ถ าอย ต างประเทศจะโทรเข าเบอร ม อถ อเรา

เผยแพร่: 3 เม.ย. 2557 22:31 โดย: MGR Online

"เหลิม" ประเมิน 5 เม.ย. เสื้อแดงชุมนุมแน่น ถ.อักษะ เตรียมเซฟเฮาส์ บัญชาการสถานการณ์ เตือน กปปส. อย่าร่อนไปร่อนมา จะไม่ปลอดภัย ขณะที่ศาลอาญาเพิกถอนหมายจับ 18 แกนนำ กปปส. ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ด้านปชป.ปูดแผนร้าย มีการเตรียมอาวุธหนัก สร้างสถานการณ์ก่อจลาจล "สุเทพ"บุกบัวแก้ว-ธปท. เชิญชวน ขรก. เลิกรับใช้"ยิ่งลักษณ์" ด้านกลุ่มแดงกวป. สุดถ่อยแปะผ้าอนามัยใช้แล้วที่รูป กรรมการป.ป.ช. ขณะที่ดีเอสไอ รับเรื่องขบวนกปปส. ไม่ชำระค่าผ่านทางเป็นคดีพิเศษ

วานนี้ ( 3เม.ย.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวถึง การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ถนนอักษะ ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ ว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา ตนเดินทางไปดู ถ.อักษะ ซึ่งพื้นที่รองรับคนได้เยอะ จากการข่าวพบว่า คนอีสานจะเข้ามาจำนวนมาก จะมีผู้ชุมนุมเรือนแสน มากกว่าผู้ชุมนุมกปปส. แน่ แต่ไม่น่าห่วงและเชื่อว่าไม่มีเหตุรุนแรง ซึ่งตนได้คุยกับ นายอารี ไกรนรา หัวหน้าการ์ด นปช. และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ในฐานะเลขาธิการ นปช.แล้ว ยืนยันว่า นปช.จะไม่มีการเคลื่อนที่ไปไหน

นอกจากนี้ ตนยังมอบหมายให้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ประสานกับกองทัพ เพื่อวางแผนในการดูแลความสงบเรียบร้อย รวมทั้งให้พล.ต.อ.วรพงษ์ ประจำอยู่ที่ ศอ.รส.ด้วย ส่วนตนได้เตรียมเซฟเฮาส์ไว้แห่งหนึ่ง บริเวณใกล้ ถ.อักษะ หากมีปัญหาจะได้ซึมซับปัญหาได้รวดเร็ว

ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 8 และ 9 ให้ดูแล รักษาความปลอดภัยบ้านบุคคลสำคัญบริเวณใกล้เคียง โดยเฉพาะบ้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. แล้ว

"ตอนนี้ผมเชิญชวนคนมาร่วมชุมนุมกับ นปช. ไม่ได้แล้ว เพราะพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ตอนนั้นผมนึกว่าต่างจังหวัด หากในเขตพื้นที่ประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง ผมต้องทำตัวเป็นกลาง" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า อยากบอก กปปส.ว่า อย่าเคลื่อนขบวนบ่อย เนื่องจากดูแลความปลอดภัยลำบาก อีกทั้ง คปท. และ กปปส. มีศัตรู แต่ไม่ใช่รัฐบาล พอเตือนหาว่าตนขู่ แต่การข่าวนั้นมี บอกไปอย่างไรก็ไม่ฟัง การร่อนไป ร่อนมา นั้นไม่ปลอดภัย

**โวยศาลรธน.ไม่รับคำร้องศอ.รส.

น.ส.สิริมา สุนาวิน คณะทำงานศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรีบบร้อย (ศอ.รส.) แถลงผลการประชุมศอ.รส.ว่า ศอ.รส.ได้รับทราบคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ที่ไม่รับพิจารณาคำร้องที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศอ.รส. ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยว่า การกระทำของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กับพวก เป็นการชุมนุมที่ไม่สงบ และปราศจากอาวุธ ศอ.รส. จึงไม่อาจเห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ และผิดหวังต่อองค์คณะตุลาการเป็นอย่างยิ่ง ขอถือโอกาสนี้แสดงความเสียใจต่อพี่น้องประชาชนที่ ศอ.รส. ไม่สามารถผลักดันให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่พึ่ง และเป็นกลไกในการรักษาความสงบเรียบร้อยได้ แต่ศอ.รส.จะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

น.ส.สิริมา กล่าวว่า ศอ.รส.ได้บูรณาการ และปรับเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และพลเรือน เพื่อเตรียมการรักษาความปลอดภัยสำหรับการชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม กปปส. และกลุ่ม นปช. ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. จัดประชุมฝ่ายตำรวจและทหาร เพื่อทำการสำรวจพื้นที่ วิเคราะห์สถานการณ์ จัดกำลัง และทำแผนเผชิญเหตุต่างๆ เรียบร้อยแล้ว

**ปชป.ปูดแผนร้าย 5 เม.ย.

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความรุนแรงที่เกิดกับประชาชน มีการลอบยิงการ์ด คปท. เสียชีวิต 1 รายว่า เป็นตัวอย่างการก่อการร้าย ที่ทำงานอย่างเป็นระบบ ติดตามความเคลื่อนไหวของประชาชน และลอบกัด ลอบทำร้าย สังหารประชาชน เป็นเรื่องที่ตำรวจต้องเร่งคลี่คลายและหาข้อเท็จจริง ทำเรื่องนี้ให้กระจ่างว่า ใครอยู่เบื้องหลัง นอกจากการโพสต์ข้อความของคนเสื้อแดง ที่พูดถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าอย่างแม่นยำนั้น ตำรวจต้องสอบสวนเพิ่มเติมว่า เหตุใดจึงมีการคาดการณ์อย่างแม่นยำ และตำรวจต้องแสดงความเป็นมืออาชีพ ในการพิทักษ์สันติราษฎร์ เนื่องจากไม่สามารถพึ่งพานักการเมืองที่ดูแลด้านความมั่นคงได้อีกต่อไป โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน และ ผอ.ศอ.รส. ที่มีการทำนายว่า จะมีเหตุรุนแรงอีก ซึ่งถือว่าเป็นการประกาศตนเป็นศัตรูกับประชาชนอย่างชัดเจน ทำให้ประชาชนที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล ไม่สามารถมีชีวิตปลอดภัยได้อีกต่อไป จึงขอให้ตำรวจน้ำดีช่วยสืบสวนสอบสวนกรณีลอบยิงการ์ด คปท. และระเบิดที่มีนบุรี ซึ่งมีความพยามตัดตอน ไม่ให้สาวถึงผู้บงการ เพราะระเบิดที่พบมีความเชื่อมโยง มีลักษณะเดียวกับที่ก่อเหตุหน้าสำนักงานอัยการ จึงต้องตั้งขอสันนิษฐานว่า การที่ผู้มีอำนาจพยายามจะตัดตอนคดีนี้ เป็นเพราะเข้าไปรู้เห็นเป็นใจ และผู้ก่อเหตุได้รับความคุ้มครองจากพรรคเพื่อไทย ใช่ หรือไม่

"วันเสาร์ที่ 5 เมษายน มีการวิจารณ์ว่า อาจมีการสร้างความรุนแรงให้เกิดความวุ่นวาย เพราะมีการเตรียมอาวุธสงคราม สร้างสถานการณ์ให้ประชาชนลุกฮือ เกิดการจลาจล ซึ่งเป็นเวลาสำคัญที่ตำรวจต้องแสดงความสามารถในการปกป้องประชาชน ไม่ให้มีการนำชีวิตประชาชนไปสนองผลประโยชน์ทางการเมืองอีก” นายชวนนท์ กล่าว

** ศาลโละหมายจับ18แกนนำกปปส.

วานนี้ (3เม.ย.) ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก มีคำสั่งเพิกถอนหมายจับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และแกนนำ กปปส.รวม 18 คน ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 11 (1) และมาตรา 12 ที่ได้เคยอนุมัติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลมีคำสั่งให้ยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้ว

ส่วนที่ก่อนหน้านี้ นายสุเทพ นายถาวร เสนเนียม และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส.ได้ยื่นอุทธรณ์ขอเพิกถอนหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น และศาลอุทธรณ์ ยังไม่มีคำสั่งออกมา เมื่อศาลอาญามีคำสั่งเพิกถอนหมายจับ 18 แกนนำ กปปส.แล้ว ก็จะแจ้งคำสั่งดังกล่าวให้ศาลอุทธรณ์ทราบต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อศาลอาญามีคำสั่งเพิกถอนหมายจับข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้ว ทำให้นายสุเทพ เหลือหมายจับตามประมวลกฎหมายอาญาในข้อหาร่วมกันเป็นกบฏเพียงข้อหาเดียว ขณะที่ นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท.และนายรัชต์ยุตม์ หรือ นายอมร ศิรโยธินภักดี ก็เหลือเพียงหมายจับเดียวในข้อหามั่วสุม ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นหรือเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครอง ซึ่งเป็นความผิดฐานบุกรุก โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือมีอาวุธในเวลากลางคืน

สำหรับรายชื่อแกนนำกปปส. 18 คน ที่ศาลเพิกถอนหมายจับ ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายชุมพล จุลใส นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายอิสสระ สมชัย นายวิทยา แก้วภราดัย นายถาวร เสนเนียม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท. ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ นายรัชต์ยุตม์ หรืออมร ศิรโยธินภักดี นายกิตติชัย ใสสะอาด นายสำราญ รอดเพชร และนายพานสุวรรณ ณ แก้ว

**ทบ.ชี้ขนต่างด้าวร่วมม็อบแค่ข่าวปล่อย

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกระแสข่าวว่า มีการเกณฑ์แรงงานพม่า ซึ่งเป็นคนต่างด้าวมาร่วมชุมนุมกันของทุกพวกทุกฝ่ายในโซเชียลมีเดีย นั้น กองทัพบกยังไม่ได้รับข้อมูลแบบเป็นทางการ เบื้องต้นมีเพียงเป็นกระแสข่าวอยู่ในโซเชียลมีเดีย อย่างไรก็ดี สถานการณ์การชุมนุมในปัจจุบันมีเป้าหมายต่อเรื่องทางการเมือง คงไม่ได้เกี่ยวกับปัญหาด้านแรงงาน ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐมีกลไกการดูแลเรื่องแรงงานดีอยู่แล้ว

"ถ้ามีกรณีนึ้เกิดขึ้นจริง คงไม่ง่าย ปัจจุบันการปฏิบัติใดๆ อยู่ในสายตาของสังคมตลอด ว่าใครเป็นใคร คงไม่มีใครจะไปบิดเบือนอะไรได้ โดยเฉพาะการทำอะไรที่ดูผิดธรรมชาติความจริง และมีโอกาสสูงที่จะถูกสังคมมองในเชิงลบ อีกทั้งในปัจจุบัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องแรงงานทั้งตำรวจ และ กอ.รมน.มีความเข้มงวดมาก มีอะไรนอกลู่นอกทาง หรือการจะทำอะไรที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายผิดวัตถุประสงค์จากการได้รับอนุญาตให้อยู่เพื่อเป็นแรงงาน อาจมีผลกระทบไปถึงเจ้าของโรงงานและผู้ประกอบการเจ้าของแรงงานนั้นๆได้ ในเบื้องต้นจึงน่าเป็นเพียงกระแสข่าวทางโซเชียลเท่านั้น" พ.อ.วินธัย กล่าว

** "สุเทพ"นำมวลชนบุก กต.-ธปท.

วานนี้ (3เม.ย.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และแกนนำ กปปส.ได้นำมวลชน เคลื่อนขบวนออกจากลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 สงวนลุมพินี เพื่อเดินทางไป กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเชิญชวนให้ข้าราชหยุดทำงานรับใช้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ทั้งนี้ นายสุเทพ ได้ปราศรัยเมื่อไปถึงกระทรวงการต่างประเทศว่า มีความตั้งใจจะนำมวลมหาประชาชน มาพูดคุยกับพี่น้องข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งทราบก่อนหน้านี้ว่า มีข้าราชการไปประชุมอยู่ที่โรงแรมสุโกศล แต่จะไม่ไปชุมนุมที่นั่น เพราะโรงแรมนี้ มีแขกต่างประเทศที่ไม่รู้เรื่อง จะเดือดร้อน แต่ตนได้พูดคุยกับผู้ช่วยปลัดกระทรวงว่า วันนี้มีข้าราชการไม่กี่สิบคน ที่เข้ามาเอาเอกสารเท่านั้น

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ตนขอให้ประสานงานกับปลัดกระทรวง เพราะมีความตั้งใจจะหารือด้วย เนื่องจากมีเรื่องที่ต้องช่วยกันดูแลแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับประเทศ โดยเฉพาะการที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ไปเชิญเลขาธิการสหประชาชาติ มาช่วยแก้ไขปัญหาในประเทศ ซึ่งไม่สามารถทำได้ จะเสียเกียรติภูมิประเทศไทย อีกทั้งเป็นเรื่องภายในประเทศ ไม่มีเรื่องอะไรที่ยูเอ็น ต้องเข้ามายุ่มย่ามเรื่องภายในประเทศ ต้องเป็นเรื่องที่คนไทยต้องแก้ไขเอง ถ้าไล่รัฐบาล และนายสุรพงษ์ ได้ จะทำการล้างซวยภายในกระทรวง

"ขณะนี้รัฐบาลและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยื้อยุดได้อีกไม่นานแล้ว ถ้าไม่จบเพราะป.ป.ช. ก็จบด้วยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราไม่สามารถปล่อยให้แก๊งโจรนี้ปล้นชาติต่อไปได้ เพราะความเสียหายของประเทศ พวกเราข้าราชการต้องเป็นผู้ซ่อมแซมฟื้นฟู จึงจำเป็นต้องไล่แก๊งโจรนี้ออกจากอำนาจโดยเร็วที่สุด "

จากนั้นเวลา 12.10 น. นายสุเทพ นำผู้ชุมนุมเดินทางออกจากหน้ากระทรวงการต่างประเทศ ไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีนายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมาต้อนรับ และพูดคุยกับนายสุเพ ซึ่งได้รับความสนใจจากพนักงานให้การต้อนรับ ร่วมเป่านกหวีด และถ่ายรูปคู่กับนายสุเทพ จำนวนมาก โดย กปปส. ได้ข้าวกล่องจำนวน 7,000-8,000 กล่อง เป็นเมนูข้าวผัดกระเพราะ ไข่ดาว โดยนายสุเทพ ได้นำข้าวกล่องเดินแจกให้พนักงาน จากได้รับประทานอาหารกลางวันร่วมกับพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย

**แดงกวป.บุกหยาม ป.ป.ช.

วานนี้ (3 เม.ย) นายมาลัยรักษ์ ทองชัย หรือ นายศรรักษ์ มาลัยทอง โฆษกกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาชน (กวป.) พร้อมด้วยมวลชนจำนวนหนึ่ง ได้ไปชุมนุมที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อนำแผ่นป้ายไวนิลขนาดใหญ่ มาติดที่บริเวณหน้าประตู โดยแผ่นป้ายดังกล่าว มีรูปกรรมการ ป.ป.ช. 5 คน ประกอบด้วย นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. นายวิชา มหาคุณ นายภักดี โพธิศิริ นายประสาท พงษ์ศิวาภัย และนายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการป.ป.ช. ซึ่งเป็นบุคคลที่กลุ่ม กวป.ระบุว่า ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอย่างถูกต้อง

ทั้งนี้ กลุ่มกวป. ได้มีการนำผ้าอนามัยที่ใช้แล้ว มาแปะที่รูปหน้าของ กรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 5 คนด้วย

นายศรรักษ์ กล่าวว่า พวกตนมาเพื่อเตือนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้หยุดตั้งธงในพิจารณาคดีต่างๆ ที่เกี่ยวกับรัฐบาล เพราะหากเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นมา ป.ป.ช.ต้องรับผิดชอบ โดยพวกตนไม่อยากให้ป.ป.ช.เป็นเหมือนน้ำมัน ที่เติมเข้ากองไฟ และในวันนี้ ทางกลุ่ม กวป.จะมีการจัดขบวนแรลลี่ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน โดยจะมีการรวมตัวที่ เดอะมอลล์ บางกะปิ

***DSIรับคดีกปปส.ไม่จ่ายค่าทางด่วน

นางบุษบา ปทุมมาศ ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า กทพ.อยู่ระหว่างดำเนินคดีขบวนรถผู้ชุมนุมที่ผ่านทางพิเศษโดยไม่ชำระค่าผ่านทาง ช่วง Shut Down กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เดือนมกราคม 2557 จนถึงเดือนมีนาคม 2557 ซึ่งได้แจ้งความดำเนินคดีและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้รับไว้เป็นคดีพิเศษแล้ว โดยปรากฏว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมนำรถยนต์ 4 ล้อรถยนต์ 6-10 ล้อขึ้นไป และรถจักรยานยนต์ขึ้นไปใช้บนทางพิเศษโดยผิดกฎหมาย และไม่ชำระค่าผ่านทางพิเศษเกือบทุกวัน ซึ่ง กทพ.ได้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดโดยการแจ้งความดำเนินคดีและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้รับไว้เป็นคดีพิเศษแล้ว

ส่วนกรณีเกิดเหตุซุ่มยิงขบวนของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ระหว่างเดินทางกลับจากเวที กปปส. แจ้งวัฒนะ มายังเวทีหลักเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ บนทางพิเศษศรีรัชบริเวณแจ้งวัฒนะ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2557 เวลาประมาณ 14.30 น. นั้น กทพ. ได้ดำเนินการตรวจสอบเหตุการณ์ผ่านทางกล้องวงจรปิด(CCTV)ที่ติดตั้งอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุแล้ว ไม่ปรากฏว่าพบสิ่งผิดปกติ

*** 'ธาริต'จวกปล่อยข่าวดิสเครดิต

ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีข่าวนางบุษบา ปทุมมาศ ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ระบุว่า กทพ. อยู่ระหว่างดำเนินคดีกับขบวนรถผู้ชุมนุม ที่ผ่านทางพิเศษโดยไม่ชำระค่าผ่านทาง ตั้งแต่เดือน ม.ค. - มี.ค. 57 ซึ่งปรากฏว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมนำรถยนต์ 4 ล้อ รถยนต์ 6-10 ล้อ และรถจักรยานยนต์ ขึ้นไปใช้บนทางพิเศษโดยผิดกฎหมาย และไม่ชำระค่าผ่านทางพิเศษเกือบทุกวัน โดยได้แจ้งความดำเนินคดี และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)ได้รับไว้เป็นคดีพิเศษแล้วนั้น ว่า ไม่เป็นความจริง ตรวจสอบแล้วไม่พบว่า มีการมาร้องทุกข์กล่าวโทษที่ดีเอสไอ ที่สำคัญคดีดังกล่าวไม่ใช่ความผิดแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ การจะรับคดีไว้สอบสวน ต้องเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติรับเป็นคดีพิเศษ ซึ่งในขณะนี้ ยังไม่มีการนัดประชุม นอกจากนี้คดีดังกล่าว ก็ไม่ใช่คดีเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับการชุมนุมที่จะสามารถรับไว้สอบสวน ข่าวดังกล่าวอาจเป็นความเข้าใจคาดเคลื่อน

"การนำข่าวนี้มาเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย เป็นขบวนการดิสเครดิต ดีเอสไอ ไม่เข้าใจว่าข่าวดังกล่าวออกมาได้อย่างไร กทพ. อาจจะเข้าใจผิด หรืออาจเป็นการไปร้องทุกข์ที่ ศอ.รส. หรือหน่วยอื่น ซึ่งไม่ใช่ดีเอสไอ เพราะตรวจสอบแล้วไม่มี" นายธาริต กล่าว