแล้ว มักจะเป็นการลำบากที่จะให้เด็กได้รับความรู้สึกและรับตนเป็นเพศที่แท้จริงของเขาได้ แต่อย่างไรก็ดี ความสำคัญทางด้านพันธุกรรมและในลักษณะธรรมชาติของเด็กเองก็มีมาก เพราะมีเด็กจำพวกหนึ่งที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างถูกต้องตรงตามเพศของตนทุกประการแล้วก็มีความความรู้สึกและลักษณะท่าทีเป็นเพศตรงข้ามได้ เช่น เด็กหญิงที่มีลักษณะแข็งแกร่ง โลดโผน ไม่มีความนุ่มนวล และมีลักษณะชอบเล่นแบบผู้ชายมาแต่เล็ก ๆ เมื่อโตขึ้นจะมีลักษณะไปทางเป็นชายมากกว่าหญิง ฉะนั้น ในด้านของพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมจึงมีอิทธิพลในความเป็นหญิงและชายได้ทั้ง 2 แบบ ⇒ ข้อควรระลึกเกี่ยวกับการพัฒนาทางเพศ Conn ได้ให้ข้อสังเกตไว้ 4 ประการ คือ 1. ภาษา เด็กจะได้ยินศัพท์ต่าง ๆ มาแต่เล็ก ๆ ที่บ่งถึงอวัยวะเพศหรือความหมายทางเพศ ภาษาที่เด็กได้เรียนรู้นั้น เป็นทั้งคำพูดและกิริยาท่าที
ที่จะเป็นสื่อความหมายให้เด็กรับรู้ว่าผู้ใหญ่มีความรู้สึกนึกคิดอย่างไร ⇒ ในระยะขวบปีแรก รากฐานของจิตใจ เมื่อเด็กโตจนอายุได้ 9-10 เดือน เขาจะเริ่มมีความก้าวร้าวขึ้น โดยการแสดงออกด้วยวิธี “กัด” และ “เคี้ยว” ความสุขจากการสัมผัสทางเยื่อบุของปากนั้น ได้มีต่อเนื่องมาจนถึงวัยผู้ใหญ่ที่แสดงออกโดยมีความพอใจในการกิน การดื่ม การสูบบุหรี่
และการจูบ เป็นต้น ⇒ ในวัยขวบที่สอง สนใจการขับถ่าย แยกเพศไม่ได้ ในวัยนี้
เด็กยังไม่สามารถแยกความแตกต่างของเพศได้ และยังไม่ค่อยให้ความสนใจนัก ถ้าผู้ใหญ่ถามเด็กวัยนี้ว่าเขาเป็นหญิงหรือชาย เด็กมักเรียนแบบคำพูดลงท้ายมากกว่าเข้าใจความหมายจริง ๆ
สนใจอวัยวะเพศ เด็กอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป
เด็กจะเริ่มรับรู้ว่าอวัยวะเพศของหญิงและชายนั้นแตกต่างกันเขาจะเริ่มยอมรับความเป็นหญิงหรือชายได้แล้ว เป็นเรื่องของธรรมชาติและการพัฒนาโดยตรง ที่เด็กวัยนี้จะเริ่มให้ความสนใจต่ออวัยวะเพศ เด็กอาจจะแสดงความอยากรู้ และแสดงความสนใจอย่างเปิดเผย เช่น ยืนจ้องมองอวัยวะเพศของเด็ก ๆ ด้วยกัน วิ่งตามดูหรือแอบดูเด็กบางคนชอบมาเลิกชายกระโปรงแม่ ทฤษฏีของฟรอยด์กล่าวไว้ว่า วัยอนุบาลนี้เด็กจะรักใคร่สนิทสนม แสดงเป็นเจ้าของหวงแหนกับพ่อหรือแม่ ซึ่งเป็นเพศตรงข้ามกับตน และในทางตรงข้ามจะแสดงความไม่พอใจ และมีปฏิกิริยาทางลบกับพ่อหรือแม่เพศเดียวกัน ตัวอย่างเช่น เด็กชาจะมีความรักใกล้ชิดติดแม่ จิตใจผูกพัน หวงแหนแม่ และจะอิจฉาพ่อ ทำตนเป็นคู่แข่งกับพ่อ เด็กอาจกล่าวว่าตนไม่รักพ่อ ไล่พ่อไป พ่อพูดอะไรก็ไม่เชื่อฟัง บางคนเมื่อเห็นพ่อและแม่คุยกันอาจจับแม่ออกมาห่าง ๆ ในทำนองเดียวกันกับเด็กหญิงที่จะให้ความรักเทิดทูนและสนิทกับพ่อมาก อาจมีปฏิกิริยารุนแรงถึงขั้นไม่ชอบเพศหญิงด้วยกัน อาจจะแสดงความไม่เป็นมิตรกับหญิงทั่วไป และแสดงความพอใจที่จะเล่นกับเพศชาย บางคนอาจถึงกับไม่อยากเป็นเด็กหญิง และไม่ยอมใส่เสื้อผ้าของหญิงก็ได้พฤติกรรมเหล่านี้ จะแสดงตั้งแต่เล็กน้อยไปถึงขั้นรุนแรงมาก ในครอบครัวคนไทยก็จะพบในลักษณะนี้ ทางการแพทย์เรียกว่า เอดิปัล (oedipal) ที่กล่าวข้างต้นนี้ในบางครอบครัว โดยเฉพาะ ในครอบครัวที่พ่อรักลูกสาวมากกว่า และแม่รักลูกชายมากกว่า ก็จะส่งเสริมลักษณะเอดิปัลนี้ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น แต่ในบางครอบครัวอาจมีลักษณะกลับกัน (reverse oedipal conflict) คือ เด็กรักสนิทเป็นมิตรกับพ่อแม่เพศเดียวกัน และแสดงความเป็นศัตรูกับพ่อหรือแม่เพศตรงข้าม เช่น เด็กหญิงผู้หนึ่งจะไม่ยอมจากแม่ แสดงความรักและติดแม่อย่างมาก เมื่อพบพ่อครั้งใด เธอจะใช้วาจาก้าวร้าว ตวาด หรือต่อสู้ ไล่พ่อ พฤติกรรมเหล่านี้ผิดปกติสำหรับเด็ก และเป็นพยาธิสภาพของครอบครัว และพบไม่น้อยที่ลักษณะเอดิปัลนี้ไปรากฎชัดเจนในเด็กคนใด ทั้งนี้ขึ้นกับลักษณะและรูปแบบของครอบครัวโดยเฉพาะ จะเป็นอย่างไรก็ตาม พ่อและแม่ควรระลึกไว้เสมอว่า ตนมีความสำคัญในบทบาทของพ่อและเท่า ๆ กัน และเป็นตัวแทนให้เด็กได้เรียนรู้ และยอมรับความเป็นเพศของตนพ่อและแม่มีความสำคัญยิ่งที่จะให้เด็กได้เจริญพัฒนาเป็นเพศที่ถูกต้อง ในกรณีที่เกิดลักษณะเอดิปัลขึ้น เช่น ในเด็กชายพ่อจะต้องพยายามเป็นมิตรกับเด็ก เล่นและให้ความช่วยเหลือเขา ไม่ตอบโต้ปฏิกิริยาของเด็กด้วยอารมณ์ แม่ควรจะส่งเสริมความดีของพ่อ และสร้างความไว้ใจนับถือพ่อ ยกย่องพ่อให้เด็กเห็นเป็นตัวอย่าง และส่งเสริมความสัมพันธ์และความเข้าใจกันระหว่างพ่อและลูกชาย พ่อก็ควรให้เกียรติและนิยมแม่ ส่งเสริมสัมพันธ์ที่ดีของแม่และลูกสาว แม่ก็ให้โอกาสลูกได้ใกล้ชิดมีเวลาที่จะพูดคุยและเล่นด้วยกัน ในที่สุดเด็กส่วนใหญ่จะยอมรับเพศที่แม้จริงของตน และมีบุคลิกลักษณะเป็นเพศเฉพาะของตนได้เมื่อพ้นวัย 5 ปีไปแล้ว เด็กคนใดที่ไม่สามารถยอมรับเพศของตนเอง หรือมีความแคลงใจสงสัยในเรื่องเพศของตน หรือมีใจอคติต่อพ่อหรือแม่หรือเรื่องเพศ มักจะมีความผิดปกติต่อไป จนโตในชีวิตของวัยรุ่น การแต่งงาน และการมีบุตรสืบไปได้ อยากรู้เรื่องเพศ การที่ผู้ใหญ่แปลเจตนาเด็กไปในทางผิดและร้ายแรงนั้น นอกจากจะทำให้เด็กเกิดความสับสน ไม่เข้าใจ และกลัวแล้ว ยังกลับไปกระตุ้นความอยากรู้ และสงสัย ทำให้เด็กอยากจะขวนขวายผิดทาง หรือประพฤติปฏิบัติในทางไม่ถูกต้องได้ เด็กควรจะมีแบบฉบับที่ดี เพราะวัยนี้เป็นวัยที่มีการเลียนแบบได้สูงมาก ไม่แยกเพศ
ปัญหาในวัยนี้ที่พ่อแม่มักเป็นกังวลคือ การถูไถอวัยวะเพศซึ่งอาจเกิดได้เป็นครั้งคราว ลักษณะนี้มักเกิดขึ้นได้ตามหลังเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนใจเด็กอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเด็กที่ถูกปล่อยปละละเลย ไม่มีคนเอาใจใส่เท่าที่ควร หรือเด็กที่ขาดความสุข ความอบอุ่น ทำให้เด็กต้องหันหาวิธีปลอบใจตัวเองให้มีความสุขและเพลิดเพลิน การอวดและเล่นของลับ เด็กในวัยนี้บางคนโดยเฉพาะเด็กผู้ชาย ชอบอวดและเล่นของลับ ซึ่งพฤติกรรมส่วนหนึ่งถูกเสริมสร้างจากผู้ใหญ่ เช่น ผู้ใหญ่ชอบล้อเลียนเด็ก ชอบขู่เด็กว่าจะตัดทิ้ง หรือขโมยมา หรือบางครั้งเห็นเป็นเรื่องสนุกน่าเอ็นดู และชอบสัมผัสแตะต้องเคล้าคลึงเด็ก ทำให้เด็กเข้าใจผิด และมาสนใจอวัยวะเพศของเขามาก ฉะนั้น ผู้ใหญ่ไม่ควรไปปลุกเร้ากระตุ้นเด็ก และไม่ควรสนับสนุนพฤติกรรมนี้ แต่ควรชี้แจงให้เด็กเข้าใจง่าย ๆ ถึงสิ่งที่ควรกระทำ ไม่ควรไปตักเตือนบ่อยเกินไป หรือลงโทษให้เด็กกลัวมาก เพราะเด็กอาจมีปฏิกิริยาต่อต้านได้ ข้อสำคัญ ผู้ใหญ่ควรระมัดระวัง การปฏิบัติของตนต่อหน้าเด็กด้วย เช่น ควรระมัดระวังเรื่องการเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าเด็กและระวังการปฏิบัติทางเพศอื่น ๆ ด้วย ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า วัยอนุบาล และวัยประถม เป็นวัยสำคัญในการเรียนรู้และรับรู้เรื่องเพศของเด็กอย่างมาก เด็กควรได้รับความรู้ ทัศนคติ และแบบแผนที่ถูกต้องจากผู้ใหญ่ เพื่อการเตรีมตัวในการเป็นหญิง หรือชายที่สมบูรณ์ในวันข้างหน้า ความผิดปกติทางเพศในตอนโตนั้น มักจะมีเบื้องหลังที่ก่อตัวมาตั้งแต่วัยเด็กเล็ก ⇒วัยเข้าโรงเรียน ครูบุคคลที่เด็กสนใจ เป็นวัยที่เด็กเรียนหนังสืออย่างแท้จริง
พลังงานและความนึกคิดจะมุ่งสู่การเรียนรู้ทางด้านวิชาการ การเล่น และการแข่งขัน เด็กจะอยู่นอกบ้านและยอมรับบุคคลนอกบ้านมากขึ้น เล่นรวมพวกเพศเดียวกัน เด็กวัยนี้ จะมีการเล่นและอยู่รวมพวกเพศเดียวกัน เด็กหญิงและเด็กชาย การเล่นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ในโรงเรียนสหศึกษาจะพบว่า เด็กไม่ใช่จะพอใจและรวมพวกอยู่ในหมู่เพศเดียวกันเท่านั้น แต่เขามักแสดงความไม่สนใจ ไม่พอใจ หรือเป็นปฏิปักษ์ กับหมู่เพื่อนตรงข้ามด้วย เรียนรู้เรื่องเพศ การเรียนรู้เรื่องเพศในวัยนี้จะมาจากเพื่อน ๆ เด็ก ๆ ด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ จากสื่อโทรทัศน์
หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร ฉะนั้น เด็กควรได้รับความรู้ที่ถูกต้องเมื่อเขาสนใจถาม โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องการเกิด เรื่องเด็กในครรภ์ การแต่งงาน และหน้าที่ของอวัยวะเพศ คำพูดอธิบายควรเป็นอย่างง่าย ๆ และธรรมดา โดยไม่ไปสร้างเร้าอารมณ์เด็ก และคำบอกเล่าก็ไม่ควรมากความเกินไป เพราะจะทำให้เด็กสับสน การอธิบายสิ่งเหล่านี้แต่พอสมควร จะช่วยให้เด็กหายกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายของเขาไปได้มาก เด็กหญิงจะเข้าวัยรุ่นได้เร็วกว่าเด็กชาย เด็กวัยโรงเรียนเบื้องต้นนี้จะยังมีความรักและใกล้ชิดกับพ่อแม่อยู่
แต่เขาก็อาจแสดงความชื่นชมกับผู้ใหญ่คนอื่นได้ด้วย การเล่นอวัยวะเพศพบได้ประปรายระหว่างเด็กวัยนี้ อาจเป็นระหว่างกลุ่มเพศเดียวกันหรือทั้งสองอย่าง เด็กชายจะพบมากกว่าเด็กหญิง โดยมากเด็กจะมักได้รับการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม เช่น การแต่งงานของญาติพี่น้อง หรือจากการได้ยิน ได้ฟัง และการอ่าน บางครั้งการเล่นอาจจะเลยเถิดไปจนทำให้ผู้ใหญ่เป็นอารมณ์ได้ ถ้าเด็กมีคำพูดหรือวาจาที่ไม่ไพเราะ หรือเกี่ยวกับทางเพศ ก็ควรชี้แจงให้เข้าใจ ในผู้ใหญ่ที่มีความผิดปกติทางเพศ เมื่อศึกษาดูย้อนหลัง มักพบว่าพฤติกรรมที่ผิดปกติจะเกิดขึ้นในวัยนี้ และมักจะมาจากผู้ที่สูงวัยกว่าตน เป็นผู้ที่ชักนำหรือหลอกลวงเด็กที่ขาดความรัก และผู้เอาใจใส่ดูแล มักตกเป็นเหยื่อของความหลอกลวงได้มากกว่า พ่อแม่ควรเอาใจใส่เด็กและให้ความเข้าใจเขาเสมอ ๆ ⇒วัยรุ่น วัยรุ่นเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงมาก ทั้งร่างกายและจิตใจ จัดเป็นช่วงต่อของชีวิตเด็กและผู้ใหญ่ เด็กที่เข้าสู่วัยรุ่น มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างเห็นได้ชัด จะรูปร่างที่ใหญ่โตขึ้น และทรวดทรงที่แสดงออกในการเป็นเพศหญิงหรือชาย การพัฒนาต่อมฮอร์โมนและต่อมอวัยวะเพศ เริ่มทำหน้าที่โดยสมบูรณ์ การเจริญพัฒนาทางสมองจะเป็นไปย่างเต็มที่ เด็กวัยรุ่นมีความคิดอ่านแตกฉาก เข้าใจลึกซึ้งขึ้น สามารถสร้างมโนภาพ และใฝ่ฝันได้ไกล พร้อมกับเข้าใจสมมติฐานและทฤษฏีต่าง ๆ ซึ่งแตกต่างออกไปมากจากวัยเด็กเล็ก จิตใจของวัยรุ่นมีลักษณะเฉพาะ เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงอย่างมากในร่างกายของเขา และการเติบใหญ่ของร่างกายที่ปรากฏ ทำให้จิตใจและอารมณ์ของวัยรุ่นแปรปรวนไม่คงที่ได้มาก อารมณ์วัยรุ่นเป็นอารมณ์ที่ค่อนข้างไวและรุนแรงกว่าวัยอื่น ๆ มีความกังวล เศร้า หรือวิตกเกิดขึ้นเองเสมอ สิ่งเหล่านี้จะรุนแรงขึ้นถ้ามีความกดดันจากสิ่งแวดล้อม ผู้ใหญ่มักพบว่าตนเองมีความไม่พอใจ วิตกกังวล และเป็นอารมณ์กับวัยรุ่นได้บ่อย ๆ มีความรู้สึกว่าเขาต่อต้าน ดื้อดึง ทำอะไรดูไม่เป็นเรื่องและเหลวไหล แต่ในบางขณะก็ดูเอาจริงเอาจังจนเกินไป การเริ่มวัยรุ่นในเด็กหญิง โดยเฉลี่ยอยู่ในช่วงอายุ 11-13 ปี เด็กชาย 12-14 ปี แต่อาจช้าหรือเร็วกว่านี้ 1-2 ปีได้ ในตอนช่วงระยะแรก เด็กจะเป็นกังวลกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย และมีความรู้สึกกระดาก อายเพศตรงข้าม เขายังคงให้ความสนใจและร่วมหมู่เพศเดียวกัน เด็กบางคนอาจแสดงความไม่พอใจในความเป็นหนุ่มเป็นสาวของตนเอง เช่น เด็กหญิงไม่พอใจการมีประจำเดือนของตน เด็กวัยเริ่มต้นเข้าวัยรุ่นนั้น จะมีพฤติกรรมขัดเขินกันเอง แสดงกิริยา และความต้องการอย่างเด็กเล็กในบางขณะ และแสดงความต้องการเป็นอิสระหรือเป็นหนุ่มสาวในบางเวลา
เป็นต้น ต้องการความเอาใจใส่และความเข้าใจ พ่อแม่จำเป็นจะต้องให้ความสนใจและเข้าใจเรื่องเพศของวัยรุ่น โดยไม่ไปคอยเฝ้าจับผิด ไม่พูดเยาะเย้ยถากถางให้เด็กรู้สึกผิดหรืออาย แต่ควรสอดส่องและคอยแนะนำในโอกาสที่ถูกต้อง ควรให้เด็กได้มีโอกาสพบปะสนทนาร่วมกัน เล่นกีฬา สังสรรค์ หรือมีกิจกรรมร่วมกันในขอบเขตที่เหมาะสมการที่เด็กวัยรุ่นมีการออกกำลังในการกีฬาก็ดี หรือมีความคิดสร้างสรรค์ กระทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมีความสนใจขวนขวายใฝ่รู้ หาความรู้ ตลอดจนการฝึกฝนงาน ทำงานอดิเรก หรืออาชีพ เป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้วัยรุ่นพอใจ เพลิดเพลิน และมีความภูมิใจ จนสามารถดึงความคิดและการกระทำ ให้อยู่ในแนวความเป็นจริงและสร้างสรรค์ได้ วัยรุ่นที่ “ว่าง” เกินไป จะทำให้ความว้าวุ่นที่มีอยู่แล้วมีมากขึ้น และมักจะมีทางออกที่ไม่เหมาะสม เช่น
การออกทางเพ้อฝัน การฝักใฝ่ทางเพศ หรือความรื่นรมย์อื่น ๆ ที่จะนำไปสู่ทางเสื่อมเสียได้ง่าย เพราะอำนาจของพลังภายในร่างกาย และการขาดความรอบคอบ ใคร่ครวญ พ่อแม่และครอบครัวของวัยรุ่น เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะให้เขามีความคิด คำนึงที่ดีในการคบเพื่อนต่างเพศ และชีวิตคู่ในกาลข้างหน้า นอกจากนี้ มักจะมาจากครอบครัวที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจวัยรุ่น หรือเข้าใจผิดไปก็ได้ และพบได้เสมอ ๆ ว่าสังคมของชุมชนนั้นมีตัวอย่างหรือมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมอยู่ เช่น การเผยแพร่ทางกามารมณ์โดยสื่อสารต่าง ๆ เป็นต้น ทำให้เกิดการเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง และนำไปประพฤติปฏิบัติตนในทางไม่ดี จนอาจเกิดการยอมรับกันขึ้นว่าเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติทั่วไป
ข้อมูลสื่อเด็กผู้ชายมีอารมณ์ทางเพศเมื่ออายุเท่าไรเด็กอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป เด็กจะเริ่มรับรู้ว่าอวัยวะเพศของหญิงและชายนั้นแตกต่างกันเขาจะเริ่มยอมรับความเป็นหญิงหรือชายได้แล้ว เป็นเรื่องของธรรมชาติและการพัฒนาโดยตรง ที่เด็กวัยนี้จะเริ่มให้ความสนใจต่ออวัยวะเพศ เด็กอาจจะแสดงความอยากรู้ และแสดงความสนใจอย่างเปิดเผย เช่น ยืนจ้องมองอวัยวะเพศของเด็ก ๆ ด้วยกัน วิ่งตามดูหรือ ...
เด็กมีความรู้สึกทางเพศไหมเด็กเล็กยังไม่มีอารมณ์ทางเพศ เพราะฉะนั้นการเล่นอวัยวะเพศในเด็ก จึงเป็นเพียงการสำรวจเพื่อเรียนรู้อวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ที่เด็กอาจสัมผัสโดยบังเอิญ แล้วเกิดความรู้สึกดี (ไม่ใช่ความรู้สึกทางเพศ) ทำให้เด็กกระทำเช่นนั้นบ่อยขึ้น เนื่องจากว่าง ไม่มีเพื่อนเล่นหรือเหงา
ผู้ชายอายุ 70 ปีมีลูกได้ไหมหลายคนอาจจะคิดว่า อายุไม่มีผลต่อระบบเจริญพันธุ์ในผู้ชาย อายุเท่าไรก็สามารถมีลูกได้ แต่ความจริงแล้วยิ่งอายุของมากขึ้น ระบบเจริญพันธุ์ภายในจะมีการผลิตอสุจิที่อ่อนแอลง เพราะอัตราการเคลี่อนไหวช้าลง เหมือนเทียบกับอายุ 30-35 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่อสุจิแข็งแรงที่สุด กับผู้ชายที่อายุมากกว่า 55 ปี นอกจากเรื่องการเคลื่อนไหวช้าลง ...
ผู้ชายวัยทองมีอาการอย่างไรผู้ชายแต่ละคนมีอาการวัยทองเกิดขึ้นแตกต่างกัน ซึ่งสามารถสังเกตอาการได้ดังนี้. อารมณ์แปรปรวน. เบื่อง่าย หงุดหงิดง่าย. นอนไม่หลับ. อ่อนเพลีย. สมาธิลดลง. ซึมเศร้า. หย่อนสมรรถภาพทางเพศ. |