All New Honda City 2020 จะน่าใช้หรือไม่คงต้องให้ท่านผู้อ่านตัดสินใจด้วยตัวเองนะครับ แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่า Honda โฉมที่ 5 นี้เป็นรถที่มีการตกแต่งดีไซน์ที่มีความหรูหรา พร้อมกับขนาดตัวถังที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น แต่ที่สำคัญเครื่องยนต์ตัวใหม่ที่ถูกเปลี่ยนใหม่ ถือว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
เตรียมวางแผนออกทริปเที่ยวไกล ๆ ได้เลย ก็เพราะ Honda City คันนี้ถังน้ำมันจุได้ถึง 40...
Posted by Honda Thailand on Thursday, November 8, 2018
ฮอนด้า เลือกเมืองไทยเป็นที่แรกของโลก เปิดตัวAll New Honda City เจเนอเรชั่นที่ 5 อีกขั้นแห่งยนตกรรมซิตี้คาร์ที่พร้อมขับเคลื่อนพาคุณให้ไปไกลเกินกว่าทุกความคาดหมายและเปิดทุกความเป็นไปได้ ตอกย้ำยอดขายดีทั่วโลกใน 60 ประเทศ กว่า 4 ล้านคัน
ภายนอกใหม่หมดตั้งแต่ดีไซน์แห่งความสปอร์ตหรูหรา สะกดทุกสายตาด้วยเส้นสายที่เฉียบคมโดดเด่นด้วยไฟหน้า Projector พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้าย LED กระจังหน้าโครเมี่ยม เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 15 นิ้วพร้อมยาง 185/60 R15 พิเศษ!! ครั้งแรกในรุ่น RS ตอกย้ำความเป็นสปอร์ตเร้าใตจด้วยชุดแต่งรอบคัน ตั้งแต่กระจังหน้าสีดำ Gross Black และสัญลักษณ์ RS ชุดไฟ LED ทั้งคันตั้งแต่ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ ไฟตัดหมอก LED และไฟท้าย กระจกมองข้างสีดำพร้อมไฟเลี้ยว สปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black พร้อมสัญลักษณ์ RS และล้ออัลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 185/55 R16
มิติตัวรถใหญ่ขึ้นเริ่มจากความยาวตลอดคัน 4,553 มม. ความกว้าง 1,748 มม. ความสูง 1,467 มม. พร้อมฐานล้อ 2,589มม. ความสูงใต้ท้องรถ 135 มม. น้ำหนักรถ 1,150- 1,165 กก. ความจุถังน้ำมัน 40 ลิตร
ภายในห้องโดยสารเปลี่ยนทุกสุนทรียภาพให้กว้างขวางกว่าที่เคย ด้วยการออกแบบพื้นที่ให้สอดคล้องกับสรีระ เพื่อความสะดวกสบายในทุกที่นั่งทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร มาพร้อมความหรูหราและสวยงามยิ่งขึ้นในโทนสีดำ หรือเบาะหนังและภายในสีทูโทน ไอเวอรี่/ดำ (เฉพาะรุ่น SV) คอนโซลหน้าแบบ Piano Black มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม ตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม อาทิ มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เป็นต้น สำหรับรุ่น RS ภายในห้องโดยสารสะท้อนความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง
ขุมพลังใหม่หมดให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร (เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม) และแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตรด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที โดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานไอเสียยูโร 5 (EURO 5) ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20 ได้อีกด้วย ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด สะดวกสบายด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
มั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย ด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทางด้วยถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist - VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist - HSA) และกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera)
All New Honda City มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่
- รุ่น RS ราคา 739,000 บาท
- รุ่น SV ราคา 665,000 บาท
- รุ่น V ราคา 609,000 บาท
- รุ่น S ราคา 579,500 บาท
และมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น RS สีขาวแพลทินัม (มุก) เฉพาะรุ่น RS และรุ่น SV สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) และสีขาวทาฟเฟต้า เฉพาะรุ่น V และรุ่น S