การนำเข าภาพจากกล างด จ ท ล ม ก ข นตอน

เผยแพร่: 23 ต.ค. 2551 08:29 โดย: MGR Online

กระทรวงวิทย์ร่วมกับสมาคมพันธมิตร ระดมสุดยอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมฝีมีคนไทยกว่า 200 ผลงาน จัดแสดงในเทคโนมาร์ท-อินโนมาร์ท 2008 หวังกระตุ้นคนไทยสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ พร้อมเปิดเวทีเจรจาธุรกิจให้ผู้ประกอบการนำไปต่อยอด ด้านระบบผลิตน้ำมันจากขยะพลาสติกคว้ารางวัลสุดยอดเทคโนโลยีเครื่องจักรกลยอดเยี่ยมแห่งปี

เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เป็นประธานในงานแถลงข่าวการจัดงานเทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทย ประจำปี 2551 หรือ เทคโนมาร์ท-อินโนมาร์ท 2008 (Techno Mart-Inno Mart 2008) งานแสดงนิทรรศการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเครื่องจักรกลฝีมือคนไทย ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-28 ต.ค.51 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม ไบเทค บางนา พร้อมกันนี้ได้มีการประกาศผลรางวัลเทคโนโลยีเครื่องจักรกลยอดเยี่ยมประจำปี 2551 โดยมีมีสื่อมวลชนให้ความสนใจมากมาย

นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า งานเทคโนมาร์ท-อินโนมาร์ท จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2544 และจัดต่อเนื่องกันทุกปี ซึ่งเป็นงานที่รวบรวมเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของคนไทยมาจัดแสดงร่วมกัน เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการและคนทั่วไปที่สนใจได้เข้าชมงาน และเข้าถึงเทคโนโลยีและนักวิจัยได้ง่ายขึ้น ช่วยจุดประกายให้คนไทยใช้ความสามารถเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเป็นของตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาต่างชาติ และสามารถต่อยอดไปเป็นธุรกิจที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศชาติได้

ด้าน ดร.สุจินดา โชติพานิช ปลัด วท. กล่าวกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่า กระทรวงวิทย์ฯ ได้จัดงานนี้ขึ้นโดยร่วมกับสมาคมเครื่องจักรกลแห่งประเทศไทย สมาคมนักประดิษฐ์แห่งประเทศไทย และสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์

"ภายในงานจะมีงานแสดงนิทรรศการเทคโนโลยีเครื่องจักรกลที่พัฒนาโดยฝีมือคนไทย ซึ่งสามารถนำไปใช้งานได้จริงในเชิงพาณิชย์ รวมถึงผลงานที่ได้รับรางวัลเทคโนโลยีเครื่องจักรกลยอดเยี่ยมประจำปี 2551 ทั้ง 3 สาขา รวมแล้วกว่า 200 ผลงาน เช่น ระบบผลิตน้ำมันจากขยะพลาสติก กังหันลมผลิตไฟฟ้าแกนตั้ง เครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องกรองน้ำเชื่อมความดันแบบแนวตั้ง เครื่องฉีดพลาสติก เครื่องฟอกไต เป็นต้น"

"ส่วนไฮไลต์ของงานคือนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงแสดงพระปรีชาสามารถด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมผ่านโครงการในพระราชดำริต่างๆ" ดร.สุจินดา กล่าว และนอกจากนี้ยังมีการบรรยายพิเศษ การเจรจาธุรกิจด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมและหว่างผู้ประกอบการที่สนใจกับเจ้าของเทคโนโลยี รวมถึงการแสดงสินค้านวัตกรรมในราคาถูกให้ผู้สนใจเลือกซื้อได้

สำหรับผลงานที่ได้รับรางวัลเทคโนโลยีเครื่องจักรกลยอดเยี่ยมประจำปี 2551 มีดังนี้

รางวัลเทคโนโลยีเครื่องจักรกลยอดเยี่ยม สาขาเครื่องจักรกลเพื่อพลังงานและสิ่งแวดล้อม รางวัลที่ 1 ระบบผลิตน้ำมันจากขยะพลาสติก โดย บริษัท เทอร์ม เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด รางวัลที่ 2 กังหันลมผลิตไฟฟ้าแกนตั้ง โดย บริษัท พลังงานธรรมชาติ จำกัด

รางวัลเทคโนโลยีเครื่องจักรกลยอดเยี่ยม สาขาเครื่องจักรกลการผลิต รางวัลที่ 1 เครื่องเป่าขวดพลาสติก โดย บริษัท ซินโกเทคโนโลยี จำกัด รางวัลที่ 2 เครื่องกัดโฟม ซี เอ็น ซี ขนาดใหญ่ โดย บริษัท สปาร์ แมคคาทรอนิคส์ จำกัด

รางวัลเทคโนโลยีเครื่องจักรกลยอดเยี่ยม สาขาเครื่องจักรกลการเกษตร รางวัลที่ 1 เครื่องเกี่ยวนวดข้าวโพด โดย บริษัท เกษตรพัฒนาอุตสาหกรรม จำกัด รางวัลที่ 2 รถบรรทุกผลผลิตทางการเกษตร แบบยกเป่า ขนส่งด้วยลม โดย บริษัท สุธี แท็งเกอร์ แอนด์ สเปเชียลทรัค จำกัด

ส่วนรางวัลสุดยอดเทคโนโลยีเครื่องจักรกลยอดเยี่ยมประจำปีนี้ ได้แก่ ระบบผลิตน้ำมันจากขยะพลาสติก โดย บริษัท เทอร์ม เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด

นายสมสิทธิ์ มูลสถาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ม เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด กล่าวกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่า ได้พัฒนาระบบการผลิตน้ำมันจากขยะพลาสติกมาเป็นเวลา 3 ปี โดยใช้เทคโนโลยีไพโรไลซิส (Pyrolysis) ขยะพลาสติก 1 กิโลกรัม สามารถผลิตน้ำมันได้ 1 ลิตร ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 10 ตันต่อวัน สามารถช่วยลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศได้ปีละ 2 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่าราว 40 ล้านบาท

น้ำมันที่ผลิตได้เป็นดีเซลผสมกับเบนซิน โดยส่วนใหญ่ราว 80% เป็นดีเซล ซึ่งได้ส่งไปทดสอบประสิทธิภาพน้ำมันกับบริษัทบางจาก, ปตท. และไออาร์พีซี สามารถนำไปใช้ได้กับรถตัดหญ้า เครื่องจักรกลการเกษตร หรือใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องปั่นไฟฟ้า

เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนำไปใช้ในท้องถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งจะช่วยขจัดปัญหาขยะพลาสติกในชุมชนได้ และยังสามารถนำไปใช้ได้กับรถเครื่องยนต์ดีเซล โดยนำไปผสมกับน้ำมันดีเซลในอัตราส่วน 50:50 ซึ่งในอนาคตจะพัฒนาให้ระบบนี้สามารถผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงจากขยะพลาสติกได้น้ำมันดีเซล 100%

ของต้องห้ามหรือต้องมีใบอนุญาต ในการนำเข้า/ส่งออก

  1. หน้าหลัก
  2. ของต้องห้ามหรือต้องมีใบอนุญาต ในการนำเข้า/ส่งออก
  3. ของต้องห้าม หมายถึงของที่มีกฎหมายกำหนดห้ามนำเข้ามาหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรโดยเด็ดขาด และในบางกรณีห้ามการส่งผ่านด้วย ผู้ใดนำสินค้าต้องห้ามเข้ามาหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรจะมีความผิดต้องรับโทษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและเป็นความผิดตามมาตรา 244 และ มาตรา 246 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ด้วย ตัวอย่างสินค้าต้องห้ามในการนำเข้า-ส่งออก มีดังนี้
    1. วัตถุลามก การนำเข้าและส่งออกวัตถุลามก ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบหนังสือ ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งที่พิมพ์ขึ้น รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย และภาพยนตร์ลามกหรือวัตถุลามกอื่น ๆ
    2. สินค้าที่มีตราหรือลวดลายเป็นรูปธงชาติ
    3. ยาเสพติดให้โทษ
    4. เงินตรา พันธบัตร ใบสำคัญรับดอกเบี้ยพันธบัตรอันเป็นของปลอมหรือแปลง เหรียญกษาปณ์ที่ทำให้น้ำหนักลดลงโดยทุจริต ดวงตราแผ่นดิน รอยตราแผ่นดินหรือพระปรมาภิไธย ดวงตราหรือรอยตราของทางราชการอันเป็นของปลอม
    5. สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น แถบบันทึกเสียง (เทปเพลง) แผ่นบันทึกเสียง (คอมแพคดิสก์) แถบบันทึกภาพ (วีดีโอเทป) โปรแกรม คอมพิวเตอร์ หนังสือ หรือสินค้าอื่นใดที่ทำซ้ำหรือดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่น
    6. สินค้าปลอมแปลงหรือเลียนแบบเครื่องหมายการค้า
  4. ของต้องกำกัด หมายถึงสินค้าที่มีกฎหมายกำหนดว่าหากจะมีการนำเข้า-ส่งออกหรือผ่านราชอาณาจักรจะต้องได้รับอนุญาตหรือปฏิบัติให้ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายนั้น ๆ เช่น ต้องมีใบอนุญาตการนำเข้าและส่งออก ต้องปฏิบัติตามประกาศอันเกี่ยวกับฉลากหรือใบรับรองการวิเคราะห์ หรือเอกสารกำกับยา เป็นต้น ผู้ใดนำของต้องกำกัดเข้ามา หรือส่งออก หรือส่งผ่านราชอาณาจักรโดยมิได้รับอนุญาตหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดไว้ให้ครบถ้วน จะมีความผิดตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายนั้น ๆ และเป็นความผิดตามมาตรา 244 และ มาตรา 246 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ด้วย ตัวอย่างสินค้าที่มีมาตรการนำเข้า,สินค้าที่มีมาตรการส่งออก,สินค้ามาตรฐานและมาตรฐานสินค้า

วันที่ปรับปรุงล่าสุด : 8 มกราคม 2561 15:19:32 จำนวนผู้เข้าชม : 352,333

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : กองกฎหมาย (กกม.) กรมศุลกากร เลขที่ 1 ถ.สุนทรโกษา คลองเตย กทม. 10110 หมายเลขโทรศัพท์ : 1164 อีเมล์ : [email protected]