แม้ว่า Acer Aspire F5-573G จะออกมาเกือบปีแล้วตั้งแต่ช่วงปลายปี 2016 แต่ก็ยังถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่สเปกคุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ ด้วยความเจ๋งหลายๆ ที่หลักๆ แล้วประกอบไปด้วย 5 สิ่งสุดเจ๋งด้วยกัน ในบทความนี้เราก็เลยจะมาตอกย้ำกันเสียหน่อย แต่ก่อนอื่นลองไปดูสเปกทั้ง 3 รุ่นของ Acer Aspire F5-573G กันก่อนเลย Show
เจ๋งที่ 1 !!! ราคาได้ในงบที่ใครๆ ก็ซื้อได้ต้องบอกว่าเป็นช่วงราคาที่สุดฮิตยอดนิยมจริงๆ กับราคา 15,xxx ไปถึงสองหมื่นบาท ในการเลือกซื้อโน๊ตบุ๊ค สำหรับคนทั่วไปรวมไปถึงนักเรียนนักศึกษา เพราะเป็นช่วงราคาที่ไม่แพงจนเกินไป จัดว่ายอมจ่ายกันได้ไม่ยากเย็นอะไร ถ้าเป็นน้องๆ ก็อาจจะขอคุณพ่อคุณแม่ซื้อมาใช้งาน นอกจากทำงานทำการบ้านแล้ว ก็คงเอามาเล่นเกม หรือใครทำงานแล้วมีบัตรก็ผ่อน 0% ได้อีก ทำให้เวลาค้นหาจะซื้อโน๊ตบุ๊คคุ้มๆ ซักเครื่อง Acer Aspire F5-573G จึงเป็นตัวเลือกแรกๆ นั่นเอง เจ๋งที่ 2 !!! สเปกดีประสิทธิภาพโดนอย่างที่รู้กันว่า Acer Aspire F5-573G มาพร้อมกับสเปกที่คุ้มค่าในราคาสองหมื่นบาทอย่างใช้ซีพียู Intel Core i5-7200U Processor (3M Cache, up to 3.10 GHz) แบบ 2 Core / 4 Thread ตัวล่าสุดกินไฟต่ำแต่แรงเร็วกว่าเดิม พ่วงการ์ดจอพื่อการเล่นเกมระดับเริ่มต้นอย่าง NVIDIA GeFoce GTX950M (GDDR5 4GB) บนแรมขนาด 4 – 8GB แบบ DDR4 (อัพเกรดได้สูงสุด 32GB ) พร้อมฮาร์ดดิสก์ความจุ 1TB 5400 รอบ เพียงพอต่อการใช้งาน ที่สำคัญยังรองรับการอัพเกรด SSD M.2 ได้ แบบไม่หมดประกันด้วย โดยมีหน้าจอ 15.6″ ความละเอียด 1366 x 768 พิกเซลตามมาตรฐาน ซึ่งสามารถดูประสิทธิภาพในการเล่นเกมต่างๆ ได้ตามนี้เลย เจ๋งที่ 3 !!! ดีไซน์สวย งานประกอบดีAcer Aspire F5-573G เป็นโน๊ตบุ๊คคุ้มค่าตระกูล F Series ตัวนี้ Redesign มาจาก E Series ได้อย่างน่าประใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวัสดุฝาหลังรวมไปถึงตัวเครื่องภายในใช้อลูมิเนียมลายผ้าสี Sparkly Silver ตัดด้วยโลโก้ Acer โครเมียมดูแล้วหรูหราโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คในราคาใกล้เคียงกัน หรือส่วนที่เป็นพลาสติกด้านใต้ตัวเครื่องก็ให้สีสันเป็นสีเทาที่ดูแล้วเข้ากับสีเงินเป็นอย่างดี แม้ว่าคีย์บอร์ดและทัชแพดจะดูธรรมดา แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์รับได้ ส่วนงานประกอบโดยรวมก็สอบผ่านได้สบาย ใช้งานแบบไร้กังวล เจ๋งที่ 4 !!! อัพเกรดง่าย ฟีเจอร์เพียบอย่างที่บอกไปแล้วว่า Acer Aspire F5-573G สามารถอัพเกรดได้ทั้งในส่วนของแรมและฮาร์ดดิสก์ แค่ไขน็อต 3 ตัวออกเท่านั้น โดยถ้าเป็นรุ่นแรม 4GB ก็จะมีมาให้ 1 แถว ซึ่งเราสามารถใส่เพิ่มได้อีก 1 แถวทันที รวมเป็น 8GB หรือถ้ารุ่น 8GB ก็จะใส่มา 1 แถวเช่นกัน ทำให้เราสามารถใส่เพิ่มได้เป็น 16GB เลย นอกจากนี้ในส่วนของ SSD ก็อัพเกรดได้ง่ายมากๆ เพราะรองรับ SSD M.2 ทำให้เราไม่จำเป็นต้องถอดฮาร์ดดิสก์ 2.5″ ลูกเดิมออกเหมือนโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ที่ราคาใกล้เคียงกัน รวมไปถึงฟีเจอร์เด็ดอย่างแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh ใช้งานได้ 12 ชั่วโมงที่ปกติแล้วต้องเป็นพวก Ultrabook ราคาแพงเท่านั้น และ Wi-Fi เทคโนโลยี MU-MIMO เพิ่มจำนวนเสาส่งและเสารับให้มากขึ้น ทำให้ได้รับความเร็วสุดท้ายที่เพิ่มขึ้น โดยอาศัยช่องสัญญาณเท่าเดิม ที่ช่วยถ่ายโอนข้อมูลเร็วมากขึ้น เพิ่มความเร็วอินเตอร์เน็ต และจะช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงาน เจ๋งที่ 5 !!! บริการเยี่ยม ประกันไว้ใจได้Acer Aspire F5-573G มาพร้อมการรับประกันสินค้าถึง 2 ปีเต็มพ่วงด้วยประกันแบบทั่วโลกในปีแรกด้วย ที่ต้องบอกว่าใครเคยใช้บริการ Acer จะทราบกันเป็นอย่างดีว่ามีการบริการที่ดีและน่าประทับใจอย่างสุด ด้วยความเป็นมืออาชีพ ความชำนาญ ความรวดเร็ว ทำให้กรณีที่เครื่องเรามีปัญหาจะเหตุไม่คาดฝัน เราก็มั่นใจได้เลยทางศูนย์บริการ Acer จะต้องช่วยเหลืออย่างดีที่สุดแน่นอน โดยทาง Acer มี 11 ศูนย์ Acer Care ให้บริการงานซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง รอรับเครื่องได้เลย ที่จะกระจายอยู่ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ใหญ่พระราม 3 , เซียร์รังสิต , IT Mall , เชียงใหม่ , พิษณุโลก , ขอนแก่น , โคราช , ชลบุรี หาดใหญ่ และภูเก็ต พร้อมศูนย์บริการต่างๆ มากมายกระจายอยู่ทั่วไทย ไม่ว่าส่งเคลมที่ไหนก็เชื่อได้ว่าเราจะได้รับบริการที่ดีแน่นอน นอกจากนี้ยังมีบริการที่น่าสนใจอื่นๆ อีก อาทิ
ทั้งหมดทั้งมวลนี้บนพื้นฐานราคาสองหมื่นบาทนับว่า Acer Aspire F5-573G คุ้มค่าน่าซื้อที่สุดก็ว่าได้ แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องยอมรับในส่วนของข้อสังเกตบางประการ อาทิ พัดลมตัวเดียว ในการใช้งานเล่นเกมนานๆ เครื่องก็อาจจะร้อนแบบสะสมได้ ถ้าให้ดีแนะนำเป็นให้ใช้ Cooling Pad ช่วยด้วยก็จะดีมากๆ รวมไปถึงหน้าจอและคีย์บอร์ดทัชแพดก็อาจจะให้ประสบการณ์เล่นเกมไม่ได้ดีเหมือน Gaming Notebook จริงๆ ที่นั่นเองแหละเป็นจริงที่ต้องยอมรับมันบนพื้นฐานราคานี้ ที่สำคัญแนะนำถ้าใครจะซื้อ Acer Aspire F5-573G ให้ดูเป็นรุ่นกลางก็พอ กับราคา 19,900 – 20,900 บาท เพราะประสิทธิภาพดีและเพียงพอแล้ว ไว้อนาคตค่อยใส่ SSD M.2 อีกตัวก็สมบูรณ์แล้ว ส่วนรุ่นล่างสุดราคา 18,900 – 19,900 บาท ถ้าซื้อมาแล้ว ยังไงก็แนะนำให้อัพเกรดแรมเพิ่มอีก 4GB ก่อนเลย (ราคาประมาณพันบาทหน่อยๆ) และสำหรับรุ่นบนสุดที่เป็นสเปก Core i7-7500U ราคานั้นมีส่วนต่างจากรุ่นกลางไปเยอะ แม้จะได้หน้าจอ Full HD มาด้วยก็ตาม แต่ก็ไม่คุ้มค่าอยู่ดีด้วยราคา 24,900 บาท (แรมดันลดเหลือ 4GB อีก) อาจจะบวกเงินไปดูพวกโน๊ตบุ๊คสเปกที่เป็น Core i7-6700HQ + GTX 960M น่าจะดีกว่าครับ |