การนอนไม่เพียงพอ และ นอนไม่เต็มตื่นส่งผลเสียต่อร่างกายทุก ๆ คน ทำให้เสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม การเสียชีวิต และเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคไม่ติดต่ออื่น อาทิ โรคอ้วน โรคหัวใจ รวมถึงปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งปัจจัยหนึ่งของปัญหาปริมาณและคุณภาพการนอนมาจาก ‘ความเครียดที่มาจากงาน’ โดยทั่วไป กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์มักเป็นกลุ่มที่ประสบกับปัญหาการนอนมาตลอดและอยู่ในอันดับต้น ๆ ยิ่งปัจจุบันที่อยู่ในภาวะกดดันจากสถานการณ์โรคระบาด ทำให้ประสบกับปัญหาการนอนมากขึ้น กระทบต่อสุขภาพของตนเอง ความปลอดภัยของคนไข้ รวมถึงผลิตภาพของงานการสาธารณสุขและทางเศรษฐกิจด้วย
การศึกษาที่ผ่านมาหลายชิ้นเกี่ยวกับการนอนหลับไม่เพียงพอในกลุ่มพยาบาล มี พบว่า พยาบาล 55% ทำงานมากกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และ 30-70% นอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน ในอีกการศึกษาหนึ่งพบว่า 57% ของกลุ่มผู้ให้บริการ-ดูแลสุขภาพโดยตรง ที่ต้องดูแลสุขภาพคนไข้ ‘ระยะยาว’ อย่างผู้ช่วยพยาบาล ผู้ดูแลส่วนบุคคล ผู้ดูแลสุขภาพผู้ป่วยที่บ้าน (home health aides) และพยาบาล 68% ในโรงพยาบาลมะเร็ง ประสบกับอาการ ‘นอนไม่หลับ’ (insomnia) หรือตื่นกลางดึก อีกการศึกษาหนึ่ง ที่ศึกษาเรื่องการนอนจากหลากหลายกลุ่มอาชีพ พบว่า อาชีพผู้ให้บริการ-ดูแลสุขภาพติดอันดับที่ 2 กลุ่มอาชีพที่มีช่วงเวลาการนอน (sleep duration) น้อยมาก กล่าวคือ นอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมง เช่นเดียวกับผลของการศึกษาเมื่อปี 2561
โดยปัญหาการนอนในมิติคุณภาพและปริมาณ ได้ส่งผลเสียต่อภาระทางเศรษฐกิจด้วยในแง่ของการสูญเสียผลิตภาพของงาน (productivity) เมื่อปี 2553 ปัญหาการนอนไม่หลับของแรงงานในสหรัฐฯ เท่ากับเสียผลิตภาพของงานคิดเป็น 252.7 วัน คิดเป็นเงิน 63.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ปัญหาการนอนในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ยังมีผลเสียต่อการสาธารณสุขด้วย กล่าวคือ ส่งผลต่อความปลอดภัยของคนไข้ คุณภาพในการให้บริการสุขภาพ รวมทั้งอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดการทางแพทย์และการรักษา อย่างที่การศึกษาปี 2563 ระบุว่า มีกรณีที่แพทย์ไม่ได้นอนเลย ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการรักษาถึง 97%
การศึกษาเหล่านี้ได้ชี้ว่า สภาพแวดล้อม/เงื่อนไขการทำงานของบุคลาการทางการแพทย์ ทั้งชั่วโมงการทำงานที่ไม่เป็นเวลา การถูกเรียกให้เข้าทำงานขณะที่เป็นเวลานอนหลับ และการที่จะต้องจัดการกับโรคภัยซึ่งเป็นความเป็นความตายเร่งด่วน ล้วนส่งผลต่อคุณภาพและปริมาณการนอนหลับของบุคลากร ไม่เพียงเท่านั้น หากบุคลากรในภาคส่วนนี้ต้องรับผิดชอบงานการดูแลนอกเหนือจากที่โรงพยาบาล ในฐานะผู้ปกครองที่ดูแลบุตร หรือบุตรที่ดูแลพ่อแม่ผู้สูงวัย ย่อมกระทบกับปัญหาการนอน ไปจนถึงปัญหาสุขภาพจิตด้วยเช่นกัน
การศึกษาของทีม Soomi Lee ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้าน Aging Studies มหาวิทยาลัย South Florida พบว่าบรรดาบุคลากรทางการแพทย์มีความต้องการรับการรักษาแก้ไขปัญหาการนอนหลับ โดยสนใจวิธีการควบคุม/จัดการกับสติ (mindfulness-based strategies) ที่ให้โฟกัสกับการกระทำ-ความเป็นไปที่เกิดขึ้น ณ ขณะปัจจุบัน สังเกต เท่าทัน และยอมรับในสิ่งที่คิด สิ่งที่รู้สึก โดยเฉพาะที่การทำสมาธิทำให้ผ่อนคลายขึ้นซึ่งจะช่วยลดความเครียดจากการทำงานและลดปัญหาการนอนไม่หลับ
อย่างไรก็ดี วิธีการรักษาปัญหาการนอนหลับนั้นมีลักษณะเฉพาะตามแต่ละปัญหาของบุคคล วิธีการอื่น ๆ ที่อาจจะสามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนของบุคลาการทางแพทย์ได้มี อาทิ การควบคุมตารางเวลาชีวิต ไปจนถึงปัจจัยแวดล้อมอย่างการได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้างาน และการปรับสภาพแวดล้อม/เงื่อนไขของการทำงาน เป็นต้น
ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
SDG3 สุขภาพและสุขภาวะที่ดี – (3.4) ลดการตายก่อนวัยอันควรจากโรคไม่ติดต่อให้ลดลงหนึ่งในสามผ่านทางการป้องกันและการรักษาโรค และส่งเสริมสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี ภายใน ปี 2573
SDG8 การเติบโตทางเศรษฐกิจและงานที่ดีสำหรับทุกคน รวมถึงในด้านผลิตภาพของแรงงาน (productivity) และ (8.8) สิทธิแรงงานและส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัยและมั่นคงสำหรับผู้ทำงานทุกคน
แหล่งที่มา: //theconversation.com/lack-of-sleep-is-harming-health-care-workers-and-their-patients-160421
Last Updated on มิถุนายน 6, 2021
Editor | อยากรู้ความคิดของคนต่างพื้นเพ ต่างสังคมและวัฒนธรรม สนใจความเป็นไปของโลก ความมั่นคง และการพัฒนา แล้วนำมาถ่ายทอดร้อยเรียงเรื่องราวเล่าให้ฟัง
Page 155 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
- 155
` การเสริมพ ลังในการส่งเสริมสุขภาพและก ารป้องกันโรค 5-43 เรื่องที่ 5.3.2 สมรรถนะท่ีจำเป็นตอ่ ก ารเสริมพลังในก ารดำเนนิ งานสง่ เสริมสขุ ภ าพ แ ละก ารป้องกันโรค เนื่องจากการเสริมพลังชุมชนมีแนวคิดและกระบวนการดำเนินงานที่แตกต่างจากการทำงานสาธารณสุข ที่เน้นเจ้าหน้าที่เป็นศูนย์กลาง เพราะการเสริมพลังชุมชนจะต้องมุ่งสนับสนุนและส่งเสริมความสามารถของชุมชน ในการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพด้วยตนเอง โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นพี่เลี้ยงแทนเป็นผู้สั่งการ ดังนั้นบุคลากรสาธารณสุขที่ปฏบิติงานด้านส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคโดยใช้แนวทางการเสริมพลัง จำเป็นต้อง มีสมรรถนะที่จำเป็นและเพียงพอต่อการเสริมพลังให้เป็นไปตามหลักการและกระบวนการ ที่จะส่งผลให้ชุมชนได้รับ การเสริมพลังและพึ่งพาตนเองในก ารส่งเสริมสุขภาพแ ละป้องกันโรคอย่างยั่งยืน สำหรับส มรรถนะท ี่จ ำเป็นต ่อก ารเสริมพ ลังช ุมชนแ บ่งอ อกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแ รกเป็นส มรรถนะท ั่วไปใน การท ำงานส ร้างเสริมสุขภ าพและป้องกันโรคในชุมชน และก ลุ่มท ี่ 2 เป็นส มรรถนะในก ารส ่งเสริมสนับสนุนศ ักยภาพ ของชุมชนต ามแ นวคิดข องการเสริมพ ลัง
- สมรรถนะทวั่ ไปในก ารท ำงานส่งเสรมิ สขุ ภาพแ ละป อ้ งกนั โรคในช ุมชน สมรรถนะนี้ประกอบด ้วยค วามส ามารถท ี่จำเป็นในการท ำงานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในชุมชนที่เน้น
การให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการประเมินความต้องการของชุมชน การวางแผนบริการ/โครงการสุขภาพในชุมชน
การทำงานแ บบห ุ้นส ่วนและสร้างความร่วมมือ และการประเมินผลแ ละพ ัฒนาบ ริการ/โครงการสุขภาพในช ุมชน 1.1 การประเมินความต้องการของชุมชน เป็นความสามารถของบุคลากรสาธารณสุขในการสนับสนุน ให้ชุมชนสามารถค้นหา ประเมิน และจัดลำดับความต้องการด้านสุขภาพของชุมชน (Healey and Zimmerman, 2010: 42) ซึ่งต้องอ าศัยความส ามารถในกระบวนการย ่อยๆ ดังนี้ 1.1.1 การร วบรวมข อ้ มลู ท สี่ ำคญั บุคลากรส าธารณสุขค วรส นับสนุนข ้อมูลท ีส่ ำคัญใหแ้ กช่ ุมชน ในข ณะ เดียวกันควรส่งเสริมให้แกนนำชุมชนสามารถรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการประเมินปัญหาสุขภาพของชุมชน ซึ่ง ประกอบด ้วยข ้อมูลต่อไปน ี้
- ข้อมูลภาวะสุขภาพของประชาชนในชุมชน ได้แก่ ข้อมูลการเกิด การตาย การเจ็บป่วยที่ ได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเก็บรวบรวมไว้แล้ว เช่น ข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ข้อมูลจำนวนผู้ป่วยที่มารับบริการของ โรงพยาบาลจำแนกตามกลุ่มโรค ข้อมูลการป่วยด้วยโรคที่ต้องเฝ้าระวังที่รวบรวมโดยสถานีอนามัย สำนักงาน สาธารณสุขอ ำเภอ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด กระทรวงส าธารณสุข เป็นต้น
- ข้อมลู เกยี่ วก ับป ัจจัยเส่ยี ง ที่ส ่งผลให้เกิดป ัญหาสุขภาพ ซึ่งเกี่ยวข้องปัจจัยท ี่ท ำให้เกิดโรค เช่น เชื้อโรค สารเคมี เป็นต้น ปัจจัยด ้านบ ุคคลแ ละพฤติกรรม และป ัจจัยด้านส ิ่งแ วดล้อม ข้อมูลเหล่านี้จะท ำให้ทราบว ่า อะไรเป็นป ัจจัยเสี่ยงท ี่ส ำคัญ และค ุณลักษณะประชากรที่มีพฤติกรรมเสี่ยงที่ส่งผ ลต่อปัญหาส ุขภาพในช ุมชน
- ข้อมูลทรัพยากรหรือทุนในชุมชน ซึ่งเป็นทรัพยากรในชุมชนที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริม สุขภาพป้องกันโรค การรักษาพยาบาลและการฟื้นฟูสุขภาพ เช่น สถานบริการสุขภาพ บุคลากรด้านสุขภาพ คลินิก รา้ นข ายย า หมอพ ืน้ บ า้ น สถานท อี่ อกก ำลงั ก าย กลุม่ ห รอื ช มรมส ขุ ภาพ กองทนุ ด า้ นส ขุ ภาพ รวมถ งึ ผ ูน้ ำช มุ ชน วฒั นธรรม และภูมิปัญญาในท ้องถิ่น เป็นต้น ลขิ สทิ ธ์ิของมหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช `