ข้อดี vs ข้อเสียการจดทะเบียนสมรส สิ่งที่เราควรรู้ก่อนตัดสินใจแต่งงาน การตัดสินใจในชีวิตคู่ร่วมกันและมีการแต่งงานขึ้นเพื่อประกาศให้ครอบครัวทั้งสองฝ่าย ญาติสนิทมิตรสหาย ได้รับรู้ ในเรื่องของการแต่งงานที่เกิดขึ้นนั้นทางกฏหมายไม่ได้บังคับเรื่องการจดทะเบียนสมรสหรือไม่จดก็ได้ แล้วแต่ความพึงพอใจของคนทั้งคู่ แต่ก่อนที่จะตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะจดหรือไม่จดทะเบียนดี มาพิจารณาข้อดีและ ข้อเสียการจดทะเบียนสมรส จดทะเบียนสมรสก่อนแต่งงาน และไม่จดทะเบียนสมรสจากก่อนจรดปลายปากกากันค่ะ Show
ก่อนจดทะเบียนสมรสเราต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง?(รูปโดย freepic.diller จาก freepik.com) การจดทะเบียนสมรสถือเป็นหนึ่งเรื่องสำคัญของการใช้ชีวิตคู่ โดยเฉพาะคู่ไหนที่กำลังจะแต่งงานหรือแต่งงานแล้ว แน่นอนว่าเราก็อาจจะมีการจดทะเบียนสมรสกันไว้ เพื่อที่สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจของกันและกันได้ ส่วนใครที่ยังไม่รู้ว่าการจดทะเบียนสมรสนั้นต้องมีคุณสมบัติยังไงบ้าง มาดูกันเลย บทความที่เกี่ยวข้อง : ชุดผู้ชายออกงาน รวมชุดไปงานแต่งงาน และสไตล์ชุดเพื่อนเจ้าบ่าว ทริคแต่งตัวผู้ชาย! 1. ต้องอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์จดทะเบียนสมรสก่อนแต่งงาน อย่างที่รู้กันดีว่าการที่เราจะจดทะเบียนสมรสได้นั้น ทั้งชายและหญิงจะต้องมีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ก่อน เพราะเมื่อไหร่ที่เราอายุยังไม่ถึง 17 ปี ก็จะไม่สามารถจดเทียนสมรสได้เลย เว้นเสียแต่กรณีเกิดเหตุการณ์ที่จำเป็นจริง ๆ หรือในกรณีที่เกิดเหตุอันควร ศาลก็จะอนุญาตให้เราสมรสกันก่อนที่เราจะมีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ได้นั่นเอง 2. ต้องไม่เป็นคู่สมรสของบุคคลอื่นข้อนี้เป็นอะไรที่สำคัญมากๆ แน่นอนว่าการที่เราจะจดทะเบียนสมรสกับใครสักคน บุคคลนั้นจะต้องไม่เป็นสามีหรือภรรยาของคนอื่น เพราะเมื่อไหร่ที่เราทำพฤติกรรมแบบนี้ ก็อาจจะบ่งบอกว่าเรากำลังทำในสิ่งที่ไม่ดีอยู่ เพราะฉะนั้นการที่เรารักใครสักคนเราจะต้องศึกษาดูใจและรู้ที่มาของเขาด้วยว่า เขาคนนี้เคยแต่งงานมาก่อนไหม หรือหย่าร้างกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือยัง เพื่อที่เราจะได้ไม่มานั่งเสียใจทีหลัง 3. ต้องให้ผู้ปกครองยินยอมการที่เราจะจดทะเบียนสมรสได้นั้น ถึงแม้เราจะมีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์แล้ว แต่เมื่อไหร่ที่เรายังอายุไม่ถึง 20 ปี จะต้องให้คุณพ่อและคุณแม่มาแสดงความยินยอมด้วย เพื่อความถูกต้องและเป็นไปตามกฎหมาย แต่ถ้าใครที่มีอายุครบ 20 ปี หรือเกิน 20 ปีขึ้นไป ก็สามารถจดทะเบียนสมรสได้เลย บทความที่เกี่ยวข้อง : 12 วิธีที่ผู้ปกครองสามารถช่วยให้เด็กฝึกความจำได้ดี วิธีทำให้ความทรงจำดีขึ้น 4. ต้องไม่เป็นบุคคลวิกลจริต หรือไร้ความสามารถคนที่เราจะจดทะเบียนสมรสได้ เขาคนนั้นจะต้องไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือไร้ความสามารถ เช่น บุคคลที่มีอาการจิตไม่ปกติ หรือสมองพิการ เพราะบุคคลเหล่านี้ในทางกฎหมายจะไม่สามารถจดทะเบียนสมรสได้เลย ดังนั้นก่อนที่เราจะรักใครเราต้องศึกษาดูใจกันให้นาน ๆ เพื่อที่เหตุการณ์เหล่านี้จะได้ไม่เกิดขึ้นกับเรา 5. ต้องไม่เป็นพี่น้องร่วมบิดาและมารดาข้อนี้อาจเกิดขึ้นได้น้อยมาก ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เรามักจะรู้กันดีอยู่แล้วว่า การที่เราจะจดทะเบียนสมรสหรือแต่งงานกันได้นั้น เราจะต้องไม่เป็นพี่น้องกัน หรือเรียกง่าย ๆ ว่าถ้าเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันเราจะไม่สามารถทำแบบนี้ได้ เว้นเสียแต่ใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้เป็นลูกแท้ หรือไม่ได้อยู่ในสายเลือดเดียวกันกับเราก็อาจจะจดทะเบียนสมรสและแต่งงานกันได้ 6. คนที่รับเลี้ยงดูบุตรบุญธรรมไม่สามารถสมรสกับบุตรบุญธรรมได้อีกหนึ่งข้อที่เราควรรู้ นั่นคือคนที่รับลูกคนอื่นมาเป็นลูกบุญธรรมจะไม่สามารถแต่งงานกับเขาได้ สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายได้เลย เขาอาจจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเราก็จริงแต่เมื่อไหร่ที่เรารับเขาเป็นลูกบุญธรรมแล้ว เราก็ไม่สามารถที่จะกระทำสิ่งเหล่านี้ได้จริง ๆ 7. จดทะเบียนสมรสกับคนเดิมหญิงคนไหนที่เคยจดทะเบียนสมรสกันมาก่อน แล้วเกิดการหย่าร้างกัน แต่อยู่ ๆ ก็อยากจะกลับมาจดทะเบียนสมรสกับคนเดิมอีกครั้งในกรณีนี้ก็สามารถทำได้เลย แต่ใครที่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน แล้วหย่าร้างเพื่อมาจดทะเบียนสมรสกับคนใหม่ เราก็อาจจะต้องรอระยะเวลาการหย่าร้างให้ครบอย่างน้อย 310 วันก่อน ถึงจะทำการจดทะเบียนสมรสใหม่ได้ เว้นแต่บางกรณีที่จำเป็นจริง ๆ ก็อาจจะต้องรอศาลอนุญาตต่อไป พฤติกรรมแบบไหนที่ทำให้เรามั่นใจในตัวเขาได้(รูปโดย prostook จาก freepik.com) การที่เราจะตกลงปลงใจกับใครสักคน แน่นอนว่าใครคนนั้นจะต้องแสดงความรักและความจริงใจให้เราเห็น เพื่อที่เราจะได้มั่นใจ และยอมแต่งงานกับเขาได้ โดยสิ่งที่จะทำให้เรารู้ได้นั้นอาจจะเกิดจากพฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ บทความที่เกี่ยวข้อง : ผัวเมียกันห้ามมีความลับต่อกันจริงหรือ เว้นระยะแค่ไหนในชีวิตคู่ 1. ไม่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงอื่นเข้ามาในขณะที่เขาคบกับเรา หรือคุยกับเรา เขาจะต้องไม่เปิดใจให้กับคนอื่น ถึงแม้จะบางเวลาหรือบางโอกาสเขาอาจจะนอกใจหรือสามารถคุยกับคนอื่นได้ เพราะยังไงเราก็ไม่ได้มารู้กับเขา แต่เขาก็ไม่ทำและซื่อสัตย์กับเราแค่คนเดียว สิ่งนี้ถ้าเกิดขึ้นกับใครเรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่โชคดีมาก ๆ เลยทีเดียว 2. ให้เกียรติเราตลอดเมื่อไหร่ที่เขารู้สึกโกรธหรือโมโห เขาสามารถที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ไม่ด่าหรือทำร้ายเรา ไม่เอาเรื่องของเราไปพูดในทางเสียหาย และที่สำคัญเขาจะไม่ฉวยโอกาสหากเราไม่เต็มใจและให้เกียรติเราในทุก ๆ เรื่องนั่นเอง 3. เป็นที่ปรึกษาและรับฟังที่ดีไม่ว่าเราจะมีปัญหาหรือมีอะไรเกิดขึ้นในชีวิตก็ตาม เขาคนนั้นพร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง ให้คำปรึกษาและพร้อมช่วยเราแก้ไขปัญหาโดยที่ไม่ทิ้งเราไปไหน อีกทั้งยังเป็นคนที่คอยรับฟังเราตลอดในช่วงเวลาที่เราไม่สบายใจหรือกำลังมองหาที่ระบาย 4. พูดเรื่องอนาคตที่มีเราการที่คบกับใครสักคนเป็นเวลานาน ๆ แน่นอนว่าเราก็อยากวางแผนอนาคตไว้ด้วย ซึ่งถ้าเขาคนนั้นมีการวางแผนอนาคตและอยากใช้ชีวิตกับเรา ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และที่สำคัญเราควรดูการกระทำของเขาด้วย ไม่ควรเชื่อเพียงแค่คำพูดของเขา 5. แนะนำให้คนรอบตัวรู้จักเราการที่เขาพาเราไปทำความรู้จักกับครอบครัว และคนที่เขารู้จักเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เพราะนั่นกำลังบ่งบอกว่าเราคือตัวจริงของเขา และเขาอาจจะภูมิใจที่มีเราเป็นแฟนนั่นเอง ข้อเสียการจดทะเบียนสมรส– ภรรยาที่มีชื่อเป็นหุ้นส่วนในหลาย ๆ บริษัท การทำธุรกรรมต่าง ๆ จะยุ่งยากมากขึ้น – ภรรยาต้องเปลี่ยนข้อมูลทางนิติกรรม ทั้งเปลี่ยน Passport เปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวต่างๆ – ต้องแยกสินส่วนตัวกับสินสมรส โดยจะต้องตกลงกันเป็นสัญญาก่อนการสมรสไว้ในทะเบียนสมรส – ดอกผลจากสินส่วนตัว ต้องกลายเป็นสินสมรส เช่น การได้รับเงินเดือนโบนัสก็ถือเป็นสินสมรสได้เหมือนกัน – การทำนิติกรรมตาม **มาตรา 1476 **ต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งก่อนจึงจะทำได้ – ถ้าสามีหรือภรรยาต้องรับผิดชอบเป็นส่วนตัวเพื่อชำระหนี้ที่ก่อไว้ก่อนหรือระหว่างสมรสให้ชำระหนี้นั้นด้วยสินส่วนตัวของฝ่ายนั้นก่อน – ถ้าสามีภรรยาเป็นลูกหนี้ร่วมกัน ให้ชำระหนี้นั้นจากสินสมรสและสินส่วนตัวของทั้ง 2 ฝ่าย ข้อดีของการจดทะเบียน– เป็นสามีภรรยาโดยชอบด้วยกฏหมาย – คู่สมรสมีสิทธิ์ได้รับมรดกเสมือนตนเป็นทายาทชั้นบุตร – ถ้าคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิต – บุตรที่เกิดมาเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฏหมายทั้ง 2 ฝ่าย แล้วข้อดี vs ข้อเสียจากการไม่จดทะเบียนสมรสล่ะ >>> ข้อเสียของการไม่จดทะเบียนสมรส– เป็นสามีภรรยากันแต่ในนาม – ไม่มีสิทธิ์ได้รับมรดกของคู่สมรส – ไม่มีสิทธิ์รับเงินประกัน – บุตรที่เกิดมาเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฏหมายแต่ฝ่ายหญิงเท่านั้น เว้นแต่ฝ่ายชายจะจดทะเบียนรับรอง – ฝ่ายหญิงไม่มีสิทธิ์เรียกร้องค่าอุปการะบุตรจากฝ่ายชาย ข้อดีของการไม่จดทะเบียนสมรส– ไม่มีสินสมรส เงินใครเงินมัน หมายเหตุ ***ความหมายของมาตรา1476 สามีภริยาที่จดทะเบียนร่วมกันต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายดังนี้
การจัดการทรัพย์สินสมรสนอกจากที่ระบุ สามีภริยาจัดการได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง บทความที่น่าสนใจ : วิธีประคองชีวิตคู่ คนรักกันอย่างเดียวไม่พอ อยากให้ชีวิตรักเวิร์คต้องทำยังไง? 20 วิธีจัด งานแต่งงานแบบประหยัด ลดค่าใช้จ่ายในงานแต่งงาน ใครกำลังจะแต่งต้องจดให้ดี ที่มา : 1, 2, 3 มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้! ทำไมถึงต้องจดทะเบียนสมรสทะเบียนสมรส คือ เอกสารทางกฎหมายที่ยืนยันความสัมพันธ์ของคู่แต่งงาน ที่ใช้เป็นหลักฐานในการยืนยันสิทธิ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นระหว่างสามี – ภรรยา เช่น การรับรองบุตร การแบ่งสินสมรส รวมไปถึงการฟ้องหย่า ให้สามารถได้สิทธิ์อย่างถูกกฎหมายและเป็นไปตามที่ควรได้รับ
ประโยชน์ของการจดทะเบียนสมรสคือข้อใดการจดทะเบียนสมรสทำให้สามีภรรยามีสิทธิ์จัดการสินสมรสร่วมกัน (ทรัพย์ที่ได้มาระหว่างสมรส) นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนหากมีทรัพย์สินใดงอกขึ้นมา จะกลายเป็นสินสมรสทั้งหมด การจดทะเบียนสมรสทำให้สามีภรรยามีสิทธิ์รับมรดกของคู่สมรสเมื่ออีกฝ่ายเสียชีวิตไปก่อน
การจดทะเบียนสมรสจะดีไหมข้อดี มีสิทธิ์ในเรื่องของทรัพย์สินคู่สมรส เช่น สิทธิ์รับเงินจากทางราชการ หรือนายจ้าง หรือ การรับเงินสงเคราะห์บุตรตามกฎหมายแรงงาน, สิทธิ์ในการจัดการสินสมรสร่วมกัน, การมีสิทธิ์เป็นทายาทมรดกทันที ลดหย่อนค่าภาษีเงินได้ หลังจากจดทะเบียนสมรสแล้ว ไม่ว่าฝ่ายไหนจะรายได้มากกว่ากัน ก็ลดหย่อนภาษีเงินได้ได้
จดทะเบียนสมรสมีผลเสียอะไรบ้างข้อเสียของการจดทะเบียนสมรส
การจัดการทรัพย์สินจะยุ่งยากเพราะเป็นสินสมรส ดังนั้นจะจัดการทรัพย์สินอย่างไร เช่น จะซื้อ จะขาย จะปล่อยเช่า หรือจะยกหนี้ ฯลฯ ต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย ดอกผลจากสินส่วนตัวของเรา รวมถึงเงินเดือนของเรา โบนัสของเรา หลังแต่งงานจะถือเป็นสินสมรสด้วย ดังนั้นมีคนมาแบ่งเงินเราแล้วนะ
|