สมาธิกับการเรียนรู้ ถือเป็นสองสิ่งที่ต้องมาคู่กันเสมอ เพราะการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้เรียนมีสมาธิอยู่กับสิ่งที่เรียน หากเริ่มว่อกแว่ก ก็สามารถควบคุมตนเองและดึงความสนใจกลับมาสู่บทเรียนได้ โดยเฉพาะในช่วงการเปิดเรียน On-site หลังจากเผชิญวิกฤติโรคระบาด เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ต้องปรับตัวให้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในห้องเรียนอีกครั้ง การหยุดเรียนในโรงเรียนเป็นเวลานาน ทำให้เด็กหลายคนรู้สึกว่า ไม่อยากเรียนแล้ว เกิดภาวะเรียนรู้ถดถอย เมื่อกลับเข้าห้องเรียนจึงมักขาดสมาธิได้ง่าย Starfish Labz ชวนพ่อแม่ผู้ปกครอง ร่วมหาวิธีช่วยลูกกู้วิกฤติเรียนรู้ถดถอย ด้วยการเพิ่มสมาธิ เพื่อให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำไมลูกถึงไม่มีสมาธิ สาเหตุที่ทำให้เด็กๆ ขาดสมาธินั้น มีหลายประการซึ่งต้องดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น ขาดสมาธิ เพราะไม่ได้ฝึกระเบียบวินัย ที่บ้านปล่อยให้ทำอะไรตามใจ เมื่อไปโรงเรียนที่ต้องทำตามกฎจึงไม่ชอบ และบังคับตัวเองให้ทำตามกฎได้ยาก หรือเด็กยุคใหม่ที่ใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิคส์มากเกินไป ก็อาจทำให้มีอาการขาดสมาธิได้เช่นกัน นอกจากนี้ การขาดสมาธิ ก็อาจมีสาเหตุมาจากการเรียนรู้ถดถอยได้เช่นกัน เพราะเมื่อเด็กไม่ได้ไปโรงเรียนเป็นเวลานาน เมื่อกลับเข้าห้องเรียนเด็กมักสูญเสียความอยากรู้อยากเห็น ขาดแรงจูงใจในการเรียน ไม่ตื่นตัวที่จะเรียนรู้ ยิ่งหากว่าในช่วงที่ผ่านมาอยู่กับหน้าจอมากเกินไป ทั้งเรียนออนไลน์ หรือใช้หน้าจอเพื่อความบันเทิง ก็ยิ่งอาจส่งผลต่อการขาดสมาธิเมื่อกลับสู่รั้วโรงเรียน เราอาจจำแนกปัจจัยที่ส่งผลต่อการขาดสมาธิของเด็กๆ ได้ดังนี้
สมาธิหายไป ส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง? แน่นอนว่าการขาดสมาธิในห้องเรียน ย่อมทำให้เด็กๆ เรียนไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจคำสั่งการบ้านต่างๆ บางคนอาจขอให้ครูช่วยอธิบายซ้ำ หรือต้องคอยถามเพื่อนเมื่อหมดคาบเรียน ซึ่งทำให้เสียเวลา เสียโอกาสที่จะได้เรียนรู้เรื่องอื่นๆ ต่อไป บางคนที่ไม่มีสมาธิในห้องเรียน และไม่ได้ติดตามถามครูหรือถามเพื่อนว่าเรียนอะไรไปบ้าง ก็อาจเรียนไม่ทันเพื่อน ส่งผลต่อการสอบและคะแนนที่ลดลง การขาดสมาธิเมื่อต้องทำงานที่ได้รับมอบหมาย หากว่อกแว่กบ่อย ก็ยิ่งทำให้เสียเวลา แทนที่งานจะเสร็จภายใน 1-2 ชั่วโมง ก็อาจยืดเวลาเป็น 3-4 ชั่วโมง ซึ่งยิ่งใช้เวลาทำงานมากเท่าไร ก็อาจหมายถึงการที่ลูกต้องเข้านอนดึกขึ้น และการนอนไม่พอ ก็ยิ่งทำให้อาการขาดสมาธิแย่ลง มีการศึกษาในต่างประเทศที่พบว่า วัยรุ่นที่ใช้ Facebook เป็นเวลานาน จะใช้เวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบน้อยลง และส่งผลให้เกรดเฉลี่ยรวมลดลงด้วย นอกจากนี้ ยังพบว่า การส่งข้อความขณะอยู่ในห้องเรียน มีความเกี่ยวข้องกับเกรดที่ลดลงของนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย เพิ่มสมาธิกู้การเรียนรู้ให้ลูกวัยเรียน 1. ดูแลร่างกายให้พร้อม สมองปลอดโปร่ง
2. กำจัดสิ่งรบกวนภายนอก
3. กำจัดสิ่งรบกวนภายใน
4. สร้างแรงบันดาลใจ
สุดท้ายแล้วพ่อแม่ผู้ปกครองต้องเข้าใจว่า การมีสมาธิจดจ่อของแต่ละคนไม่เท่ากัน ควรหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบ เพราะอาจยิ่งสร้างความกดดันให้กับลูก สิ่งที่ควรทำคือหมั่นสังเกตว่าเวลาไหน สถานที่ใด ที่ลูกมีสมาธิ ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการเรียนรู้ อย่าให้ลูกต้องพยายามเพียงลำพัง ขณะที่พ่อแม่เปิดโทรทัศน์เสียงดังลั่นบ้าน หรือพ่อแม่ก้มหน้าดูโทรศัพท์ตลอดเวลาขณะที่ลูกอ่านหนังสือ เพราะแม้สมาธิจะเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่หากเด็กๆ มีทีมสนับสนุนที่ดี ก็จะช่วยให้พวกเขาสร้างสมาธิเพื่อกู้การเรียนรู้ถดถอยได้สำเร็จ |