อำเภอนครไทย เป็นชุมชนโบราณที่มีพัฒนาการมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีมนุษย์เข้ามาตั้งถิ่นฐานประมาณ 5,000 - 1,000 ปี ล่วงมาแล้ว เมืองนครไทยโบราณตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เป็นที่ราบหุบเขามีรูปร่างแบบกระทะหงาย พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง มีภูเขา ป่าไม้ มีแม่น้ำแควน้อยและสาขาของแม่น้ำแควน้อยไหลผ่าน นำดินตะกอนมาตกทับถมกัน ทำให้พื้นที่เหมาะแก่การเพาะปลูก ประชาชนในพื้นที่อำเภอนครไทย มีหลายชาติพันธุ์ นอกจากคนนครไทยพื้นบ้านแล้วยังมีชาวลาว ชาวจีน ชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ชาวน่าน และชาวไทยเลย ทำให้เกิดการกระจายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับถิ่นอื่น มีการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ามาใช้อย่างหลากหลาย ชาวบ้านส่วนใหญ่ในอำเภอนครไทยมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เรียนรู้วัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่น จากการศึกษาในเรื่องภูมิปัญญาของชาวอำเภอนครไทย พบว่าในปัจจุบันภูมิปัญญาบางส่วนไม่ค่อยมีผู้สืบทอดและเริ่มสูญหายไปจากอำเภอนครไทย เช่น ภูมิปัญญาการแทงหยวกประดับแลแห่นาค ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาวนครไทย เพราะการแห่นาคของชาวอำเภอนครไทย จะใช้แลซึ่งเป็นคานหามสำหรับให้นาคขึ้นนั่ง และแห่รอบชุมชนก่อนที่จะเข้าสู่พิธีกรรมของการบวชนาคตามประเพณีท้องถิ่น แลแห่นาคของชาวนครไทยจะมีลักษณะคล้ายเสลี่ยงของกลุ่มชุมชนภาคเหนือทั่วไป คนนครไทยจะใช้ไม้และไม้ไผ่ที่มีในท้องถิ่นมาสร้างเป็นแล ที่มีคานหามและนำหยวกกล้วยมาแกะสลักลวดลาย เรียกว่า ศิลปะการแทงหยวก มาประดับบนแลให้สวยงาม พร้อมทั้งตกแต่งด้วยผ้าทอพื้นเมือง ดอกไม้ที่ประดิษฐ์จากกระดาษและพวงมาลัย การทำแลแห่นาคของคนนครไทยจึงมีที่มาจากการนำต้นกล้วยที่มีอยู่มากในชุมชนเพราะคนนครไทยนิยมปลูกกล้วยไว้ตามบ้านมาตั้งแต่ในอดีตและขยายพื้นที่การทำสวนกล้วยเพื่อธุรกิจในชุมชนตามการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรม จนมีการนำความรู้จากปราชญ์ท้องถิ่นใกล้เคียงและต่างพื้นที่มาประยุกต์ใช้ในการทำแลแห่นาค ทำให้แลแห่นาคของคนนครไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ใช้ศิลปะการแทงหยวกเป็นเอกลักษณ์ที่ โดดเด่น โรงเรียนนครไทย เล็งเห็นคุณค่าทางวัฒนธรรมท้องถิ่นที่กำลังจะสูญหาย จึงทำโครงการวิจัยเพื่อการเขียนประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ในพื้นที่ชุมชนภาคเหนือตอนล่าง : กรณีศึกษาการแทงหยวกประดับแลแห่นาคของอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลกขึ้น เพื่อเป็นการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และสืบสานศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นให้ดำรงอยู่ รวมทั้งเป็นการรักษาศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นอันเป็น อัตลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อให้ชุมชนแข็งแรงมีรากแก้ว ไม่ถูกกลืนไปกับกระแสโลกาภิวัฒน์โดยปราศจากดุลยภาพทางปัญญาและความรู้ที่จะอนุรักษ์สิ่งที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้ และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์หวงแหนสิ่งดีงามอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาปรับปรุงให้เจริญก้าวหน้าอย่างถูกต้องตามแบบแผนเพื่อเป็นมรดกตกทอดต่อชนรุ่นหลังสืบไป |