ความหมายและส ญล กษณ ของ อ ลกอร ท ม

สื่อใจสมานสร้างสรรค์:การเป็นผู้รับโดยไม่พยายามเอาชนะกิเลส คือการก่อหนี้

เผยแพร่: 4 ส.ค. 2551 14:44 โดย: MGR Online

บทความเรื่องที่ 49

ต้องตั้งใจขึ้นไกปืน จึงจะยิงถูกเป้าเคลื่อน

ช่วงเข้าพรรษา ผู้เขียนประกาศมอบแผ่น CD Mp3 ของศาสตราจารย์อุบาสิกา คุณรัญจวน อินทรกำแหง เรื่อง นิวรณ์เครื่องปิดกันหนทางเจริญ ให้แก่'ผู้มีความตั้งใจจริงในการเร่งรัดพัฒนา ขัดเกลาจิตใจตนเอง โดยไม่โป้ปด

ผ่านพรรษามาไม่ถึงเดือน มีจดหมายพร้อมซองเปล่า ติดแสตมป์ ส่งมาขอรับ CD Mp3 มากมาย ผู้ร่วมกันออกทุนผลิตเพื่อแจกรู้สึกดีใจนะคะ หากผู้ขอสนใจนำไปฟังเพื่อเป็นแนวทาง ในการปรับปรุงตนเองจริงๆ ไม่ได้ขอมาเพียงเพราะมองว่าสิ่งนี้เป็นของฟรีเท่านั้น

การเป็นผู้รับโดยไม่พยายามเอาชนะกิเลส คือการก่อหนี้ เพราะแทนที่จะได้ฝึกลดละ กลับกลายเป็นการพอกพูนเครื่องปิดกั้นหนทางเจริญ

ส่วนสำหรับผู้ให้ ก็คงต้องขอยืมคำพูดของ ดีพัค โชปรา ที่บอกว่า จุดประสงค์สูงสุดของการปฏิบัติทางด้านจิตวิญญาณ คือ surrender’ หมายถึง การปล่อย หรือ การยอม (ให้มันเป็นไป) ซึ่งนำมาเป็นคาถาทำใจสำหรับผู้ให้ในระดับแนวหน้าทั้งหลายได้เป็นอย่างดี ในกรณีที่พบว่าสิ่งของทั้งหลายที่ได้ให้ไปนั้นไม่ได้ถูกนำไปใช้ตรงตามวัตถุประสงค์

และจากหนังสือแปลอีกเล่มหนึ่งของ โชปรา ยังบอกอีกว่า ถึงแม้เรามักจะเชื่อมโยงความหมายของ การปล่อย หรือ การยอม นี้ กับคำว่า ยอมแพ้ หรือ อ่อนแอ แต่แท้จริงแล้ว มันกลับเป็นการกระทำอันทรงพลังที่สุดของจิตวิญญาณ ที่ได้นำพาอิสรภาพและความเป็นไปได้อันไม่สิ้นสุดมามอบให้แก่'เรา

เพราะการปล่อย หรือการยอม (ให้มันเป็นไป) คือการที่เรา เกิดความเชื่อมั่นว่า พลังสติปัญญาที่สูงกว่านั้น จะคงดำเนินการให้ทุกสิ่งบรรลุผลได้ แม้ในขณะที่เราไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาของสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่

ณ โลกในระดับของจิตวิญญาณ ทุกๆ สิ่งจะคลี่คลายตัวเอง ออกหรือดำเนินไปอย่างสมบูรณ์แบบอยู่แล้วตลอดเวลา เราไม่จำเป็นต้องต่อสู้ดิ้นรน เพื่อฝืนบังคับหรือเข้าควบคุมสถานการณ์ให้เป็นไปตามวิถีทางเฉพาะของเรา แต่มันมักจะเป็น เพราะจิตที่ประกอบด้วยอัตตา (ego) ที่ทำให้เกิดความเชื่อว่า เราคือ ตัวตนที่แยกออกเป็นเอกเทศ และต้องใช้ความพยายามหรือดิ้นรนในการที่จะอยู่ให้รอด ในโลกที่เราคิดเอาเองว่าไม่เป็นมิตร หรือมีแต่อุปสรรคที่ชอบเข้ามาขวางกั้น

ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ขอให้ตระหนักรู้ว่า เราคือการดำรง อยู่ของจิตวิญญาณ และด้วยการปล่อย หรือการยอมมอบตนเอง ต่อจิตวิญญาณ เราได้ทำให้การต่อสู้ดิ้นรนนั้นจบลง และได้ปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากความกลัว หรือความสงสัย เราได้ปลดเปลื้องตนเองให้พ้นไปจากอุปสรรคที่อัตตาของเราได้สร้างขึ้นเอง

ทั้งหมดนี้สามารถอธิบายได้ว่า จงเรียนรู้ที่จะปล่อยให้มันดำเนินไป หรือให้เป็นไปอย่างมีสติ เฝ้ามองดูให้เห็นว่ามันเป็นอย่าง ที่มันต้องเป็น แต่การหัดเรียนรู้ที่จะปล่อยให้มันดำเนินไป ทั้งหมดในทีเดียวนั้น ไม่อาจจะเป็นไปได้ เพราะนี่คือวิถีทางที่ประกอบไปด้วยก้าวเล็กๆ จำนวนมาก ที่ต้องค่อยๆ เข้าไปแทนที่ปฏิกิริยาตอบโต้แบบอัตโนมัติของเรา ด้วยการมีสติอย่างลึกซึ้งมากขึ้นๆ

ต่อไปนี้คือ บางตัวอย่างของแนวทางปฏิบัติบนวิถีทางดังกล่าว ซึ่งได้พิสูจน์ถึงผลที่ได้รับด้วยตัวของ ดีพัค โชปรา เอง และเขาเชื่อว่าจะเกิดผลต่อคนอื่นเช่นกัน คือ

ตระหนักรู้ถึงความมุ่งมั่นของตนเอง

โชคชะตาของเรา ย่อมจะเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกับจิตวิญญาณของเรา และเชื้อเพลิงที่ทำให้โชคชะตาของเราเคลื่อนไป ก็คือ ความมุ่งมั่น ในแต่ละวันจงมุ่งมั่นหัดเรียนรู้ที่จะปล่อยให้สิ่งต่างๆ ดำเนินไป หรือเห็นได้ว่ามันเป็นอย่างที่มันต้องเป็น เพิ่มขึ้นวันละเล็กละน้อย จงปิดช่องว่างของการแบ่งแยก หรือการตัดสิน เปรียบเทียบ ซึ่งเป็นความหลอกลวงของอัตตา

นอกจากนี้ จงสำรวจดูความมุ่งมั่นที่ผิดๆ ของเรา ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างรูปแบบของความปรารถนาที่ผิดๆ ให้เกิดขึ้น เช่น ฉันอยากเห็นใครบางคนล้มเหลว ฉันอยากเอาคืนให้สาสม ฉันอยากได้ของที่ไม่ใช่ของตัวเอง เป็นต้น บางทีเราก็อาจจะรู้เท่าทันความมุ่งมั่นที่ผิดๆ เหล่านี้ได้ยาก แต่เราสามารถที่จะจำแนกมันได้ด้วยลักษณะของความรู้สึกที่มาพร้อมกับมัน เช่น ความกลัว ความละโมบ ความเร่าร้อน ความสิ้นหวัง หรือความอ่อนแอ จงตรวจสอบที่ความรู้สึกเหล่านี้เป็นอันดับแรก ปฏิเสธที่จะถลำลึกไปกับมัน และคงความรู้ตัวนั้นเอาไว้ จนกว่าเราจะค้นพบความมุ่งมั่นอันไม่เหมาะควรที่แอบแฝงตัวอยู่

ตั้งความมุ่งมั่นของเราให้สูง

จงมุ่งสู่การเป็นบุคคลศักดิ์สิทธิ์ หรือผู้สรรค์สร้างความอัศจรรย์ โชปราบอกว่า ' “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ?” เพราะถ้าหากเราได้รู้แล้วว่าเป้าหมายของการเติบโตภายใน คือ การเข้าถึงซึ่งพลังอำนาจ ในการสรรค์สร้างของพระเจ้า จักรวาล หรือพลังสติปัญญาที่สูงกว่า ดังนั้น เราก็จงขอพลังอำนาจนั้นเสียให้เร็วที่สุด มันไม่ใช่การมุ่งพยายามที่จะสร้างความมหัศจรรย์ แต่จงอย่าปฏิเสธมันต่อตัวเราเช่นกัน จุดเริ่มต้นของพลังอำนาจในการสรรค์สร้าง คือความสามารถในการเห็น... เห็นถึงความมหัศจรรย์ที่กำลังเกิดอยู่รอบๆ ตัวเรา และนั่นจะทำให้สิ่งมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเติบโตได้ง่ายขึ้น

จงเห็นตนเองเป็นแสงสว่าง

อัตตามักจะครอบงำเราเป็นเช่นทาสของมัน โดยทำให้เรารู้สึก ขัดสนและไม่มีพลัง จากความรู้สึกของความขาดแคลนนี้ ได้ก่อให้เกิดผู้หิวโหย ที่จะให้ได้มาซึ่งทุกสิ่งที่อยู่ในสายตา ทั้ง เงิน อำนาจ เซ็กซ์ และความพึงพอใจ ได้ถูกทึกทักเอาว่าจะสามารถเติมเต็มความว่างเปล่าได้ แต่มันไม่เคยเป็นจริง เราสามารถหลบเลี่ยงความ ลวงอันเจ็บปวดนี้ได้ ถ้าเราเห็นตัวเองเป็นแสงสว่าง ความแตกต่างเดียวระหว่างเรากับบุคคลศักดิ์สิทธิ์ คือ แสงสว่างของเรานั้นเล็ก และแสงสว่างของบุคคลศักดิ์สิทธิ์นั้นยิ่งใหญ่ แต่ทั้งสองล้วนคือ แสงสว่าง

จงเห็นคนอื่นทุกคนเป็นแสงสว่าง

ทุกๆ คน มีชีวิตอยู่ในแสงสว่างเดียวกัน เมื่อใดที่เราถูกทดสอบให้ตัดสินคนอื่นๆ ไม่ว่ามันจะชัดเจนแค่ไหนที่เขาหรือเธอคนนั้นสมควรที่จะได้รับมันก็ตาม จงเตือนตัวเราว่า คนทุกคนกำลังทำดีที่สุดแล้ว จากระดับจิตสำนึกของเขาเอง

สร้างความแข็งแกร่งให้ความมุ่งมั่นของเราทุกวัน

ชีวิตเราในแต่ละวัน มีแต่ความสับสนที่วกวนไปมา และอัตตาก็แอบเข้ายึดในทุกสิ่งที่มันต้องการ เราต้องหมั่นเตือนตนเองทุกวันคืน ถึงจุดมุ่งหมายของจิตวิญญาณของเรา บางคนพบว่าวิธีเขียนความมุ่งมั่นของเขาออกมา ช่วยเขาได้เป็นอย่างมาก สำหรับบางคนการมีช่วงเวลาในการทำสมาธิและสวดมนต์เป็นประจำสม่ำเสมอ เกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อเขา ค้นให้พบจุดศูนย์กลางภายในของเรา โดยมองลึกเข้าไปภายในตัวเรา และอย่าปล่อยวางความมุ่งมั่นของเรา จนกว่าจะรู้สึกได้ว่ามันได้เข้าไปอยู่ที่จุดศูนย์กลางภายในตัวเราแล้ว

จงให้อภัยแก่ตัวคุณเอง

เราทุกคนมักตกสู่กับดักของความเห็นแก่ตัวและสิ่งลวงตา เมื่อเราไม่สามารถรู้เท่าทันมันอย่างเพียงพอ ซึ่งเปิดโอกาสให้การทำร้ายกัน การโกหกกันอย่างไม่ใส่ใจ และการชักนำให้เกิดการโกง ได้กลายเป็นโลกของเราเอง เมื่อใดที่ได้เห็น จงให้อภัยต่อความผิดของตัวเอง และบอกตนเองเหมือนกับที่เราบอกต่อผู้อื่นว่า 'ฉันกำลังทำดีที่สุด เท่าที่ฉันสามารถทำได้ จากระดับจิตสำนึกของฉันเอง'

จงอนุญาตให้ธรรมชาติเป็นผู้รับผิดชอบ

คนส่วนใหญ่ติดนิสัยชอบที่จะวิตกกังวล ควบคุม จัดการกับเรื่องหยุมหยิม และสงสัย จงสกัดกั้นนิสัยเหล่านี้เสีย จงอย่าฟังเสียงที่บอกว่า เราจะต้องเข้าควบคุมและหมั่นคอยระแวดระวัง เพราะมันจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้สิ่งใดก็ตามบรรลุผลได้ แทนที่เราจะทำอย่างนั้น จงปล่อยให้จิตวิญญาณได้นำพาหนทางใหม่ๆ มาให้ และจงพึงพอใจที่จะทดลองเรียนรู้มัน จงตั้งมั่นที่จะให้ทุกสิ่งดำเนินการไปอย่างที่มันควรจะเป็น ปล่อยสิ่งที่ยึดถือไว้ลง และเปิดให้โอกาสต่างๆ ได้เข้ามาในวิถีของเรา ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการใช้ความพยายามที่จะควบคุม ย่อมจะไม่เป็นผลที่ดีต่อเรา เท่ากับผลที่เกิดขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ

จงพร้อมอ้าแขนรับต่อสิ่งที่ไม่อาจรู้

วันปีที่ผ่านไป เราได้สร้างทั้งสิ่งที่ชอบและไม่ชอบขึ้นมา และเรียนรู้ที่จะยอมรับแต่สิ่งที่คาดคะเนได้แน่นอน ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นตัวตนที่แท้ของเราจริงๆ อย่างไรก็ตาม เราไม่มีทางที่จะบังคับหรือทำให้ตัวตนที่แท้ของเราปรากฏออกมาได้ในทันที เพราะมันคือความเจ็บปวด ที่จะลอกเปลือกอันหนายิ่งของภาพมายา หรือสิ่งลวงตานั้นออกไป เราต้องยอมให้วิญญาณได้ค่อยๆ เปิดเผย แสดงตัวของมันตามช่วงจังหวะเวลาของมันเอง

โดยตระหนักรู้ว่าสิ่งที่ไม่อาจรู้นั้น กำลังรอคอยเราอยู่... สิ่งที่ไม่อาจรู้ ที่รอจะเผยตัวออกมา ไม่มีอะไรที่เราจะต้องกระทำต่อ 'ตัวตนที่แท้ของเรา' ที่เป็นตัวตนที่หยั่งรู้อยู่แล้ว ซึ่งบางส่วนอันหยั่งรู้อยู่แล้วนี้ มักจะเผยตัวปรากฏออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อใดที่เรารู้สึกถึงแรงดลใจใหม่ๆ... ความคิดที่ยกระดับขึ้น... ญาณทัศนะภายในซึ่งเราไม่เคยได้หยั่งถึงมาก่อน นั่นก็เป็นเพราะเราได้พร้อมอ้าแขนเปิดรับต่อสิ่งที่ไม่อาจรู้ จงโอบกอดมันอย่างนุ่มนวล คล้ายดั่งมันเป็นเช่นเด็กทารก เพราะพระเจ้านั้นอาศัยอยู่ในสิ่งที่ไม่อาจรู้ และเมื่อใดที่คุณสามารถสวมกอดต่อสิ่งไม่อาจรู้ได้อย่างเต็มสมบูรณ์ คุณจะเป็นอิสระอย่างแท้จริง

อ่านสรุปย่อบทความแปลของ ดีพัค โชปรา แล้ว พอจะเปลี่ยนบุคลิกทางใจกันใหม่ได้ไหมคะ ความจริงแล้ว การปฏิบัติธรรม นี่ไม่ใช่อะไรอื่น แต่คือการกลับเข้ามาศึกษาเรื่องกายเรื่องจิตและเรื่องชีวิตของเราเองอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ยึดตามความจำเก่าที่เก็บไว้ในสมอง

ยังมีเวลาเหลือในพรรษานี้อีก 70 วันนะคะ หากยังมองตัวเองไม่ออก ก็ยังมีพรรษาหน้า และพรรษาต่อๆ ไปอีกอย่าง ไม่สิ้นสุด แต่การจะยิงปืนให้ถูกเป้าเคลื่อน ก็ต้องหัดขึ้นไกปืนเอาไว้ก่อน เมื่อเกิดเหตุปัจจุบันทันด่วน จะได้ยิงทันและถูกเป้า

การเลื่อนตนเองออกไปเรื่อยๆ ไม่ทันการณ์แน่ เพราะคนทุกคน ต้องตายภายในเจ็ดวันนี้แน่นอน เมื่อรู้ว่าหนีไม่พ้นความตายกันทุกคนแล้วหนอ ก็ต้องฝึกตั้งใจตรงจะได้ยิงถูกเป้า ห้ามท้อ

อย่าลืมนะคะ เรามียาดี ชนิดฟัง เตรียมไว้ให้พกพา จะเอาไปฟังที่ไหนก็ได้ หากมีเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเล่น CD Mp3 เป็นอันใช้ได้ หากฟังแล้วตั้งใจทำตามจริงๆ ก็จะเห็นผลได้เองไม่เชื่อก็ลองดูซิคะ