ตกขาว มา เยอะ เกิด จาก อะไร

ตกขาวผิดปกติ

ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง (ทั้งการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์และการติดเชื้อที่ไม่เกี่ยวข้องกับเพศสัมพันธ์) และมีส่วนน้อยที่ตกขาวผิดปกติไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ ดังนี้

เกิดจากการติดเชื้อ ได้แก่

1. เชื้อแบคทีเรีย
(Bacterial vaginosis หรือ ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย) เป็นการติดเชื้อที่พบได้เป็นส่วนใหญ่ประมาณ 50% การติดเชื้อชนิดนี้มักพบในในสตรีที่ชอบสวนล้างช่องคลอด ผู้ที่คุมกำเนิดโดยการใส่ห่วงอนามัย ผู้ที่รับประทานยาปฏิชีวนะต่อเนื่องเป็นเวลานาน มีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ หรืออาจเกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรืออาหารบางอย่าง (เช่น อาหารหมักดอง อาหารคาวจัด) ผู้หญิงบางคนที่ติดเชื้อชนิดนี้อาจไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมาก็ได้ อย่างไรก็ตาม ภาวะนี้อาจทำให้เกิดอาการตกขาวผิดปกติ (ตกขาวมีปริมาณมากขึ้น อาจเหลวใสหรือเป็นสีขาวเนียนปนเทาอ่อน มีกลิ่นอับคล้ายกลิ่นคาวปลา ส่วนระดับความรุนแรงของกลิ่นแต่ละคนก็แตกต่างกันไป บางคนอาจไม่มีกลิ่น บางคนอาจมีกลิ่นแรงจนคนใกล้ตัวได้กลิ่น) และอาจมีอาการระคายเคืองหรือคันบริเวณช่องคลอด แสบร้อนเวลาปัสสาวะ ซึ่งอาการจะรุนแรงขึ้นโดยเฉพาะหลังร่วมเพศ

2. เชื้อทริโคโมแนส
(Trichomoniasis หรือ โรคพยาธิในช่องคลอด) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อโปรโตซัวที่มีชื่อว่า "ทริโคโมแนส วาจินาลิส" (Trichomonas vaginalis) เป็นการติดเชื้อที่พบได้ประมาณ 25% แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการใด ๆ มีเพียง 30% ของผู้ป่วยเท่านั้นที่จะแสดงอาการของโรค โดยจะทำให้มีตกขาวผิดปกติ เช่น ตกขาวเป็นสีเหลืองหรือสีเขียว มีปริมาณมากขึ้น มีกลิ่นเหม็นออกเปรี้ยวเล็กน้อย ตกขาวมีลักษณะเป็นฟอง (ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของการติดเชื้อชนิดนี้) มีอาการบวม แดง คัน หรือรู้สึกแสบบริเวณอวัยวะเพศ, ปวดปัสสาวะบ่อย, เจ็บปวดขณะปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์ อาจมีเลือดไหลออกจากช่องคลอดแบบกะปริดกะปรอยหรือไหลออกมามาก

3. เชื้อรา
(Vaginal candidiasis หรือ โรคเชื้อราในช่องคลอด) เป็นการติดเชื้อที่พบได้ประมาณ 25% โดยเฉพาะจากเชื้อรา "แคนดิดา อัลบิแคนส์" (Candida albicans) ที่พบได้มากที่สุดซึ่งจะทำให้มีตกขาวที่ผิดปกติไปจากเดิม คือ ตกขาวเป็นสีขาวข้นคล้ายคราบนมหรือเป็นสีเหลืองขาว มีขนาดเล็กเป็นก้อนคล้ายนมบูด มีกลิ่นเหม็นอับ แต่ไม่มีกลิ่นคาว ร่วมกับมีอาการคันอย่างมากและระคายเคืองปากช่องคลอดหรือภายในช่องคลอด, ปากช่องคลอดมีอาการบวมแดง, มีอาการแสบร้อนเมื่อปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์, อาจเกิดผื่นแดงทั้งภายในและภายนอกช่องคลอด โดยอาจกระจายไปทั่วบริเวณหัวหน่าว อวัยวะเพศหรือต้นขา การติดเชื้อชนิดนี้ส่วนใหญ่แล้วจะมีสาเหตุมาจากความอับชื้น, การใช้ยาปฏิชีวนะ, การใช้ยาสเตียรอยด์, การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด, ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ, ผู้ป่วยโรคเบาหวาน, ผู้ติดเชื้อเอดส์หรือโรคเชื้อราในช่องคลอด, หญิงตั้งครรภ์, ความเครียด เป็นต้น การสวมใส่เสื้อผ้าที่อบมากเกินไป การมีสภาพร่างกายที่อ้วนมาก รวมทั้งสภาพอากาศในบ้านเราที่ร้อนชื้นเป็นพิเศษ จะเหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อราเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้หญิงไทยเรามีการติดเชื้อราในช่องคลอดได้ง่ายมาก บางทีอยู่เฉย ๆ ยังไม่ได้ทำอะไรก็ยังเป็นเชื้อราในช่องคลอดได้ ซึ่งผิดกับผู้หญิงในเมืองหนาวที่มีจะมีการติดเชื้อราน้อยกว่า เพราะส่วนใหญ่จะเกิดเฉพาะในรายที่เป็นโรคเบาหวานหรือเป็นโรคต้องรับประทานยากดภูมิต้านทานบางอย่าง

4. เชื้อไวรัส
เกิดจากการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ส่วนใหญ่เป็นเชื้อ "เฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์" (Herpes simplex) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเริม ทำให้มีตุ่มใส ๆ ขนาดเล็ก ต่อมาจะแตกออกกลายเป็นแผลและแสบคัน มีตกขาวสีเหลือง มีกลิ่นผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครั้งแรกที่ปรากฏอาการ

5. เชื้อบัคเตรีชนิดอื่น ๆ
เช่น เชื้อสแตฟีโลค็อกคัส (Staphylococcus), สเตรปโตค็อกคัส (Streptococcus) เป็นต้น ทั้งนี้อาจพบเชื้อต้นเหตุได้มากกว่า 1 ชนิดก็ได้

6. เชื้อวัณโรค
เชื้อชนิดนี้พบได้น้อยมาก

7. เกิดจากเนื้องอกอวัยวะสืบพันธุ์หญิง
เป็นสาเหตุที่พบได้รองลงมาจากการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นเนื้องอกไม่ร้ายแรงหรือมะเร็งก็ตาม ก็อาจทำให้เกิดอาการตกขาวได้ โดยโรคมะเร็งที่มักก่ออาการตกขาวผิดปกติ คือ โรคมะเร็งช่องคลอด โรคมะเร็งปากมดลูก และโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

8. เกิดจากการมีวัตถุแปลกปลอมในช่องคลอด
ทำให้ผนังช่องคลอดระคายเคือง มีตกขาวเพิ่มมากขึ้นและมักมีกลิ่นเหม็น ในเด็กอาจพบเป็นเมล็ดผลไม้ เศษกระดาษ เศษลูกโป่ง ส่วนในผู้ใหญ่อาจพบเป็นผ้าอนามัยชนิดสอด กระดาษชำระ สำลี เศษยาง ถุงยางอนามัย หรืออุปกรณ์ทางเพศ แต่เมื่อเอาวัตถุแปลกปลอมเหล่านี้ออกแล้วก็จะหายเป็นปกติ

ตกขาวในคนท้อง

เมื่อว่าที่คุณแม่ มีอาการเป็นตกขาวออกมาทางช่องคลอด หลายคนก็มักจะเกิดความกังวลว่า ผิดปกติไหม อันตรายรึเปล่า จะต้องดูแลอย่างไร

ตกขาวในคนท้องเกิดจากอะไร

ก่อนอื่นสิ่งที่ควรทราบคือ  คนท้องมักจะมีปริมาณตกขาวมากขึ้นกว่าในเวลาที่เราไม่ตั้งครรภ์นะคะ เนื่องจากอิทธิพลของฮอร์โมนการตั้งครรภ์ ทำให้มีการสร้างมูกบริเวณปากมดลูกมากขึ้น และออกมาเป็นตกขาว ทางช่องคลอดได้ค่ะ โดยลักษณะตกขาวที่พบได้ปกติในคนท้องมักจะเป็น มูกใส หรือ สีขาวขุ่นได้ แต่จะไม่มีกลิ่น ไม่ทำให้เกิดอาการ แสบ คันช่องคลอด

ดังนั้นหากเป็นตกขาวที่ผิดปกติ หรือไม่แน่ใจควรมารับการตรวจกับสูตินรีแพทย์
เพื่อได้รับการรักษาที่ตรงจุด เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อย

ตกขาว เรื่องที่ผู้หญิงเราควรรู้

ตกขาว มา เยอะ เกิด จาก อะไร

  • ตกขาวคืออะไร?
  • สีของตกขาวบ่งบอกอะไรบ้าง?
  • ตกขาวผิดปกติกับการติดเชื้อในช่องคลอด?
  • เมื่อไหร่จึงควรไปพบแพทย์?

ตกขาวคืออะไร?

ตกขาว หมายถึง สารคัดหลั่งที่ถูกขับออกมาทางช่องคลอด มีหน้าที่ช่วยในการหล่อลื่น ป้องกันการติดเชื้อ และระคายเคือง ซึ่งลักษณะ สี และปริมาณของตกขาว จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและแต่ละช่วงของรอบเดือน โดยทั่วไปอาจมีลักษณะดังนี้

  • วันที่ 1-5 ของรอบเดือน: เป็นช่วงที่มีเลือดประจำเดือน
  • วันที่ 6-14 ของรอบเดือน: ส่วนมากจะมีตกขาวน้อยกว่าช่วงปกติ ตกขาวมีลักษณะขุ่น มีสีขาวหรือเหลือง และอาจมีลักษณะเหนียวได้
  • วันที่ 14-25 ของรอบเดือน: ในช่วงก่อนวันตกไข่ ตกขาวอาจมีลักษณะเป็นเมือกลื่นๆ คล้ายไข่ขาว แต่หลังจากมีการตกไข่ ตกขาวจะกลับมามีลักษณะขุ่น มีสีขาวหรือเหลือง อีกครั้ง
  • วันที่ 25-28 ของรอบเดือน: ก่อนมีประจำเดือน จะเป็นช่วงที่ตกขาวมีปริมาณน้อยลงมากจนจางหายไป
 

สีของตกขาวบ่งบอกอะไรบ้าง?

  • เฉดสีแดง: เลือดในช่วงที่มีประจำเดือน โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นทุก 28 วัน หรืออยู่ในช่วง 21-35 วัน และจะใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน แต่หากมีเลือดออกในช่วงอื่นนอกเหนือจากช่วงที่มีประจำเดือน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุต่อไป
  • เฉดสีขาว: ตั้งแต่สีขาวจนถึงสีเหลืองอ่อน ลักษณะเช่นนี้จะถือเป็นตกขาวปกติที่พบได้ทั่วไป แต่หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีกลิ่น คัน หรือตกขาวมีลักษณะขาวเหนียวร่วมกับมีอาการอื่น ลักษณะนี้แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติที่อาจเกิดจากการติดเชื้อราได้
  • เฉดสีเหลืองเขียว: ลักษณะสีเหลืองเข้ม เหลืองเขียว จนถึงเขียว เป็นเฉดสีที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติที่อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นจึงควรไปพบแพทย์ โดยเฉพาะในผู้ที่มีตกขาวเหนียวเป็นก้อนหรือมีกลิ่มร่วมด้วย
  • เฉดสีใส: ตกขาวปกติส่วนใหญ่จะมีลักษณะเช่นนี้ คือ ใสหรือค่อนข้างขาว ลื่น ลักษณะคล้ายไข่ขาว
  • เฉดสีเทา: ตกขาวสีเทาเป็นลักษณะเด่นของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด โดยอาจมีอาการแสดงอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีกลิ่น คัน ระคายเคือง หรือมีอาการแดงบริเวณรอบๆ ช่องคลอด หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
 

ตกขาวผิดปกติกับการติดเชื้อในช่องคลอด?

ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มีการติดเชื้อในช่องคลอด มักแสดงอาการผ่านทางลักษณะของตกขาว อาการคัน และกลิ่น โดย 3 โรคหลักที่เกี่ยวข้องกับตกขาวผิดปกติ ได้แก่

ลักษณะการติดเชื้ออาการ การรักษา

การติดเชื้อราในช่องคลอด (Vulvovaginal Candidiasis)

  • ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ Candida albicans แต่บางรายอาจเกิดจากเชื้อราชนิดอื่นได้

ปัจจัยที่อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อราในช่องคลอด ได้แก่ โรคเบาหวาน การใช้ยาปฎิชีวนะเป็นเวลานาน การมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้นหรือได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนจากภายนอก (เช่น การใช้ยาคุมกำเนิด ภาวะตั้งครรภ์) ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น การติดเชื้อเอชไอวี การได้รับยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน)

ตกขาวมีลักษณะเหมือนแป้งเปียก มักมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอด หรือมีอาการแสบร้อนในช่องคลอด ปัสสาวะแสบขัด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เมื่อตรวจภายในอาจพบการบวมแดงบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด ให้ยาฆ่าเชื้อรา ซึ่งมีทั้งรูปแบบยาครีม ยาเหน็บช่องคลอด และยารับประทาน เช่น Clotrimazole, Miconazole, Tioconazole, Fluconazole

การติดเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis)

  • เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดีมีการเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนจนมากกว่าเชื้อแบคทีเรียประจำถิ่น ทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้น

มักสัมพันธ์กับการมีคู่นอนหลายคน การสวนล้างช่องคลอด การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย และการขาดแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสในช่องคลอด

ส่วนมากจะไม่แสดงอาการผิดปกติ บางรายอาจมีอาการตกขาวผิดปกติ เช่น ตกขาวมีสีเทา มีกลิ่นเหม็นเหมือนคาวปลา มีอาการคัน อาจมีปัสสาวะแสบขัดหรือเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ร่วมด้วย ส่วนอาการอักเสบในช่องคลอดหรือแสบร้อนบริเวณปากช่องคลอดพบได้น้อย
  • ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น Metronidazole, Tinidazole, Clindamycin
  • ควรงดกิจกรรมทางเพศระหว่างการรักษา
การติดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis)
เกิดจากเชื้อโปรโตซัว Trichomonas vaginalis (TV) ที่มักติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์
ตกขาวมีสีเขียวเป็นฟองและมีกลิ่นเหม็น ร่วมกับมีอาการแสบร้อนและคันบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด ปัสสาวะแสบขัด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์หรือเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ มีการอับเสบ บวมแดงบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด มีจุดเลือดออกบริเวณช่องคลอดและปากมดลูกที่มีลักษณะจำเพาะเรียกว่า Strawberry cervix
  • ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น Metronidazole, Tinidazole  
  • ให้การรักษาคู่นอนร่วมด้วย

 

เมื่อไหร่จึงควรไปพบแพทย์?

ผู้หญิงเราควรไปพบแพทย์เมื่อตกขาวมีลักษณะ สี หรือกลิ่น ผิดไปจากปกติ หรือมีอาการทางช่องคลอด เช่น

  • มีลักษณะแดง คัน เจ็บ แสบร้อน หรือระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศหรือช่องคลอด
  • ตกขาวมีลักษณะเป็นฟอง หรือมีลักษณะคล้ายแป้งเปียก
  • ตกขาวมีสีเหลือง เขียว หรือเทา
  • มีเลือดหรือเลือดออกกะปริดกะปรอยในช่วงที่ไม่มีประจำเดือน
  • มีกลิ่นรุนแรง

โดยทั่วไปการติดเชื้อหรือความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศหญิงอาจมีผลทำให้ตกขาวผิดปกติได้ ซึ่งบางครั้งอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษา ดังนั้น ผู้ที่สังเกตเห็นอาการผิดปกติของตกขาวหรืออาการอื่นๆ ที่อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาต่อไป

หากท่านต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ข้อมูลยาโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ตลอด 24 ชั่วโมง

รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

  • ศูนย์สูติ-นรีเวช
    8.00-20.00  (BKK Time)
    Hot line tel. +66 63 189 3406

    20.00-8.00 (BKK Time)
    เบอร์ Contact center +662 066 8888 และ 1378


แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

คะแนนโหวต 8.43 of 10, จากจำนวนคนโหวต 14 คน

: ในปัจจุบันมีการระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งเป็นโรคที่มีอาการของการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจคล้ายคลึงกับการติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ หากผู้ป่วยโรคโควิด 19 มีการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ร่วมด้วย จะมีโอกาสทำให้อาการป่วยรุนแรงขึ้น ดังนั้น การได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่จึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 7 กลุ่มเสี่ยง เพราะจะช่วยลดระยะเวลาในการรักษา ลดความรุนแรงของโรคจากภาวะแทรกซ้อน และลดอัตราการเสียชีวิตได้

COVID-19ไข้หวัดใหญ่ศูนย์ข้อมูลยา

อ่านเพิ่มเติม

ภาวะสายตาสั้นในเด็ก นับเป็นปัญหาหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเด็กๆ แล้ว ยังอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกหลานของเราเกิดอุบัติเหตุได้ การป้องกันหรือชะลอการเกิดภาวะนี้จึงเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่เราควรให้ความสนใจ มาทำความรู้จักภาวะสายตาสั้นในเด็กเพิ่มเติม ได้ที่นี่

ศูนย์ข้อมูลยาสายตาสั้น

อ่านเพิ่มเติม

แม้ว่าไขมันจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกาย แต่หากมีการสะสมของไขมันในหลอดเลือดหรืออวัยวะต่างๆ มากเกินความจำเป็น ในระยะยาวอาจส่งผลให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบหรืออุดตัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อหรืออวัยวะต่างๆ นำไปสู่โรคหลอดเลือดหัวใจหรือสมองได้

โรคหัวใจไขมันในเลือดสูงศูนย์ข้อมูลยา

อ่านเพิ่มเติม

ตกขาวเกิดจากสาเหตุใด วิธีรักษา

อาการตกขาวผิดปกติมักเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรักษาทั้งผู้ป่วยและคู่นอนไปด้วยพร้อม ๆ กัน นอกจากนั้นอาการตกขาวผิดปกติยังอาจเกิดได้จากโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งการไปพบแพทย์ตั้งแต่แรกจะช่วยในการวินิจฉัยโรคได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และให้ผลในการรักษาที่ดีกว่าการพบโรคในระยะรุนแรงที่มีอาการมากแล้ว

ตกขาว เยอะ เป็น อันตราย ไหม

ตกขาวมากผิดปกติ อย่าปล่อยทิ้งไว้!!! อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หากมีตกขาวผิดปกติ คือ การที่เกิดเป็นซ้ำๆ บ่อยๆ เพราะอาจส่งผลให้ปีกมดลูกเกิดการอักเสบ ท่อนำไข่ตัน เกิดภาวะมีบุตรยาก เพิ่มความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์นอกมดลูกสูงขึ้น หรือมีก้อนฝี หนองในอุ้งเชิงกรานได้

ตกขาวเป็นก้อนสีขาว เกิดจากอะไร

ตกขาวเป็นก้อนสีขาว อาจเกิดจากการติดเชื้อรา Candida albicans ทำให้ตกขาวมีลักษณะเป็นก้อนคล้ายนมบูด เป็นสีขาวข้นหรืออาจเป็นสีเหลืองขาว ตกขาวมีกลิ่นเหม็นอับ แต่ไม่มีกลิ่นคาว ทำให้มีอาการแสบคันในช่องคลอดหรือมีปัสสาวะแสบขัดเป็นบางครั้ง ส่วนใหญ่มักเกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานานหรือเป็นผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำ