Miniso thailand ltd บร ษ ท ม น โซ ไทยแลนด

“MINISO” (มินิโซ) หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเขียนว่า “メイソウ” (Meisou อ่านว่า เหมยโซว) เป็นร้านจำหน่ายสินค้าตามไลฟ์สไตล์และแฟชั่นแบบญี่ปุ่นๆ บริษัท MINISO ก่อตั้งโดย จุนยะ มิยาเกะ (Jyunya Miyake) ดีไซน์เนอร์ชาวญี่ปุ่น และ เย่ กั๋ว ฟู่ (Ye Guofu) นักธุรกิจชาวจีน ในปี 2556 เป็นธุรกิจที่จำหน่ายสินค้าจิปาถะ ตั้งแต่ของใช้ในชีวิตประจำวันไปจนถึงอุปกรณ์ไอทีอิเล็กทรอนิกส์

โดยปัจจุบัน MINISO มีสาขาทั่วโลกแล้วกว่า 1,400 สาขา ใน 56 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย ที่ดำเนินงานภายใต้ชื่อบริษัท มินิโซ (ไทยแลนด์) จำกัด และมีบริษัท ซิงไท่ เทรดดิ้ง จำกัด เป็นผู้นำเข้าสินค้ามาจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว และวันนี้ Tonkit360 ก็ได้รวบรวมสินค้าที่น่าซื้อในร้าน MINISO มาฝากทุกคนกันแล้ว จะมีอะไรน่าใช้บ้างเราไปดูกันเลย

1.น้ำหอม

Miniso thailand ltd บร ษ ท ม น โซ ไทยแลนด
ภาพจาก FB : Miniso Thailand

น้ำหอม MINISO เป็นไอเท็มที่สาวๆ หลายคนกำลังตามหาหรือแม้แต่ตัวผู้เขียนเองก็เช่นกัน โดยเฉพาะกลิ่น Eternal Faith ที่มีรีวิวมาเยอะเหลือเกินว่าหอมติดทนราวกับน้ำหอมระดับ Hi-End งานนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหอมมากสักแค่ไหน แต่เท่าที่เคยไปเสาะหามาแล้วนั้น หมดเกลี้ยงทุกสาขาเลยทีเดียว ส่วนเรื่องของราคาบอกเลยว่าเห็นขาดตลาด ไม่พอต่อความต้องการขนาดนี้ ราคาไม่ได้แพงอะไรเลย เพราะน้ำหอมใน MINISO เริ่มต้นแค่ขวดละ 69 บาทเอง และสำหรับกลิ่น Eternal Faith ที่ได้ยกตัวอย่างมานี้ก็ราคาเอื้อมถึงเพียง 139 บาทเท่านั้น

2.แก้วน้ำ

Miniso thailand ltd บร ษ ท ม น โซ ไทยแลนด
ภาพจาก FB : Miniso Thailand

แก้วน้ำสีพาสเทลสะดุดตา ราคาถูกแต่คุณภาพดีเวอร์ มีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งเซรามิค พลาสติก พกพาสะดวก จะซื้อไปใช้ที่บ้านหรือซื้อมาใช้ที่ออฟฟิศก็เก๋เหมือนกันนะ อยากจะบอกว่าเลือกไม่ถูกเลย เพราะอันนั้นก็ดูดีอันนี้ก็น่ารัก

3.ตุ๊กตา

Miniso thailand ltd บร ษ ท ม น โซ ไทยแลนด
ภาพจาก FB : Miniso Thailand

ตุ๊กตานุ่มนิ่มที่มีให้เลือกซื้อกันแบบเต็มอิ่ม ทั้ง Pink Panther, We Bere Bears, แมวน้ำอุ๋งๆ เรียกได้ว่าขนมาเอาใจคนชอบตุ๊กตาเลยทีเดียว แถมวัสดุที่ใช้ทำก็สุดแสนจะนุ่มนิ่ม น่ากอด น่านอนซะเหลือเกินจะซื้อไปนอนกอดเอง ซื้อไปตกแต่งเตียงนอน หรือซื้อเป็นของขวัญให้คนรู้ใจก็ยังได้

4.หมอนรองคอ

Miniso thailand ltd บร ษ ท ม น โซ ไทยแลนด
ภาพจาก FB : Miniso Thailand

หมอนรองคอใน MINISO แบบธรรมดาก็มี แบบนุ่มนิ่มก็มา ใครชอบแบบไหนก็เลือกซื้อเอาได้เลย ที่นี่เขามีครบจริงๆ แถมมีหลากสีหลายรูปทรงอีกด้วยนะ

5.ลำโพง

Miniso thailand ltd บร ษ ท ม น โซ ไทยแลนด
ภาพจาก FB : Miniso Thailand

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกอย่างที่ขอแนะนำก็คือลำโพง ที่มีให้เลือกหลายแบบหลายขนาด ซึ่งคุณภาพก็เหมาะสมตามระดับราคา รับประกันว่าดังซะใจแน่นอน บางอันจิ๋วแค่ตัวแต่เสียงใช้ได้เลยทีเดียวนะ

6.โคมไฟ

Miniso thailand ltd บร ษ ท ม น โซ ไทยแลนด
ภาพจาก sistacafe.com

โคมไฟสุดคิ้วท์ที่มีให้เลือกตั้งแต่แบบเล็กๆ ไปจนถึงแบบใหญ่ๆ ส่วนราคาก็จะแตกต่างกันไปตามขนาดและดีไซน์ แต่ความสว่างรับรองได้สว่างจ้าแน่นอน จะซื้อไปวางบนโต๊ะทำงาน โต๊ะอ่านหนังสือ หรือซื้อไปตกแต่งบ้านก็ดีนะ

7.นาฬิกาข้อมือ

Miniso thailand ltd บร ษ ท ม น โซ ไทยแลนด
ภาพจาก punpromotion.com

อีกหนึ่งไอเท็มเด็ดที่กำลังเป็นที่นิยม สำหรับนาฬิกาดีไซน์สวย เรียบหรูดูแพง หากใครที่กำลังมองหานาฬิกามาประดับข้อมือสักเรือน ขอแนะนำว่าให้ไปดูที่ MINISO ก็ได้นะ บางทีอาจจะได้นาฬิกากลับมาอีกหลายเรือนเลย เพราะราคาถูกมาก

8.เคสโทรศัพท์มือถือ

Miniso thailand ltd บร ษ ท ม น โซ ไทยแลนด
ภาพจาก FB : Miniso Thailand

อาจจะมีให้เลือกเฉพาะผู้ใช้ iPhone แต่ถึงยังไงก็น่ารัก อิอิ เคสโทรศัพท์จาก MINISO ส่วนใหญ่จะเป็นแบบที่ไม่มีลวดลาย หรือลายลิขสิทธิ์การ์ตูนไปเลย ก็แล้วแต่ช่วงที่สินค้าจะหมุนเวียนสับเปลี่ยนมาลงในสาขา

9.กระเป๋า

Miniso thailand ltd บร ษ ท ม น โซ ไทยแลนด
ภาพจาก FB : Miniso Thailand

ผู้หญิงจะมีกระเป๋ากี่ใบก็ได้ ฮ่าๆ กระเป๋า MINISO จะมีทั้งแบบสะพายข้าง, Cross Body, กระเป๋าใส่เหรียญ ซึ่งจะมีสีสันที่น่ารักสดใสและราคาที่แตกต่างกันไป ตามขนาดไซส์ความใหญ่ของกระเป๋า

10.รองเท้า

Miniso thailand ltd บร ษ ท ม น โซ ไทยแลนด
ภาพจาก FB : Miniso Thailand

รองเท้า MINISO ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่แนะนำว่าน่าซื้อ ด้วยสีสันสุดน่ารักที่น่าจะมีมาไว้ครอบครอง ใส่ไปเที่ยวทะเลชิคๆ ก็คงจะดีไม่น้อย เพราะส่วนใหญ่รองเท้าของ MINISO จะเป็นแบบที่สวมใส่ในโอกาสไปเที่ยวสบายๆ ชิลล์ๆ

หากพูดถึงร้านค้าที่ขายสินค้าราคาเดียวที่คุ้นหน้าคุ้นตาเราๆ มีหน้าร้านอยู่ตามห้างสรรพสินค้า ชื่อของร้าน “ไดโซ” ต้องเด้งขึ้นมาในหัวเป็นแน่

ร้านขายสินค้าทุกอย่าง 60 บาท สัญชาติญี่ปุ่นที่มีต้นกำเนิดจาก “ยาโน ฮิโรทาเคะ” ในวัย 29 ปี ในสมัยนั้น

และเริ่มเข้ามาทำตลาดประเทศไทยเมื่อปี 2003 หรือเมื่อ 16 ปีก่อน ที่เวลานั้นแทบจะไม่มีคู่แข่งในเชนร้านค้าที่ขายสินค้าราคาเดียวแบบนี้

หรือถ้ามีก็คงจะเป็นราคาที่เราคุ้นชินกันทั่วไปประเภทร้านขายสินค้าทุกอย่าง 20 บาท

ร้านขายสินค้าที่มีทุกอย่างขายตั้งแต่ของจิปาถะชิ้นเล็กๆ ไปจนของชิ้นใหญ่แห่งนี้มีรายได้โตขึ้นทุกปี เพราะหากดูข้อมูลย้อนหลัง 6 ปี รายได้เพิ่มขึ้นตลอด

ปี2555 667,327,701.61 บาท กำไร 26,003,597.05 บาท

ปี 2556 800,247,702.50 บาท กำไร 73,518,642.24 บาท

ปี2557 892,663,620.65 บาท กำไร 80,518,868.00 บาท

ปี 2558 1,073,984,156.36 บาท กำไร 124,564,070.60 บาท

ปี 2559 1,298,536,914.30 บาท กำไร 133,819,947.71 บาท

ปี2560 1,404,836,741.74 บาท กำไร 108,804,167.01 บาท

ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

มาในวันนี้เราได้เห็นเชนร้านสินค้าราคาเดียว หรือ สินค้าราคาแบบจับต้องได้ที่มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 20 บาท เข้ามาเปิดตลาดและเรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งคนสำคัญในตลาดชนิดที่ว่าอาจจะทำให้ “ไดโซ” ต้องหากลยุทธ์ หรือสินค้าที่หลากหลายมาต่อสู้

ที่เห็นชัดๆ ตอนนี้มี 2 แบรนด์ดังที่มีหน้าร้านสดใสดึงดูดใจผู้บริโภคให้เข้าร้านได้ไม่ยาก

ทั้งสองร้านนั้นคือ “MINISO” และ “Moshi Moshi” ร้านขายสินค้าจิปาถะไลฟ์สไตล์ สไตล์ญี่ปุ่นในราคาย่อมเยา

แบรนด์ที่บอกว่าตัวเองคือ ”a Japan-based designer brand” แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงกันในช่วงแรกว่าเป็นแบรนด์จากญี่ปุ่นจริงหรือไม่

แบรนด์ที่มีโลโก้เป็นถุงช้อปปิ้งสีแดง มีชื่อที่เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษคล้ายแบรนด์เครื่องแต่งกายดังสัญชาติญี่ปุ่น ที่มีผู้ก่อตั้งด้วยกัน 2 คนคือ “Miyake Junya” ที่ดูเรื่องดีไซน์ และอีกคนคือ “Ye Guofu” ที่เป็นชาวจีน ร่วมกันก่อตั้ง “มินิโซ” ขึ้นเมื่อปี 2013

มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กวางโจว และมีสาขาในประเทศจีนมากกว่า 1,100 สาขา และปัจจุบันเปิดสาขาไปแล้วมากกว่า 3,500 สาขาทั่วโลก

ขณะที่ในประเทศไทย “มินิโซ” เข้ามาทำตลาดเมื่อ พ.ศ. 2559 และอยู่ในการบริหารของบริษัท มินิโซ (ไทยแลนด์) จำกัด

และมีบริษัท ซิงไท่ เทรดดิ้ง จำกัด เป็นผู้นำเข้าสินค้ามาจัดจำหน่ายที่มินิโซแต่เพียงผู้เดียว

ตอนนี้มีสาขาในไทยทั้งหมด ณ สิ้นปี 2561 ที่ 57 สาขา แบ่งเป็นใน กทม. และปริมณฑล 37 สาขา และในต่างจังหวัด 20 สาขา

::: Moshi Moshi :::

ร้านขายสินค้าจิปาถะสัญชาติไทย ที่เปิดร้าน ‘Moshi Moshi’ สาขาแรกในปี พ.ศ. 2559 เหมือนมินิโซเช่นกัน โดยอยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท โมชิ โมชิ เจแปน จำกัด โดยเป็นร้านที่เน้นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ของใช้ในบ้าน เครื่องเขียน อุปกรณ์เสริมความงาม ฯลฯ มีสินค้าให้เลือกถึง 5,000 รายการ

ปัจจุบัน Moshi Moshi เปิดบริการทั้งหมด 65 สาขา โดยเป็นสาขาใน กทม. และปริมณฑล 22 สาขา และต่างจังหวัด 43 สาขา

แล้วถามว่าทำไมถึงมีคนเดินเข้าร้าน “MINISO-Moshi Moshi” กันขวักไขว่ไม่ต่างกัน แถมยังสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

Marketeer มองว่า

1. ความเป็นญี่ปุ่น: ทั้งสองร้านใช้คำว่า “ญี่ปุ่น” ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพมาเป็นกลยุทธ์ช่วยดึงดูดลูกค้าเข้าร้าน สังเกตดีๆ จะพบว่าทั้งสองร้านจะตกแต่งร้านในสไตล์ญี่ปุ่น ใช้สีขาวที่สื่อถึงความเรียบง่าย และยังใช้ตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นในชื่อร้านอีกด้วย

การใช้คาแรกเตอร์ความเป็นญี่ปุ่นนี้นอกจากจะช่วยทำให้ลูกค้าเข้าร้านมากขึ้นแล้ว ยังสามารถช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าที่มีจำหน่ายในร้านที่ผลิตจากประเทศจีนให้ดีขึ้นได้ไม่น้อย เพราะหากใครเคยซื้อสินค้าจากทั้งสองร้านก็จะรู้ว่าของในร้านมีคุณภาพดีอยู่ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

2. ขายความถูกที่มาพร้อมคุณภาพ: เพราะของคุณภาพดีบางครั้งไม่จำเป็นต้องราคาแพงเสมอไป ทั้งสองร้านชูอีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญคือเรื่องของ “ราคา” ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกเพศทุกวัย

โดยสินค้าในร้าน ”มินิโซ” นั้นจะมีราคาเริ่มต้นที่ 69 บาท ส่วนร้าน “Moshi Moshi” สินค้าเริ่มต้นตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไป

นอกจากขายความถูกที่มาพร้อมคุณภาพแล้ว ทั้งสองร้านยังขายความน่ารักของสินค้า และมีสินค้ามากมายให้ได้เลือกซื้อแบบครบครัน

3. ทำเล: ทั้งสองร้านเลือกทำเลที่คล้ายคลึงกันคือ เจาะทำเลที่มีคนพลุกพล่าน ด้วยการขยายสาขาไปตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ แต่ความต่างคือ ร้าน “Moshi Moshi” จะเน้นไปทำตลาดในกลุ่มห้างบิ๊กซี โลตัส เป็นส่วนใหญ่มากกว่า

4. ยุคนี้ต้องมีอีคอมเมิร์ซ: เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป แต่ไม่ได้หมายความว่าลูกค้าจะไม่ได้เดินดูสินค้าที่หน้าร้าน แต่การมีช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายเป็นอีกหนึ่งคีย์พอยต์ที่ทำให้ร้านค้าในยุคปัจจุบันเติบโตได้เร็ว

โดย “มินิโซ” มีอีกหนึ่งช่องทางการจำหน่ายที่นอกจากหน้าร้านคือ ร้านออนไลน์ในแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง “Shopee” ขณะที่ร้าน “Moshi Moshi” เองนั้นยังไม่มีนโยบายขายสินค้าออนไลน์ และยังไม่มีการขายแฟรนไชส์ด้วย

Miniso thailand ltd บร ษ ท ม น โซ ไทยแลนด

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website : Marketeeronline.co / Facebook : http://www.facebook.com/marketeeronline