ม ลค าของส นค านำเข าโดยให ใช ราคา c.i.f

ราคา CIF มีเงื่อนไขการส่งมอบคือผู้ขายจะสิ้นสุดภาระการส่งมอบสินค้าเมื่อสินค้าวางบนเรือ ณ ต้นทาง และผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบในการทําพิธีการส่งออก รวมทั้งทำสัญญาการขนส่ง จ่ายค่าระวางเรือ และค่าประกันภัย เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงต่อความสูญหายหรือเสียหายของสินค้าระหว่างการขนส่งสินค้าจนถึงท่าเรือปลายทางที่ระบุ

ราคา FOB มีเงื่อนไขการส่งมอบคือผู้ขายจะสิ้นสุดภาระการส่งมอบเมื่อสินค้าวางบนสินค้า ณ ท่าเรือต้นทาง ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบการทําพิธีการส่งออก ผู้ซื้อจะรับภาระในการทำสัญญาการขนส่ง จ่ายค่าระวางเรือ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมทั้งค่าประกันภัยเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงต่อความเสียหายของสินค้าจากจุดส่งมอบ (ท่าเรือต้นทาง)

ตามกฎหมายศุลกากรบัญญัติว่า ราคาศุลกากรสำหรับของที่นำเข้าต้องรวมค่าประกันภัย ค่าขนส่ง ค่าขนของลง ค่าขนของขึ้น และ ค่าจัดการต่างๆที่เกี่ยวกับการขนส่งของมา ยังท่า หรือที่หรือสนามบินศุลกากร ที่นำเข้า ดังนั้น กรณีราคาที่ตกลงซื้อขายกัน เป็นเงื่อนไขที่ไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายข้างต้นเหล่านั้นไว้ เมื่อจะสำแดงราคาของที่นำเข้าในใบขนสินค้า จำเป็นที่จะต้องปรับราคานั้นๆให้เป็นราคา CIF

กฎหมายศุลกากรให้อำนาจอธิบดีกรมศุลกากรในการออกประกาศกำหนดมูลค่าที่เกี่ยวกับค่าประกันภัย ค่าขนส่ง ค่าขนของลง ค่าขนของขึ้น และ ค่าจัดการต่างๆที่เกี่ยวกับการขนส่งของมายังท่า หรือที่ หรือสนามบินศุลกากร ที่นำเข้า อธิบดีกรมศุลกากรได้กำหนดวิธีการไว้ ดังนี้

1. การปรับราคา FOB ให้เป็น CIF ให้ดำเนินการ ดังนี้

  1. กรณีมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ให้นำค่าใช้จ่ายดังกล่าวมารวมกับราคา FOB
  2. กรณีไม่มีค่าใช้จ่ายจริง อธิบดีกรมศุลกากรได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ ดังนี้
  3. กรณีไม่มีเอกสารหลักฐานแสดงค่าประกันภัย ให้บวกค่าประกันภัย 1 % ของราคา FOB
  4. กรณีไม่มีเอกสารหลักฐานแสดงค่าขนส่ง ให้ดำเนินการตามวิธีการขนส่งดังนี้
    • การนำเข้าทางเรือ และ ทางบก ให้บวกค่าขนส่ง 10% ของราคา FOB
    • การนำเข้าทางอากาศยาน ให้บวกค่าขนส่งเข้ากับราคาของและค่าประกันภัย ดังนี้
      • ให้ใช้ค่าขนส่งตามที่ปรากฏในต้นฉบับ HAWB (House Air Waybill) จากท่าต้นทางบรรทุก ซึ่งได้รับการรับรองจากบริษัทผู้ดำเนินการคลังสินค้าอนุมัติ
      • หากไม่ปรากฏค่าขนส่งของในต้นฉบับ HAWB หรือไม่มี HAWB ให้ใช้ค่าขนส่งที่ปรากฏใน MAWB (Master Air Waybill)
      • หากไม่ปรากฏค่าขนส่งของในต้นฉบับ HAWB หรือไม่มี HAWB หรือไม่ปรากฏค่าขนส่งของใน MAWB ให้ใช้อัตราเฉลี่ยค่าขนส่งของตาม Full IATA Rate ตามหนังสือ The Thai Cargo Tariff
      • ค่าขนส่งของสำหรับของเร่งด่วนไม่ว่าจะมีผู้โดยสารนำพาหรือไม่ก็ตาม ให้ใช้อัตราเฉลี่ยค่าขนส่งของตาม Zone ที่กรมศุลกากรอนุมัติให้ใช้
      • ของที่นำเข้าทางอากาศยาน แต่มีบัญชีราคาสินค้าแสดงราคารวมค่าขนส่งทางเรือไว้ ให้หักค่าขนส่งทางเรือออกเสีย แล้วบวกรวมค่าขนส่งทางอากาศยานที่ได้ชำระจริง หากไม่ทราบค่าขนส่งทางเรือที่จะนำมาหัก ให้หัก 10% ของราคาของ กรณีนี้อาจเกิดขึ้นจากเป็นของที่ซื้อขายกันโดยมีเงื่อนไขส่งมอบทางเรือและเป็นราคา CIF ทางเรือ แต่ผู้ขายส่งของมาให้ผู้ซื้อทางอากาศ การสำแดงราคาเพื่อคำนวณค่าภาษีอากร ต้องเป็นราคารวมค่าขนส่งและค่าประกันภัยทางอากาศ ผู้นำเข้าต้องแปลงราคา CIF ทางเรือ ให้เป็น CIF ทางอากาศ หากสามารถทราบราคาค่าขนส่งทางเรือให้นำจำนวนดังกล่าวมาหักออกได้ แล้วบวกด้วยค่าขนส่งทางอากาศยานที่ผู้ขายหรือผู้ส่งของออกได้ชำระไป แต่หากไม่ทราบค่าขนส่งทางเรือที่จะนำมาหักออก อธิบดีกรมศุลกากรกำหนดว่า ให้คำนวณค่าขนส่งของทางเรือในอัตราร้อยละ 10 ของราคาของ
    • การนำเข้าทางไปรษณีย์ ให้บวกค่าขนส่งตามอัตราไปรษณียากรสำหรับพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ของบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ที่ใช้อยู่ในขณะนำเข้า

2. กรณีซื้อขายกันด้วยเงื่อนไขการส่งมอบ เป็น EXW / FAS / FCA

หากไม่ปรากฏหลักฐานการชำระเงินที่เกี่ยวกับการขนส่ง การขนของลง การขนของขึ้นในการขนย้ายของจากสถานที่ส่งมอบไปยังท่าส่งออก ให้บวกด้วย 3% ของราคาดังกล่าว เพื่อแปลงให้เป็นราคา FOB ก่อน แล้วจึงคำนวณตามหลักเกณฑ์การแปลง FOB เป็น CIF ต่อไป

ค่าประกันภัยในเงื่อนไข CIF จะถูกรับผิดชอบโดยผู้ขาย (หรือผู้ส่งออก) ซึ่งถูกกำหนดจำนวนค่าใช้จ่ายขั้นต่ำในการขอใบถิ่นกำเนิดกับสภาหอการค้านานาชาติ

หากทางผู้ซื้อ (หรือผู้นำเข้า) ต้องการความคุ้มครองที่มากขึ้นของเงื่อนไขการประกันภัย พวกเขาจะต้องมีการตกลงกันในสัญญาให้เรียบร้อย

ลักษณะของเงื่อนไข CIF

ม ลค าของส นค านำเข าโดยให ใช ราคา c.i.f
・ ในแง่ของต้นทุนและความเสี่ยงของการจัดส่งสินค้า ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าจะต้องทำความเข้าใจถึงความแตกต่างว่า

ลักษณะของเงื่อนไข CIF คือ ต้นทุนและความเสี่ยงของการจัดส่งสินค้าจากสถานที่ของผู้ส่งออกไปยังสถานที่ของผู้นำเข้า

การรับผิดชอบความเสี่ยงในการเคลื่อนย้ายสินค้า จากผู้ส่งออกไปยังผู้นำเข้าบนพื้นที่เรือส่งสินค้าที่พอร์ตของผู้ส่งออก ซึ่งจัดเป็นสถานที่ส่งมอบสินค้า

ในทางตรงกันข้าม ค่าขนส่งสินค้าและค่าประกันภัยในการขนส่งทางทะเล จะถูกชำระล่วงหน้าโดยผู้ส่งออก

กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ถึงแม้ความเสี่ยงในการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ส่งออกไปยังผู้นำเข้าจะเกิดขึ้นบนพื้นที่เรือขนส่งสินค้าในพอร์ตของผู้ส่งออก แต่ค่าขนส่งสินค้าและค่าประกันภัย จะถูกจ่ายล่วงหน้าโดยผู้ส่งออก ณ สถานที่ส่งออก

ในเงื่อนไข CIF ผู้ส่งออกจะรับผิดชอบค่าขนส่งสินค้า ซึ่งเรียกว่า Freight Prepaid หรือ (fee prepayment).

ซึ่งถูกกำหนดว่า การประกันภัยสำหรับเงื่อนไข CIF ประกันภายใต้เงื่อนไขของ FPA เป็นเงื่อนไขขั้นต่ำในการค้ำประกัน

หากผู้นำเข้าต้องการประกันภัยที่ครอบคลุมมากขึ้นนั้น จะต้องทำเงื่อนไขและข้อตกลงในสัญญาให้เป็นที่เรียบร้อย

ต้นทุนสินค้าและความเสี่ยงเปลี่ยนจากผู้ส่งออกเป็นผู้นำเข้าในเงื่อนไข CIF ได้อย่างไร ?

ม ลค าของส นค านำเข าโดยให ใช ราคา c.i.f
・ ความรับผิดชอบของผู้ส่งออกจะหมดภาระลง เมื่อสินค้าถูกยกขึ้นไปวางบนเรือในท่าเรือประเทศผู้ส่งออก และรับผิดชอบค่าใช้ขนส่งสินค้า

ภายใต้เงื่อนไข CIF การขนส่งสินค้าจะสิ้นสุดลงเมื่อสินค้ามีการจัดส่ง ผู้รับผิดชอบความเสี่ยงจะถูกเปลี่ยนจากผู้ส่งออกเป็นผู้นำเข้าเมื่อสินค้าถูกวางลงในเรือ

ถึงอย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกสินค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายสำหรับค่าปประกันภัยและ ค่า Shipping ตั้งแต่สินค้าถูกยกลงจากเรือที่ท่าเรือนำเข้าสินค้า

เงื่อนไข CFR

ม ลค าของส นค านำเข าโดยให ใช ราคา c.i.f
CFR เป็นชื่อย่อของ Cost and Freight และมักจะตามด้วยชื่อของพอร์ตปลายทาง / พอร์ตนำเข้าที่ได้ระบุ เช่น CFR โตเกียว

ซึ่งเงื่อนไข CFR นี้ ทางผู้ส่งออกจะไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายประกันภัย

การส่งสินค้าและการโอนสินค้าจะเหมือนเงื่อนไข CIF คือ เมื่อผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าข้ามกาบเรือขึ้นไปบนเรือสินค้าที่ท่าเรือส่งออกสินค้า

ในทางปฏิบัติ อาจแสดงเป็นตัวย่อ C&F ซึ่งเป็นการแสดงออกแบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม CFR เป็นชื่อที่ถูกต้อง จึงแนะนำให้ใช้ CFR

สรุป

ในครั้งนี้ เราได้อธิบายเกี่ยวกับเงื่อนไขการขนส่งสินค้าแบบ CIF และ CFR

เงื่อนไข CIF และ CFR จัดอยู่ในกลุ่ม C ของ Incoterms ซึ่งภาระต้นทุนและความเสี่ยง จะถูกเปลี่ยนจากผู้ส่งออกสินค้าเป็นผู้นำเข้าในจุดที่แตกต่างกัน

เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้น เราขอแนะนำให้ท่านแยกภาระความเสี่ยง ออกจากค่าใช้จ่ายประกันภัยและค่าขนส่งสินค้า เพื่อความเข้าใจเงื่อนไขการส่งสินค้าแบบอื่นได้ง่ายขึ้น

เราสามารถจัดการความสับสนโดยการคิดอย่างเป็นระบบด้วย 3 เงื่อนไข ดังต่อไปนี้

・ สถานที่จัดส่งสินค้า ・ จุดที่เกิดภาระถ่ายโอนความเสี่ยง (จากผู้ส่งออกไปยังผู้นำเข้า) ・ จุดที่เกิดภาระถ่ายโอนค่าใช้จ่าย (จากผู้ส่งออกไปยังผู้นำเข้า)

หากคุณจะต้องใช้เงื่อนไขข้างต้นสำหรับ Container Shipping จะต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการ Loading