เข้าสู่ สนามพระวิภาวดี สีสันของวงการพระเครื่อง ในอาทิตย์สุดท้ายของเดือน ๑๑ กันแล้วอย่างรวดเร็ว ว่าอีกเดือนเดียวก็จะหมดปีกันแล้วหรือเนี่ย พรุ่งนี้ ๒๗ พ.ย. เป็น วันลอยกระทง ทำให้คิดถึงบรรยากาศยุคปู่ย่าตายายลุงป้าหนุ่มสาว ที่ถือเป็นวันรื่นเริง ผู้คนออกจากบ้านไปเที่ยวงาน ซึ่งส่วนใหญ่จัดตามวัดหรือริมน้ำ ดูประกวดนางนพมาศ ดูมหรสพ โค้งสาวรำวง วันลอยกระทงยังบอกให้รู้ว่าไทยเรารับอิทธิพลด้านศาสนามาจากอินเดียโบราณ เพราะเป็นประเพณีที่มีเพื่อสะเดาะเคราะห์และขอขมาพระแม่คงคา เทวดาในคติฮินดู เมื่อไทยรับเข้ามาในสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี ได้ปรับให้เข้ากับแนวพุทธ มีการปล่อยโคมลอยเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พระจุฬามณีในชั้นดาวดึงส์ และลอยกระทงเพื่อบูชารอยพระพุทธบาท ซึ่งประดิษฐาน ณ หาดทรายแม่น้ำนัมมทาในอินเดีย และมีการรื่นเริงซึ่งเป็นโอกาสให้หนุ่มๆจีบสาวที่หมายตา จึงหล่อกันเต็มที่หวีผมแปล้ ใส่สร้อยทองเส้นโต มีพระเครื่องดีๆห้อยหรา--แต่สมัยนี้ใครขืนใส่ไปมีโอกาสถูกระชากสร้อย ๙๙% อย่างที่บอกว่า ตอนนี้คนต้องคุ้มครองพระ
พิมพ์นี้เป็นพิมพ์นิยมสุดท้าย ในสกุลพระสมเด็จบางขุนพรหม ที่นักนิยมพระชั้นครูเห็นว่ามีพุทธศิลป์แปลกแยก พิมพ์องค์พระดูใหญ่เทอะทะ เส้นศิลป์ขาดความประณีต ต่างจากพิมพ์อื่นๆ ๗ พิมพ์ คือ ๑.พิมพ์ใหญ่ ๒.พิมพ์เจดีย์ ๓.พิมพ์เกศบัวตูม ๔.พิมพ์เส้นด้าย ๕.พิมพ์ฐานแซม ๖.พิมพ์สังฆาฏิ ๗.พิมพ์ฐานคู่และ ๘.พิมพ์อกครุฑ ที่มีการแยกย่อยออกเป็น ๓ พิมพ์ คือ ๑.พิมพ์ใหญ่ ๒.พิมพ์กลาง ๓.พิมพ์เล็ก--องค์นี้ ของ เสี่ยปรีดา คูวิบูลย์ศิลป์ เป็น พิมพ์กลาง ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะพิมพ์ให้สังเกตละเอียดยิบ คือ ๑.โคนพระเกศใหญ่ ปลายแหลมสั้น (เกศปลี) ๒.หน้ากลม โต ๓.หูซ้ายปลายแหลม สูงกว่าศีรษะ องค์ที่พิมพ์ลึกปลายหูจะยาวถึงบ่า หูขวาติดขอบหน้า ปลายสอบเข้า ๔.ต้นแขนหุบ ยังมีอีก ๕.เส้นสังฆาฏิยาวโค้งถึงแค่กลางท้อง ตรงอกขวาจะมีเส้นจีวรแยกออก ๖.เอวคอด ๗.ปลายฐานชั้นที่ ๑ ด้านซ้ายเป็นเส้นสอบเฉียง ๘.ปลายฐานชั้นกลางสอบเฉียงลงมา มีเส้นบางที่ขอบด้านบน ๙.ฐานชั้นสุดท้ายเป็นฐานเขียงขนาดใหญ่ยาวพอๆกับชั้นกลาง ๑๐.ซุ้มครอบแก้วจะกว้าง โค้งด้านบน โย้ไปด้านขวาองค์พระ ปลายถ่างออก ปลายเส้นมักอยู่ห่างปลายฐานชั้นกลางและฐานชั้นสุดท้ายเล็กน้อย บัญญัติทั้ง ๑๐ ประการนี้ ดูได้จากองค์นี้ ที่แม้เป็นพระสภาพผ่านใช้มีริ้วรอยสัมผัสผิวเนื้อเปิด แต่ยังสมบูรณ์ และมีจุดตำหนิพระแท้ครบถ้วน
องค์นี้ของ เสี่ยดามส์ สุพรรณ เป็นพระองค์งามสภาพสมบูรณ์ สวยเดิม ผิวเนื้อมีรอยสัมผัสใช้รอบองค์เบาๆ ในซอกส่วนลึกของเส้นศิลป์มีคราบฝ้าราดำจับแน่นเป็นธรรมชาติ ให้พิจารณาอายุว่าเป็นพระแท้ถึงยุค--อานุภาพศักดิ์สิทธิ์เด่นชัดด้านเมตตามหาลาภ แบบพระกรุทุ่งเศรษฐี
ค้นพบครั้งใหญ่ครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๔ ที่กรุวัดดอนแก้ว และอีก ๒ ครั้ง ที่กรุบ้านครูขาวกับกรุวัดพระคงฤๅษี ซึ่งล้วนเป็นพระจากแม่พิมพ์เดียวกัน มีความงามสมบูรณ์เรียบร้อย พิมพ์ชัดลึก พระพักตร์ปรากฏรายละเอียดตาจมูกปาก ชัดเจนเป็นส่วนใหญ่--อย่างองค์นี้ ของ เสี่ยแม็ก ช้างเผือก ซึ่งเป็นพระสภาพงามสมบูรณ์เดิมๆ
ต่อมาราวปี พ.ศ.๒๔๔๒-๔๔ พระแตกกรุออกมาจากองค์พระเจดีย์ครั้งแรกจำนวนมาก เป็นพระพิมพ์รูปทรงสามเหลี่ยม เนื้อดินเผา ผสมว่านปนเม็ดกรวดเม็ดทราย ด้านหน้า เป็นองค์พระนั่งปางมารวิชัย พุทธศิลป์สมัยอยุธยา แยกพิมพ์เป็น ๑.พิมพ์ใหญ่เข่าโค้ง ๒.พิมพ์ใหญ่เข่าตรง ๓.พิมพ์ใหญ่อกนูน ๔.พิมพ์กลางสังฆาฏิ ๕.พิมพ์เล็กอกนูน ๖.พิมพ์เล็ก (เทวดา) องค์นี้ของ เสี่ยวีระชัย ไชยเจริญ เป็นพระพิมพ์เทวดาที่ปัจจุบันมีความนิยม สูงขึ้น เพราะราคาย่อมเยาสุดในสกุล “พระนางพญา”--พระแท้ดูง่าย สภาพงามสมบูรณ์เดิมๆ ประมาณนี้ อยู่ที่หลักแสนต้นๆ
ลักษณะเป็น พระพิมพ์เนื้อผงมวลสารผสมเรซิน ด้านหน้าเป็นองค์จำลองพระพุทธนวราชบพิตร (หลวงพ่อจิตรลดา) นั่งปางสมาธิ เหนือบัวซ้อน ๙ กลีบ ด้านหลังปาดเรียบ มักปิดทองคำเปลว องค์นี้ของ เสี่ยป๊อปอาย เชียงใหม่ เป็นพระปี พ.ศ.๒๕๑๑ ที่มีจุดพิจารณาโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ที่ผิวเนื้อด้านหน้าองค์พระจะมีฟองอากาศ เรียกว่า “เม็ดผด” ปรากฏอยู่มาก และเนื้อพระส่วนใหญ่เป็นน้ำตาลอมเขียว (ขี้ม้า)
บอกลาไปเที่ยวลอยกระทงกับเรื่องปิดท้ายของ เสี่ยยี่ เจ้าของกิจการเครื่องเล่นงานวัด เช่น ชิงช้าสวรรค์ ปืนยิงเป้า ม้าหมุน ซึ่งเดินสายออกงานทั่วประเทศมานับสิบปี งานก็ราบรื่นดีไม่มีปัญหา จนมาเกิดเรื่องที่เล่าสู่กันฟัง ตอนไปออกงานที่วัดในเมืองกาญจนบุรี ที่จัดกัน ๓ วัน ๓ คืน คืนแรกผ่านไปด้วยดีรายได้ตรงเป้า มามีเรื่องคืนที่ ๒ เมื่อมีขี้เมาวัยกลางคน ๒ หน่อ เดินโซเซมาขอเล่นเครื่องเล่น ลูกน้องเห็นอาการเกรงจะเล่นไม่ไหว กลัวตกชิงช้าหรือเอาปืนไปยิงโดนคนอื่นเป็นอันตราย จึงไม่ยอมให้เล่น พอไม่อนุญาตขี้เมาทั้งสองก็ออกลายมีอาการ “ของขึ้น” คนหนึ่งกระโดดโลดเต้นร้องเจี๊ยกๆเป็นลิง กระโดด คลุกฝุ่นอยู่บนพื้นหน้าชิงช้า อีกคนออกอาการแยกเขี้ยวส่งเสียงขู่คำราม เป็น “เสือเผ่น” ทำคนแตกตื่น เสี่ยยี่ เห็นท่าลูกน้องเอาไม่อยู่จึงแสดงตัวว่าเป็นลูกพี่ใหญ่ ไปห้ามให้หยุด แต่ทั้งสองคนก็ไม่หยุด ยิ่งออกอาการมากขึ้น เสี่ยยี่ จึงใช้ไม้ตาย หยิบโทรศัพท์มาพูดเสียง ดัง พอพูดจบทั้ง เสือ หนุมาน “องค์ออก” นอนหมอบเชื่อง นิ่งสนิททันที--เพราะกลัวตำรวจที่ เสี่ยยี่ แจ้งให้มาจับ เสือ กับ หนุมาน ไปขังสักคืนสองคืน เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ. |