กล องส องด ดาวท ม กำล งขยายส งส ดอย ประเทศอะไร

เผยแพร่: 8 ส.ค. 2554 09:24 โดย: MGR Online

(ซ้ายบน) ผนังวงแหวน (ขวาบน) อาคารหอดูดาวกับอาคารควบคุม (ซ้ายล่าง) ฐานตั้งกล้องโทรทรรศน์ 2.4 เมตร และ (ขวาล่าง) อาคารหอดูดาว

ลงพื้นที่สำรวจ “หอดูดาวแห่งชาติ” บนดอยอินทนนท์แล้วเสร็จ 78% รอประกอบโดม ส่วนตัวกล้อง 2.4 เมตรอยู่ระหว่างขนส่ง คาดมาถึงไทย ต.ค.นี้ แล้วจะเสร็จสมบูรณ์ ม.ค.55 พร้อมติดตั้งกล้องโทรทรรศน์ขนาดเล็ก 0.6 เมตร ควบคู่บนอาคารควบคุม

ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ พร้อมสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งได้รับเชิญจากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) เพื่อเยี่ยมชมการก่อสร้างหอดูดาวแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งตั้งอยู่ ณ สถานีทวนสัญญาณ ทีโอที (กม.44.4) อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง และสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 2,457 เมตร

นายสาธิต สุขสว่าง ผู้ควบคุมงานโครงการหอดูดาวแห่งชาติ สดร.เผยว่า การก่อสร้างหอดูดาวแล็วเสร็จไป 78% โดยขณะนี้ได้ก่อสร้างผนังวงแหวน (Ring Wall) และฐานตั้งกล้อง (Pier) แล้วเสร็จโดยมีความสูง 11.50 เมตร หลังจากนี้คือการติดตั้งโดมซึ่งมีชิ้นส่วนกว่า 3,000 ชิ้น โดย สดร.ได้ตรวจรับงานจากโรงงานที่ จ.สมุทรสาครแล้ว และทางโรงงานได้ถอดประกอบเพื่อนำมาติดตั้งใหม่ที่สถานก่อสร้างหอดูดาว

ส่วนกล้องโทรทรรศน์เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.4 เมตรนั้น ทาง สดร.ได้ตรวจรับจากบริษัทผู้ผลิตที่สหรัฐฯ แล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างขนส่งทางเรือ ซึ่งคาดว่าจะมาถึงไทยในเดือน ต.ค. และทางเจ้าหน้าที่กำลังวางแผนการขนส่งกล้องดูดาวมูลค่ากว่า 200 ล้านบาทจากท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี โดยเบื้องต้นจะให้ตำรวจทางหลวงช่วยอำนวยความสะดวก และในการก่อสร้างนั้นนายสาธิตคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในเดือน ธ.ค.54-ม.ค.55 ส่วนการใช้งานจริงจะเริ่มได้ราวกลางปี 2555

นายสาธิตกล่าวว่าการถ่ายภาพดาราศาสตร์ต้องการความคมชัดจึงต้องออกแบบอาคารให้ส่วนที่รองรับกล้องโทรทรรศน์มีความแข็งแรงและไม่สั่นสะเทือน จึงต้องตอกเสาเข็มลงไปลึกถึง 21 เมตร โดยในส่วนของฐานตั้งกล้องใช้เสาเข็มเส้นผ่านศูนย์กลาง 60 เซนติเมตรทั้งหมด 13 ต้น และส่วนของผนังวงแหวนใช้เสาเข็มขนาดเดียวกัน 9 ต้น

“การก่อสร้างทุกส่วนจะคาดเคลื่อนและผิดเพี้ยนได้ไม่เกิน 5 มิลลิเมตร ซึ่งเราตรวจสอบตลอด โดยใช้กล้องวัดระดับและตรวจซ้ำด้วยกล้องเลเซอร์อีกครั้ง หลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จหอดูดาวจะมีความสูงทั้งหมด 18.55 เมตร นอกจากกล้องขนาดใหญ่แล้ว ที่อาคารควบคุมยังได้ก่อสร้างฐานติดตั้งกล้องโทรทรรศน์ขนาด 0.6 เมตร เพื่อใช้ในงานวิจัยดาราศาสตร์ที่ไม่ต้องการความละเอียดมากนัก” นายสาธิตกล่าว

“กลอเซโล” ชื่อนี้เป็นภาษาปกาเกอะญอ หมายถึง “ดินแดนแห่งต้นไม้” หรือ “เมืองต้นไม้” เดิมกลอเซโลเป็นชื่อเรียกขาน “หมู่บ้านกลอเซโล” ที่ตั้งอยู่ที่ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน

หมู่บ้านกลอเซโล ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าสาละวิน อุทยานแห่งชาติสาละวิน เป็นหมู่บ้านตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมา ที่ตั้งขึ้นตามยุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดน

ชาวบ้านกลอเซโลเป็นชาว “ปกาเกอะญอ” (กะเหรี่ยง) ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำเกษตร ทำไร่หมุนเวียน ปลูกข้าว ปลูกถั่ว รวมถึงปลูกไม้ผลและกาแฟใต้ร่มเงาในพื้นที่ป่าตามหลักปรัชญาเศรฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ (ภายใต้โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงแม่สามแลบ)

ชุมชนกลอเซโลเป็นบ้านเล็กในป่าใหญ่ที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม บริเวณชุมชนเป็นจุดชมทะเลหมอกชั้นเยี่ยม มีไฮไลท์คือบรรยากาศของทะเลหมอก 2 แผ่นดินไทย-พม่า อันงดงามตระการตา แต่ว่าเส้นทางขึ้น-ลง หมู่บ้านเชื่อมระหว่างพื้นล่างนั้นมีความยากลำบากโหดหิน เป็นถนนดินขึ้นเขาคดเคี้ยว เป็นหลุมเป็นบ่อ ต้องลุยน้ำลุยโคลนในบางช่วง (ตามฤดูกาล)

เดิมกลอเซโลเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวสายผจญภัย ไม่ว่าจะเป็นสายออฟโรด สายบิ๊กไบค์ มอเตอร์ไซค์วิบาก ที่นิยมขับรถตะลุยเที่ยวไปในเส้นทางที่ลำบากสมบุกสมบัน

หลายคนเมื่อขับรถขึ้นมาเที่ยวก็มักจะนำอาหาร ขนม ผ้าห่ม เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ มาบริจาคให้กับเด็ก ๆ และชาวบ้านกลอเซโล จากนั้นก็โพสต์ภาพหมู่บ้าน โรงเรียน และวิวทิวทัศน์อันงดงามของพื้นที่ลงในโซเชียล สร้างความรับรู้ให้ใครหลาย ๆ คน “อยาก” ขึ้นมาเยือนที่นี่สักครั้ง (หรือหลาย ๆ ครั้ง) โดยเฉพาะภาพความงามของทะเลหมอก 2 แผ่นดินแห่งกลอเซโลนั้น ถือเป็นแม่เหล็กดึงดูดชั้นเยี่ยม ซึ่งในช่วงหน้าหนาวที่นี่มีโอกาสสูงถึงราว 80-90 % ที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นทะเลหมอกอันงดงามกว้างไกล

จากนั้นเมื่อชื่อกลอเซโลเริ่มเป็นที่รู้จัก มีคนเดินทางฝ่าความสมบุกสมบันขึ้นมาชมความงามของที่นี่ ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนหนึ่งที่พอมีทุนรอนก็ปรับพื้นที่เป็นลานกางเต็นท์-จุดแคมป์ปิ้ง แบบง่าย ๆ ในบรรยากาศดิบ ๆ เป็นธรรมชาติ แต่เน้นขายวิวทิวทัศน์อันงดงามของพื้นที่ ซึ่งนี่เป็นดังปฐมบทของการเปิดมิติการท่องเที่ยวแห่งกลอเซโลแบบเกือบ ๆ จะเป็นทางการ หนุนส่งให้จุดชมวิวบริเวณนี้มีชื่อเสียงภายในเวลาอันรวดเร็ว

ยิ่งกอปรกับมีดราม่านักท่องเที่ยวไร้สำนึกบางคน ขับรถแบบไม่สนสี่สนแปด เน้นเอามัน เอาเท่ มุ่งทำคอนเทนต์เอาแต่ได้ เปลี่ยนเส้นทางขึ้นกลอเซโลให้กลายเป็น “สนามประลองความท้าทาย” จนถนนพังเสียหาย ฝุ่นฟุ้งกระจายตลบอบอวล สร้างความเดือดให้กับสภาพพื้นที่ จนถึงขนาดที่ชาวบ้านในพื้นที่ต้องออกมาวอน ขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวให้ “ช่วยลดความเร็วลงหน่อย” เพราะมันส่งผลกระทบต่อสุขภาพของชาวบ้าน สร้างความเสียหายต่อชุมชน รวมถึงยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจนเป็นอันตรายต่อตัวนักท่องเที่ยวเอง ซึ่งนี่ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำชื่อเสียงของกลอเซโลให้โด่งดังสุดปังเพียงชั่วข้ามคืน

กลอเซโล อลังการทะเลหมอก 2 แผ่นดิน

หลังมีชื่อเสียงโด่งดัง มีคนเดินทางขึ้นมาเที่ยวไม่ขาดสาย ปัจจุบันคำเรียกขาน “กลอเซโล” จึงไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่หมู่บ้านกลอเซโลเท่านั้น หากแต่หมายรวมถึงพื้นที่ของแนวขุนเขา ม่อน และยอดเขาในบริเวณนี้ ที่มีทั้งหมู่บ้าน (อื่น) หย่อมบ้าน จุดชมวิวและลานกางเต็นท์ต่าง ๆ ของเอกชน

ปัจจุบันบริเวณยอดเขากลอเซโล มีจุดชมวิวและลานกางเต็นท์ในบรรยากาศแคมป์ปิ้งของชาวบ้านในพื้นที่อยู่ราว 5-6 แห่ง (และกำลังจะผุดขึ้นมาอีกเรื่อย ๆ) อาทิ ขุนกลอเซโล, ป้ายโรงเรียนบ้านกลอเซโล, บลอโล กลอเซโล, กลอ-เซ-โล ม่อนภพฟ้า และ “จุดชมวิวกลอเซโล” ที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของยอดเขากลอเซโล

จุดชมวิวกลอเซโล ตั้งอยู่ห่างจากตัวหมู่บ้านกลอเซโลไปประมาณ 3 กิโลเมตร ที่นี่เป็นทั้งจุดชมวิวและลานกางเต็นท์แคมป์ปิ้งที่เน้นบรรยากาศธรรมชาติ มีห้องน้ำให้บริการ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แต่มีวิวสวย ๆ งาม ๆ เป็นสิ่งมัดใจนักท่องเที่ยว

จุดชมวิวกลอเซโลมีลานแคมป์ปิ้งลานกางเต็นท์เหนือทะเลหมอก ยามเช้าตื่นขึ้นมาเราสามารถมองเห็นทะเลหมอกลอยละล่องอยู่เบื้องล่างดูงดงาม โรแมนติกชวนฝันกระไรปานนั้น

นอกจากนี้ที่นี่ยังสามารถชมวิวได้หลายทิศทางรวมถึงมี “ภาพจำ” ของระเบียงชมวิวที่ทำจากไม้ไผ่ยืนออกไปบนเนินเล็ก ๆ เป็นจุดที่จัดไว้ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปถ่ายรูป เซลฟี่ นั่ง-ยืน-เดิน หรือทำมีมแอ๊คท่าถ่ายรูปคู่กับทะเลหมอก 2 แผ่นดินอันสวยงามกว้างไกล ซึ่งต่อมาจุดนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกลอเซโลไปโดยปริยาย

แม่สะเรียง-กลอเซโล

นอกจากจุดชมวิวและลานกางเต็นท์ตามที่กล่าวมาแล้ว ขุนเขากลอเซโลยังมี “ม่อนเดียวดาย” เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวและลานกางเต็นท์มาแรง ซึ่งทริปนี้ผมกับคณะเลือกใช้ที่นี่เป็นจุดแคมป์ปิ้งเสพบรรยากาศกลางคืนดูดาว-ตอนเช้าชมทะเลหมอกบนกลอเซโลแบบปลอดสัญญาณเน็ตกัน

สำหรับเส้นทางสู่กลอเซโลนั้นมีอยู่หลายเส้นทางด้วย ที่โหดสุด ยากสุด ก็คือ เส้นทาง 18 กม. เป็นเส้นทางลัดที่จากแยกไปบ้านแม่สามแลบ จะมีเส้นทางขึ้นเขาวิ่งผ่านโรงเรียนบ้านกอมูเดอ และโรงเรียนบ้านกลอเซโล ระหว่างทางเป็นถนนดินขึ้นเขาคดโค้ง มีหลุมบ่อ ถนนโคลน และร่องน้ำหลายจุด ทำเอามอเตอร์ไซค์หลายคันมาล้มคว่ำหัวทิ่มหัวตำบนเส้นทางสายนี้กันนักต่อนักจนได้ชื่อว่าเป็น “เส้นทางในตำนาน”

ส่วนเส้นทางที่ผมขึ้นกลอเซโลเป็นเส้นทางอ้อม โดยจากเชียงใหม่เราเดินทางมาใช้บริการรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ ของชุมชนที่ วัดจอมแจ้ง (จุดนัดพบ) อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อขึ้นไปนอนบนม่อนเดียวดาย

เส้นทางนี้ได้ชื่อว่าเป็นเส้นทาง 46 กม. (เริ่มนับตั้งแต่ อ.สบเมย แต่หากนับจาก อ.แม่สะเรียง จะมีระยะทางราวกว่า 75 กม.นิด ๆ) จากตัว อ.สบเมย วิ่งมาทางถนนหมายเลข 105 เข้าสู่ทางแยกบ้านแม่คะตวน (ฝั่งตรงข้ามเป็นถนนลำลองไปดอยพุยโค) แล้วขับตรงไปเรื่อย ๆ ระหว่างทางจะมีจุดชมวิว “บ้านห้วยกองมูล” ที่ทำเป็นระเบียงและสกายวอล์คเล็ก ๆ สีชมพูให้แวะพักถายรูปชมวิวทิวทัศน์ของ อ.สบเมย ก่อนออกเดินทางมุ่งหน้าต่อสู่ยอดเขากลอเซโล

จากนั้นจะเป็นเส้นทางลาดยางสลับคอนกรีต แล้วต่อด้วยเส้นทางถนนลูกรังประมาณ 25 กม. (มีแซมถนนคอนกรีตบ้างบางช่วง) ขึ้นสู่บ้านบุญเลอ ระหว่างบางช่วงเป็นถนนลอยฟ้าที่ 2 ข้างทางเป็นหุบเหว แต่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม บางช่วงเป็นถนนวิ่งผ่านผืนป่าใหญ่อันร่มรื่นเขียวครึ้ม มีหมู่บ้าน หย่อมบ้าน ตั้งแทรกตัวอยู่เป็นจุด ๆ รวมถึงมีน้ำตกนิรนามไหลชุ่มฉ่ำอยู่ริมทางให้ได้ชมกันเพลินตา

หลังจากนั้นเส้นทางช่วงท้ายจะเป็นกึ่ง ๆ ถนนลอยฟ้าพื้นที่ทำนาบนไหล่เขาที่ชาวบ้านกำลังปลูกข้าวไร่ขึ้นต้นเขียวขจีดูสวยงามสบายตายิ่งนัก ก่อนที่ถนนจะวิ่งผ่านบ้านบุญเลอ ส่งพวกเราสู่จุดหมายที่ “ม่อนเดียวดาย” ซึ่งที่นี่นอกจากจะไม่โดดเดี่ยวเดียวดายแล้ว ผมยังได้พบเพื่อนนักท่องเที่ยวใหม่ ๆ มานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และดื่มกินแบบสำรวมกันจนดึกดื่นค่อนคืน ก่อนเข้านอนด้วยห้วงคำนึงคิดถึงคนที่อยู่อีกฝั่งของพระจันทร์...ราตรีสวัสดิ์

ม่อนเดียวดาย จุดชมวิวไม่ธรรมดา

ม่อนเดียวดาย ตั้งอยู่ที่บ้านบุญเลอ ห่างจากตัวหมู่บ้านบุญเลอประมาณ 1.5 กม. ที่นี่มีระเบียงชมวิวทำด้วยไม้ไผ่ทรงคล้ายรูปเรือให้นักท่องเที่ยวมายืนชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามกันได้ในมุมกว้าง 180 องศา ในทางฝั่งตะวันตกเลาะแนวตะเข็บชายแดน

บนระเบียงชมวิวรูปเรือเมื่อมองลงไปจะเห็น “สบเมย” ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำ 2 สาย คือ แม่น้ำเมย (ขวา) และแม่น้ำสาละวิน (ซ้าย) ไหลมาบรรจบกัน (แล้วไหลรวมเป็นแม่น้ำสาละวิน) ถือเป็นเส้นเขตแดนธรรมชาติระหว่างไทย-พม่า ซึ่งมีแนวเทือกเขาของจังหวัดผาปูน รัฐกอทูเล ประเทศสหภาพเมียนมาตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นฉากหลัง

ส่วนเมื่อมองย้อนหลังกลับไปทางด้านขวาจะเห็นเจดีย์สีทองอร่ามของสำนักสงฆ์บ้านบุญเลอตั้งตระหง่าน

ครั้นเมื่อรัตติกาลมาเยือนในช่วงหน้าหนาวแบบนี้ ยามค่ำคืนจะเห็นทะเลดาวดารดาษ บางคืน (ที่โชคดี) จะเห็นทางช้างเผือกทอดตัวยาวพาดผ่าน แถมบางคืนยังมีทะเลหมอก 2 แผ่นดินลอยปรากฏขาวโพลนกันตั้งแต่ 4-5 ทุ่ม เกิดเป็นภาพงามแปลกตาของทะเลหมอกและทะเลดาวที่ต่างหนุนส่งในความงาม ดูคล้ายภาพอิมเพรสต์ชั่นนิสต์โทนขาวดำอันทรงเสน่ห์ที่จิตรกรนาม “ธรรมชาติ” บรรจงสรรค์สร้าง

ขณะที่ในยามเช้าตรู่ถือเป็นช่วงเวลาทองของนักท่องเที่ยวที่จะได้สัมผัสกับความสวยงามตระการตาของทะเลหมอก 2 แผ่นดิน ที่ลอยละล่องฟ่องฟูดูขาวโพลนอยู่ในช่องหุบเขาระหว่างพรมแดนไทย-พม่า ท่ามกลางฉากหลังของแนวเทือกเขาในพม่าตั้งตระหง่าน โดยมีเนินม่อนเดียวดายและระเบียงเรือชมวิวเป็นฉากหน้าเติมเต็มในองค์ประกอบ

และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของกลอเซโลกับจุดชมทะเลหมอก 2 แผ่นดินอันอลังการ ดึงดูดให้ผู้ชื่นชอบในธรรมชาติเดินทางฝ่าเส้นทางอันสมบุกสมบันขึ้นมาทัศนาในความงาม

บางครั้งถนนสายวิบากโหดหินของการเดินทาง ดูไม่ต่างจากอุปสรรคอันยากลำบากของชีวิต แม้จะต้องฟันฝ่าล้ม-ลุก ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เมื่อใจสู้ มุ่งมั่น ไม่ย่นย่อท้อ

อุปสรรคย่อมเป็นเรื่องรอง...

################################

การเดินทางสู่กลอเซโลควรใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ รถจักรยานยนต์ที่มีสมรรถนะสูง หรือใช้บริการของรถชาวบ้านในพื้นที่ ส่วนคนขับรถต้องมีทักษะการขับขี่ที่ชำนาญเส้นทางการขึ้น-ลงเขา และควรชะลอเมื่อขับรถสวนกัน หรือเมื่อขับผ่านหมู่บ้าน หย่อมบ้าน โรงเรียน หรือผ่านคนที่กำลังเดินอยู่ระหว่างทาง

ลานกางเต็นท์-แคมป์ปิ้ง บนกลอเซโลไม่มีไฟฟ้า สัญญาณโทรศัพท์ สันญาณเน็ต แต่มีห้องน้ำให้บริการ มีถังขยะแบบแยกประเภททิ้ง บนนั้นสามารถสั่งบริการอาหาร (พื้นบ้าน) จากเจ้าของพื้นที่กางเต็นท์ได้ และสามารถนำอาหารขึ้นไปประกอบที่จุดแคมป์ปิ้งได้

ปัจจุบันกลอเซโลเป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่มาแรงที่ทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคเหนือ ส่งเสริมประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถสอบถาม ข้อมูลจุดกางเต็นท์-แคมป์ปิ้ง บริการรถเช่า และการเดินทางสู่กลอเซโล รวมถึงสอบถามข้อมูล ที่พัก ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ที่ ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทรศัพท์ 0 5361 2982-3 ในวันและเวลาราชการ หรือติดตามข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยวและโปรโมชั่นการท่องเที่ยวได้ทาง Facebook : TAT Maehongson