ปล ดข กหลวงชะอ ม ว ดตะเค ยนเล อน

สรุปปม “เจ้าคุณเสนาะ” ดับ-“หลวงปู่” ทวงคดี “ธัมมชโย”

เผยแพร่: 27 ม.ค. 2559 00:02 โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน 360 - นิติเวช รพ.ตำรวจ สรุปสาเหตุการมรณภาพ “เจ้าคุณเสนาะ” อดีตเจ้าวาสวัดสระเกศฯ ขาดอากาศหายใจเนื่องจากลำคอถูกกดรัดโดยไม่พบร่องรอยการต่อสู้ แต่ยังไม่สรุปเกี่ยวกับการฆาตกรรม ด้าน รองนายกฯ ระบุข้อกล่าวหา “เจ้าคุณเสนาะ” ผลตรวจสอบไม่พบความผิด ขณะที่ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” ลุยดีเอสไอ ทวงความคืบหน้า 11 ประเด็นที่เคยร้องเรียนกรณี “ธัมมชโย” ปมพระลิขิต “สมเด็จพระสังฆราช”

วานนี้ (26 ม.ค.) ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา (ผบก.นต.) เปิดเผยผลการชันสูตรศพพระพรหมสุธี หรือ “เจ้าคุณเสนาะ” อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ว่า จากการตรวจร่องรอยบาดแผลอย่างละเอียด แพทย์นิติเวชสรุปสาเหตุการมรณภาพมาจากการขาดอากาศหายใจจากการถูกกดรัดบริเวณลำคอ ส่วนบาดแผลในส่วนอื่นนั้นมีเพียงบาดแผลเล็กๆ ที่เข่าเท่านั้น ขณะที่ส่วนอื่นไม่มีที่น่าสงสัย

“บาดแผลจะเกิดจากอะไรนั้นเราตอบยาก เนื่องจากว่าไม่ทราบขั้นตอนของการเคลื่อนย้ายร่างของท่านหลังจากที่เกิดเหตุ ข้อมูลที่ทราบเบื้องต้นหลังจากเกิดเหตุแล้วมีการเคลื่อนย้ายร่างของท่านไปอยู่บนที่นอน รายละเอียดหลังจากนั้นจะไม่ทราบว่าตอนเคลื่อนย้ายเป็นอย่างไร และถูกอะไรบ้างส่วนนี้ไม่ทราบ ส่วนการตรวจเลือดนั้นตอนนี้เก็บทุกอย่างที่จำเป็นต้องตรวจ เช่น เลือด ปัสสาวะ และส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ อาหาร และดีเอ็นเอต่างๆ ได้มีการตรวจและเก็บไว้หมดแล้ว ส่วนนี้ต้องรอให้ห้องปฎิบัติการตรวจละเอียดอีกครั้ง” ผบก.นต. กล่าว

พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ในที่เกิดเหตุ ส่วนรอยรัดบริเวณลำคอเกิดจากการผูกรัดปกติหรือไม่นั้นถ้าเป็นการดูในตอนนี้ถือว่าไม่ได้ขัดแย้งอะไร แต่หากดูเพียงร่องรอยการถูกรัดบริเวณลำคอแล้วจะให้สรุปว่าไม่ใช่การฆาตกรรมคงไม่สามารถสรุปได้ ในทางคดีจึงต้องขออนุญาตสันนิษฐานทางร้ายไว้ก่อนและขอตรวจให้ละเอียด รวมถึงขอทำงานร่วมกับพนักงานสอบสวนว่าได้ข้อมูลอะไรมา การตรวจที่เกิดเหตุเป็นอย่างไรบ้าง จึงจะสรุปว่ากรณีนี้เกิดจากอะไร

ส่วนประเด็นการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับปมขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ หากมีการนำศพไปประกอบพิธีอาจจะส่งผลต่อรูปคดีเหมือนคดีของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่พบเงื่อนงำการเสียชีวิตในภายหลังนั้น พล.ต.ต.นพ.พรชัย กล่าวว่า นิติเวชได้ตรวจและได้บันทึกทุกอย่างไว้หมดแล้ว ไม่ว่าศพจะถูกเคลื่อนย้ายไปที่ไหน จะทำลายไปหรือไม่ จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ตรงนี้ขอให้ความมั่นใจว่าเราเรียนรู้ทุกอย่าง ที่ผ่านมาเราเรียนรู้และก็พัฒนา ดังนั้นนิติเวชมีการพัฒนาตลอดเวลา

เมื่อถามว่าผลตรวจหลักๆ จะออกในช่วงไหน ผบก.นต. กล่าวว่า ตนขออนุญาตไม่ยืนยัน เพราะจะเป็นเรื่องขั้นตอนรายละเอียดในการตรวจ บางทีเร่งมากก็ไม่มีประโยชน์ เพราะจะทำให้นักวิทยาศาสตร์กังวลใจ อยากให้ตรวจตามขั้นตอนและมีระบบมาตรฐานไป ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการกำชับในเรื่องของการตรวจให้ละเอียดซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

*** "วิษณุ"ชี้ คดี“เจ้าคุณเสนาะ”จบไปแล้ว *** นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพระพรหมสุธี หรือ “เจ้าคุณเสนาะ” อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร มีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสการใช้งบประมาณงานพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวจบไปแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะทั้ง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเคยแจ้งตนมาแล้วว่าไม่มีความผิด เนื่องจากเงินได้กลับเข้าไปสู่ระบบแล้ว เหมือนการยืมเงินทดรองไป ถ้าไม่มีการร้องเรียนขึ้นมาเงินนั้นอาจมีปัญหาก็ได้ แต่วันนี้เงินกลับไปแล้วถือว่าจบแล้ว

*** กำหนดบำเพ็ญกุศลศพ “พระหรหมสุธี” 7 วัน ***

นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า การประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลศพพระพรหมสุธี ทางวัดสระเกศฯจะมีการเคลื่อนศพจากสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ มายังวัดสระเกศฯในวันที่ 27 ม.ค. เวลา 14.00น. เพื่อประกอบพิธีสรงน้ำศพ และบำเพ็ญกุศลศพเป็นเวลา 7 วัน

*** “หลวงปู่” ลุยดีเอสไอทวงคดี “ธัมมชโย” ขณะเดียวกัน วานนี้ ณ อาคารบี ชั้น 8 สำนักคดีความมั่นคง ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา แจ้งวัฒนะ หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ถิรพล พิณเมืองงาม ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง เพื่อติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับ 11 ประเด็นที่เคยร้องเรียนกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยใช้เวลาพูดคุยเกือบ 2 ชั่วโมง

หลวงปู่พุทธะอิสระ เปิดเผยหลังการหารือเสร็จสิ้นว่า การหารือครั้งนี้เป็นการติดตามความคืบหน้าการร้องเรียนทั้งสิ้น 11 ประเด็นเพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจให้ถูกต้อง หลังจากมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอให้สัมภาษณ์ว่ามีการคัดเลือกคดีและจำหน่ายคดีออก ดังนั้นจึงต้องดูว่ามีคดีใดบ้างที่จำหน่ายออกและที่คงเหลือไว้ เพราะมีอีกหลายประเด็นที่ดีเอสไอกำลังสืบสวนสอบสวนอยู่และจะรีบสรุปสำนวนให้ทันเวลาที่รับปากเอาไว้

หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอส่งหนังสือยืนยันเรื่องพระลิขิตสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีมูลความจริงและสามารถดำเนินการได้ โดยมี สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กับ มหาเถรสมาคม (มส.) จะต้องนำไปพิจารณาเพราะถือว่าพระบัญชาเป็นกฎหมาย และหากไม่กระทำการใดๆ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของ พระพุทธะอิสระ ที่จะดำเนินการเองและจะส่งเรื่องให้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณา ภายในวันที่ 28 ม.ค.นี้

“อาตมาไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ขอเพียงอย่าปกป้อง ธัมมชโย ซึ่งไม่สนใจอยู่แล้วว่าใครจะเป็นสมเด็จพระสังฆราช แต่ผู้ที่เป็นสมเด็จพระสังฆราชต้องไม่ปกป้องคนชั่วและไม่ผิดธรรมวินัย ส่วนคดีธัมมชโยนั้น ดีเอสไอ แจ้งความคืบหน้าว่าส่งหนังสือสรุปการสืบสวนสอบสวนประเด็นพระลิขิต หรือพระบัญชาของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ไปให้ทั้ง สำนักนายกรัฐมนตรี, ผอ.สำนักพุทธศาสนาฯ และ มส.แล้ว โดยไม่มีกำหนดกรอบเวลาชัดเจนเพียงแค่บอกว่าไม่นาน แต่ก็ไม่ได้คาดหวังมากเพราะรู้ว่าพึ่งไม่ได้มากอยู่แล้ว แต่จะไปที่ ป.ป.ช. เพราะมีคดีเกี่ยวกับ ม.157 เข้าข่ายกฎหมาย ป.ป.ช.อยู่ คาดว่าไม่เกินสัปดาห์นี้จะเดินทางไปยื่นเรื่องที่ ป.ป.ช. โดยจะเอาผิดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพราะถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”

หลวงปู่พุทธะอิสระกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ 11 ประเด็นที่ติดตามข้อมูลจะเกี่ยวข้องกับคดี ม.112 กรณีธัมมชโย ถ้าไม่ใช่พระสงฆ์ตั้งแต่ปี 2542 ตามพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราช แต่ปี 2554 ทาง พศ.และ มส. เอาชื่อ ธัมมชโย ที่ไม่ใช่พระไปขอพระราชทานสมณศักดิ์ก็เข้าข่ายผิด, คดีเกี่ยวกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ซึ่งอัยการใกล้สั่งฟ้องแล้วรอตรวจสอบเอกสาร, คดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, คดีแต่งกายเลียนแบบพระ, คดีเกี่ยวกับความมั่นคงของพระพุทธศาสนา และพระธรรมวินัย, คดีตรวจสอบเรื่องเงินประจำตำแหน่งของสมเด็จพระสังฆราชที่ พศ.และ มส.เบิกมาใช้โดยมิชอบประมาณ 10 กว่าล้านบาท

หลวงปู่พุทธะอิสระกล่าวต่อว่า ยังมีบางประเด็นที่ได้ปรึกษากันว่าควรจะถอนคดีออกเพราะจะทำให้เกิดความล่าช้า หากตรวจสอบ 11 ประเด็นทั้งหมด อาทิ กรณีการตรวจสอบเรื่องเงินที่ พศ. เบิกจ่ายให้กับ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) และ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ซึ่งทั้ง 2 แห่งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ เพราะหากให้ตรวจสอบอาจจะช้าและไม่ทัน, คดีพระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ เนื่องจากมรณภาพไปแล้วไม่รู้จะเอาผิดต่อใคร กรณีการยักยอกทรัพย์ นอกจากนี้ ส่วนประเด็นเสร็จแล้วสรุปได้เลย คือ ประเด็นพระลิขิต ซึ่งมีผลบังคับแต่ไม่มีใครทำอะไรเลย