มาสเตอร์เชฟไทยแลนด์ เป็นรายการเกมโชว์ทำอาหาร โดยในฤดูกาลนี้ทำออกมาในรูปแบบ ออล สตาร์ส ซึ่งเป็นการนำผู้เข้าแข่งขันที่มีความโดดเด่นจากฤดูกาลก่อน มาแข่งขันอีกครั้งหนึ่ง ออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ทางช่อง 7 เอชดี ดำเนินรายการโดยปิยธิดา มิตรธีรโรจน์ (ป๊อก) และมีกรรมการคือ หม่อมหลวงภาสันต์ สวัสดิวัตน์ (คุณอิงค์), หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล (เชฟป้อม) และพงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย (เชฟเอียน) รายการออกอากาศจนถึงวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2563 ก่อนจะพักการออกอากาศอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากการระบาดทั่วของไวรัสโคโรนาในประเทศไทย ทำให้ไม่สามารถถ่ายทำรายการต่อได้ จนกระทั่งวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2563 จึงได้มีการออกอากาศตามปกติอีกครั้ง Show
กติกา[แก้]รอบกล่องปริศนา (Mystery Box) [แก้]ผู้เข้าแข่งขันจะต้องทำอาหาร 1 จานจากวัตถุดิบในกล่องปริศนาและวัตถุดิบเสริมที่จัดเตรียมไว้ให้เท่านั้น โดยคณะกรรมการจะทำการคัดเลือกอาหารจำนวน 3 จานที่ดีที่สุดมาชิมอีกครั้งที่โต๊ะของกรรมการและเลือกจานที่ดีที่สุดจาก 3 จานดังกล่าวเพียง 1 จานเท่านั้น โดยผู้เข้าแข่งขันที่เป็นผู้ชนะในรอบนี้จะได้รับสิทธิพิเศษแตกต่างกันออกไปในแต่ละรอบ และจะไม่มีการคัดออกใด ๆ ในรอบนี้ ยกเว้นในบางรอบที่อาจมีการคัดออกในรอบนี้โดยกรรมการจะแจ้งให้ทราบทุกครั้งหากมีการคัดออกในรอบนี้ ในบางครั้ง หากมีการคัดออก จะคัดเลือกอาหารในกลุ่มที่แย่ที่สุดมาชิมอีกครั้งเพื่อหาผู้ที่ถูกคัดออก รอบทดสอบความคิดสร้างสรรค์ (Invention Test)[แก้]ผู้เข้าแข่งขันจะต้องทำอาหาร 1 จานจากโจทย์และวัตถุดิบหลักที่กำหนดให้และต้องทำให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด โดยผู้เข้าแข่งขันสามารถเลือกวัตถุดิบที่จำเป็นต้องใช้ภายในเวลา 3 - 5 นาทีจากห้องจัดเก็บอาหาร (Food Pantry) ของมาสเตอร์เชฟ เมื่อหมดเวลาแล้วผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะต้องนำจานอาหารของตนเองมาเสิร์ฟที่โต๊ะของกรรมการตามลำดับการเรียกชื่อของพิธีกร ผู้เข้าแข่งขัน 2 คนที่ทำอาหารได้ดีที่สุดจะได้เป็นหัวหน้าทีมในการแข่งขันรอบการแข่งขันแบบทีมต่อไป ส่วนผู้เข้าแข่งขันที่ทำอาหารได้แย่ที่สุดจะถูกคัดออกจากการแข่งขัน รอบการแข่งขันแบบทีม (Team Challenge)[แก้]ผู้เข้าแข่งขันที่เป็นหัวหน้าทีมจะมีสิทธิเลือกผู้เข้าแข่งขันคนอื่นเข้าสู่ทีม โดยผู้ชนะอันดับ 1 จากรอบทดสอบความคิดสร้างสรรค์จะได้สิทธิในการเลือกสมาชิกทีมก่อน และมีสิทธิที่จะเลือกผู้เข้าแข่งขันคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้ถูกเลือกเข้าสู่ทีมให้กับอีกทีมหนึ่ง หรือเลือกที่จะเก็บไว้ในทีมตัวเองก็ได้ ในรอบนี้ทั้ง 2 ทีมจะต้องทำอาหารให้กับผู้ลงคะแนนที่ทางรายการเชิญมาในสถานการณ์และวัตถุดิบหลักที่แตกต่างกันในแต่ละรอบ โดยผลแพ้หรือชนะนั้นจะมาจากการที่ผู้ลงคะแนนเลือกที่จะให้คะแนนทีมใดทีมหนึ่งเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ลงคะแนนทั้งหมด โดยทีมที่ชนะจะได้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปทันที ส่วนทีมที่แพ้นั้นจะต้องแข่งขันในรอบทดสอบความละเอียดและแม่นยำอีกครั้งเพื่อหาผู้เข้าแข่งขันที่ต้องออกจากการแข่งขันต่อไป รอบทดสอบความละเอียดและความแม่นยำ (Pressure Test)[แก้]ทีมที่แพ้ในรอบการแข่งขันแบบทีมจะต้องมาแข่งขันในรอบทดสอบความละเอียดและแม่นยำอีกครั้ง เพื่อหาผู้ที่ต้องออกจากแข่งขันอย่างน้อย 1 คน ในบางรอบหัวหน้าของทีมที่แพ้ หรือหัวหน้าทีมของทีมที่ชนะในการแข่งขันในรอบการแข่งขันแบบทีมสามารถเลือกผู้เข้าแข่งขันหรือตัวเองเพื่อผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้โดยไม่ต้องแข่งขันในรอบทดสอบความละเอียดและแม่นยำ ส่วนผู้เข้าแข่งขันที่ทำอาหารได้แย่ที่สุดจะถูกคัดออกจากการแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขัน[แก้]ผู้เข้าแข่งขัน 20 คนสุดท้าย[แก้]ชื่อ อายุ ภูมิลำเนา อาชีพก่อนเข้ามาแข่งขัน จากซีซัน ลำดับเดิม ลำดับการแข่งขัน จำนวนชนะ เจสสิก้า หวัง (เป่าเป้) 25 กรุงเทพมหานคร ธุรกิจส่วนตัว 3 4ชนะเลิศ วันที่ 2 สิงหาคม7 น้ำทิพย์ ภูศรี (จ๋า) 28 กรุงเทพมหานคร ช่างซ่อมรถยนต์ 2 4รองชนะเลิศ วันที่ 2 สิงหาคม4 ชานิน จีมะ (เควส) 27 กรุงเทพมหานคร นักวาดรูปอิสระ 3 2 4 รภัสสรณ์ จิรจุรีย์ชัย (ลัท) 32 ลำปาง ขายของออนไลน์ 2 2ถูกคัดออก วันที่ 26 กรกฎาคม4 แบงค์ เจตะสานนท์ (แบงค์) 40 กรุงเทพมหานคร พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน 2 4 3 อลิษา ดอว์สัน (ริซ่า) 32 กรุงเทพมหานคร ครูสอนภาษาอังกฤษ 1 2ถูกคัดออก วันที่ 12 กรกฎาคม5 สัญญา ธาดาธนวงศ์ (กอล์ฟ) 39 กรุงเทพมหานคร ช่างภาพอิสระ 2 9 3 คมสันต์ วงค์ษา (เดียว) 28 แม่ฮ่องสอน นักจัดดอกไม้ 2 3ถูกคัดออก วันที่ 5 กรกฎาคม5 ณัฐนิชา บุญเลิศ (พลอย) 29 ปทุมธานี พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน 1 3 3 พัดชา กัลยาณมิตร (เตย) 27 กรุงเทพมหานคร ธุรกิจส่วนตัว 3 2ถูกคัดออก วันที่ 28 มิถุนายน4 จิตศักดิ์ หลิมภากรกุล (จีโน่) 43 ภูเก็ต ผู้อำนวยการด้านแบรนด์และการตลาด 3 9ถูกคัดออก วันที่ 5 เมษายน4 สหดล ตันตราพิมพ์ (ปอนด์) 28 เชียงใหม่ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน 3 5ถูกคัดออก วันที่ 29 มีนาคม2 ชานนท์ เรืองศรี (ชานนท์) 24 อุทัยธานี ค้าขาย 3 7ถูกคัดออก วันที่ 22 มีนาคม3 จำลอง ศรีรักษา (จำลอง) 34 ระยอง เจ้าของบ่อตกปลา 1 3ถูกคัดออก วันที่ 15 มีนาคม2 รภัสสา ศิริเลิศโสภณ (ลูกเกด) 36 กรุงเทพมหานคร ธุรกิจส่วนตัว, ครูสอนทำขนม 3 8 2 ดิษกุล ประสิทธิ์เรืองสุข (หมอตั้ม) 27 กรุงเทพมหานคร แพทย์ 2 6ถูกคัดออก วันที่ 8 มีนาคม1 มณีพร พรโชติทวีรัตน์ (เบลล่า) 35 กรุงเทพมหานคร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด 2 12ถูกคัดออก วันที่ 1 มีนาคม2 อิศรา ดรลีเคน (กะปอม) 28 มหาสารคาม เกษตรกร 2 8ถูกคัดออก วันที่ 23 กุมภาพันธ์1 สุชาติ ใจฉ่ำ (บอล) 31 นครนายก เจ้าของบ่อตกกุ้ง 3 6ถูกคัดออก วันที่ 16 กุมภาพันธ์1 นิกูล พยุงพงศ์ (นิค) 31 กรุงเทพมหานคร นักแข่งรถ 1 9ถอนตัว วันที่ 9 กุมภาพันธ์1 ข้อมูลการแข่งขัน[แก้]ตารางการคัดออก[แก้]อันดับ ผู้เข้าแข่งขัน ตอนที่ 1 เป่าเป้ ชนะ กดดัน ผ่าน ผ่าน ชนะ ผ่าน ผ่าน กดดัน ชนะ ผ่าน ชนะ ผ่าน สูง กดดัน ผ่าน ผ่าน ผ่าน ผ่าน ผ่าน ชนะ ผ่าน ชนะ ผ่าน ชนะเลิศ 2 จ๋า ชนะ กดดัน ผ่าน ผ่าน ชนะ สูง ผ่าน กดดัน ผ่าน ผ่าน กดดัน ผ่าน ผ่าน ชนะ ผ่าน ผ่าน ผ่าน ผ่าน ผ่าน ผ่าน กดดัน ผ่าน ชนะ ผ่าน รองชนะเลิศ เควส ชนะ กดดัน สูง ชนะ ชนะ ผ่าน ผ่าน กดดัน ผ่าน ผ่าน เสี่ยง ชนะ ผ่าน กดดัน ผ่าน ผ่าน เสี่ยง ผ่าน ผ่าน สูง กดดัน ต่ำ ผ่าน ชนะ 4 ลัท ผ่าน ชนะ ผ่าน ผ่าน กดดัน ชนะ ผ่าน ชนะ ผ่าน เสี่ยง ผ่าน ผ่าน ผ่าน ชนะ ผ่าน สูง สูง ผ่าน ผ่าน ผ่าน กดดัน ผ่าน ผ่าน ออก แบงค์ ผ่าน ชนะ ผ่าน ผ่าน กดดัน ผ่าน ผ่าน กดดัน ผ่าน ผ่าน ชนะ ผ่าน ผ่าน กดดัน ผ่าน ผ่าน ชนะ เสี่ยง ผ่าน ผ่าน เสี่ยง ผ่าน ผ่าน ออก 6 ริซ่า ผ่าน ชนะ ผ่าน สูง กดดัน ผ่าน ชนะ ชนะ ผ่าน ผ่าน ผ่าน ผ่าน ชนะ ชนะ ผ่าน สูง ผ่าน ผ่าน ผ่าน สูง ออก กอล์ฟ ผ่าน ชนะ สูง เสี่ยง ชนะ ผ่าน ผ่าน เสี่ยง ผ่าน ผ่าน ผ่าน ผ่าน ผ่าน ชนะ ผ่าน ผ่าน เสี่ยง ผ่าน ผ่าน ผ่าน ออก 8 เดียว ชนะ กดดัน ผ่าน ผ่าน กดดัน ผ่าน ผ่าน ชนะ ผ่าน ชนะ ผ่าน สูง ผ่าน ชนะ ผ่าน ชนะ ผ่าน ผ่าน ออก พลอย ชนะ กดดัน ชนะ ผ่าน เสี่ยง สูง ผ่าน ชนะ สูง ผ่าน ผ่าน สูง ผ่าน กดดัน ผ่าน ผ่าน ผ่าน ออก 10 เตย ผ่าน ชนะ ผ่าน ต่ำ กดดัน ผ่าน ผ่าน ชนะ เสี่ยง เสี่ยง ชนะ ผ่าน ต่ำ ชนะ ผ่าน ผ่าน ออก 11 จีโน่ ชนะ กดดัน ผ่าน ผ่าน ชนะ ผ่าน ผ่าน ชนะ ผ่าน ผ่าน ชนะ ผ่าน เสี่ยง ออก 12 ปอนด์ ผ่าน ชนะ ผ่าน ผ่าน กดดัน ผ่าน ผ่าน ชนะ ผ่าน ผ่าน กดดัน ผ่าน ออก ร่วม 13 ชานนท์ ชนะ กดดัน ผ่าน ต่ำ ชนะ ผ่าน ผ่าน ชนะ ผ่าน ผ่าน ออก ร่วม 14 จำลอง ชนะ กดดัน ผ่าน ผ่าน ชนะ ผ่าน ผ่าน กดดัน ผ่าน ออก ร่วม 15 ลูกเกด ผ่าน ชนะ ผ่าน ผ่าน ชนะ ผ่าน สูง กดดัน ออก ร่วม 16 หมอตั้ม ผ่าน ชนะ ผ่าน ผ่าน เสี่ยง ผ่าน ผ่าน ออก 17 เบลล่า ชนะ กดดัน ผ่าน ผ่าน ชนะ ผ่าน ออก 18 กะปอม ผ่าน ชนะ ผ่าน ผ่าน ออก 19 บอล ผ่าน ชนะ ผ่าน ออก 20 นิค ชนะ ถอนตัว (ชนะเลิศ) ผู้ชนะเลิศการแข่งขัน (รองชนะเลิศ) รองชนะเลิศการแข่งขัน (ชนะ) ผู้เข้าแข่งขันที่ชนะชาแลนจ์ (กล่องปริศนา หรือ บททดสอบความคิดสร้างสรรค์) (ชนะ) ผู้เข้าแข่งขันที่ชนะชาแลนจ์ (การแข่งขันแบบตัวต่อตัว) (ชนะ) ผู้เข้าแข่งขันที่ชนะในรอบทีม (สูง) ผู้เข้าแข่งขันที่เข้าชิงเป็นจานที่ดีที่สุด (ผ่าน) ผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านเข้ารอบต่อไป (ผ่าน) ผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านเข้ารอบต่อไป ในการแข่งขันแบบคู่และแบบทีม (ผ่าน) ผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับสิทธิ์การคุ้มกัน ทำให้ผ่านเข้ารอบต่อไปในทันที (กดดัน) ผู้เข้าแข่งขันที่ต้องเข้าแข่งขันในรอบคัดออก (บททดสอบความละเอียดและความแม่นยำ) (กดดัน) ผู้เข้าแข่งขันที่ไม่สามารถเข้าแข่งขันในรอบทีมได้ และต้องเข้าแข่งรอบคัดออก (บททดสอบความละเอียดและความแม่นยำ) (ต่ำ) ผู้เข้าแข่งขันที่ยืนเป็น 1 ในจานที่แย่ที่สุด (ต่ำ) ผู้เข้าแข่งขันที่ทำผลงานได้แย่ที่สุด แต่ไม่ต้องออกจากการแข่งขัน (เสี่ยง) ผู้เข้าแข่งขันที่เสี่ยงในการถูกคัดออก (ถอนตัว) ผู้เข้าแข่งขันที่ถอนตัวออกจากการแข่งขัน (ออก) ผู้เข้าแข่งขันที่ถูกคัดออกประจำสัปดาห์ (ร่วม) ผู้เข้าแข่งขันที่ถูกคัดออกไปแล้ว แต่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขัน ข้อมูลการออกอากาศ[แก้]ตอนที่ 1 : รอบคัดเลือก แข่งขันแบบตัวต่อตัวด้วยวัตถุดิบเดียวกัน[แก้]ออกอากาศ 2 กุมภาพันธ์ 2563 ในรอบนี้ ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 20 คน จะได้รับบัตรอวยพร โดยจะมีทั้งหมด 10 สี สีละ 2 ใบ ผู้ที่ได้สีเดียวกันจะต้องจับคู่กันเพื่อเปิดกล่องของขวัญสีนั้น ๆ ภายในกล่องมีวัตถุดิบหลักที่แต่ละคู่จะต้องแข่งขันกันเอง และตัดสินโดยใช้วิธี Blind Tasting จากคณะกรรมการรับเชิญ 4 ท่าน คือ เชฟสมศักดิ์ รารองคำ, เชฟบุญเชิด ศรสุวรรณ, เชฟพฤกษ์ สัมพันธวรบุตร, และเชฟแก้ว ปวีณ์นุช ยอดปรีชาวิจิตร ผู้เข้าแข่งขันที่ชนะทั้งหมดจะได้อยู่ทีมเดียวกันในสัปดาห์ต่อไป ส่วนผู้แพ้ทั้งหมดจะอยู่อีกทีม คู่ ส่วนผสมหลัก ผู้ชนะ ผู้แพ้ 1 ลอบสเตอร์ ชานนท์ กอล์ฟ 2 ปลาร้า เควส ปอนด์ 3 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เดียว ริซ่า 4 เบอร์รีรวม เป่าเป้ ลัท 5 กบ พลอย หมอตั้ม 6 เนื้อวากีวริบอาย เกรด A5 จำลอง กะปอม 7 ทุเรียน เบลล่า แบงค์ 8 ไก่บ้าน จีโน่ เตย 9 อัณฑะวัว นิค บอล 10 หัวหมู จ๋า ลูกเกด ตอนที่ 2 : การทำอาหารตามสั่งระดับพรีเมียม[แก้]ออกอากาศ 9 กุมภาพันธ์ 2563 โดยการแข่งขันในรอบนี้ผู้เข้าแข่งทุกคนจะต้องทำอาหารตามสั่งระดับพรีเมี่ยมให้แก่ผู้เข้าแข่งขัน Master Chef Junior Thailand ทั้งสองซีซัน โดยที่หม่อมหลวงภาสันต์ สวัสดิวัตน์ และ คุณป๊อก ปิยธิดา เป็นผู้ไปรับออเดอร์จากผู้เข้าแข่งขัน Master Chef Junior Thailand ทั้งสองซีซัน โดยทั้งสองทีมจะมีเวลาทำอาหารเรียกน้ำย่อย 30 นาที และอาหารจานหลัก 1 ชั่วโมง โดยออเดอร์ของทั้ง 2 ทีมมีดังนี้
ตอนที่ 3 : การทำอาหารจากขิง[แก้]ออกอากาศ 16 กุมภาพันธ์ 2563
ตอนที่ 4 : การทำอาหารจากส้มโอทับทิมสยาม[แก้]ออกอากาศ 23 กุมภาพันธ์ 2563
ในการแข่งขันบททดสอบภารกิจแบบทีมครั้งที่สอง ได้นำผู้เข้าแข่งขันมาที่ตลาดไท จังหวัดปทุมธานี โดยผู้เข้าแข่งขันต้องทำอาหารให้กับคนขับรถบรรทุกทั้งหมด 201 คน ต่อรถบรรทุก 100 คัน และโจทย์ในการทำอาหารวันนี้ก็คือ "ส้มโอทับทิมสยาม" โดยต้องนำมาทำอาหารทั้งคาวและหวาน โดยทีมสีนํ้าเงินได้เลือกทำ ข้าวอบสมุนไพร เสริฟ์พร้อมกับพล่าส้มโอและหมูย่าง (พล่าเซิร์ฟแอนด์เทิร์ฟทับทิมสยาม หมูย่างโอชา เสิร์ฟพร้อมข้าวมันขิง) พร้อมของหวานส้มโอลอยแก้ว (ซอร์เบต์ทับทิมสยาม 3 กษัตริย์) ส่วนทีมสีแดงนั้นได้ทำ ข้าวผัดส้มโอออนท็อปด้วยกุ้งเทมปุระ (ข้าวผัดสุดเฟี้ยว เลี้ยวโค้งสุดซอย) เสิร์ฟพร้อมของหวานส้มฉุนส้มโอ (ส้มฉุนสะท้านฟ้า เซี้ยวซ่าสุดทรวง) และผลการลงคะแนนจากคนขับรถบรรทุกสีน้ำเงินก็รับชัยชนะไปส่วนทีมสีแดงนั้นก็ไปแข่งขันในรอบบททดสอบความละเอียดและความแม่นยำ
ตอนที่ 5 : การทำเลเยอร์เค้ก 6 ชั้น[แก้]ออกอากาศ 1 มีนาคม 2563
ตอนที่ 6 : ภารกิจแบบทีม ต้อนรับสื่อมวลชนเพื่อเปิดตัวผู้เข้าแข่งขันในฐานะเชฟมืออาชีพ[แก้]ออกอากาศ 8 มีนาคม 2563
ในการแข่งขันบททดสอบภารกิจแบบทีมครั้งนี้ ได้นำผู้เข้าแข่งขันมาที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์ เพื่อขึ้นเรือวันเดอร์ฟูล เพิร์ล แต่เนื่องจากแบงค์ไม่สบายในระหว่างเดินทางมา ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมแข่งขันได้ ทำให้แบงค์ต้องไปแข่งในรอบบททดสอบความละเอียดและความแม่นยำกับทีมที่แพ้ในการแข่งขันครั้งนี้ และบททดสอบในรอบนี้คือ การทำอาหารให้แก่สื่อมวลชนซึ่งมีทั้งผู้บริหาร บรรณาธิการข่าว จากสำนักข่าวต่าง ๆ เช่น ไทยรัฐ ข่าวสด คมชัดลึก รวมไปถึงทีมผู้ประกาศข่าวจากช่อง 7 เอชดี รวมทั้งสิ้น 71 คน ผู้เข้าแข่งขันต้องทำอาหาร 3 อย่าง 3 สัญชาติ โดยประกอบไปด้วย อาหารเรียกน้ำย่อย 1 สัญชาติ ซุป 1 สัญชาติ และอาหารจานหลัก 1 สัญชาติ โดยมีเวลาในการทำอาหารเรียกน้ำย่อยและซุปให้เสร็จภายในเวลา 90 นาที หลังจากนั้นจะต้องเสิร์ฟทั้ง 2 อย่าง และมีเวลาในการทำอาหารจานหลักต่อให้เสร็จภายในเวลา 60 นาที ทีมสีแดงได้เลือกทำไอศกรีมซีฟูดเสิร์ฟพร้อมกุ้ง, ซุปดาชิคมบุมิโซะและบิสกิตดาชิ เสิร์ฟพร้อมขาปูโพชในผิวมะนาว และปลากะพงเสิร์ฟพร้อมมันบด ส่วนทีมสีน้ำเงินทำกุ้งสะดุ้งในน้ำกะทิ คลุกเคล้าน้ำยำสับปะรด, ซุปเห็ดรวมปรุงรสชาติด้วยมิโซะญี่ปุ่นและครีม และปลากะพงอบกับใบไทม์และโรสแมรี กินคู่กับขนมปังกรอบป่นและซอสกุ้งแบบฝรั่งเศส โดยผลจากการตัดสิน ทีมสีน้ำเงินได้คะแนนไป 27 คะแนน ส่วนสีแดงได้ไป 44 คะแนน
ตอนที่ 7 : มาสเตอร์เชฟ เซอร์ไววัล[แก้]ออกอากาศ 15 มีนาคม 2563
ตอนที่ 8 : การทำอาหารเช้าชุดใหญ่[แก้]ออกอากาศ 22 มีนาคม 2563
โดยโจทย์ในการแข่งขันในครั้งนี้ คือ อาหารเช้าชุดใหญ่ โดยใน 1 จานประกอบไปด้วย เบคอนทอด 3 ชิ้น, แฮชบราวน์ 2 ชิ้น, ไข่คน, เห็ดผัดเนย 3 ชิ้น, สลัดผัก, ขนมปังฝรั่งเศส และไส้กรอกทำเอง 2 ชิ้น โดยทั้ง 3 ทีมจะต้องทำอาหารเช้าชุดใหญ่ให้สมบูรณ์แบบเหมือนต้นฉบับและมีจำนวนจานมากที่สุด โดยจานที่สมบูรณ์แบบ ส่วนประกอบต่าง ๆ จะต้องมีจำนวนตามต้นฉบับ ไส้กรอกจะต้องสุก และเบคอนจะต้องไม่แตก โดยมีเวลาในการทำอาหารทั้งหมด 45 นาที โดยทีมสีน้ำเงินมีจานที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดถึง 13 จาน จึงได้ผ่านเข้ารอบเป็นทีมแรก ส่วนทีมสีแดงและสีเขียวมีจานที่สมบูรณ์แบบเท่ากันที่ 11 จาน แต่ภาพรวมของทีมสีแดงยังสมบูรณ์มากกว่า จึงได้ผ่านเข้ารอบไปเป็นทีมที่สอง
ตอนที่ 9 : การสร้างสรรค์ไอศกรีมโดยคงรสชาติตามอาหารต้นแบบ[แก้]ออกอากาศ 29 มีนาคม 2563 ในครั้งนี้ได้มีการเชิญเชฟพฤกษ์ สัมพันธวรบุตร อาจารย์สถาบันสอนทำอาหารระดับโลก เลอ กอร์ดองเบลอ มาเป็นกรรมการตัดสินแทนเชฟเอียน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปต่างประเทศ และเมื่อกลับมาได้เฝ้าระวังตนเองจากการระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 ทำให้ไม่สามารถมาถ่ายรายการในครั้งนี้ได้
ตอนที่ 10 : การทำอาหารในรูปแบบเดลิเวอรี่ออนไลน์[แก้]ออกอากาศ 5 เมษายน 2563
ในการแข่งขันบททดสอบภารกิจแบบทีมครั้งนี้ ได้นำผู้เข้าแข่งขันมาที่ลานกิจกรรมหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยบททดสอบในครั้งนี้คือ การขายอาหารให้ผู้คนทั่วกรุงเทพมหานครในรูปแบบเดลิเวอรี่ออนไลน์ ให้กลุ่มลูกค้าและพนักงานออฟฟิศจากบริษัทต่างๆ ที่เป็นผู้สนับสนุนทางรายการ รวมทั้งสิ้น 600 คน ผู้เข้าแข่งขันต้องทำอาหารใส่กล่องซึ่งแบ่งเป็น 5 ช่องอย่างสร้างสรรค์ โดยมีเวลาทั้งหมด 30 นาทีในการทำอาหารตัวอย่าง หลังจากนั้นจะต้องถ่ายรูปและโพสต์เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อ หลังจากนั้นจะมีเวลาในการทำอาหารทั้งหมด 2 ชั่วโมง 30 นาที โดยทีมสีแดงได้เลือกนำเสนอเมนูมีชื่อว่า "เบ็นโตญี่ปุ่นหมูทอดปลอดภัย" ทำข้าวญี่ปุ่นหุงคมบุโรยด้วยงาดำคั่ว, หมูทอดทงกัตสึและกุ้งย่างเกลือ, สลัดเบอร์รีพนซุ, ซอสทาร์ทาร์ และฟริตตาตาดาชิ ส่วนทีมสีน้ำเงินนำเสนอเมนูมีชื่อว่า "ข้าวกล่องวิ่งสู้ฟัด จักรพรรดิ์ยังร้อง ...ว้าว" ทำข้าวอบสมุนไพร, หมูทอดทงคัตสึ, ปลาหมึกผัดพริกเผา, ซัลซาแพสชันฟรุต และครัมเบิล ผลไม้สดวานิลลาซอสและสตรอว์เบอร์รีซอส โดยผลจากการตัดสินมาจากจำนวนยอดสั่งซื้อ, จำนวนยอดส่งของ และความพึงพอใจของลูกค้า โดยมียอดสั่งอาหารรวมทั้งหมด 496 คน โดยทีมสีน้ำเงินมียอดสั่งอาหาร 293 คน สามารถทำส่งได้จริง 202 กล่อง แต่เมื่อนำมาหักกับจำนวนลูกค้าที่ไม่พึงพอใจทำให้มีคะแนนเหลือ 127 คะแนน ในขณะที่ทีมสีแดงมียอดสั่งอาหาร 203 คน สามารถทำส่งได้จริง 192 กล่อง แต่เมื่อนำมาหักกับจำนวนลูกค้าที่ไม่พึงพอใจทำให้มีคะแนนเหลือ 130 คะแนน จากผลการตัดสินทำให้ทีมสีแดงเป็นทีมที่ชนะ
ตอนที่ 11 : 10 คนสุดท้าย ออลสตาร์[แก้]ออกอากาศ 21 มิถุนายน 2563 เป็นเทปพิเศษที่รวมเรื่องราวของ 10 คนสุดท้ายในออลสตาร์ ได้แก่ ริซ่า พลอย ลัท เดียว จ๋า แบงค์ กอล์ฟ เตย เควส และเป่าเป้ ซึ่งเกี่ยวกับการแข่งขันที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มต้นก้าวเข้ามาในรายการมาสเตอร์เชฟไทยแลนด์ ตอนที่ 12 : เมนูในความทรงจำ[แก้]ออกอากาศ 28 มิถุนายน 2563 การแข่งขันในตอนนี้มีการบันทึกเทปตั้งแต่เดือนมีนาคม จึงทำให้คาบเกี่ยวไปถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ เดิมวันออกอากาศคือ 12 เมษายน 2563 แต่ได้ถูกเลื่อนการออกอากาศไปเนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนาในประเทศไทย
ตอนที่ 13 : การแข่งขันทำอาหารอิตาเลียนและอาหารอินเดีย[แก้]ออกอากาศ 5 กรกฎาคม 2563 ตั้งแต่ตอนที่ 13 เป็นต้นไป ได้ถ่ายทำรายการโดยมีมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 การแข่งขันในสัปดาห์นี้จะถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ในแต่ละกลุ่มจะต้องแข่งกันเอง ผู้เข้าแข่งขัน 1 คนที่ทำอาหารผิดพลาดมากที่สุดในแต่ละกลุ่มจะต้องกลับบ้านไป แบงค์ ซึ่งเป็นผู้ชนะในการแข่งขันสัปดาห์ที่แล้ว จะได้สิทธิ์เลือกแบ่งผู้เข้าแข่งขันออกเป็น 2 กลุ่ม ส่วนลัท ผู้ที่ได้เป็น 1 ใน 2 จานที่ดีที่สุดจากสัปดาห์ก่อน จะได้รับสิทธิในการเลือกโจทย์อาหารจากมาสเตอร์เชฟไทยแลนด์ ซีซันที่ 2 ตอนที่ 15 : การทำอาหารนานาชาติให้แต่ละกลุ่ม โจทย์อาหาร ผู้เข้าแข่งขัน อิตาเลียน
ตอนที่ 14 : วัตถุดิบและเมนูประจำตัวของเชฟแอน[แก้]ออกอากาศ 12 กรกฎาคม 2563
ตอนที่ 15-16 : การแข่งขันรอบรองชนะเลิศ[แก้]ออกอากาศ 19 และ 26 กรกฎาคม 2563
หมายเหตุ † หมายถึง ผู้เข้าแข่งขันที่ถูกเชฟเอียน (พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย) ทิ้งอาหารโดยไม่มีการชิมในการแข่งขันนั้น |