ต องพ ดก บคนท ม ความพกพร องทางสมองย งไง

เผยแพร่: 7 เม.ย. 2559 18:13 ปรับปรุง: 7 เม.ย. 2559 19:53 โดย: MGR Online

นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ วอนไตร่ตรองเรื่องสืบทอดอำนาจ ยันมากอบกู้ประเทศและจัดระเบียบ ไม่ได้อยู่ต่อ 20 ปี พร้อมขอร้องอย่ารังเกียจตำรวจ - ทหาร ย้ำไม่เคยละเมิดกระบวนการยุติธรรมใคร ไม่เคยเลือกข้างใครทั้งสิ้น อดีตที่ผ่านมามันต้องเลิกทั้งหมด แจงเอาแต่ใช้มาตรา 44 ให้นำไปสู่กระบวนการตรวจสอบ ยอมรับไม่สบายใจ แต่ก็ไม่ได้ใช้พร่ำเพรื่อ ฝากอย่าขนคนเข้ามาตายที่กรุงเทพฯ อีก โอดทหารโดนแม่ค้าด่าอ้างถูกจัดระเบียบ แจงตำรวจจับใครมาก็เข้ากระบวนการยุติธรรมหมด เว้นนักการเมืองใหญ่ที่หนี

วันนี้ (7 เม.ย.) ที่เมืองทองธานี เมื่อเวลา 14.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานมอบนโยบายการดำเนินงานแก่ภาครัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ซึ่งทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดการประชุมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่นตามนโยบายรัฐบาล “พลังท้องถิ่นขับเคลื่อนประชารัฐเพื่อการท่องเที่ยว” โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ตนพกรอยยิ้มไม่มีหน้าตาดุเดือด แต่บางเวลาตนก็ต้องมีอารมณ์บ้าง เพราะการทำงานที่ต้องเร่งรีบ เร่งรัดกับเวลาที่มีอยู่ ยอมรับว่าก็ร้อนใจมาก ที่จะทำให้ประเทศไทยมั่นคงแข็งแรง ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่เพื่อตนเองแม้สักนิด

“ขอความกรุณาว่า ฟังอะไรมาขอให้ไตร่ตรองด้วยหลักการและเหตุผล รวมทั้งสิ่งที่ผมได้แสดงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสืบทอดอำนาจ ทุกคนมัวแต่ไปมองเรื่องแบบนี้ เลยลืมไปว่ารัฐบาลทำอะไรอยู่ ประเทศไทยมีปัญหาตรงไหน ท้ายที่สุดก็กลับมาสู่ความขัดแย้งอยู่ในวังวนเดิม ๆ อยากถามว่าแล้วเราจะอยู่กันได้อย่างไร วันนี้ผมถือว่าได้มาอยู่กับทุกคนที่จะช่วยเหลือผม เพื่อกอบกู้ประเทศไทยให้มั่นคง มั่นคั่ง และยั่งยืน สร้างอนาคต เพื่อลูกหลานในอีก 20 ปีข้างหน้า ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ผมจะอยู่ต่อกับท่าน แต่ 20 ปีหมายถึงเป็นการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้ควบคู่กับการเมือง จะกำหนดด้วยการเมืองอย่างเดียวไม่ได้ และผู้ที่มาวันนี้ถือว่าทุกคนเป็นคนดี ผมไม่เคยมองคนว่าเป็นคนร้าย จะมองคนว่าเป็นคนดีก่อน และดูที่การกระทำที่สามารถพิสูจน์ได้ แต่ถ้าทำไม่ดีจริงมีหลักฐานผมถึงจะลงโทษ ผมเป็นทหารมาเกือบ 40 ปี ลงโทษทหารไม่มากเพราะมีเหตุผล อะไรที่ปรับปรุงและตักเตือนได้จากเบาไปหาหนัก กองทัพถึงอยู่ได้ และกองทัพไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่ของผม แต่เป็นของแผ่นดินนี้ ขอร้องอย่าไปรังเกียจทหาร หรือตำรวจ ทุกคนถ้าจะดีก็ดีเพราะผู้นำ ผู้นำสูงสุดคือคนแบบผม ถ้าจะดีคนที่ยืนตรงนี้ต้องดีด้วย ต้องตีกรอบว่าจะทำงานกันอย่างไร เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง อปท. ทั้งหมดถือว่าอยู่กับประชาชนทั้งสิ้น” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คำขวัญหรือคติพจน์ของทหารคือ เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ วันนี้เมื่อมาเป็นรัฐบาลก็ยึดในคำเดิม เพราะถือเป็นหลักการของประเทศไทย ใน 3 เสาหลัก ที่เป็นกำลังใจ และจุดยืนถ้าทำทั้ง 3 สิ่งทุกคนจะเจริญก้าวหน้า และสิ่งสุดท้ายที่ยึดถือคือการทำเพื่อประชาชน ซึ่งถือเป็นพี่น้อง ลูกหลานของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใคร เป็นทหารก็ถือเป็นลูกหลานของพวกเรา วันนี้ประเทศไทยต้องเคารพกฎหมาย เพราะเป็นบ่อเกิดของความเท่าเทียม ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะมีความเท่าเทียมกันได้ นอกจากการบังคับใช้กฎหมายด้วยความเท่าเทียม ใครผิดก็ต้องถูกลงโทษ เข้าสู่กระบวนการในการต่อสู้คดีตนไม่เคยไปละเมิดกระบวนการยุติธรรมใคร แม้ตนจะมาอย่างนี้ก็ตาม ไม่เคยเลือกข้างใครทั้งสิ้น เพราะถือว่าทุกคนคือคนไทย สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมามันต้องเลิกทั้งหมด เพื่อให้กลับมาเป็นประเทศที่น่าอยู่ ไม่ใช่เจอหน้าก็ต้องเตะ ต้องต่อยกัน ดูทีวีช่องเดียวกันไม่ได้ มันไม่ใช่ ถ้าเราต้องการคำว่าเสรีประชาธิปไตยก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย วันนี้ตนมีหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย ในการนำคนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วก็ไปสู้คดีความกันก็จบ

“การใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ผมต้องการให้นำไปสู่กระบวนการตรวจสอบ ไม่เช่นนั้นมันไม่ชัดเจน ก็จะถูกกล่าวหา ผมต้องการให้ทุกคนพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับไปสู่วงจรของการเลือกตั้ง ท้องถิ่นเองก็ต้องเลือกตั้ง แล้วผมจะไปทำร้ายท่านทำไม เพียงแต่วันนี้ต้องทำให้ทุกอย่างสงบให้ได้ก่อน อย่าลืมว่าที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น บางพื้นที่ บางบ้านก็เกิดความรุนแรง ผมเองอยู่ในกรุงเทพฯ มันทรมานมานานเต็มที แต่ผมก็ทำงานไม่เคยขัดแย้งกับใคร อดีตนายกฯ สั่งผมก็ทำ ในสิ่งที่ถูกต้อง ผมทำทุกอย่างแต่ถ้ามันไม่ถูกผมก็เตือนบอกว่าสิ่งนี้มันไม่ดีต้องแก้ไข ผมต้องพูดในฐานะข้าราชการที่ดี และผมก็อยู่กับหลายรัฐบาลมาแล้ว อย่าไปมองว่าเข้าข้างนั้นข้างนี้ มันคนละเรื่อง ที่ผมต้องพูดเพราะอดไม่ได้พูดแล้วก็เสียงดัง เพราะอารมณ์อ่อนไหวง่าย อารมณ์ผมก็เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย แต่ผมมีเจตนาดี 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าทุกคนร่วมมือกันไม่มองย้อนกลับไปข้างหลังเชื่อมั่นว่าประเทศจะไปได้แน่ เราต้องเข้มแข็งด้วยตัวของเราเอง ปัญหาของประเทศทุกวันนี้คือการไม่เคารพกฎหมาย รู้ว่าผิดก็ยังทำกันอยู่ แต่ถ้ายอมรับความจริง ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะ 5 หรือ 10 ปี ก็สู้กันไป วันนี้หลายคนซึ่งผมเองเป็นคนอนุมัติให้ลดโทษ บรรเทาโทษ ไม่ใช่ผมจะเอาให้ตายทั้งๆ ที่สามารถใช้อำนาจได้ จนถึงมาตรา 47 แต่ผมก็ไม่เคยใช้ ไม่เคยสั่ง แต่ทั้งหมดที่ใช้ก็เพื่อให้เกิดการบูรณาการ ไม่ให้เกิดการติดขัด ถือเป็นการเริ่มต้นการบูรณาการอย่างแท้จริง” นายกฯ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการทำหน้าที่จะต้องดูแลทุกคนให้เท่าเทียม ไม่ใช่ดูแลเฉพาะคนที่เลือกทำงานโดยไม่เลือกฝ่ายก็จะเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ ซึ่งก็ตรงตามหลักการที่ตนวางไว้ รวมทั้งลดการหวาดระแวง และแบ่งปันผลประโยชน์ให้เท่าเทียม หน้าที่ของตนวันนี้ก็ไม่ใช่ดูแลเพียงจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง ไม่ใช่ดูแลเฉพาะทหารตำรวจ วันนี้ตนเป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะไม่อยากเป็นก็ตาม ทำให้หน้าที่ของตนมากกว่าเดิม และสอนตัวเองทุกวันเสมอว่าอย่าลำเอียง อย่าเข้าข้างใครเป็นพิเศษจะไม่พบใครทั้งสิ้นเป็นการส่วนตัว ยกเว้นภรรยา และลูก เพราะจะทำให้เกิดความหวาดระแวง ตนเข้ามาทำงานไม่ใช่เพราะคะแนนเสียงที่ใครเลือกเข้ามา จึงไม่จำเป็นต้องทำงานเพื่อคะแนนเสียงของตัวเอง ไม่ต้องการให้ใครมารักชอบ ยิ่งไปไหนชาวบ้านเข้ามาแสดงความยินดียิ่งสะท้อนใจว่า ทำไมต้องมาฝากความหวังไว้ ไม่มีคนอื่นหรืออย่างไร มีพรรคการเมืองอีกตั้งมาก ทำไมต้องเหลือมาถึงตนเองด้วย ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกันไม่ให้ประชาชนไปเลือกคนที่ไม่ใช่กลไกประชาธิปไตย การออกคำสั่งต่าง ๆ ออกไปยอมรับว่าไม่สบายใจขอร้องว่าทำอะไรอย่าแบ่งประชาชนให้ออกเป็นฝักเป็นฝ่าย ยอมรับว่า คนไทย 70 ล้านคน ตนทำให้มีความสุขพร้อมกันไม่ได้ เพราะความต้องการมีมาก และขาดหายมาหลายปี ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนวิธีการในการบริหารบ้านเมืองก็จะเป็นอยู่แบบนี้ และวันข้างหน้าก็จะเสื่อมต่อไป แล้วอีก 20 ปีข้างหน้าเราจะอยู่กันอย่างไรถ้ายังมีความขัดแย้งแบบนี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกศาสนาต้องสามารถอยู่ในประเทศไทยได้ และขออย่าเชื่อการบิดเบือนต่าง ๆ ที่นำไปสู่ความขัดแย้ง ตนเข้ามาเพื่อพัฒนา แก้ไขปัญหา แต่ไม่ได้ดีกว่าใคร สิ่งที่ทำนั้นทำมาจากใจ จึงขอให้ทุกคนช่วยกันคิดว่าจะทำอะไรบ้าง เพื่อประเทศชาติ ขอให้ทุกคนทำความดี อย่ามัวแต่ขอพรจากพระไปวัน ๆ วันนี้เราต้องเริ่มต้นปฏิรูปตัวเอง โดยเริ่มจากใจเป็นอันดับแรก สิ่งที่ตนพูดนั้นไม่ต้องเชื่อก็ได้ แต่ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ผลงาน ประเทศไทยได้รับคำชมเชยอย่างยิ่งว่ามีผู้หญิงเก่ง เพราะผู้หญิงได้ทำงานจำนวนมากแต่ในสัดส่วนทางการเมืองนั้นผู้หญิงจะต้องสมัครรับเลือกเข้ามาเองและเชื่อว่าผู้หญิงจะทำได้ เพราะนอกจากความเก่งแล้ว ยังมีความอ่อนหวาน ความเอาใจใส่ ซึ่งทั้งผู้หญิงและผู้ชาย มีความเท่าเทียมกันทั้งสิ้น วันนี้เราต้องเป็นเจ้าของประเทศ ไม่ใช่ให้อำนาจแก่นักการเมืองหมด ตนเข้ามาเพราะประเทศเดินหน้าไม่ได้ บ้านเมืองขัดข้องงบประมาณเบิกจ่ายไม่ได้

“หากมีความวุ่นวายเกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง ถ้ามีครั้งต่อไปอีก เลิกเลย ต่างชาติถามผมว่ามันจะเกิดขึ้นอีกไหม ผมบอกว่าเราทำดีแล้ว มีการแก้กฎหมายการค้าการลงทุน ซึ่งเขาก็พอใจ แต่นักการเมืองไม่เคยทำ เพราะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ ผมประกาศกับทุกประเทศ ว่าประเทศไทยจะต้องไม่มีการทุจริต คอรัปชั่น หากมีหน่วยงานใดเกี่ยวกับการทุจริตให้มาบอกผมทันที ผมจะลงโทษให้การบังคับใช้กฎหมายเสถียรภาพของรัฐบาลเป็นปัญหาของเราทั้งสิ้น ถามว่าถ้าไม่ทำอะไรผิด จะมีคนออกมาประท้วงไหม เอาปืนยิงใส่กันในการประท้วงได้หรือไม่ ขอให้สัญญากับผมว่า อย่าเอาคนขึ้นรถมากรุงเทพฯ แล้วมาตายอีก ที่ตายนั้นประชาชนคนไทยทั้งสิ้นตาย เพราะอะไรเขายังไม่รู้เรื่องเลย รู้ไม่กี่คนหรอก ขึ้นรถมาผมถามว่ามาทำไม ได้รับคำตอบว่าถูกเกณฑ์มา ผมไม่อยากจะพูด แต่ขออย่าทำอีก ไม่ว่าใครก็แล้วแต่วันหน้าไม่ได้แล้วนะ ไม่มีโอกาสอีกแล้วในโลกใบนี้สำหรับประเทศไทย เพราะต่างชาติบอกว่า จะไม่คบถ้าบ้านเมืองไม่เป็นแบบตอนที่ผมอยู่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวต่อว่า ทุกประเทศไม่อยากให้ประเทศไทยล้ม และพร้อมสนับสนุนให้เราสามารถเดินหน้าไปได้อย่างแข็งแรง การใช้อำนาจมาตรา 44 บ่อย ๆ นั้น หากวันข้างหน้า ตนโดนกลับมาเล่นงานบ้างจะมีใครช่วยหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาก็ใช้อย่างระมัดระวัง แต่ก็มีคนเรียกร้องให้ใช้อย่างต่อเนื่อง เกือบทุกวัน ส่วนการควบคุมตัว หรือจับกุมผู้ที่เรียกร้องต่างๆนั้นเป็นไปตามหลักกฎหมาย แต่กลับอ้างหลักสิทธิมนุษยชน คนเหล่านี้ผิดกฎหมายที่ประกาศไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการห้ามชุมนุม ห้ามพูดจาส่อเสียด ซึ่งต้องถามว่า คนเหล่านี้ละเมิดกฎหมายก่อนหรือไม่ วันนี้ตนตอบโต้ต่างประเทศไปว่า ตั้งแต่เข้ามานั้นได้ทำคนตายไปแล้วกี่คน ซึ่งไม่มีสักคน นั่นเป็นเพราะบ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนเชื่อฟังกฎหมาย ไม่ต้องตายเหมือนอดีตที่ผ่านมา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อโซเชียลมีเดียมีทั้งคุณและโทษ ต้องแยกแยะให้ออก วันนี้มีกฎหมายคอมพิวเตอร์ ดำเนินคดีก็มีเรื่องทุกที กฎหมายเขียนว่าอย่าไปละเมิด เขียนไว้เพื่อป้องกันสถาบันก็ยังไปละเมิดอีก ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไปโทษท่านได้อย่างไร ตนขอยืนยันว่า ท่านนึกถึงแต่พวกเราทั้งสิ้น ทำไมเราไม่ทำให้ท่านมีความสุข ทั้งนี้หน้าที่ ส.ส. ต้องรับความทุกข์สุขประชาชนในพื้นที่ตนเอง และส่งมารัฐบาล เพราะรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของชาติ เอาปัญหาจากทุกจังหวัดไปดู ปล่อยให้เป็นเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วถ้าจะทำอย่างนั้นตนก็จนใจ วันนี้คนส่วนหนึ่งไม่ชอบนักการเมืองและจะทำอย่างไร ตนไม่ได้รังเกียจนักการเมือง เพราะมีทั้งพัฒนาแต่ก็มีคนไม่ดีอยู่ด้วย ในบางเรื่องที่มันเสียหายมาก ส่วนเรื่องการสนับสนุนการท่องเที่ยว ตนอยากให้สร้างความเชื่อมโยง วันนี้เราจัดเป็นคลัสเตอร์ มีทั้งการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพวัฒนธรรม เดี๋ยวจะให้มีการเร่งในด้านของหนุ่มสาวที่ชอบเผชิญบุกรุกป่า ต้องดูแลความปลอดภัย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า มีคนไปร้องเรียนตนเยอะ ในเรื่องความปลอดภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์ บอกว่าออกมาตรา 44 ไม่เห็นช่วยลดคนตายได้ มันจะไปสั่งใครให้ไม่ตายได้ไหม คนนึงสักแต่ว่าขอถามว่าใครที่ทำให้ตายก็คนที่ขับรถกินเหล้าทั้งนั้น วันนี้ต้องห้ามใหม่ ตราบใดที่ยังขับรถแล้วกินเหล้า ต้องให้คนลงจากรถให้หมดไม่ต้องนั่งไปกับมัน ไม่รู้ว่าจะทำหรือเปล่า โดยตนห้ามใครไม่ให้กินเหล้าไม่ได้ เราไปสุดโต่งอย่างใด อย่างหนึ่งไม่ได้ ต้องมีการค้าขายกับต่างประเทศทั่วโลก แล้วไปเขียนกติกาตามใจตนเอง วันหน้าก็ไม่มีใครมาร่วมด้วย วันนี้ไม่มีซองบุหรี่ที่ไหน รูปร่างหน้ากลัวเหมือนเรา แล้วมันสูบน้อยลงไหม ตนคิดว่ามันอยู่ที่การปลูกจิตสำนึกมากกว่า

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ฝ่ายเศรษฐกิจรายงานว่า ด้านการส่งออกมีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง เราอย่าไปสนใจตัวเลข ต้องสนใจว่าเราอยู่ได้ จะให้ไม่ใช้เงินก็ไม่ได้ แต่ต้องใช้อย่างพอเพียง วันหน้าเมื่อมีการหาเสียงอยากให้บอกว่าจะใช้เงินอย่างไร เอาเงินจากไหน ไม่ใช่ว่าบอกจะทำอย่างนี้แล้วมีการฟ้องร้อง เหมือนที่อยู่คลัง ใครจะมารับผิดชอบหาเงินมาจ่าย วันนี้ทั้งโลกบอกว่า โชคดีเพราะเห็นไทยทำอะไรก็ได้ โครงการ 30 บาท โครงการข้าวก็ดี ประชาชนเรียกร้องให้ทำแบบไทย วันนี้เขาบอกว่าโชคดีที่รู้แล้ว ไม่อย่างนั้นก็โดนไปด้วยถ้าใจอ่อนตามประชาชนคงโดยไปแล้ว เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเสียหายขนาดนี้ ซี่งเรื่องตรงนี้จะผิดถูกต้องไปว่ากันที่ศาล

“ตราบใดที่ผมไม่โดนต่อต้านว่ามากนัก ผมก็จะไม่พูดถึงเขา แต่นี่มันชอบพูดว่าผมทุกวัน ผมก็มนุษย์นะ ให้ผมสงบปาก สงบคำหรอ เป็นนายกฯ ต้องไม่พูด เงียบๆ เรียบร้อยหรือไง ผมเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวในโลกที่เป็นแบบนี้ จะบอกให้ ไม่มีใครเขาเป็นหรอก เพราะประชาชน ไม่ใช่ว่าผมเก่ง ผมมาเพื่อจัดระเบียบเท่านั้นเอง” นายกฯ กล่าว