การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปี 2566 มีความหมายอย่างยิ่งต่ออนาคตชาติ อาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาฯ แนะการเตรียมตัว เตรียมความคิดก่อนเดินหน้า เข้าคูหาวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. นี้ Show
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกครั้งมีความสำคัญ โดยเฉพาะการเลือกตั้งปี 2566 นี้ ที่หลายคนรู้สึกว่าเป็นห้วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงและความหวัง “บริบทโลกในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงฉับไวและซับซ้อน เราต้องการตัวแทนที่เข้ามาแก้ไขและจัดการปัญหาความท้าทายที่ไม่เคยเจอมาก่อน การเลือกตั้งครั้งนี้จึงสำคัญมากกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา” รองศาสตราจารย์ ดร.ปกรณ์ ศิริประกอบ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าว “ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังไม่จบหรือหมดไป การก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ของประเทศที่ประชากรร้อยละ 20 มีอายุมากกว่า 60 ปี การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยธรรมชาติ ฝุ่น PM 2.5 ฯลฯ ความท้าทายเหล่านี้และปัญหาอีกมากที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ต้องการคนที่มีภาวะผู้นำและศักยภาพในการฟันฝ่าหาทางออกอย่างสร้างสรรค์” รองศาสตราจารย์ ดร.ปกรณ์ ศิริประกอบ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย“ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย การเลือกตั้งเป็นหัวใจที่ประชาชนผู้มีสิทธิ “มีหน้าที่” ลงคะแนนเสียงเลือกตัวแทน เราคือคนเลือกผู้ที่จะมากำหนดกติกาและนโยบายของประเทศในอนาคต ทุกคะแนนที่ออกมาในการเลือกตั้งครั้งนี้จะสะท้อนทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่เราอยากเห็นให้เกิดขึ้นในสังคม” แนวโน้มผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งมากขึ้นอ.ปกรณ์ ให้ข้อมูลว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปี 2562 มีผู้มาใช้สิทธิ 38 ล้านคนจากจำนวนผู้มีสิทธิทั้งสิ้น 51 ล้านคน (คิดเป็นร้อยละ 74.87 ของผู้มีสิทธิทั้งหมด) สำหรับปีนี้ อ.ปกรณ์ คาดว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นเพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีจำนวน 52 ล้านคน (เพิ่มจากเดิม 1 ล้านคน) แล้ว ยังเนื่องมาจากเหตุปัจจัยสำคัญ 3 ประการ คือ ประการแรก คนไทยมีความเข้าใจและตื่นตัวมากขึ้นทางการเมือง และเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นเครื่องมือสำคัญในการได้มาซึ่งคนที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ ประการที่สอง รูปแบบการหาเสียงทุกวันนี้แตกต่างจากแต่ก่อน โดยเฉพาะการหาเสียงออนไลน์ ทำให้ผู้มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ได้ง่ายและมากขึ้น รวมทั้งผู้สมัคร ส.ส.เองก็สามารถเข้าถึงผู้มีสิทธิได้ง่ายขึ้นกว่าในอดีตด้วย ประการสุดท้าย ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีการบริหารจัดการให้กลุ่มผู้พิการและผู้สูงอายุมีความสะดวกมากยิ่งขึ้นกว่าครั้งที่ผ่านมา โดยมีการเปิดหน่วยเลือกตั้งพิเศษสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการเพิ่มขึ้นรวม 28 แห่ง ใน 23 จังหวัด ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นคนพิการและผู้สูงอายุซึ่งในบางครั้งเป็นกลุ่มเดียวกัน เมื่อรวมกันแล้วมีจำนวนอย่างน้อยที่สุดประมาณ 12 ล้านคน หรือร้อยละ 23 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งหากนับรวมครอบครัวหรือผู้ดูแลในสัดส่วนคนพิการ/ผู้สูงอายุ 1 คน กับครอบครัว 1 คน จะเท่ากับ 24 ล้านคน หรือร้อยละ 46 “การมีส่วนร่วมของพลเมืองเป็นหัวใจหลักของการปกครองในระบบประชาธิปไตย หากผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิกันมากก็จะเป็นภาพสะท้อนว่าประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตยมากขึ้น” อ.ปกรณ์ กล่าว ดูนโยบายแก้ปัญหา มากกว่าชูคนหรือพรรคการเมืองการหาเสียงครั้งนี้มีรูปแบบที่ต่างไปจากเดิมพอสมควรตามบริบทสังคมที่เปลี่ยนไป รถกระจายเสียงที่แล่นไปตามถนนดูจะมีจำนวนลดลง เปลี่ยนเป็นการจัดเวทีสาธารณะตามแหล่งชอปปิ้ง ทั้งกรุงเทพและจังหวัดใหญ่ ๆ วิธีการหาเสียงมีการเปิดเวทีรับฟังความเห็นประชาชนมากขึ้น และมีการสื่อสารอย่างเป็นกันเอง นอกจากนี้ การหาเสียงในโลกออนไลน์ก็คึกคัก ยิงตรงถึงกลุ่มเป้าหมายของแต่ละพรรคและใช้งบประมาณลดลงด้วย และยังมีพื้นที่ให้เกิดการสื่อสารสองทางระหว่างผู้มีสิทธิเลือกตั้งกับผู้สมัคร ที่สำคัญ อ.ปกรณ์ ตั้งข้อสังเกตว่าในอดีต รูปแบบการหาเสียงเลือกตั้งจะเน้นตัวผู้สมัครหรือพรรคการเมือง น้อยคนจะสนใจนโยบายของพรรคการเมืองอย่างจริงจัง แต่ในวันนี้ ผู้คนดูจะสนใจนโยบายต่างๆ ของพรรคการเมืองมากขึ้น “ในการหาเสียง แต่ละพรรคเน้นชูนโยบายที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น เห็นได้จากป้ายหาเสียงที่นำเสนอนโยบายที่เข้าใจง่าย จับต้องได้ มากกว่าการเน้นที่ตัวผู้สมัครหรือพรรคการเมืองเหมือนในอดีต สิ่งนี้สะท้อนว่าคนมองปัญหาและสนใจการแก้ไขของแต่ละพรรคมากขึ้น เข้าใจว่าเป็นการเลือกตั้งเป็นการหาผู้นำและตัวแทนเข้าไปแก้ปัญหาสังคม มากกว่าการเลือกแค่คน หรือพรรคการเมืองที่ชอบเหมือนครั้งอดีตที่ผ่านๆ มา” ทั้งนี้ อ.ปกรณ์ ให้หลักคิดในการเลือก “ผู้แทน” และ “พรรคการเมือง” ว่า “อะไรที่เป็นปัญหาคาใจและต้องการแก้ไข หรือต้องการพัฒนา ให้หาข้อมูลว่าใคร พรรคการเมืองใด สนใจแก้ไขปัญหา หรือจะพัฒนาเรื่องที่ตรงกับใจเรา ข้อเสนอที่จะแก้ไขและพัฒนานั้นทำให้เกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ในระยะเวลา 4 ปี และด้วยฐานะทางการเงินของประเทศไทยเรา ที่สำคัญสุดคือ คนนั้น พรรคนั้น เคยลงมือทำ หรือได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการผลักดันให้เกิดขึ้นจริง หรือมีผลงานความสำเร็จหรือไม่ในอดีตที่ผ่านมา” “แต่หากสนใจให้โอกาสพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่ ก็ให้ลองศึกษาภูมิหลังของผู้สมัครและนโยบายพรรคว่ามีประสบการณ์สอดคล้อง หรือเป็นไปได้กับเรื่องที่ต้องการผลักดันหรือไม่” ทุ่มงบเลือกตั้ง 6,000 ล้านบาท ต้องไม่สูญเปล่าก่อนจะ “กากบาท” เลือกใคร หรือพรรคใด อ.ปกรณ์ กล่าวเน้นว่าทุกคนต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เพราะการเลือกตั้งมีราคาที่ต้องจ่าย ทั้งวันนี้ไปจนถึงวันข้างหน้า “การเลือกตั้งครั้งนี้ใช้งบประมาณแผ่นดินสูงถึง 6,000 ล้านบาท! ขอให้ใช้วิจารณญาณให้ดี อยากให้ 4 ปีข้างหน้า ไม่มีใครรู้สึกว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องเสียเวลา หรือเสียโอกาสของประเทศ” 3 สิ่งใหม่ในการเลือกตั้ง ส.ส. ทั่วไปปี 2566 การเลือกตั้งปี 2566 มี 3 เรื่องใหม่ที่ผู้มิสิทธิเลือกตั้งควรใส่ใจ อ.ปกรณ์ แจกแจง ดังนี้
นับคะแนนรูปแบบใหม่ ดีอย่างไร?การเลือกตั้งครั้งนี้มีบัตรเลือกตั้งสองใบ คือ ใบเลือกพรรค และ ใบเลือกผู้สมัคร ซึ่ง อ.ปกรณ์ มองว่าจะช่วยให้ประชาชนตัดสินใจเลือกได้ง่ายกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อน (ปี 2562) ที่มีบัตรเลือกตั้งเพียงใบเดียว “ครั้งก่อน เป็นการบังคับว่าเลือกพรรคเท่ากับเลือกคน หรือเลือกคนเท่ากับเลือกพรรค เนื่องจากพรรคกับคนใช้คะแนนร่วมกัน แต่ครั้งนี้เราสามารถเลือก “คน” แยกจาก “พรรค” ได้ ทำให้ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งสามารถเลือกคนในพื้นที่ที่ทำงานในพื้นที่จริงๆ ได้ โดยที่ยังสามารถเลือกพรรคที่ชอบนโยบาย หรือให้ผู้ที่พรรคการเมืองแจ้งชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีไว้ได้” กฎเกณฑ์ใหม่ดังกล่าวทำให้ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งสามารถลงคะแนนได้เป็น 2 ทาง คือ
นอกจากนี้ อ.ปกรณ์ ยังอธิบายหลักคิดของการนับคะแนนที่แตกต่างระหว่างปี 2562 และ 2566 ว่า “รูปแบบการนับคะแนนในปี 2562 ที่มีบัตรเลือกตั้งเพียงใบเดียว เน้นให้ค่ากับทุกคะแนน หรือที่เรียกกันว่าไม่มีคะแนนเสียง “ตกน้ำ” เนื่องจากถ้าคนที่ 1 เป็นผู้ชนะ คะแนนของคนที่ 2 , 3 ไล่ลงมาจนถึงคะแนนของคนสุดท้าย จะยังคงถูกนับเป็นคะแนน และนำไปรวมในคะแนนของพรรค จึงไม่มีคะแนนใดหล่นหาย “แต่การเลือกตั้งในปีนี้ คะแนนของบัตรใบที่เลือกคน จะได้ผู้ชนะเพียงคนเดียว คะแนนของคนที่ได้อันดับ 2 ลงไปจนถึงคะแนนของคนสุดท้ายจะไม่ถูกนำมาใช้ใดๆ อีก” สำหรับการนับคะแนนของ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อก็มีการปรับสูตรการคำนวณใหม่เช่นกัน “ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อมีทั้งสิ้น 100 คน จะได้มาจากการเอาจำนวนคะแนนบัตรเลือก “พรรคการเมือง” ที่เป็นบัตรดีทั้งหมด มาหาร 100 ที่นั่ง ก็จะได้คะแนนเฉลี่ยของ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ 1 คน” อ.ปกรณ์ ยกตัวอย่างว่าหากในการเลือกตั้งครั้งนี้มีคนมาลงคะแนนบัตรเลือกตั้งพรรคการเมือง 40 ล้านคน เมื่อนำจำนวน 40 ล้าน มาหารด้วยจำนวน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ 100 คน ก็จะได้เท่ากับ 400,000 นั่นหมายความว่าพรรคการเมืองจะได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 1คน จากทุก ๆ 400,000 คะแนนเสียงที่ได้ “ตามตัวอย่างการคำนวณข้างต้น สมมติ พรรค A ได้คะแนนพรรค 4 ล้านคะแนน ก็เท่ากับได้ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ 10 คน นับอย่างนี้จนครบทุกพรรคการเมือง” “ถ้า ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อยังไม่ครบ 100 ที่นั่ง ก็จะย้อนมาดูที่ “จุดทศนิยม” ของแต่ละพรรคการเมือง พรรคใดมีจุดทศนิยมสูงที่สุด ก็จะได้ที่นั่งเพิ่ม 1 ที่นั่งก่อน แล้วไล่ไปจนครบ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ 100 คน เช่น พรรค A ได้คะแนน 10.8 พรรค B ได้ 8.5 พรรค C ได้ 0.7 ตามคะแนนนี้ พรรค A จะได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเพิ่มมา 1 คน แล้วก็ต่อด้วยพรรค C ได้เพิ่มมาอีก 1 คน แล้วจึงตามด้วยพรรค B ตามลำดับ แม้บางพรรคการเมืองอาจจะหารออกมาแล้วไม่ได้คะแนนเต็ม แต่มีจุดทศนิยมสูงก็อาจจะได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อมา 1 คน” เตรียมตัวอย่างไรกับการเลือกตั้งปี 2566อ.ปกรณ์ แนะนำการเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึง ดังนี้ – เตรียมบัตรให้พร้อม บัตรอะไรก็ได้ที่ออกโดยหน่วยงานภาครัฐที่มีรูปถ่ายและเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักปรากฏอยู่บนบัตร อาทิเช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่ หนังสือเดินทาง หรือบัตรประจำตัวคนพิการ บัตรที่ออกโดยหน่วยงานภาครัฐที่มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก– วางแผนให้มีเวลาสัก 1 ชั่วโมงในวันเลือกตั้ง ระหว่างช่วงเวลา 8.00 น. ถึง 17.00 น. สำหรับการเดินทางและไปใช้สิทธิ การเลือกตั้งทุกวันนี้สะดวกมากขึ้น หน่วยเลือกตั้งอยู่ใกล้บ้านของผู้มีสิทธิมากกว่าเดิม ความแออัดก็ลดลง – ศึกษากติกาการเลือกตั้งให้ดี จำหมายเลขของผู้ที่เราต้องการเลือกให้แม่น คนในใจหมายเลขอะไร พรรคการเมืองเบอร์อะไร เพราะเราเข้า-ออกคูหาเลือกตั้งได้แค่ครั้งเดียว – หากพบเห็นพฤติกรรมหรือการกระทำที่ไม่ถูกต้อง น่าสงสัย ให้แจ้งเบาะแสไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ จับทุจริตเลือกตั้ง มีรางวัลให้นอกจากการทำหน้าที่และใช้สิทธิพลเมืองในการเลือกตั้ง ส.ส. แล้ว อีกสิ่งที่พลเมืองที่ดีทำได้และพึงทำคือการเป็น watchdog ช่วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการสอดส่องดูแลให้การเลือกตั้งปลอดการทุจริต “คนส่วนมากมีกล้องวิดีโออยู่ในมือถืออยู่แล้ว พร้อมที่จะถ่ายภาพหรือคลิปต่างๆ ได้ทันทีที่เจออะไรที่สงสัยว่าไม่ตรงไปตรงมา ทำบันทึกส่งมาที่ กกต.กลาง กกต.จังหวัด หรือส่งผ่านแอปพลิเคชัน “ตาสับปะรด” ก็ได้” อ.ปกรณ์ แนะนำและเพิ่มเติมว่า กกต. มีรางวัลให้แก่ผู้ที่แจ้งเบาะแสการทุจริตการเลือกตั้งอีกด้วย ข้อควรระวัง และห้ามทำในการเลือกตั้งจากระเบียบคณะกรรมการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 ข้อ 174 ระบุไว้ชัดเจนว่าบัตรเสียนั้นเป็นอย่างไร และการกระทำใดที่ก่อให้เกิดบัตรเสีย ได้แก่
นอกจากนี้ การทำบัตรเสียบางกรณียังนับเป็นการกระทำผิดกฎหมายอีกด้วย
ทั้งนี้ โทษของการกระทำผิดดังกล่าวคือการถูกจับกุมดำเนินคดึและรับโทษ ซึ่งโทษสูงสุดอาจถึงจำคุก นอนหลับทับสิทธิ เสียสิทธิอะไรบ้างการที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ใช้สิทธิเลือกตั้งตามหน้าที่พลเมือง จะเสียสิทธิทางการเมือง ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 35 ประกอบด้วย
นอกจากนั้นแล้ว ยังส่งผลให้ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่ง
การจำกัดสิทธิทางการเมืองมีกำหนดเวลาครั้งละ 2 ปี นับแต่วันเลือกตั้งที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งเท่านั้น หากมีการเลือกตั้งและไปใช้สิทธิในครั้งต่อไป สิทธิทางการเมืองย่อมกลับคืนมา อย่างไรก็ตาม กกต. เปิดโอกาสให้กับผู้ที่ไม่ได้มาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่กำหนดได้ชี้แจงเพื่อให้ไม่ถูกตัดสิทธิได้ว่าด้วยเหตุผลใดทำให้ไม่สามารถมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันนั้นได้ พรรคอนาคตไกลของใครบิ๊กอนาคตไกล คอนเฟิร์มยื่นจดจัดตั้งพรรคอนาคตไกลจริง ลั่นเป็นพรรคของปชช.ไม่ใช่นอมินีใคร 24 สิงหาคม 2566 เวลา 17:32 น. ก้าวไกลใครเป็นหัวหน้าพรรคนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ตามคาด หลังที่ประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคมีมติเลือกเขาเป็นผู้นำพรรคคนใหม่ ด้วยคะแนนเห็นชอบ 330 เสียง ไม่เห็นชอบ 5 เสียง และงดออกเสียง 3. พลังประชารัฐได้สสบัญชีรายชื่อกี่คนสำหรับ พรรคพลังประชารัฐ มี ส.ส.เขต คะแนนนำ 39 ที่นั่ง คะแนนบัญชีรายชื่อ รวม 537,625 เสียง คิดเป็น 1 ที่นั่ง รวมมี ส.ส. 40 ที่นั่ง โดยมีรายชื่อ ดังต่อไปนี้ คอนเทนต์แนะนำ เลือกตั้ง 2566 : เปิดโหวตเสียงประชาชน 3 เห็นด้วยหรือไม่ ส.ว. ควรโหวตเลือกนายกฯ ตามเสียงข้างมากของ ส.ส.เสรีรวมไทย ปี 62 ได้กี่ที่นั่งสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 25 → ทั้งหมด 500 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรไทย ต้องการ 251 ที่นั่งจึงเป็นฝ่ายข้างมาก |