ก ญแจรถยนต ถ กความร อน ม ผล หร อไม

เผยแพร่: 8 เม.ย. 2560 18:11 ปรับปรุง: 8 เม.ย. 2560 18:17 โดย: MGR Online

MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอต ที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง www.manager.co.th และเฟซบุ๊ก MGROnline Live แฮชแท็ก

MGROnline

MGRTOP7

สรุปข่าวประจำวันที่ 1-7 เม.ย. 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ในการพระราชพิธีประกาศใช้รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2560

เมื่อวันที่ 6 เม.ย. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชพิธีประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย แล้วพระราชทานรัฐธรรมนูญแก่นายกรัฐมนตรี เมื่อเจ้าพนักงานอาลักษณ์ กองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ประทับพระราชลัญจกร แล้วเชิญไปประดิษฐานบนพานทองที่เสาบัวหน้ามหาสมาคม จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เจ้าพนักงานอาลักษณ์ อ่านกระแสพระราชปรารภประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จบแล้ว ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร ดุริยางค์ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเพลงมหาฤกษ์ ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่ฝ่ายละ 21 นัด และวัดทั่วราชอาณาจักรย่ำระฆังและกลอง

กระแสพระราชปรารภประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ในตอนหนึ่ง ความว่า "แม้ได้มีการยกเลิก แก้ไขเพิ่มเติม และประกาศใช้รัฐธรรมนูญ เพื่อจัดระเบียบการปกครองให้เหมาะสมหลายครั้ง แต่การปกครองก็มิได้มีเสถียรภาพหรือราบรื่น เรียบร้อยเพราะยังคงประสบปัญหาและข้อขัดแย้งต่างๆ บางครั้งเป็นวิกฤติทางรัฐธรรมนูญ ที่หาทางออกไม่ได้ เหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการที่มีผู้ไม่นำพา หรือไม่นับถือยำเกรงกฎเกณฑ์การปกครองบ้านเมือง ทุจริตฉ้อฉลหรือบิดเบือนอำนาจ หรือขาดความตระหนักสำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติ และประชาชน จนทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นผล ซึ่งจำต้องป้องกันและแก้ไขด้วยการปฏิรูป การศึกษาและการบังคับใช้กฎหมาย และเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบคุณธรรมและจริยธรรม"

สำหรับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 มีจำนวนมาตราทั้งหมด 279 มาตรา ผ่านการออกเสียงประชามติเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 16,820,402 เสียง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 เป็นอันสิ้นสุดลง คณะรัฐมนตรีชุดนี้จะยังคงอยู่ต่อไป เช่นเดียวกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จนกว่าจะมีการเลือกตั้ง โดยมีภารกิจสำคัญ 2 เรื่อง ได้แก่ การวางยุทธศาสตร์ชาติระยะยาว และการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ รัฐบาลไม่สามารถระบุได้ชัดแจ้งว่าวันเลือกตั้งจะเป็นเมื่อใด แต่ขอให้โอกาสต่อจากนี้ทุกภาคส่วนจะได้ร่วมมือกันยิ่งขึ้นเพื่อพัฒนาประเทศตามแนวทางประชารัฐ และปฏิบัติตามบทบัญญัติและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ด้วยการสร้างความสามัคคีปรองดอง ตลอดจนรักษาความสงบเรียบร้อย สร้างบรรยากาศที่สงบ และสันติสุข เอื้ออำนวยต่อวาระแห่งชาติที่จะมาถึง

อ่านรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 คลิกที่นี่ อันดับ 2 : คนไทยช็อก! "บิ๊กตู่" สั่งห้ามนั่งแค็บ-ท้ายกระบะ ผิดกฎหมายจับปรับแน่

หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่ง คสช. ที่ 14 และ 15/2560 โดยมีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้รถใช้ถนน ได้แก่ บังคับให้ผู้โดยสารรถยนต์และรถสาธารณะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง รวมทั้ง ห้ามนั่งท้ายกระบะ และห้ามนั่งแค็บ หรือพื้นที่ตอนหลังของห้องโดยสารรถกระบะ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. เป็นต้นไป ส่งผลไปถึงผู้ใช้รถกระบะที่มีจำนวนกว่า 6.2 ล้านคันทั่วประเทศได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะคนต่างจังหวัด ที่แต่ละครัวเรือนนิยมซื้อรถกระบะเป็นยานพาหนะโดยสาร ต่างได้รับความเดือดร้อนจากการถูกตำรวจจับปรับเป็นจำนวนมาก รวมทั้งเทศกาลสงกรานต์ที่มีผู้คนเดินทางกลับภูมิลำเนาก็นิยมนั่งท้ายกระบะเป็นความเคยชิน แม้จะอ้างว่าผิดกฎหมายเพราะใช้รถยนต์ผิดประเภทก็ตาม

เมื่อกระแสความไม่พอใจเกิดขึ้นในโซเชียลมีเดีย โจมตีคำสั่งของหัวหน้า คสช. ที่ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก ในที่สุด พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงแถลงข่าวว่า ในกรณีที่มีคำสั่งห้ามนั่งท้ายรถรถกระบะ และห้ามนั่งแค็บในรถยนต์ 2 ประตูนั้น สามารถอนุโลมได้ไปจนถึงช่วงหลังสงกรานต์ แต่ไม่ระบุช่วงเวลา พร้อมประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจของประชาชน และตระหนักถึงความสำคัญของกฎหมาย ยืนยันว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นความปรารถนาดีของ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลที่ต้องการลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกมายอมรับว่า เป็นคนต้นคิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่นายกฯ เป็นคนตัดสินใจ อันดับ 3 : รวมมิตรแท็กซี่! "ถกลเกียรติ" เจอ 1 พัน - สาวพม่าถูกบีบอมกระปู๋ - ป้ามหาภัยมอบตัว

ภัยจากแท็กซี่นับวันเป็นข่าวมากขึ้นเรื่อยๆ กรณีแรกมีการแชร์คลิปบนโลกโซเชียล เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 เม.ย. นายถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสถานีโทรทัศน์ช่องวัน ถูกคนขับรถแท็กซี่โตโยต้า รุ่นอินโนวา หมายเลขทะเบียน มช 3666 กทม. ทราบชื่อต่อมาคือนายรุ่งนคร ดลกุล อายุ 40 ปี มีปากเสียงกันโดยอ้างว่านายถกลเกียรติทุบรถ พร้อมเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 1,000 บาท นายถกลเกียรติแถลงข่าวยอมรับว่าบันดาลโทสะ โดยใช้เท้าถีบรถ เพราะไม่พอใจที่แท็กซี่ไม่รับผู้โดยสารทั้งที่เปิดไฟว่าง ยืนยันว่าแท็กซี่ไม่ได้รีดเงิน แต่เสนอชดใช้ให้เอง ส่วนโชเฟอร์คู่กรณี ถูกเปรียบเทียบปรับ 2,000 บาท ข้อหาปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร และใช้กริยาวาจาไม่สุภาพ พร้อมเข้าอบรม 3 ชั่วโมง พักใบอนุญาต 30 วัน

อีกกรณีหนึ่ง เมื่อวันที่ 1 เม.ย. สาวชาวเมียนมาวัย 27 ปี เข้าแจ้งความ สน.ห้วยขวาง ระบุว่า ถูกคนขับแท็กซี่สีเหลือง รับมาจากซอยอุดมเกียรติ ถ.สุทธิสารวินิจฉัย เพื่อไปหาเพื่อนที่ย่านพัฒนาการ แต่คนขับแท็กซี่ได้ขับไปจอดบริเวณที่ดิน รฟม. ถนนเทียมร่วมมิตร เขตห้วยขวาง จากนั้นได้พยายามบังคับข่มขืน แต่พบว่ามีประจำเดือน จึงบังคับให้สำเร็จความใคร่ด้วยปาก สาวเมียนมาจึงอาศัยจังหวะที่ใช้ปากอมอวัยวะเพศ กัดจนเลือดสาดแล้ววิ่งหนีออกมา ก่อนรถแท็กซี่ที่ขับผ่านมาจะให้ความช่วยเหลือ กระทั่งวันที่ 5 เม.ย. ตำรวจจับกุมนายคมสรรณ์ โตทิม อายุ 34 ปี ได้ที่ห้องเช่าใน จ.กาญจนบุรี สารภาพว่าต้องการเพียงแค่จะชิงทรัพย์ แต่โมโหที่ผู้เสียหายขัดขืนและมาบีบลูกกระเดือกจึงลงมือทำร้ายร่างกายเพื่อที่จะข่มขืน แต่เมื่อพบว่ามีประจำเดือนจึงให้สำเร็จความใคร่ด้วยปากแทน แต่ก็ถูกกัดอวัยวะเพศ

ส่วนกรณีที่นางผุสดี อัญชัญภาติ อายุ 50 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ขับรถออกนอกเส้นทาง แล้วไล่ผู้โดยสารลงจากรถ และกลายเป็นคลิปบนโลกโซเชียล เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.บางเขน โดยก่อนหน้านี้ถูกออกหมายจับในคดีลักทรัพย์ผู้โดยสารเมื่อปี 2558 ยอมรับว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน ถ้าเครียดจะมีอาการโมโหรุนแรงทันที มักจะทะเลาะกับผู้โดยสารเรื่องเส้นทางหลายครั้ง พร้อมปฏิเสธข้อหาชิงเงินผู้โดยสาร ส่วนการพกพาอาวุธคัตเตอร์นั้นพกไว้ประจำเพื่อใช้ซ่อมรถ ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.บางเขน และ สน.พหลโยธิน ยื่นคำร้องฝากขังต่อศาลอาญา 2 คดี นายวิเชียร เพชรจำนงค์ ทนายความนางผุสดี ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เงินสด ขอปล่อยชั่วคราว ศาลอาญา มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 2 คดี รวม 200,000 บาท อันดับ 4 : ถูกจับได้มีครอบครัวแล้ว-ระแวงจะตีจาก จับมือยิงสาวคุรุสภา ดับคาสนามหญ้า

หลังจากที่ น.ส.วาสนา บุราคร อายุ 37 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนคลัง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตบนสนามหญ้งหน้าสำนักงานคุรุสภา ถนนนครราชสีมา เขตดุสิต กทม. เมื่อเย็นวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา กระทั่งวันที่ 3 เม.ย. นายจำลอง พุ่มมาลัย หรือขาว อายุ 49 ปี คนขับรถคุรุสภา เข้ามอบตัวที่บ้านญาติของภรรยาที่จดทะเบียนสมรสกันที่ข้างวัดเขาแก้ว หมู่ 8 ต.องครักษ์ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง พร้อมของกลางปืนพก 9 มม. ก่อนที่ในวันที่ 4 เม.ย. ตำรวจนำตัวนายจำลองทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางเสียงสาปแช่งของบิดาและญาติ ตะโกนว่า “มึงฆ่าลูกกูทำไม” พร้อมวิงวอนให้ลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว

นายจำลองอ้างว่าสาเหตุที่ยิง น.ส.วาสนามีหลายเรื่อง ก่อนหน้านี้อยู่กินกับ น.ส.วาสนามาได้ 2-3 ปี เวลาเดือดร้อนเรื่องเงินได้ขอให้ น.ส.วาสนา กู้เงินสหกรณ์ฯ ให้ และซื้อรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ซีบีอาร์ 500 ซีซี ในราคา 1 แสนบาทเศษ ก่อนเกิดเหตุราว 1 เดือนเศษ น.ส.วาสนาจับได้ว่าตนมีครอบครัวแล้ว ประกอบกับอ้างว่ามีชายคนใหม่มาติดพัน เพราะเห็นข้อความคุยกับผู้ชายในไลน์ เมื่อสอบถามก็ไม่ยอมรับ รวมทั้งได้แจ้งความในข้อหาลักทรัพย์หลังนำรถไปปะยาง นอกจากนี้เมื่อมีเรื่องระหองระแหง ตนขอทำเรื่องกู้สหกรณ์ฯ แต่ก็เงียบ ผิดกับแต่ก่อน จึงเข้ามาปรับความเข้าใจและขอร้องให้กลับมาอยู่กินกันเหมือนเดิม แต่ด้วยความโมโหจึงชักปืนที่พกมายิงใส่ทันทีจนล้มลงแล้วหลบหนี อย่างไรก็ตาม ทางญาติ น.ส.วาสนาไม่ปักใจเชื่อ ยืนยันว่ามีการโต้เถียงเกี่ยวกับการคบหาคนใหม่ อันดับ 5 : "น้องมิน" เจ้าหญิงนิทรา ดราม่าท่วมเน็ต กังขาเงินบริจาค-ช็อกในผับเกาหลี

จากกรณีที่ น.ส.ระภีภรณ์ นาสะอ้าน หรือ น้องมิน อายุ 25 ปี ชาว จ.กาฬสินธุ์ ขากลับร่างกายอ่อนแรงกะทันหันจนเกิดช็อกหมดสติกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ระหว่างเที่ยวเกาหลีใต้กับเพื่อน ต่อมา ได้ยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือเพื่อขอส่งตัวกลับประเทศผ่านศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย และได้รับความช่วยเหลือจากหลายภาคส่วน ทั้งจากประเทศเกาหลีใต้และประเทศไทย การบินไทยที่เตรียมจัดทีมแพทย์และเที่ยวบิน รวมทั้งครอบครัวของเธอเปิดบัญชีขอรับบริจาคเองด้วยอีกทาง แต่ในเว็บไซต์พันทิปได้มีผู้ตั้งกระทู้ระบุว่า ฐานะทางบ้านไม่น่าจะยากจน แม้จะได้รับความช่วยเหลือแต่ก็ยังไม่ปิดรับบริจาค แถมยังไม่อัพเดตยอดเงินอีกด้วย รวมทั้งสาเหตุที่แท้จริงของการป่วย คือการช็อกในผับและดื่มเหล้า ไม่นับรวมประเด็นการไม่ทำประกันการเดินทาง

อย่างไรก็ตาม ญาติของ น.ส.ระภีภรณ์ ชี้แจงผ่านศูนย์ดำงธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ว่า ยอดเงินบริจาคมีเพียง 2.3 แสนบาท ไม่ได้รับเงินบริจาคจำนวนหลายล้านบาทอย่างที่โลกโซเชียลเข้าใจกัน อีกทั้งบิดาของน้องมิน ต้องเซ็นเอกสารรับสภาพหนี้ที่มีมากกว่า 1.2 ล้านบาท นอกจากนี้ นายคิม แจ จุง นักร้องวง JYJ ได้เดินทางไปเยี่ยมน้องมิน หลังจากทราบข่าวจากเพื่อนคนไทยว่า น้องมิน เป็นแฟนคลับของเขา เคยชมคอนเสิร์ตของเขาที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา และเกิดล้มป่วยขณะอยู่ที่เกาหลีใต้ ก่อนจะมอบเงินเพื่อสมทบทุนค่ารักษาพยาบาลน้องมินเป็นเงิน 20 ล้านวอน หรือประมาณ 6.5 แสนบาทให้กับบิดา ล่าสุด ทีมแพทย์เวชธานี V Flight โรงพยาบาลเวชธานี เคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลับประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 8 เม.ย. เวลา 13.15 น. ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 659 และส่งต่อไปรับการรักษาตัวต่อที่โรงพยาราชวิถี อันดับ 6 : เพราะสันดานถึงต้องตาย! ซ้อมพลทหารดับ ผบ.ทบ. อ้างติดนิสัย - แม่อโหสิกรรมให้

เหตุสะเทือนขวัญในค่ายทหาร อันเนื่องมาจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของทหารบางคนเกิดขึ้นซ้ำซาก ล่าสุด พลทหาร ยุทธกินันท์ บุญเนียม อายุ 22 ปี สังกัดกองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 45 ค่ายวิภาวดีรังสิต จ.สุราษฎร์ธานี ถูกทำร้ายร่างกายระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 45 จนได้รับบาดเจ็บสาหัส 31 มี.ค. และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี เมื่อเวลา 05.00 น. ของวันที่ 1 เม.ย. กระทั่งผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Bom Lung Lang” ได้เผยแพร่ภาพนอนป่วยสาหัสบนเตียงในโรงพยาบาล เกิดเป็นกระแสอย่างกว้างขวาง ขณะที่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก อ้างว่ากรณีดังกล่าว อาจติดนิสัยมาตั้งแต่ในสมัยอดีตในเรื่องของการฝึก เนื่องจากการฝึกพลทหารเพื่อไปทำหน้าที่ดูแลในพื้นที่ชายแดน จึงเข้มงวดกวดขัน และมีการฝึกการจัดระเบียบวินัยที่หนักและลงโทษค่อนข้างรุนแรง

ต่อมาวันที่ 2 เม.ย. พล.ต.วิชัย ทัศนมณเฑียร ผบ.มทบ.45 มีคำสั่งให้ ร.ท.ฐิติกานต์ เวชสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 45 ในฐานะผู้ดูแล และ ส.อ.สุรเชษฐ์ พรหมมาศ สิบเวรคืนวันเกิดเหตุไปช่วยราชการ กระทั่งวันที่ 5 เม.ย. ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกหมายจับ ผู้ต้องหา 9 ราย ในข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นนายทหารประจำการชั้นประทวน 4 นาย ทหารกองประจำการ 5 นาย ประกอบด้วย จ.ส.อ.ยรรยง สำลีเมือง, จ.อ.สนอง คำสีทา, จ.อ.เฉลิมพงษ์ นิลสุวรรณ, จ.อ.ปรเมศร์ เต็มยอด, พลทหาร ศักราวุฒิ พลรัตน์, พลทหาร จักรพันธ์ เขียวสวัสดิ์, พลทหาร ภาคภูมิ สืบมาศ, พลทหาร สิทธิชัย พบยอด ทั้งหมดเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำทหาร และ พลทหาร ภูวเดช ธรายุทธภูมิ ผู้ช่วยสิบเวร และให้ยกคำร้อง ส.อ.สุรเชษฐ์ สิบเวร ซึ่งขั้นตอนต่อไปคณะพนักงาน จะเข้าดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา และสอบสวนปากคำต่อไป ด้านผู้ต้องหา 8 คน พบกับ นางเรณู หมดราคี มารดา ก่อนที่จะนั่งคุกเข่าพนมมือแล้วก้มกราบเท้า ซึ่งมารดาขออโหสิกรรมให้ ก่อนจะฌาปณกิจศพ พลทหาร ยุทธกินันท์ ในวันที่ 10 เม.ย. อันดับ 7 : “สงค์เทรนเนอร์” เก๋งดำขับรถกวนประสาท ศาลสั่งกักขัง 15 วัน เจ้าตัวสำนึกผิด

กระแสการขับรถโดยไม่มีมารยาทยังเกิดขึ้นบนท้องถนน เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Boatter Nithi โพสต์คลิปจากกล้องหน้ารถ บันทึกเหตุการณ์รถเก๋ง โตโยต้า วิช สีดำ หมายเลขทะเบียน ษม 4964 กทม. ขับสายไปส่ายมา และขวางรถยนต์คันหน้า บนถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 เขตประเวศ กทม. ก่อนที่จะจอดรถที่หน้าร้านสะดวกซื้อ และมีผู้ถ่ายคลิปนำมาเผยแพร่ โดยผู้ขับขี่รถเก๋งคันดังกล่าว คือ นายประสงค์ เรืองศิริกูลชัย อายุ 49 ปี อุปนายกสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน สน.อุดมสุข ในข้อหาขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าที่ทำไปเพราะโมโหและต้องการสั่งสอน เนื่องจากมีรถหลายคันที่ขับช้าและแช่เลนขวา นอกจากนี้ ยังโพสต์เฟซบุ๊กอ้างอีกด้วยว่าที่ขับรถแย่แบบนั้นเพื่อต้องการเทรนให้คนขับรถเก่งขึ้น จนถูกชาวเน็ตตั้งฉายาให้ว่า “สงค์เทรนเนอร์”

กระทั่งวันที่ 7 เม.ย. ศาลจังหวัดพระโขนงพิพากษา ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 15 วัน คำให้ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงเปลี่ยนโทษจำคุกให้เป็นการกักขังแทนเป็นเวลา 15 วัน ปรับเงิน 5,000 บาท และพักใช้ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์เป็นเวลา 6 เดือน รวมทั้งยึดรถยนต์ของกลางไว้ โดยให้จำเลยใช้สิทธิยื่นเรื่องอุทธรณ์ขอรถยนต์คืนภายใน 1 เดือน อย่างไรก็ตาม ญาติของนายประสงค์ได้นำเงินสดจำนวน 30,000 บาทขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวตามคำร้อง ทั้งนี้ เจ้าตัวโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ขอโทษและเสียใจที่สร้างความเดือดร้อน ใช้อารมณ์ในการขับรถมากเกินไป ยืนยันว่าสำนึกผิดแล้ว ขอความกรุณาอย่าแอบอ้างชื่อ ภาพ เบอร์โทรศัพท์ ที่ทำงานของตน และครอบครัว ในเรื่องที่เสื่อมเสียและไม่เกี่ยวข้อง