-เสียงพิเศษที่ใช้ในการชับร้องเป็นเทคนิคที่นักร้องในสมัยโบราณนิยมใช้กันมากและนักร้องทุก ๆ คนจะพยายามฝึกฝนเสียงต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อให้การขับร้องเพลงได้ไพเราะยิ่งขึ้นแต่การใช้เสียงพิเศษนี้ไม่ใช่จะทำได้ทุกคน นักร้องที่ไม่ได้ฝึกฝนไม่สามารถจะทำได้ เพราะเป็นสิ่งที่ยากพอสมควร
-การขับร้องเพลงไทยให้ได้ความไพเราะซาบชึ้ง เกิดจากผู้ขับร้องใส่อารมณ์และความรู้สึกในบทเพลง การใส่อารมณ์ในการขับร้องเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ผู้ขับร้องที่จะร้องเพลงให้ได้อารมณ์นั้น
-บุคลิกภาพของนักเรียนและนักดนตรีมีความสำคัญมาก ผู้บรรเลงและผู้ขับร้องจะอยู่ในอาการที่สงบเสงี่ยม เรียนร้อย นุ่มนวล อ่อนโยน ไม่กระด้าง
ผู้ที่จะสามารถขับร้องเพลงให้ไพเราะได้นั้น ต้องมีคุณสมบัติเฉพาะตัวหลายประการซึ่งโดยทั่วไปแล้วผู้ที่มีความสามารถในการฝึกหัดขับร้องเพลง ควรมีลักษณะ ดังนี้
การขับร้องเพลงสากล หมายถึง การเปล่งเสียงและถ้อยคำเป็นทำนองอย่างไพเราะ ด้วยคุณภาพเสียงที่ดี ถ้อยคำที่เป็นเนื้อร้องต้องร้องออกมาอย่างถูกต้องและชัดเจน สอดคล้องกับลีลาและจังหวะ
เสียงร้องที่ไพเราะเกิดจากการออกเสียงที่ถูกวิธี ในสภาพร่างกายที่สมบรูณ์แข็งแรงและสุขภาพจิตที่ดี แจ่มใส ดังนั้นการดูแลรักษาเสียงที่ดี คือ การดูแลอวัยวะทุกส่วนของร่างกายให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ตลอดเวลา ทำจิตให้ร่าเริงแจ่มใสและต้องฝึกฝนการออกเสียงอย่างถูกต้อง
ให้นักเรียนบอกหลักการขับร้องประสานเสียง และประโยชน์ของการขับร้องประสานเสียงมาพอเข้าใจ (10 คะแนน) โดยไม่ซ้ำกับเพื่อที่ส่งก่อน หากซ้ำกันคนที่ส่งทีหลังไม่ได้คะแนน นักเรียนบอกคำตอบ และพิมพ์ชื่อ ชั้น เลขที่ ให้เรียบร้อย
หลักการขับร้องเพลง
การขับร้องเป็นการสร้างสรรค์ทางดนตรีวิธีหนึ่ง ซึ่งใช้วิธีเปล่งเสียงออกมาให้เป็นเพลงต่าง ๆ โดยอาศัยองค์ประกอบทางดนตรี เพื่อทำให้เพลงที่ร้องมีความไพเราะขึ้น
1. ประเภทของการขับร้อง แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
1. การขับร้องอิสระ คือ การขับร้องทั่วไป โดยไม่มีดนตรีประกอบผู้ขับร้องสามารถขับร้องตามที่ตนเองถนัดหรือต้องการ โดยไม่คำนึงถึงระดับเสียงของเครื่องดนตรี
2. การขับร้องประกอบดนตรี คือ การขับร้องให้เข้ากับการบรรเลงเครื่องดนตรี โดยคำนึงถึงทำนอง จังหวะ และรูปแบบของเพลง
3. การขับร้องประกอบการแสดง คือ การขับร้องเพื่อบรรยายเนื้อเรื่องหรือเนื้อเพลงประกอบการแสดงต่าง ๆ
4. การขับร้องหมู่ คือ การขับร้องพร้อมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ การขับร้องทำนองเดียวกันและการร้องประสานเสียง
2. การขับร้องเพลงไทย การขับร้องเพลงไทย ควรเริ่มจากท่าทางการร้อง เนื่องจากเพลงไทยมีลักษณะเฉพาะ ผู้ขับร้องจะนั่งร้องเป็นส่วนใหญ่และมียืนร้องบ้างตามโอกาส ซึ่งผู้ขับร้องควรจะแสดงท่าทางให้เหมาะสม ดังนี้
1. ท่านั่ง ผู้ขับร้องส่วนใหญ่จะนั่งราบกับพื้นเวทีเช่นเดียวกับนักดนตรีซึ่งจะต้องนั่งพับเพียบให้เรียบร้อย สำรวมกิริยา นั่งตัวตรงไม่กระดุกกระดิก หรือเคลื่อนไหวมากเกินไป ขณะร้องให้หันหน้าไปทางผู้ชมเสมอ
2. ท่ายืน ในบางโอกาสผู้ขับร้องอาจจะได้ยืนร้อง ซึ่งผู้ขับร้องควรยืนร้อง ซึ่งผู้ขับร้องควรยืนอย่างสำรวมกิริยาท่าทาง และระวังการเคลื่อนไหวมือ เท้า และลำตัว
การขับร้องเพลงไทย มีหลักการปฏิบัติ ดังนี้
1. ร้องให้มีระดับเสียงสอดคล้องกับเสียงดนตรี
2. หายใจเข้า-ออก ให้สอดคล้องกับช่วงจังหวะ ทำนอง และเนื้อเพลง
3. ออกเสียงพยัญชนนะ สระ คำควบกล้ำ ตามอักขรวิธี
4. ร้องให้ถูกต้องตามวรรคตอนของเนื้อเพลง เพราะหากร้องไม่ถูกวรรคตอน อาจทำให้ความหมายคลาดเคลื่อนได้
5. เนื่องจากเพลงไทยมีการเอื้อน ให้ระมัดระวังในเรื่องการออกเสียงควรเอื้อนให้มีน้ำเสียงสม่ำเสมอตามจังหวะและทำนองเพลง