จากภาพจะเห็นพุกสองขนาดคือ เบอร์ 6 และเบอร์ 7 โดยจะเห็นตัวเลขที่พุก เราก็เลือกดอกสว่านให้ถูกขนาดด้วยครับ Show
3. คราวนี้เรามาใช้งานถุงพลาสติคกับสก๊อตเทปกันครับ นำถุงพลาสติคที่เราเตรียมไว้มาติดด้วยสก๊อตเทป ใช้สก๊อตเทปความยาวประมาณ 4-6 นิ้ว โดยติดแถบบนที่ปากถุงครับ ถุงนี้ใช้เพื่อรองเศษฝุ่นผงปูนที่เกิดจากการเจาะผนังครับ ไม่งั้นเราต้องมากวาดเศษผงปูน 4. หลังจากนั้นเอาถุงพลาสติคที่เราติดสก๊อตเทปมาติดบริเวณใต้จุดที่เราจะเจาะรูครับ โดยติดต่ำกว่าจุดที่เราจะเจาะรูประมาณ 1 เซ็นติเมตร แล้วกางถุงออกไว้รับเศษผงจากการเจาะรู 5. จากนั้นก็ปรับสว่านเป็นแบบเจาะกระแทก แล้วเจาะตามตำแหน่งที่เราต้องการ โดยเจาะแล้วดูระยะที่เราขีดไว้บนดอกสว่านด้วยครับ เพื่อที่จะเจาะรูได้ขนาดความลึกพอดีกับพุก เศษผงปูนที่เกิดจากการเจาะจะหล่นไปในถุงพลาสติกที่เรารองรับไว้ครับ 6. หลังจากเจาะได้ขนาดและความลึกที่ต้องการแล้ว ก็แกะเอาถุงพลาสติคที่มีเศษผงปูนออกไปทิ้ง แล้วเอาค้อนกับพุกมาใส่ครับ โดยใช้ค้อนตอกเข้าไปมันจะแน่นพอดีกับรูที่เราเจาะไว้ครับ แม้ว่าการวินิจฉัยโรคในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีก้าวหน้ามากเพียงใด แต่ในบางครั้งการตรวจด้วยวิธีการเหล่านั้น เช่น การตรวจเลือด การเอกซเรย์ ก็ไม่สามารถให้คำตอบที่เพียงพอต่อการรักษาโรคได้ การนำเนื้อเยื่อเล็กๆ หรือ ของเหลวเพียงบางส่วนจากอวัยวะภายในร่างกายของผู้ป่วยมาทำการวินิจฉัยด้วยการส่องกล้องจุลทรรศน์ หรือวิธีทางพยาธิวิทยาจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการบอกว่าผู้ป่วยเป็นโรคอะไรและแพทย์จะสามารถวางแผนการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุดต่อไปอย่างไร โชคดีที่ในปัจจุบันเราไม่ต้องทำการผ่าตัดเมื่อนำเนื้อเยื่อภายในร่างกายออกมาอีกแล้ว ทำให้เราหลีกเลี่ยงการดมยาสลบ, การมีแผลผ่าตัด และการนอนในโรงพยาบาลเป็นเวลาหลายวัน จากการพัฒนาของเทคโนโลยี 2 ประการ คือ เทคโนโลยีการวินิจฉัย และเทคโนโลยีของเข็มชนิดพิเศษที่ใช้ในการตัดชิ้นเนื้อ ทำให้เราสามารถทำการผ่าตัด ดูดชิ้นเนื้อ ได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัย และไม่ต้องผ่าตัด การเจาะตัดชิ้นเนื้อผ่านผิวหนังด้วยเข็มขนาดเล็กการเจาะตัดชิ้นเนื้อผ่านผิวหนังด้วยเข็มขนาดเล็ก (Percutaneous Core Needle Biopsy) เป็นการพัฒนาเทคโนโลยี 2 ประการ คือ
ด้วยเทคโนโลยีดังกล่าวทำให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยที่แม่นยำ ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดมยาสลบ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล (บางอวัยวะอาจต้องสังเกตอาการในโรงพยาบาล 1 คืน) และแผลมีขนาดเล็กหรืออาจมองไม่เห็นแผล ก่อนการตัดชิ้นเนื้อด้วยเข็ม มีขั้นตอนการเตรียมตัวอย่างไร
ขั้นตอนการตรวจ
อันตรายหรือภาวะแทรกซ้อนโดยทั่วไปในการตรวจเพื่อตัดชิ้นเนื้อด้วยเข็มจะมีความปลอดภัยสูง เพราะใช้เพียงเข็มขนาดเล็ก อีกทั้งการมีเครื่องมือทางรังสีวินิจฉัยในการนำทางทำให้หลีกเลี่ยงการมีผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญ โดยเฉพาะหลอดเลือดได้เป็นอย่างดี โอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาวะแทรกซ้อนเล็กน้อย เช่น รอยช้ำจากก้อนเลือด หรือเลือดออกในปริมาณไม่มากบริเวณแผล ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่ในบางกรณีอาจเกิดขึ้นได้ เช่น การตกเลือดภายในอาจพบได้ไม่เกินร้อยละ 5 – 10 ซึ่งมีน้อยรายมากที่ต้องได้รับการให้เลือดทดแทน กรณีการเกิดชิ้นเนื้อที่ปอดอาจเกิดภาวะลมรั่วในเนื้อเยื่อหุ้มปอดได้ ประมาณร้อยละ 10 ซึ่งส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการและไม่ต้องให้การรักษาใดๆ จะทราบผลการการตรวจชิ้นเนื้อทันทีหรือไม่โดยทั่วไปจะใช้เวลาในการตรวจชิ้นเนื้อในกระบวนการทางพยาธิวิทยาประมาณ 2 วัน ซึ่งเรามักจะนัดให้ผู้ป่วยมาฟังผลภายหลังเพื่อวางแผนการรักษาร่วมกันต่อไป และโอกาสในการที่ชิ้นเนื้อที่นำไปตรวจไม่เพียงพอต่อการวินิจฉัย หรือชิ้นเนื้อที่ตัดได้ไม่ตรงกับบริเวณที่ต้องการมีได้ประมาณร้อยละ 5 การปฏิบัติตัวภายหลังการตัดชิ้นเนื้อผู้ป่วยสามารถอาบน้ำได้ตามปกติและเปลี่ยนผ้าพันแผล โดยปิดพลาสเตอร์ปิดแผลขนาดเล็กไว้อีก 1-2 วัน โดยไม่ต้องมีการทำความสะอาดแผลหากมีอาการปวดให้ทานยาแก้ปวด แต่หากแผลมีลักษณะอักเสบหรือบวมให้แจ้งแพทย์หรือพยาบาลทราบเพื่อพิจารณาการรักษาต่อไป |