กกต แถลงข าว ถ ายทอดสด 25 ม ค 2562

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย จะเสนอร่างกฎหมายพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมประกบคู่กับฉบับร่างของพรรคก้าวไกล ว่า เรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมขณะนี้เป็นฉันทามติของหลายส่วนงาน อยากเห็นการนิรโทษกรรมและการแก้ปัญหา แต่ที่ยังติดอยู่คือประเด็นมาตรา 112 ซึ่งหลายพรรคการเมืองยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของพรรคก้าวไกล ส่วนจะเสนอร่างประกบกันอย่างไรคงต้องดูอีกครั้ง

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ยังไม่ได้ศึกษารายละเอียดร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมของพรรคเพื่อไทย แต่ยืนยันว่าพรรคชาติไทยพัฒนายังคงมีจุดยืนเดิมคือไม่สนับสนุนการนิรโทษกรรมความผิดที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือความผิดร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายของบุคคลภายนอก รวมทั้งความผิดในคดีอาญา ทั้งนี้ รายละเอียดเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมของแต่ละพรรคมีการนำเสนออย่างไร จะต้องไปศึกษารายละเอียดอีกครั้ง

ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน ‘นายชาย นครชัย’ กกต.ใหม่ รวย 43 ล้านบาท ปืน 36 กระบอก

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน นายชาย นครชัย กรณีเข้ารับตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 2 ต.ค.66 โดยนายชายและนางจฏิมา นครชัย คู่สมรส มีทรัพย์สินรวม 43,162,522 บาท ไม่มีหนี้สิน โดยเป็นทรัพย์สินของนายชาย 14,031,153 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 4 บัญชี 1,899,568 บาท เงินลงทุนในกองทุนเปิดต่างๆ 1,855,985 บาท โรงเรียนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นห้องชุดในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 5,475,600 บาท ยานพาหนะ 2 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 2.8 ล้านบาท เป็นนาฬิกา 6 เรือนมูลค่า 800,000 บาท และอาวุธปืน 36 กระบอกมูลค่า 2 ล้านบาท และแจ้งมีรายได้ต่อปีจากเงินบำนาญและเงินเดือนประมาณ 3,046,944 บาท มีรายจ่ายต่อปีเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าเล่าเรียนบุตร ประมาณ 580,000 บาท

ส่วนนางจฏิมา มีทรัพย์สินรวม 29,131,369 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 2 บัญชี 1,966,684 บาท เงินลงทุนในกองทุนเปิดต่างๆ 7,164,684 บาท ที่ดิน1 แปลงเขตพญาไท กรุงเทพฯมูลค่า 10 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นบ้านพักในเขตพญาไท กทม. 10 ล้านบาท และไม่แจ้งว่ามีรายได้ต่อปีแต่แจ้งว่ามีรายจ่ายต่อปีเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวประมาณ 480,000 บาท

ทั้งนี้นายชายก่อนเข้าดำรงตำแหน่ง กกต.นั้น ปี 2559 ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงวัฒนธรรมและปี 2561 เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม

ป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สิน นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รับตำแหน่งใหม่ รวย 871 ล้านบาท

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ จำนวน 12 คน โดยนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด กรณีเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 5 ก.ย.66 ปัจจุบันอายุ 66 ปี มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 871,071,133 บาท โดยมีหนี้สิน 17,597,018 บาท มีทรัพย์สินที่เป็นเงินสด 500,000 บาท เงินฝาก 45 ล้านบาท 529,534 บาท ในบัญชีนาคาร 30 บัญชี ซึ่งส่วนใหญ่ฝากที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว จำนวนกว่า 20 ล้านบาท และยังมีฝากไว้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาสะพานควาย 21,700,000 บาท เงินลงทุน 70,710,636 บาท เช่น กองทุนเปิดตราสารหนี้สองปีธนาคารกสิกรไทย สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว จำนวน 20,231,400 บาท กลับกองทุนธนาคารกสิกรไทย สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว จำนวน 20,200,371 บาท ยังมีกองทุนเปิดตราสารหนี้ธนาคารกรุงเทพ สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว จำนวน 10,127,590 บาท มีที่ดิน 213,030,000 บาท โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดิน 51 แปลง เช่น โฉนดที่ดินเขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร จำนวน 4 แปลง มูลค่ากว่า 56 ล้านบาท โฉนดที่ดินอำเภอลำลูกกา โฉนดที่ดินอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี อีก 6 แปลง มูลค่า 58,200,000 บาท มีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 333,550,000 บาท เช่น บ้านพักอาศัยหนึ่งชั้นที่อำเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี มูลค่า 88 ล้านบาท บ้านพักอาศัย 2 ชั้นในเขตพญาไทกรุงเทพมหานครมูลค่า 75 ล้านบาท ยานพาหนะ 22,121,963 บาท ส่วนหนี้สิน ประกอบไปด้วยเงินเกินบัญชี 4,423,317 บาทเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 9,945,339 บาท และหนี้สินอื่นรวมถึงบัตรเครดิต 3,228,361 บาท ทั้งนี้มีรายได้ต่อปีจากการให้เช่าที่ดิน 2,400,000 บาท และมีรายจ่ายต่อปีรวม 2,663,675 บาท

ทั้งนี้ มีแจ้งเรือยอร์ชสูญหาย เมื่อวันที่ 7 ก.ค.58 มูลค่า 1 ล้านบาท ส่วนสิทธิ์และสัมปทาน 6 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัญญาเช่าที่ดินในซอยรัชดา 76 รวมถึงทรัพย์สินอื่นมูลค่า 179,629,000 บาท มีจำนวน 29 รายการ โดยมีชุดเบญจภาคี 1 ชุด มูลค่า 40 ล้านบาท ชุดพระเครื่อง 154 ชิ้นมูลค่า 18,852,000 บาท นาฬิกา 22 เรือนมูลค่า 11,500,000 บาท และมีแหวนเพชร ต่างหู จี้เพชร 19 ชิ้นมูลค่า 37,800,000 บาท และยังมีแหวนต่างหูเพชรอีก 26 ชิ้นมูลค่า 27,870,000 บาท มีกระเป๋าแบรนด์เนม 22 ใบมูลค่า 3,150,000 บาท

5 ธันวาคม 2566

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยตัวประกันแรงงานในอิสราเอลยังไม่มีข่าวดี คาดต้องรอหยุดยิงครั้งต่อไป

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแรงงานตัวประกันในอิสราเอลว่า ขณะนี้ยังไม่มีข่าวดี ซึ่งคาดว่าครั้งต่อไปที่จะมีการปล่อยตัว แต่ต้องมีการพักหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาสก่อน จึงจะสามารถนำตัวประกันออกมาได้ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าฮามาสออกมาระบุว่าไม่มีการปล่อยตัวประกันแล้ว ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ ยังมีเรื่องฝุ่น PM2.5 ที่เป็นเรื่องสำคัญและได้ประชุมเรื่องนี้ที่เชียงใหม่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ต้องมีการดูแลเรื่องของการเผาต่างๆ รวมถึงการเผาป่าด้วย ส่วนความคืบหน้าของการแก้ปัญหาหมูเถื่อน ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้วว่า เรื่องนี้จะต้องจัดการถึงผู้กระทำผิดรายใหญ่ให้ได้

ยอดการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบตลอด 4 วัน มูลหนี้รวมกว่า 2,383 ล้านบาท จากประชาชน 54,325 ราย

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยยอดประชาชนที่ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบตลอด 4 วันที่ผ่านมา มีประชาชนลงทะเบียนรวมทั้งสิ้น 54,325 ราย แบ่งเป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ 51,355 ราย และการลงทะเบียนด้วยตนเองที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 2,970 ราย พบเจ้าหนี้ 29,936 ราย มูลหนี้กว่า 2,383 ล้านบาท

5 จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนสูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร มีผู้ลงทะเบียน 3,517 ราย เจ้าหนี้ 2,340 ราย มูลหนี้กว่า 197 ล้านบาท จังหวัดสงขลา มีผู้ลงทะเบียน 2,335 ราย เจ้าหนี้ 1,360 ราย มูลหนี้กว่า 118 ล้านบาท จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้ลงทะเบียน 2,212 ราย เจ้าหนี้ 1,241 ราย มูลหนี้กว่า 82 ล้านบาท จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ลงทะเบียน 2,117 ราย เจ้าหนี้ 1,040 ราย มูลหนี้กว่า 97 ล้านบาท และ จังหวัดชลบุรี มีผู้ลงทะเบียน 1,370 ราย เจ้าหนี้ 757 ราย มูลหนี้กว่า 70 ล้านบาท

ส่วนจังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด 5 ลำดับ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ระนอง สมุทรสงคราม ตราด และสิงห์บุรี ผู้ลงทะเบียนรวม 5 จังหวัด 671 ราย เจ้าหนี้รวม 5 จังหวัด 338 ราย มูลหนี้รวม 5 จังหวัดประมาณ 19 ล้านบาท

ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยยังคงเปิดรับลงทะเบียนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบอย่างต่อเนื่อง หากยังมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์ debt.dopa.go.th หรือลงทะเบียนด้วยตนเองได้ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ ณ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ ทั่วประเทศ หรือสำนักงานเขตของกรุงเทพมหานครทุกแห่ง โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ในวันที่ 8 ธ.ค. 66 นี้ จะมีการประชุมมอบนโยบายแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ผู้กำกับการสถานีตำรวจทั่วประเทศ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่า "รัฐบาลเอาจริงเรื่องหนี้นอกระบบ" และ Timeline ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 66 เป็นต้นไปนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ จะต้องดำเนินการเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยและปรับโครงสร้างหนี้โดยเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาลต่อไป

6 ธันวาคม 2566

นายกรัฐมนตรี ติดตามความคืบหน้ามอเตอร์เวย์ บางปะอิน – นครราชสีมา เปิดบริการประชาชน 28 ธันวาคมนี้

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ติดตามความคืบหน้าโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 หรือ Motorway (M6) บางปะอิน – นครราชสีมา และความพร้อมที่จะเปิดให้บริการประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 แบบเต็มรูปแบบ ณ จังหวัดนครราชสีมา พร้อมเปิดเผยว่า ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 บางปะอิน - นครราชสีมา มอเตอร์เวย์ M6 ระยะทาง 80 กิโลเมตร ช่วงระหว่าง อำเภอปากช่อง - อำเภอสีคิ้ว - อำเภอขามทะเลสอ - ทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา จะเปิดให้บริการประชาชนทั้งสองทิศทางการจราจร ทั้งขาไปขากลับอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 28 ธันวาคมนี้ เพื่อบรรเทาการจราจรหนาแน่น โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ ที่ประชาชนเดินทางจำนวนมาก ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการเดินทาง ช่วยลดระยะเวลาการเดินทางและสนับสนุนการท่องเที่ยวได้มากขึ้น ซึ่งในระหว่างนี้จะยังไม่เก็บค่าใช้จ่ายจนกว่าการก่อสร้างทั้งหมดจะแล้วเสร็จ ทั้งนี้ปัจจุบันได้เร่งรัดการก่อสร้างและพิจารณาความพร้อมทุกด้าน ให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ประมาณช่วงต้นปี 2568

นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า ได้กำชับมาตรการความปลอดภัยสำหรับรถโดยสารสาธารณะ โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบและกำหนดมาตรการที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร อาทิ การบังคับใช้กฏหมาย การตรวจสภาพรถ สัญญาณไฟจราจรและวิสัยทัศน์ต่างๆ

นายกรัฐมนตรี ยินดี UNESCO ประกาศขึ้นทะเบียน “สงกรานต์ไทย”

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสที่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประกาศขึ้นทะเบียน “สงกรานต์ในประเทศไทย” (Songkran in Thailand, traditional Thai New Year festival) ให้เป็นรายการในบัญชีตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity) ในช่วงระหว่างการประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 18 ณ เมืองคาเซเน สาธารณรัฐบอตสวานา

นายกรัฐมนตรี แสดงความขอบคุณในนามของรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทย ขอบคุณทุกภาคส่วนสำหรับการอุทิศตนและความมุ่งมั่น ทั้งจากฝ่ายประเมินผลและคณะกรรมการฯ ที่ได้คัดเลือกให้ “สงกรานต์ในประเทศไทย” อยู่ในรายการบัญชีตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ รวมไปถึงสำนักเลขาธิการสำหรับการทำงานอย่างหนักทั้งหมดที่ผ่านมา โดยสงกรานต์เป็นประเพณีในวันปีใหม่ไทย มีการเฉลิมฉลองในช่วงกลางเดือนเมษายนทั่วประเทศ เป็นประเพณีที่ได้รับการฝึกฝนและสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นโดยคนไทยและชุมชนชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นประเพณีอันงดงามและมีความหมาย สะท้อนถึงคุณค่าของความกตัญญูกตเวทีของไทยต่อบรรพบุรุษ ความเอื้ออาทรและความปรารถนาดีต่อผู้อื่น และจิตวิญญาณแห่งความสามัคคี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กิจกรรมในช่วงประเพณีสงกรานต์ทั้งหมดถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ ของมรดกทางวัฒนธรรม โดยประเพณีสงกรานต์ที่เป็นที่รู้จัก ได้แก่ บิณฑบาต สรงน้ำพระพุทธรูป รดน้ำดำหัวผู้อาวุโสที่เคารพนับถือ ตลอดจนการแสดงละครพื้นบ้านและการแสดงที่เกี่ยวเนื่องกับตำนานสงกรานต์ ดังนั้น สงกรานต์ในประเทศไทยจึงเป็นตัวแทนของมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ สะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์และจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ “สงกรานต์ในประเทศไทย” ถือเป็นรายการในบัญชีตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ลำดับที่ 4 ของประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้ UNESCO ได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้แก่ “โขน” ในปี 2561, “นวดไทย” ในปี 2562 และ “โนรา” ของภาคใต้ ในปี 2564 โดยการประชุมฯ ครั้งนี้ มีประเทศต่างๆ เสนอขึ้นทะเบียนรายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมฯ ทั้งสิ้น 45 รายการ ตามอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003 เพื่อสงวนรักษาแนวปฏิบัติการแสดงออกความรู้และทักษะที่ได้รับการยอมรับของชุมชนหรือกลุ่มคน โดยต้องการสร้างความเคารพและสร้างความตระหนักตั้งแต่ในระดับท้องถิ่นจนถึงสากล และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการสงวนรักษา โดยมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมฯ สามารถอยู่ในรูปแบบการแสดงออกทางวาจาและภาษา การแสดงศิลปะ แนวปฏิบัติทางสังคม พิธีทางศาสนา เทศกาลเฉลิมฉลองและงานฝีมือ

7 ธันวาคม 2566

กระทรวงกลาโหม เล็งเปลี่ยน Hard Power เป็น Soft Power ประยุกต์การฝึกทหารกับมวยไทย

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการสนับสนุน Soft Power ของกระทรวงกลาโหมว่า ขณะนี้ได้เล็งปรับเปลี่ยนวิธีการแก้ปัญหาและวิธีการสื่อสารของกระทรวง จากวิธีที่แข็ง (hard) เป็นวิธีที่ soft หรืออ่อนลงได้ รวมถึงกระทรวงกลาโหมมีบุคลากรด้านวัฒนธรรมจำนวนมาก มีนักมวยไทย มีเวทีมวยไทย มีการสนับสนุนอย่างครบวงจร นอกจากนั้น ยังมีจุดแข็งด้านดนตรี มีนักดนตรีที่มีความสามารถ ผลิตผลงานออกมาเป็นจำนวนมาก กระทรวงกลาโหมจึงสามารถผลักดัน Soft Power เหล่านี้ เพื่อสร้างประโยชน์ต่อประเทศ เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ ผ่านการต่อยอดและประยุกต์ เช่น เล็งนำมวยไทยมาผสมผสานกับการฝึกทหารได้

นอกจากนี้ นายสุทิน กล่าวว่า ยังมีการหารือกับนักมวยที่มีชื่อเสียง เช่น บัวขาว บัญชาเมฆ เพื่อช่วยขับเคลื่อนมวยไทยในนามกองทัพ เปลี่ยนมวยอาชีพ มวยไทย จาก Hard Power สู่ Soft Power

นายสุทิน กล่าวเสริมว่า ในบทบาทกองทัพจะเป็นผู้ผลิต Soft Power ผลิตผลงานออกมา แต่หน่วยงานอื่นๆ เช่น กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงพาณิชย์ จะนำไปพัฒนาต่อยอดด้านการตลาด การจำหน่าย สร้างมูลค่าออกมาเป็นทรัพย์สิน

8 ธันวาคม 2566

นายกรัฐมนตรีพร้อมผลักดันมวยไทยเป็น Soft Power อันดับ 1 ของประเทศไทย สร้างรายได้เข้าประเทศมหาศาล

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงผลการหารือ Soft Power ของไทยว่า ต้องยอมรับว่ามวยไทยเป็น Soft Power อันดับ 1 ของประเทศไทย และเป็นการให้คุณค่ากับความเป็นไทย เนื่องจากมีค่ายมวยไทยในประเทศอังกฤษมากกว่า 5,000 ค่าย ทำให้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการถ่ายทอดสด(ไลฟ์สตรีมมิง) การจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กางเกงมวย นวม และอื่นๆ ที่เป็นสินค้าทำประโยชน์ให้กับประเทศไทย ดังนั้นเห็นว่าเรื่อง Soft Power มวยไทยยังสามารถไปได้อีกไกลและสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศมหาศาล โดยเชื่อมโยงไปกับการท่องเที่ยว อาทิ ค่ายมวยเกาะสมุยและสนามมวยลุมพินี ที่มีนักท่องเที่ยวสนใจเข้ามาเรียนมวยไทย แต่เหนือสิ่งอื่นใดประชาชนยังต้องการอาชีพที่มั่นคง รวมถึงนักมวยเองที่มีอายุในการขึ้นชกบนเวทีน้อย ดังนั้นจึงหาช่องทางขยายอาชีพให้กับนักมวย ไม่ว่าจะเป็นโค้ช เป็นครูสอนในรายวิชาพละ หรือแม้แต่การตั้งค่ายมวยที่ต่างประเทศ เพื่อให้เป็นอาชีพที่มั่นคง ทั้งนี้รู้สึกดีใจที่ได้พบผู้เกี่ยวข้องและมีความสำคัญกับวงการมวยไทยและขอยืนยันว่าจากนี้จะเป็นการเริ่มต้น Soft Power อันดับ 1 ของประเทศ

มาตรการรองรับการเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น.

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงมาตรการความปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่ หลังมีการร่างมาตรการรองรับนโยบายขยายเวลาปิดสถาบันเทิง ถึงเวลา 04.00 น. ว่า ต้องหารือกับคณะผู้บริหารถึงมาตรการความปลอดภัยให้เคร่งครัดมากยิ่งขึ้น มาตรการไหนที่ใช้ไม่ได้ผลก็ให้นำเสนอมาตรการใหม่ๆ เพื่อลดปัญหาที่เกิดจากการเมาแล้วขับ หรืออุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตในช่วงเทศกาล

ส่วนที่มีกระแสว่าจะมีสถานบันเทิงเปิดช่วงปีใหม่ ถึงเวลา 04.00 น. นั้น ต้องดูว่าเปิดให้พื้นที่ไหน เป็นพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวหรือไม่ รวมถึงต้องเตรียมมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาได้ ส่วนเรื่องการโฆษณาสุราพื้นบ้านของผู้ประกอบการรายย่อย ยังต้องดูในรายละเอียดเพิ่มเติม เนื่องจากมีทั้งประโยชน์ในการช่วยสนับสนุนผลักดันสุราพื้นบ้าน เพื่อช่วยเหลือสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนประชาชน และโทษที่ยังมีกฎหมายควบคุมเกี่ยวกับสุราอยู่ ส่วนเรื่องแก้ภาษีสรรพสามิต ต้องดูรายละเอียดมาตรการทางภาษี ว่าหากต้องการสร้างรายได้เข้าประเทศจะจัดสัดส่วนภาษีให้พอดีได้อย่างไร

เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว

4 ธันวาคม 2566

บริการเดินรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง ไม่เสียค่าใช้จ่ายเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BEM ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ร่วมจัดกิจกรรม “5 ธันวา พาพ่อขึ้น MRT ทั้ง 2 สายโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2566 และเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวในการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟฟ้าพร้อมร่วมรณรงค์ประหยัดพลังงานด้วยการใช้ระบบขนส่งสาธารณะโดยคุณลูกพาคุณพ่อมาแสดงตัวและรับคูปองโดยสารรถไฟฟ้า MRT ฟรี ที่ห้องออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) และรถไฟฟ้า MRT สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ตลอดระยะเวลาให้บริการ สำหรับคุณลูกชำระค่าโดยสารตามปกติ

เที่ยวชมงาน 14 ปี วันคล้ายวันสถาปนากรมหม่อนไหม มุ่งสืบสานภูมิปัญญา พัฒนาสู่ความยั่งยืน 4-6 ธันวาคมนี้

กรมหม่อนไหม จัดงานวันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 14 ปี กรมหม่อนไหม ภายใต้แนวคิด สืบสานภูมิปัญญา พัฒนาสู่ความยั่งยืน โดยภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงและผลงานนวัตกรรมจากหม่อนไหม อาทิ ผ้าไหมซิ่นลายแตงโม จากภูมิปัญญาของกลุ่มชาติพันธุ์ไททรงดำ การพัฒนาผลิตภัณฑ์แฟชั่นในแนวทาง Zero Waste และปุ๋ยน้ำหมักจากมูลไหม รวมถึงกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น การสัมมนาหัวข้อ เดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงานกรมหม่อนไหม ปี 2567 การดูรักษาผ้าไหม การสาธิตนุ่งห่มผ้าไหมและเลือกซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์จากหม่อนไหมคุณภาพจากกลุ่มเกษตรกรผู้ประกอบการ

ผู้ที่สนใจสามารถเที่ยวชมงาน วันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 14 ปี กรมหม่อนไหม ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 9.00 น.- 16.30 น.ณ กรมหม่อนไหม บางเขน กรุงเทพมหานคร

5 ธันวาคม 2566

กรมบัญชีกลาง แจ้งอัพเดทการจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประจำเดือนธันวาคม 2566

นางสาวทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ผู้มีสิทธิจะสามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด โดยในเดือนธันวาคม 2566 จะได้รับวงเงินซื้อสินค้า 300 บาทต่อคนต่อเดือน (ไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป) ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน (ตุลาคม - ธันวาคม 2566) และค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน

ในวันที่ 6 ธันวาคม 2566 สำหรับผู้มีสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เกิดก่อนวันที่ 1 กันยายน 2506 จะได้รับเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 ในอัตรา 100 บาทต่อเดือน (ตั้งแต่เดือนเมษายน - กันยายน 2566) เฉพาะรายการแก้ไขการโอนเงินไม่สำเร็จ และผู้มีสิทธิที่ยืนยันตัวตนเพิ่มเติม โดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักของผู้มีสิทธิ หรือบัญชีเงินฝากธนาคารร่วมกับบุคคลอื่นหรือบัญชีบุคคลอื่น ที่ผู้มีสิทธิได้ยื่นหนังสือให้ความยินยอมไว้แล้ว

และในวันที่ 20 ธันวาคม 2566 จะได้เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ หรือบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิหรือผู้รับมอบอำนาจที่ใช้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท สำหรับผู้มีสิทธิที่เป็นคนพิการ ซึ่งมีบัตรประจำตัวพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือน ที่ยืนยันตัวตนวันที่ 27 ตุลาคม - 26 พฤศจิกายน 2566 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง ยกเว้น ผู้ผ่านสิทธิรอบอุทธรณ์ (เพิ่มเติม) ครั้งที่ 2 จะได้รับการทบสิทธิเงินเพิ่มเบี้ย

ความพิการ (ของเดือนเมษายน – พฤศจิกายน 2566) ตามเดือนที่ได้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท

ไทยส่งออกข้าวไปตลาดโลกได้มากขึ้น หลังทั่วโลกประสบปัญหาภัยแล้ง

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) รายงานว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม – ตุลาคม) อินโดนีเซียกลายเป็นตลาดส่งออกข้าวอันดับ 1 ของไทย สาเหตุหลักมาจากอินโดนีเซียกำลังประสบปัญหาขาดแคลนข้าว เนื่องจากภัยแล้งที่เกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญ รวมถึงฤดูมรสุมที่ล่าช้า ทำให้อินโดนีเซียปลูกข้าวได้น้อยลง จากสถานการณ์และแนวโน้มดังกล่าวทำให้อินโดนีเซียนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ขณะเดียวกัน ความต้องการข้าวจากประเทศคู่ค้า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัญหาภัยแล้งและปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้ผลผลิตข้าวลดลง และการให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหาร ทำให้เกิดความพยายามในการนำเข้าเพื่อสำรองปริมาณข้าวให้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ รวมทั้งการระงับการส่งออกข้าวของอินเดียและเมียนมา จึงถือเป็นโอกาสที่จะผลักดันและขยายตลาดส่งออกข้าวไทย ตลอดจนสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์เอกลักษณ์ของข้าวไทยให้ผู้บริโภครายใหม่ๆ ในต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ไทยยังต้องเร่งปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์ข้าว เพิ่มความหลากหลาย เน้นให้มีผลผลิตต่อไร่สูง ต้านทานโรคและแมลงศัตรูพืช เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับข้าวไทยและสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค อาทิ ข้าวพื้นนุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรควรเตรียมความพร้อมหาแนวทางรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาทิ การปลูกข้าวแบบใช้น้ำน้อย ทำนาแบบยั่งยืนที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมทั้งต้องติดตามมาตรการบริหารจัดการน้ำสำหรับการเพาะปลูก เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากผลกระทบจากภัยแล้งและปรากฏการณ์เอลนีโญให้ได้มากที่สุด

สำหรับภาพรวมการส่งออกข้าวของไทย ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม – ตุลาคม) มีปริมาณการส่งออกรวม 6,922,649 ตัน ปริมาณข้าวส่งออกขยายตัวร้อยละ 11.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่า 3,967.31 ล้านเหรียญสหรัฐ (136,289.84 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 24.7 ตลาดส่งออกข้าวของไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้ อิรัก และจีน ขณะที่ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออกข้าวไทยไปยังอินโดนีเซียมีปริมาณสูงถึง 1,057,537 ตัน คิดเป็นมูลค่า 523.45 ล้านเหรียญสหรัฐ (18,035.56 ล้านบาท) มูลค่าการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 13.19 ของมูลค่าการส่งออกข้าวไทยช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 ทำให้ปัจจุบันอินโดนีเซียกลายเป็นตลาดส่งออกข้าวอันดับ 1 ของไทย โดยข้าวที่ส่งออกไปอินโดนีเซียส่วนใหญ่ คือ ข้าวขาว 5 – 10%

สำนักนายกรัฐมนตรีเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โครงการกระเช้าภูกระดึงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการประชุม ครม.สัญจรที่ผ่านมา ในส่วนของประเด็นนโยบายการก่อสร้างกระเช้าสำหรับท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการของบประมาณเพื่อการออกแบบก่อสร้าง จำนวน 28 ล้านบาท โดยคาดว่าใช้เวลาออกแบบประมาณ 3 เดือน ซึ่งแบบก่อสร้างดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องมาใช้ในการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) กับทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อไป

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า จากการรับฟังเสียงประชาชนโดยส่วนใหญ่เห็นด้วยในการดำเนินโครงการดังกล่าว โดยจะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่มีความสะดวกในการเดินทางขึ้นด้วยวิธีปกติ อีกทั้งเป็นการขยายโอกาสในการประกอบอาชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นอีกด้วย

6 ธันวาคม 2566

หอการค้าไทย ชี้ค่าไฟแพง กระทบต่อการเชิญต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ค่าไฟเป็นต้นทุนสำคัญของภาคการผลิต และอุตสาหกรรมต่างๆ ถ้าค่าไฟสูงขึ้นอาจเป็นความจำเป็นที่ผู้ประกอบการต้องปรับราคาสินค้าขึ้นตามไปด้วย ขณะเดียวกันปัจจุบันเศรษฐกิจไทยไม่ได้ฟื้นตัวเหมือนที่กล่าวอ้างกัน การปรับราคาสินค้าอาจทำได้ยากและอาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการบางส่วน

ขณะเดียวกัน ยังมีความกังวล กรณีที่รัฐบาลมีความต้องการให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ผ่านการเชิญชวนระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Google, ไมโครซอฟท์ และเทสล่า เข้ามาลงทุนในประเทศไทยนั้น อาจเป็นไปได้ยากขึ้น เนื่องจากบริษัทดังกล่าวใช้พลังงานมหาศาลในการทำธุรกิจ ซึ่งหากรัฐบาลไทยไม่มีความชัดเจนในประเด็นโครงสร้างราคาพลังงาน หรือค่าไฟ ทำให้ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของบริษัทต่างๆ เช่นกัน ทั้งนี้ ระบบเศรษฐกิจไทยกำลังประสบปัญหาหลายอย่างทั้งหนี้ครัวเรือน ปัญหาการเงินของคนในประเทศ ซึ่งมีโดยตรงต่อการลงทุนทั้งสิ้น

รัฐบาลเชิญชวนประชาชนเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในยามค่ำคืน 48 แห่งทั่วประเทศ 15-24 ธันวาคมนี้

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเชิญชวนประชาชนร่วมงานเทศกาลท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในยามค่ำคืน หรือ Night at the Museum festival 2023 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Make your own night with Museum Experiences: ร่วมสัมผัสประสบการณ์เที่ยวพิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืนด้วยตัวคุณ” โดยสามารถเข้าร่วมพิพิธภัณฑ์ฯ ทั้งหมด 48 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 25 แห่ง ปริมณฑลและต่างจังหวัด 23 แห่ง ระหว่างวันที่ 15 - 24 ธันวาคมนี้

สำหรับพิพิธภัณฑ์ในกรุงเทพฯ 25 แห่ง ได้แก่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร หอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร ,มิวเซียมสยาม ,หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ,พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ ,พิพิธบางลำพู ,หอศิลป์บ้านเจ้าพระยา ,อาคารสายสุทธานภดล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ,นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ,หอวชิราวุธานุสรณ์ ,พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ,ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย ,วังรื่นฤดี ,พิพิธภัณฑ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ,พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ,พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีทางภาพ จุฬาฯ ,พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา จุฬาฯ ,พิพิธภัณฑ์พืช ศาสตราจารย์กสิน สุวตะพันธุ์ จุฬาฯ ,พิพิธภัณฑ์บ้าน จิม ทอมป์สัน ,หอศิลป์ บ้านจิม ทอมป์สัน ,ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ,พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ ,จัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. ณ เดอะสตรีท รัชดา ,พิพิธภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับ และสยามเซอร์เพนทาเรียม

นายคารม กล่าวด้วยว่า เทศกาลท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในยามค่ำคืน ถือเป็นการผลักดันสถานที่ท่องเที่ยวให้เป็น Soft Power เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์สูงสุดทางเศรษฐกิจ

กระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง ส่งผลดีด้านการท่องเที่ยว สินค้าเกษตรเติบโต

นายธเนศ หาญถนอม ประธานหอการค้าจังหวัดเลย กล่าวถึงโครงการกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง ว่า ที่ผ่านมาภาคเอกชนมีการศึกษาถึงความเป็นไปได้และเชิงผลกระทบต่างๆ ในการสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง ทั้งเรื่องของสิ่งแวดล้อมและลูกหาบที่อาจตกงาน รวมทั้งการลงพื้นที่ทำวิจัยกับชุมชน ทำวิจัยผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม แนวโน้มไปในทิศทางบวก เนื่องจากการท่องเที่ยวจังหวัดเลยที่เติบโตมากขึ้น เป็นเมืองที่มีศักยภาพ นักธุรกิจ หรือประชาชน หรือเกษตรกร ก็มีความคิดเห็นไปในทางบวก เพราะต้องการอยากเห็นภาพภูกระดึงทำให้สินค้าเกษตรเติบโตสูงขึ้น การท่องเที่ยวสูงขึ้น รวมทั้งจะส่งผลให้การเติบโตของการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดเชื่อมโยงกัน ทั้งจังหวัดอุดรธานี จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดบึงกาฬ ให้มีการเติบโต เรื่องเศรษฐกิจ เกษตร การค้าและการลงทุนได้

นอกจากนี้ เชื่อว่า จะทำให้เกิดอาชีพใหม่ๆ มาให้กับชุมชนในระดับรากหญ้า ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ส่วนข้อเสียเราก็พยายามจะแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นลูกหาบที่ตกงาน หรือผลกระทบทางระบบนิเวศ แต่ด้วยระยะทางเพียง 5 กิโลเมตร กับการบริหารจัดการพื้นที่ฐานทางขึ้นภูกระดึงให้มีความเข้มแข็งและขึ้นไปแล้วจะบริหารจัดการพื้นที่ด้านบนอย่างไร

7 ธันวาคม 2566

รัฐบาลวาง 3 แนวทางพัฒนาตลาดทุนไทย มุ่งผลักดันเป็นสถานที่ลงทุนของภูมิภาค

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในงานสัมมนาแถลงยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. ประจำปี 2567 ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสําคัญกับตลาดทุน ได้วางทิศทางการพัฒนาตลาดทุนไทยที่สามารถดึงศักยภาพและประสิทธิภาพของระบบตลาดทุนออกมาได้อย่างเต็มที่ นําไปสู่การพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมเสริมสร้างจุดแข็งของตลาดทุนไทยให้แข็งแกร่งด้วย 3 แนวทาง ได้แก่

การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ผ่านการผลักดันให้ตลาดทุนไทย เป็น Investment Destination ของภูมิภาค เพิ่มการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม เร่งเจรจาและขยาย FTA เปิดตลาดใหม่ นำเสนอข้อมูลการลงทุนของตลาดหุ้นไทย ผ่าน Road Show เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

การ Shift Focus สู่ความยั่งยืน โดยสนับสนุนทุกภาคส่วน เดินหน้าสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมผลักดันนโยบายการกระตุ้นตลาดตราสารหนี้สีเขียว การระดมทุนเพื่อสนับสนุน SDGs และนโยบายการจัดหาเงินทุนที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

สนับสนุนการระดมทุนของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจดิจิทัล SMEs และ Startups เพื่อให้มีเงินเพียงพอในการดำเนินธุรกิจ เติบโตและขยายต่อไปได้

ในระดับโลก เชื่อมั่น หากผนวกการดำเนินการของรัฐบาลในทุกภาคส่วนเข้าด้วยกันจะส่งผลให้เศรษฐกิจและตลาดทุนไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลยังมีนโยบายอีกหลายด้านที่จะดำเนินการในภาคส่วนอื่นๆ ครอบคลุมทั้งการแก้ปัญหาของประชาชน การส่งเสริมภาคธุรกิจ การขยายการลงทุน และอื่นๆ ช่วยสร้างรายได้ ลดรายจ่ายและให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 4 สูงสุดในรอบ 45 เดือน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (CCI) เดือนพฤศจิกายน 2566 อยู่ที่ 60.9 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ที่ระดับ 60.2 เป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 45 เดือน นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นมา

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้น จากระดับ 44.0 เป็น 44.6 และดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 68.0 มาอยู่ที่ระดับ 68.7 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวมและดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 55.1 57.6 และ 69.9 ตามลำดับ ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ทุกรายการ เมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนตุลาคม 2566 ที่อยู่ในระดับ 54.5 57.0 และ 69.2 ตามลำดับ

ปัจจัยที่ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลและรัฐบาลจัดทำนโยบายลดค่าครองชีพโดยลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมัน ตลอดจนมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ และผู้บริโภคเห็นว่าการเมืองไทยจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในอนาคตหลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลสลายขั้วการเมืองต่างๆ ที่มีความเห็นแตกต่างกัน โดยที่ความขัดแย้งทางการเมืองน่าจะคลี่คลายลง ซึ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ

นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามในตะวันออกกลางที่อาจยืดเยื้อ ตลอดจนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งส่งผลลบต่อการส่งออกของไทยทำให้การส่งออกในช่วงนี้หดตัวลงและมีผลกระทบในเชิงลบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทุกภูมิภาค

กล้วยหอมทองเพชรบุรีมีระบบประกันภัย ป้องกันความเสี่ยงทุกสถานการณ์ รอดไม่ขาดทุน ทำรายได้

นางวันเพ็ญ มังศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายชัยยุทธ มังศรี รองเลขาธิการด้านกฎหมาย คดี และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าส่วนราชการ เกษตรกร ร่วมงานสัมมนา โครงการ 1 ภาค 1 ผลิตภัณฑ์ “ประกันภัยกล้วยหอมทอง” ณ ห้องประชุมสหกรณ์การเกษตรบ้านลาด จำกัด จังหวัดเพชรบุรี

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า กล้วยหอมทอง นับเป็นแหล่งรายได้ของเกษตรกรชาวเพชรบุรี ส่งขายทั่วประเทศไทยและส่งออกประเทศญี่ปุ่น ผลผลิตกล้วยหอมทองจะมีรสชาติอร่อยกว่าที่อื่น มีความเหนียวนุ่ม ละมุล เป็นผลไม้ที่ผลิตได้ทุกฤดูกาล แต่บางครั้งพี่น้องเกษตรกรชาวสวนกล้วยต้องประสบปัญหา ทั้งจากโรคพืชและความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ ฝนตกหนักน้ำท่วม สวนกล้วยจมน้ำ ยามหน้าแล้ง น้ำไม่พอต่อการเจริญเติบโต การมีหลักประกันกรมธรรม์ประกันภัยกล้วยหอมทอง จะช่วยให้พี่น้องเกษตรกรรอดพ้นทุกความเสี่ยง ไม่ขาดทุน ทำรายได้ จะเป็นหลักประกันบริหารความเสี่ยงทุกสถานการณ์

รองเลขาธิการด้านกฎหมาย คดี และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ กล่าวถึงโครงการ 1 ภาค 1 ผลิตภัณฑ์ “ประกันภัยกล้วยหอมทอง” ว่าการป้องกันความเสี่ยงจะช่วยแก้ไขปัญหาทุกด้าน ทั้งการคุ้มครองผลผลิต สร้างความเชื่อมั่น ให้เกิดความมั่นใจและช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เหมาะสม สอดคล้องต่อความต้องการของประชาชน เพื่อป้องกันความเสี่ยงให้ประชาชนเข้าถึงระบบการประกันภัย เกษตรกรสามารถนำระบบประกันภัยเข้ามาใช้ในการบริหารความเสี่ยง ซึ่งปัจจุบันระบบประกันภัยเข้าถึงประชาชนเพียง 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ ยังไม่ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ การเปิดตัว “กรมธรรม์ประกันภัยกล้วยหอมทอง”จะช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งนับเป็นโครงการนำร่อง 1 ภาค 1 ผลิตภัณฑ์ ที่ใช้ระบบประกันภัยเข้ามาคุ้มครอง ซึ่งคาดว่าจะมีการประกันภัยสินค้าเกษตรอื่นๆตามมา เช่น มะนาวแป้นเมืองเพชร ชมพู่เพชร และผลผลิตจากตาลโตนดอีกด้วย

8 ธันวาคม 2566

ส่งออกข้าวปีนี้เพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ดีมาก แต่ชี้อีก 10 ปี ไทยจะไม่สามารถส่งออกข้าวได้

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวถึงภาพรวมสถานการณ์ส่งออกข้าวไทยตลอดปี 2566 ว่า การส่งออกข้าวไทยปีนี้อยู่ในเกณฑ์ดีมาก เกิน 8.5 ล้านตัน และอาจถึง 8.7 ล้านตัน จากที่ปีก่อนส่งออกราว 7.6 ล้านตัน ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งเอลนีโญ ที่ทำให้ประเทศผู้ส่งออกข้าวอาจมีผลผลิตที่น้อยลง แต่ไทยได้รับผลกระทบเอลนีโญน้อยมาก จากฝนที่ตกช่วงท้ายฤดู ช่วยเพิ่มน้ำในเขื่อนให้กลับมาอยู่ในระดับปกติ ทำให้ปลูกข้าวนาปรังได้ปกติทั้งปีนี้และปีหน้า จึงมีผลผลิตข้าวปกติ โดยปริมาณข้าวเปลือกอยู่ที่ 32-33 ล้านตัน ถ้าทอนเป็นข้าวสารอยู่ที่ 19-20 ล้านตัน อีกปัจจัยคือ จากกรณีที่อินเดียห้ามส่งออกข้าวขาวตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้คู่ค้าหันมาซื้อข้าวจากแหล่งอื่นรวมถึงไทยมากขึ้น

นายชูเกียรติ กล่าวว่า ขณะนี้คู่แข่งตลาดค้าข้าวมีมากขึ้นและแข่งขันด้านราคาสูง หากไทยไม่อาจเพิ่มผลผลิตและลดราคาข้าวลงได้ อีก 10 ปีข้างหน้า ไทยจะไม่อาจส่งออกข้าวได้ ขอให้รัฐบาลช่วยพัฒนาพันธุ์ข้าว เพื่อให้ค่าเฉลี่ยผลผลิตข้าวต่อไร่ภาพรวมสูงขึ้นทัดเทียมกับประเทศผู้ส่งออกข้าวอื่นๆ จากปัจจุบันไทยมีค่าเฉลี่ยผลผลิตเพียง 450 กิโลกรัมต่อไร่ ขณะที่เวียดนามมีผลผลิตรวม 900 กิโลกรัมต่อไร่ จีนมากถึง 1,200 กิโลกรัมต่อไร่ พร้อมขอให้ช่วยส่งเสริมการลดปัจจัยการผลิตให้เกษตรกรอย่างจริงจัง

เชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมดูดาวกลางกรุง คืนวันเสาร์ 23 ธันวาคมนี้ ไม่มีค่าใช้จ่าย

นางสาวจุลลดา ขาวสะอาด รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) เปิดเผยว่า สดร. ร่วมกับกรุงเทพมหานคร เนรมิตกรุงเทพ เป็นมหานครแห่งดวงดาว จัดกิจกรรมดูดาวครั้งใหญ่ “ดูดาวกลางกรุง: Starry Night over Bangkok” ณ บริเวณลานอัฒจันทร์กลาง สวนเบญจกิติ วันที่ 23 ธันวาคม 2566 เวลา 18.00 น.- 22.00 น.

ชวนประชาชนร่วมชมความสวยงามของท้องฟ้ายามค่ำคืน ในพื้นที่มืดของสวนป่าใจกลางเมืองเป็นกิจกรรมดูดาวในกรุงเทพมหานคร ที่จะมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับชาวกรุงเทพฯและคนไทยทุกคน โดยภายในงานพบกับคาราวานกล้องโทรทรรศน์หลากหลายชนิดจาก สดร. และโรงเรียนเครือข่ายดาราศาสตร์ ให้ผู้ร่วมงานได้ส่องชมวัตถุท้องฟ้า อาทิ ดวงจันทร์ ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ฯลฯ พร้อมถ่ายภาพผ่านโทรศัพท์มือถือ รู้จักวัตถุท้องฟ้าและกลุ่มดาวที่น่าสนใจผ่านแอปพลิเคชันบนมือถืออย่างง่ายๆ เก็บภาพความประทับใจกับบอลลูนดวงจันทร์ยักษ์ และโซนเรืองแสง Glow in the Dark Stars & Planets ฟังทอล์คพิเศษเรื่องการสำรวจดวงจันทร์ ประดิษฐ์กล่องไฟกลุ่มดาว ท่ามกลางเสียงเพลงขับกล่อมตลอดงาน พิเศษ ! ลุ้นรับกล้องโทรทรรศน์และของที่ระลึกสุดพิเศษภายในงาน

สดร.ขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมงานดังกล่าว ชมดาวฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยสอบถาม โทร. 088-5477834 และ 081-8854353

สังคม

4 ธันวาคม 2566

เชิญชวนนายจ้างสถานประกอบการร่วมโครงการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม สร้างอาชีพสร้างรายได้

นางสาวบุณยวีร์ ไขว้พันธุ์ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ประเทศไทยมีคนพิการกว่า 2 ล้านคน ในจำนวนนี้อยู่ในวัยทำงานประมาณ 8 แสนคน ขณะนี้มีงานทำแล้ว 300,000 คน ส่วนที่เหลือไม่ประสงค์จะทำงานหรือไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งหนึ่งในภารกิจสำคัญของกรมการจัดหางานคือ การส่งเสริมการมีงานทำให้กลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นคนพิการเพื่อให้มีรายได้ สามารถดูแลตนเองได้และไม่เป็นภาระของครอบครัวและสังคม โดยได้มีการจัดทำโครงการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเชิงสังคมที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ ซึ่งดำเนินการมาแล้ว 2 ปีตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป้าหมายเพื่อจูงใจให้นายจ้าง/สถานประกอบกิจการที่ส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ หันมาจ้างงานคนพิการแทนเพื่อให้คนพิการได้รับประโยชน์โดยตรง

รูปแบบของโครงการคือ สถานประกอบการสนับสนุนค่าจ้างเพื่อให้คนพิการทำงาน ในหน่วยบริการสาธารณะ เช่น วัด โรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น/ตำบล/อำเภอ ทำให้คุณภาพชีวิตคนพิการและคนในครอบครัวคนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น คนพิการไม่ต้องเดินทางไปทำงานนอกพื้นที่สามารถตอบโจทย์คนพิการและครอบครัว สร้างความภาคพึงพอใจให้กับคนพิการและหน่วยบริการสาธารณะ รวมถึงนายจ้าง/สถานประกอบกิจการที่ได้ร่วมกันช่วยเหลือคนพิการโดยตรงให้สามารถมีงานทำ มีรายได้และได้อยู่กับครอบครัวอย่างอบอุ่น

รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินการงานในปี 2565 ซึ่งเป็นปีแรกตั้งเป้าหมายที่ 1,000 คน แต่ทำให้เกิดการจ้างงานถึง 1,499 คน และปี 2566 เพิ่มเป้าหมายเป็น 1,800 คน เกิดการจ้างงาน 3,277 คน ส่งผลให้ผู้พิการมีงานทำเกินเป้าหมายที่กำหนด ขอเชิญชวนนายจ้าง/สถานประกอบการ เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการจ้างงานคนพิการ นายจ้างสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ส่วนผู้พิการหรือผู้ดูแลคนพิการ รวมถึงสถานประกอบการที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ ลงทะเบียนได้ที่ เว็บไซต์กรมการจัดหางาน www.doe.go.th หรือที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ

เป้าหมายการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบ ทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ต้องได้รับความเป็นธรรม

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบหลังรัฐบาลประกาศเป็นวาระแห่งชาติ โดยกระทรวงมหาดไทยเปิดรับลงทะเบียนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากหนี้นอกระบบไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยยืนยันรัฐบาลต้องการไกล่เกลี่ยระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ต้องได้รับความเป็นธรรมเท่ากัน โดยไม่ได้เป็นการรังแกประชาชน ส่วนกรณีมีชาวต่างชาติปล่อยกู้เงินนอกระบบให้กับประชาชนชาวไทยที่อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี อีกทั้งยังข่มขู่ลูกหนี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จับกุมเจ้าหนี้ชาวชาติดำเนินคดีและจะดำเนินการเนรเทศออกนอกประเทศ

เจริญพระพุทธมนต์ จิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ถวายพระราชกุศล วันชาติและวันพ่อแห่งชาติ

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ได้ร่วมกับเครือข่ายด้านศาสนาและวัฒนธรรม จัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติและวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2566 ประกอบด้วย การจัดตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมเครื่องราชสักการะตามอาคารสถานที่ จัดนิทรรศการเทิดพระเกียรตินำเสนอภาพพระราชกรณียกิจและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ อาทิ การเสวนาตามรอยพระราชา: เศรษฐกิจพอเพียง...สู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน การแสดงดนตรีเพลงพ่อของแผ่นดิน การแสดงดนตรีแจ๊สเทิดพระเกียรติ ของวงดนตรีเฉลิมราชย์ วงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์ฯ การจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ณ วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก

พร้อมกันนี้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศ ได้นำดอกดาวเรืองจัดทำพานพุ่มและตกแต่งสถานที่ประกอบพิธี พร้อมกันนี้ยังจัดเจ้าหน้าที่ร่วมอำนวยความสะดวกรองรับการจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรของรัฐบาล ณ ท้องสนามหลวง และพิธีวางพานพุ่มถวายบังคมพระราชานุสาวรีย์พระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันทำความดีถวายพระราชกุศล เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณทั้งส่วนกลางและภูมิภาค

5 ธันวาคม 2566

เจริญพระพุทธมนต์และตักบาตร ถวายพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ รัชกาลที่ 9 วันชาติ วันพ่อแห่งชาติ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานพิธีสงฆ์ในการเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตร เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม ประจำปี 2566 ณ บริเวณท้องสนามหลวง พร้อมด้วยคณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี ประธานสภา ประธานศาลฏีกา ประธานวุฒิสภา ประธานองค์กรอิสระ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และข้าราชการ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวประกอบด้วยพิธิเจริญพระพุทธมนต์และตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 189 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9

กรมทางหลวงชนบทร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เปิดไฟประดับสะพานภูมิพล 1, 2 สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติและวันพ่อแห่งชาติ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2566 กรมทางหลวงชนบทได้ทำการเปิดไฟประดับสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ สะพานภูมิพล 1 สะพานภูมิพล 2 กรุงเทพฯ, จังหวัดสมุทรปราการ และสะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ จังหวัดนนทบุรีโดยจะทำการเปิดไฟในคืนวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ระหว่างเวลา 19.00 น. ถึง 24.00 น. ทั้งนี้ เพื่อร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ แสดงให้เห็นความงดงามของบรรยากาศบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน โดยประชาชนสามารถร่วมชมทัศนียภาพความสวยงามของสะพานได้ตามวันและเวลาดังกล่าว

กรมพัฒนาที่ดินร่วมกับ 15 หน่วยงาน จัดงานวันดินโลก ส่งเสริมประชาชนตระหนักถึงความสำคัญทรัพยากรดินและน้ำ

นายปราโมทย์ ยาใจ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า งานวันดินโลกปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ดินดี น้ำสมบูรณ์ เกื้อกูลชีวิต เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญกับทรัพยากรดินและน้ำ ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงและเกื้อกูลกัน เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางอาหาร สิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศและคุณภาพชีวิต โดยร่วมกับองค์กรภาครัฐและเอกชนอีก 15 หน่วยงานจัดกิจกรรม ระหว่างวันที่ 5 – 10 ธันวาคม 2566 ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้แก่ นิทรรศการมีชีวิต อาทิ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติแนวพระราชดำริด้านดินและน้ำในรัชกาลที่ 9 การสืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชดำริในรัชกาลที่ 10 ได้แก่ โครงการเกษตรวิชญา และศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ ซึ่งเป็นศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแห่งใหม่ ลำดับที่ 39 และพระราชกรณียกิจในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการกลางแจ้ง แสดงเทคโนโลยีนวัตกรรมการบริหารจัดการดินและน้ำ เพื่อการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและแปลงสาธิตการปลูกฟักทองบัตเตอร์นัทที่ยาวที่สุดในประเทศไทย แปลงสาธิตการปลูกข้าวโพดหวาน มะม่วงนอกฤดู

นอกจากนี้ ยังมีการจัดเสวนาของหมอดิน มีหมอดินอาสาจาก สปป.ลาว ที่ได้รับการขยายผลจากโครงการหมอดินอาสาของไทย มาแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาดินกับหมอดินของไทย การเสวนานานาชาติด้านดินจากหลากหลายประเทศ พร้อมกันนี้ ยังให้สถานีพัฒนาที่ดินทุกจังหวัดจัดงานวันดินโลกตลอดเดือนธันวาคม 2566 สำหรับเกษตรกรที่มีปัญหาเรื่องการจัดการดิน สามารถขอรับคำปรึกษาที่ สำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัดทุกจังหวัดใกล้บ้านท่าน

นายกรัฐมนตรี วางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 9

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและภริยา เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์ ในหลวงรัชการที่ 9 เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติและวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2566 ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร โดยมีคณะรัฐมนตรี อาทิ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ภายในงานมีการจัดกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์และบำเพ็ญสาธารณกุศลตามความเหมาะสม

สำหรับประชาชนที่ประสงค์เข้าร่วม น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สามารถถวายพวงมาลัย หรือดอกไม้สดได้ตั้งแต่เวลา 09.00 น.- 24.00 น.

ปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติ ปั่นจากวัดที่พ่อทรงสร้าง สู่วังที่พ่อทรงงาน ปีที่ 3

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และนายสุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์และกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 5 ธันวาคม 2566 วันชาติและวันพ่อแห่งชาติ ณ วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กรมการศาสนาได้จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ กิจกรรมจิตอาสาทำความสะอาดลานวัด ศาลาการเปรียญ พระอุโบสถ และปรับภูมิทัศน์ภายในวัด พร้อมปล่อยขบวนปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติ"ปั่นจากวัดที่พ่อทรงสร้าง สู่วังที่พ่อทรงงาน ปีที่ 3 แสดงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ สร้างเสริมความสามัคคีของชาวไทยและให้ประชาชนหันมาออกกำลังกาย โดยมีนักปั่นจักรยานจากชมรมต่างๆ เข้าร่วมกว่า 500 คน ใช้เส้นทางจากวัดพระราม 9 ไปยังพระที่นั่งพุทไธศวรรย์ พระบรมมหาราชวัง

นอกจากนี้ ในจังหวัดต่างๆ ยังได้มีการจัดงานเช่นเดียวกับส่วนกลาง ประกอบด้วย พิธีสวดพระพุทธมนต์ พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ กิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ นิทรรศการหรือจัดทำวีดิทัศน์น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และกิจกรรมเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

การรถไฟแห่งประเทศไทย จัดเดินขบวนรถพิเศษนำเที่ยวรถจักรไอน้ำเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวาคม

การรถไฟแห่งประเทศไทย จัดเดินขบวนรถพิเศษนำเที่ยวรถจักรไอน้ำเฉลิมพระเกียรติ เส้นทาง กรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ เนื่องในโอกาสวันที่ 5 ธันวาคม วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยมีนายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนรถพิเศษนำเที่ยวรถจักรไอน้ำ พร้อมด้วยผู้บริหาร พนักงานการรถไฟฯ ประชาชนและนักท่องเที่ยว เข้าร่วมกิจกรรม ณ สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง)

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เนื่องในวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รวมถึงรัฐบาลกำหนดให้เป็นวันชาติและวันพ่อแห่งชาติ การรถไฟฯ จึงได้จัดกิจกรรมเดินขบวนรถพิเศษนำเที่ยวรถจักรไอน้ำ เส้นทางกรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ สร้างประโยชน์สุขต่อประชาชนและประเทศชาติตลอดมา

ทั้งนี้ การรถไฟฯ นำหัวรถจักรไอน้ำแปซิฟิก หมายเลข 824 และ 850 รุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผลิตโดยบริษัท นิปปอน ชาร์เรียว จำกัด ซึ่งปัจจุบันเก็บรักษาและซ่อมบำรุงอยู่ที่โรงรถจักรธนบุรี โดยนำมาจัดเดินขบวนรถพิเศษนำเที่ยว เนื่องใน 6 วันสำคัญของทุกปี ประกอบด้วย วันที่ 26 มีนาคม วันคล้ายวันสถาปนากิจการรถไฟ เส้นทางกรุงเทพ – อยุธยา – กรุงเทพ วันที่ 3 มิถุนายน วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เส้นทางกรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ วันที่ 28 กรกฎาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เส้นทางกรุงเทพ – อยุธยา – กรุงเทพ วันที่ 12 สิงหาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เส้นทางกรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ วันที่ 23 ตุลาคม วันปิยมหาราช เส้นทางกรุงเทพ – อยุธยา – กรุงเทพ วันที่ 5 ธันวาคม วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เส้นทางกรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ

หากท่านใดที่พลาดโอกาสเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้ สามารถร่วมกิจกรรมนั่งรถจักรไอน้ำท่องเที่ยวได้ในครั้งถัดไป ในวันที่ 26 มีนาคม 2567 เส้นทางกรุงเทพ – อยุธยา – กรุงเทพ ซึ่งเป็นทริปแรกของปี 2567 สำหรับอัตราค่าโดยสารไป-กลับ (รถนั่งชั้น 3) ราคา 329 บาท และตู้โดยสารปรับอากาศ (รถโอทอป) ราคา 799 บาท/คน พร้อมบริการอาหารว่าง และเครื่องดื่มบนรถไฟทั้งเที่ยวไป-กลับ

ทั้งนี้ จะเริ่มเปิดจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าสูงสุด 30 วัน ด้วยระบบ D-Ticket หรือที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดตามข่าวสารต่างๆ ได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย

ประชาชนรอรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี กันอย่างเนืองแน่น

ที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ประชาชนเฝ้ารอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี กันอย่างเนืองแน่น เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติและวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2566 โดยประชาชนพร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลือง ชูธงชาติไทยและกรอบรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมชูป้ายข้อความ “ทรงพระเจริญ” มารอกันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีเจ้าหน้าที่ คอยดูแลรักษาความปลอดภัย อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์และบำเพ็ญสาธารณกุศลตามความเหมาะสม หน่วยแพทย์อาสาเคลื่อนที่ ซุ้มอาหารพระราชทาน ซุ้มจัดนิทรรศการประวัติและความเป็นมาของในหลวงรัชกาลที่ 9 และซุ้มการแสดงดนตรีมาร่วมบรรเลงเพลงอีกด้วย

โดยนางสาวทิพวัลย์ กระดีทอง หนึ่งในประชาชนจิตอาสาที่เข้าร่วมงาน เปิดเผยว่า รู้สึกปลื้มปิติที่ได้มาทำความดีในวันนี้ ซึ่งตนมาเข้าร่วมงานตั้งแต่เช้ามืด มีการแจกอาหาร แจกน้ำดื่มและยาดม ให้แก่ประชาชน เพื่อน้อมรำลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9

ด้านนางสาวพสุตา เที่ยงธรรม อีกหนึ่งในประชาชนที่มารอรับเสด็จฯ เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาจากจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อมารอรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 10 พร้อมชื่นชมในพระบารมีของพระองค์

สำหรับประชาชนที่เดินทางเข้ามาร่วมสักการะ ขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เกิดความมีระเบียบเรียบร้อย พร้อมตรวจดูและทรัพย์สินของตนเองเพื่อป้องกันมิจฉาชีพที่อาจจะแฝงตัวเข้ามาในพื้นที่ ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจ จะเปิดให้เข้าชมและร่วมสักการะบริเวณอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร จนถึงเวลา 24.00 น.

6 ธันวาคม 2566

กระทรวงคมนาคม เดินหน้าแก้ไขรถบรรทุกน้ำหนักเกิน เร่งปรับแก้กฎหมายโทษปรับสูงสุด

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หลังจากกระทรวงคมนาคมร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการการดำเนินงานแก้ไขปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันปัญหาการทุจริตที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะกรณีบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนด รวมถึงแก้ไขปัญหาส่วยสติกเกอร์ทางหลวง สามารถจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินซึ่งเป็นเครือข่ายของรถบรรทุกรายใหญ่ ในนาม “ลูกพญาแล“ เป็นผู้มีอิทธิพลของกลุ่มรถบรรทุก ที่ส่อเค้าเลี่ยงกฎหมายและก่อนนี้ไม่มีหน่วยงานใดกล้าจับกุม จนเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.ดำเนินการจับกุมตัวนายกิติศักดิ์ แสงดำ อายุ 24 ปี ผู้กระทำความผิดในคดีการใช้ยานพาหนะน้ำหนักเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดเดินบนทางหลวง จังหวัดปทุมธานี ขอชื่นชมหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคม บช.ก. บก.ทล. รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บุคลากรและเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกที่ร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินได้ประสบผลสำเร็จและมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม แนวทางแก้ไขปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินหลังจากนี้ จะเร่งปรับแก้ไขกฎหมายให้มีโทษปรับในอัตราสูงสุดไม่เกิน 100,000 - 200,000 บาท แล้วแต่กรณีการกระทำความผิด จากเดิมมีโทษปรับในอัตราสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท ส่วนกรณีเพิ่มโทษจำคุกนั้น ได้มอบหมายให้กรมทางหลวง (ทล.) ศึกษาผลดีผลเสีย รวมทั้งให้ดำเนินการเอาผิดกับผู้ประกอบการรถบรรทุกด้วย เมื่อผลศึกษาแล้วเสร็จจะเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายใน 1 ปีหลังจากนี้

ทุกจังหวัดป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารภัยแห่งชาติ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดำเนินการสำหรับป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ปี 2566-67 โดยให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ที่ส่งผลต่อการเกิดปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการสนับสนุนการสั่งการ การดำเนินการ ตลอดจนการแจ้งเตือนประชาชนอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ โดยให้ฝ่ายปฏิบัติการให้ความสำคัญกับการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่แหล่งกำเนิด กำชับหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการเผาในที่โล่ง การคมนาคมขนส่ง อุตสาหกรรมและการก่อสร้าง

ส่วนกรณีการเผาในพื้นที่การเกษตร ให้อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในพื้นที่ ตลอดจนใช้กลไกอาสาสมัครร่วมรณรงค์งดการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร ให้กับเกษตรกรเกี่ยวกับการกำจัด หรือใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ไปสู่การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มแทน เช่นการไถกลบตอ ซัง การใช้จุลินทรีย์ในการย่อยสลาย

พร้อมทั้งกำชับให้กองอำนวยการ ปภ.จังหวัด ทบทวนและจัดทำแผนเผชิญเหตุในกรณีต่างๆ ปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน อาทิ พื้นที่เสี่ยง เช่น พื้นที่ป่า พื้นที่การเกษตร พื้นที่ริมทางและพื้นที่ชุมชน/เมือง ตลอดจนข้อมูลประชากรกลุ่มเสี่ยง ข้อมูลทรัพยากร เครื่องจักรกลสาธารณภัย พร้อมกับมีแนวทางปฏิบัติแต่การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์แต่ละระดับอย่างชัดเจน ตลอดจนประสานการปฏิบัติร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งชุดเฝ้าระวังระดับพื้นที่ สนับสนุนการลาดตระเวนเฝ้าระวัง ป้องปรามการลักลอบเผาในเขตพื้นที่ป่า เขตพื้นที่การเกษตร เพื่อลดแนวโน้มที่ปริมาณฝุ่น PM2.5 จะสูงเกินค่ามาตรฐาน 37.5 มคก./ลบ.ม.

พร้อมเน้นย้ำให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครที่เข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐ จัดอุปกรณ์ส่วนบุคคลที่มีความเหมาะสม กรณีการเกิดไฟป่าที่กำลังภาคพื้นที่เข้าถึงยาก ให้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่มีอากาศยานเข้าสนับสนุน และให้ดูแลด้านสวัสดิการและค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามระเบียบด้วย

ส่วนด้านการดูแลสุขภาพประชาชน ให้หน่วยงานด้านสาธารณสุข ดำเนินการในการให้ข้อมูลการดูแลสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นการมีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้ข้อมูล หรือการให้ความรู้ผ่านช่องต่างๆ และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดพื้นที่และระบบบริการประชาชนในพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone) หรือห้องปลอดฝุ่นเพื่อดูแลผู้มีปัญหาสุขภาพในกรณีจำเป็นต่อไป

7 ธันวาคม 2566

กระทรวงมหาดไทยบูรณาขยายผลการปราบปรามกลุ่มผู้ค้าและผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ได้เร่งขับเคลื่อนนโยบายปราบปรามผู้ค้าและผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยทำงานงานแบบบูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายผลการจับกุมเครือข่าย ใช้การทำงานของทีมอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชนในพื้นที่แก้ไขปัญหาทุกด้านอย่างเป็นระบบเพื่อปิดช่องโหว่ของกลุ่มผู้มีอิทธิพล หากพบเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องจะดำเนินการเอาผิดโดยไม่ละเว้น ทั้งนี้ ได้ให้นโยบายผู้ใหญ่บ้านทุกคนทำงานใกล้ชิดประชาชนและติดตามความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ค้าและผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังประสานกับสาธารณสุขบริหารจัดการกลุ่มผู้เสพในการป้องกันและการบำบัดรักษา

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังกล่าวถึงแนวทางการปราบปราม ว่า จะเน้นทำลายโครงสร้างการค้ายาเสพติดรายใหญ่ และองค์กรอาชญากรรมรายใหญ่ที่เป็นแกนหลักสำคัญ รวมทั้งเฝ้าระวังการค้า และการเสพยาเสพติดในรูปแบบใหม่ที่กำลังแพร่ระบาด โดยเฉพาะการลักลอบตามแนวชายแดนโดยหารือจัดมาตรการกับประเทศเพื่อนบ้านที่ใช้เป็นเส้นทางขนย้าย พร้อมรายงานผลการทำงานทุก 3 เดือน พร้อมขอความร่วมมือประชาชนทุกพื้นที่แจ้งข้อมูลกลุ่มผู้ค้าและผู้เสพนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ

กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับสภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร 50 เขต เตรียมพร้อมเปิดลงทะเบียนฝึกทักษะ 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ประชุมมอบนโยบายการขับเคลื่อน Soft Power (THACCA) และ 1 ครอบครัว 1 Soft Power แก่ผู้แทนประธานสภาวัฒนธรรมเขตกรุงเทพมหานคร 50 เขตในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลซอฟต์พาวเวอร์ 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เช่น ภาพยนตร์ ซีรี่ส์ อาหาร ท่องเที่ยว และเทศกาลประเพณี นำทุนทางวัฒนธรรมมาพัฒนาต่อยอดสร้างรายได้ โดยเปิดลงทะเบียนผู้ที่มีทักษะฝีมืออุตสาหกรรมสร้างสรรค์ผ่านแอปพลิเคชันของกองทุนหมู่บ้านเข้ามาอบรมพัฒนาทักษะฝีมือ ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ สำนักช่างสิบหมู่รองรับการเป็นศูนย์ฝึกอบรม ส่งเสริมการสร้างสรรค์ผลงานนำไปจำหน่าย และมีกองทุนให้กู้ยืม อีกทั้งจะแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องส่งเสริมภาคเอกชนเป็นผู้ขับเคลื่อน Soft Power มีภาครัฐสนับสนุนและลดขั้นตอนการอนุญาตในเรื่องต่างๆ ซึ่ง THACCA จะขับเคลื่อน Soft Power เบ็ดเสร็จในองค์กรเดียว

ทั้งนี้ขอให้สภาวัฒนธรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ทั้งส่วนกลางและทุกจังหวัดโดยเฉพาะแหล่งมรดกโลก และจังหวัดยูเนสโกประกาศให้เป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ เช่น จังหวัดเชียงรายด้านออกแบบ จังหวัดเพชรบุรีด้านอาหาร กิจกรรมภายใต้งาน Thailand Winter Festivals ของรัฐบาล โดยเฉพาะการจัดงานสงกรานต์เพื่อเฉลิมฉลองเสนอขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติของยูเนสโก การท่องเที่ยวโบราณสถานและพิพิธภัณฑ์และ 10 พระอารามในยามค่ำคืน การจัดงาน งานสวดมนต์ข้ามปี เสริมสิริมงคล ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงวัดทั่วประเทศและวัดไทยในต่างประเทศ รวมถึงงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ จังหวัดเชียงรายที่จะเกิดงานในวันที่ 9 ธันวาคม 2566 จนถึงวันที่ - 30 เมษายน 2567

8 ธันวาคม 2566

กรมส่งเสริมการเกษตร จัดกิจกรรมโปรโมชันพิเศษคืนความสุขให้ลูกค้าต้อนรับปีใหม่ 2567 กว่า 200 รายการ

นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร จัดกิจกรรมโปรโมชันพิเศษคืนความสุขให้ลูกค้าต้อนรับเทศกาลปีใหม่ 2567 หลากหลายแบบ ได้แก่ สินค้าจัดชุดเหมาะสำหรับเป็นของขวัญปีใหม่ส่งให้ญาติมิตร ค่าส่งฟรี หรือส่วนลดค่าขนส่ง โดยได้รับการสนับสนุนการขนส่งจาก บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) และ บริษัท เคอร์รี่ เอ็กซ์เพลส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เริ่มดีเดย์เริ่มวันที่ 12 ธันวาคม 2566 - 31 มกราคม 2567

ผู้สนใจสามารถเข้าชมและติดต่อเกษตรกร เพื่อสั่งซื้อสินค้าได้ที่เว็บไซต์ “www.ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com” มีสินค้าเข้าร่วมจัดโปรโมชันรวมกว่า 200 รายการ จัดโปรโมชันส่งฟรี พร้อมบริการการ์ดอวยพรปีใหม่

ผู้สนใจยังสามารถหาซื้อสินค้าเกษตรจากเกษตรกรตัวจริง เป็นของขวัญของฝากให้ญาติมิตรในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้จากจุดจำหน่ายสินค้า “ตลาดเกษตรกร” 70 จังหวัด และศูนย์เรียนรู้บริหารจัดการสินค้าเกษตร (ตลาดเกษตรกรถาวร) จำนวน 7 แห่ง ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ ลำปาง พิจิตร ราชบุรี กาญจนบุรี เชียงราย และจังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นสถานที่จำหน่ายสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ ปลอดภัย มีเกษตรกรเป็นผู้ขายโดยตรง ดำเนินการในทุกพื้นที่อย่างต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน เป็นการเพิ่มช่องทางตลาดให้เกษตรกรมีพื้นที่จำหน่ายสินค้า ลดปัญหาสินค้าล้นตลาดและราคาตกต่ำ ตลอดจนพัฒนาเกษตรกรให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนต่อไป ภายใต้สโลแกน “เกษตรกรจริงจริง ทุกสิ่งปลอดภัย”

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยืนยันทุกจังหวัดปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ

บรรยากาศการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 หรือกรรมการไตรภาคี ที่กระทรวงแรงงาน วันนี้ (8 ธ.ค.66) กรรมการฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง และผู้แทนภาครัฐ เข้าร่วมครบองค์ประชุม ซึ่งมติคณะกรรมการค่าจ้างจะต้องใช้เสียง 3 ใน 5 ของคณะกรรมการแต่ละฝ่าย โดยก่อนการประชุม นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เป็นการประชุมเคาะค่าจ้างขั้นต่ำครั้งสุดท้าย เพื่อพิจารณาสรุปอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2567 ซึ่งคณะกรรมการวิชาการมีข้อเสนอให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำโดยเฉลี่ย 3.26% ของค่าจ้าง แต่ค่าเฉลี่ยนี้จะลดหรือเพิ่มก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดใหญ่ครั้งนี้

ส่วนหลักการพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำมีสูตรในการคำนวณ เช่น พิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อ อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันในแต่ละจังหวัด ซึ่งต้องยอมรับว่ามีบางจังหวัดไม่ขอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในปีนี้ เพราะยังตกลงกันไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในวันนี้จะมีการเคาะค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศให้ได้ข้อสรุป เพื่อนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ เพื่อให้ทันประกาศใช้เป็นของขวัญปีใหม่กับผู้ใช้แรงงาน

ทั้งนี้ ก่อนการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เข้าห้องก่อนเริ่มการประชุม โดยกล่าวถึงการเข้ามาในที่ประชุม ยืนยันว่า ไม่มีการแทรกแซงเรื่องการขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำแต่อย่างใด ก่อนจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยเปิดเผยว่า ล่าสุดมี 5 จังหวัดที่ไม่ขอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 1 ในนั้นเป็นจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำปีนี้นั้น จะมีการปรับในทุกจังหวัดมากน้อยแตกต่างกันตามสภาพเศรษฐกิจ ให้เกิดสมดุลและรักษาการจ้างงานด้วย โดยเฉพาะในกลุ่ม sme สำหรับค่าจ้างขั้นต่ำ จะมีจังหวัดใดได้ปรับขึ้นถึงถึง 400 บาทหรือไม่เป็นเรื่องของคณะกรรมการไตรภาคีที่จะพิจารณา

ส่วนกรณีหากปรับขึ้นไม่ถึง 400 บาท มีไทม์ไลน์อย่างไรให้ถึง 600 บาท รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ตัวเลข 400 บาท ไม่ใช่นโยบายของรัฐบาล แต่นโยบายของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเคยหาเสียงไว้ที่ 600 บาท ภายในปี 2570 ซึ่งรัฐบาลยังมีเวลาในการพัฒนาประเทศ