ข้อที่ 1)
องค์การใดที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สงบลง
สันนิบาตชาติ
สหประชาชาติ
อาเซียน
นาโนเทคแห่งชาติ
ข้อที่ 2)
ประเทศแรกที่ถูกฝ่ายมหาอำนาจกลางละเมิดความเป็นกลางคือชาติใด
เบลเยียม
โปแลนด์
สวิตเซอร์แลนด์
ไทย
ข้อที่ 3)
ฝ่ายชนะสงครามชาติใดที่ขอประกาศยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1
รัสเซีย
อังกฤษ
ฝรั่งเศส
เยอรมัน
ข้อที่ 4)
ชาติไทยประกาศสงครามร่วมกับฝ่ายใดในสงครามโลกครั้งที่ 1
ฝ่ายไตรพันธมิตร
ฝ่ายมหาอำนาจกลาง
ฝ่ายอักษะประเทศ
ฝ่ายไตรภาคี
ข้อที่ 5)
ข้อใดเป็นฝ่ายเดียวกันทั้งหมดในสงครามโลกครั้งที่ 1
รัสเซีย ออสเตรีย-ฮังการี และ ฝรั่งเศส
อังกฤษ ฝรั่งเศสและอิตาลี
เยอรมนี จักรวรรดิ ออสเตรีย-ฮังการี และอิตาลี
ออสเตรีย-ฮังการี เยอรมัน และรัสเซีย
ข้อที่ 6)
สงครามโลกครั้งที่ 1เริ่มจากการประกาศสงครามระหว่างชาติใด
ออสเตรีย-ฮังการีประกาศสงครามกับเซอร์เบีย
เยอรมันประกาศสงครามกับรัสเซีย
เยอรมันประกาศสงครามกับฝรั่งเศส
เยอรมันประกาศสงครามกับอังกฤษ
ข้อที่
7)
สมัยออทโท ฟอน บิสมาร์ค ประกาศจัดตั้งจักรวรรดิเยอรมัน จึงดำเนินการจัดตั้ง The Three Emperor's League โดยมีพันธมิตรประกอบด้วยชาติใด
เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และรัสเซีย
เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และอิตาลี
เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และฝรั่งเศส
เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และอังกฤษ
ข้อที่ 8)
สงครามโลกครั้งที่ 1 ตรงกับประวัติศาสตร์ของไทยในสมัยใด
กรุงรัตนโกสินทร์
กรุงธนบุรี
กรุงสุโขทัย
กรุงศรีอยุธยา
. ข้อที่ 9)
ข้อใดเป็นคู่สงครามในการรบของสงครามโลกครั้งที่ 1
สัมพันธมิตร - มหาอำนาจกลาง
ไตรพันธมิตร - อักษะ
มหาอำนาจกลาง - อักษะ
ไตรพันธมิตร - สัมพันธมิตร
ข้อที่ 10)
สงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มเกิดสงครามขึ้นในทวีปใด
ทวีปเอเชีย
ทวีปแอฟริกา
ทวีปอเมริกาเหนือ
ทวีปยุโรป
สงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นสงครามครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งและครั้งแรกของโลกที่ทำลายชีวิตมนุษย์ ทรัพย์สิน ทรัพยากรธรรมชาติ และจิตใจของผู้คนไปมากมาย
1. ประเทศที่เข้าร่วมสงคราม แบ่งออกเป็นสองฝ่าย
1. ฝ่ายพันธมิตรสามเส้า หรือมหาอำนาจกลาง ได้แก่ เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และตุรกี
2. ฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส สหภาพโซเวียต อิตาลี ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและไทย ในตอนแรกไทยรักษาความเป็นกลางอย่างมั่นคง แต่เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าอยู่หัว ทรงให้ความสนใจและติดตามข่าวการสงครามอย่างใกล้ชิด พระองค์ทรงเล็งเห็นการณ์ไกลในการให้ประเทศไทยประกาศตัวเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธ เพราะถ้าฝ่ายสัมพันธมิตรได้รับชัยชนะ จะมีผลดีในการที่ประเทศไทยจะเรียกร้องสิทธิต่างๆ เช่น ขอแก้ไขสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมที่ทำไว้กับนานาประเทศ จึงได้ประกาศสงครามกับเยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการี ในวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 โดยประกาศกระแสพระบรมราชโองการประณามว่า “เยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการี เป็นฝ่ายละเมิดเมตตาธรรมของมวลมนุษย์ มิได้มีความนับถือต่อประเทศเล็ก ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นผู้ก่อกวนความสุขของโลก” ซึ่งเหตุการณ์ก็เป็นดังที่พระองค์ทรงคาดไว้ คือ ฝ่ายสัมพันธมิตรได้รับชัยชนะ
การตัดสินพระทัยของพระองค์ในครั้งนั้น ปรากฏว่าได้รับการคัดค้านจากประชาชนทั่วไป เนื่องจากในสมัยนั้นมีคนไทยไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมนีเป็นจำนวนมาก จึงนิยมและเคารพเยอรมนีเป็นเสมือนครูบาอาจารย์ และเยอรมนีไม่เคยสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้คนไทยมาก่อนเลย และในการรบระยะแรก
เยอรมนีเป็นฝ่ายได้ชัยชนะมาตลอด ไม่น่าไปได้ว่าเยอรมนีจะเป็นฝ่ายแพ้สงครามในที่สุด ยุทธภูมิในการรบครั้งนี้ก็ไกลมาก ส่วนใหญ่เกิดในทวีปยุโรป ประชาชนโดยทั่วไปมีความเห็นว่า เมืองไทยไม่น่ามีส่วนเกี่ยวพันด้วย ทั้งเมืองไทยก็ยังเป็นประเทศเล็กๆ ควรอยู่อย่างสงบดีกว่า หลังจากที่ไทยประกาศสงครามกับเยอรมนีแล้ว ไทยก็เริ่มทำการจับเชลยที่เป็นชาวเยอรมนีและออสเตรีย เพื่อป้องกันการก่อการไม่สงบ ยึดเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ เรือบรรทุก เรือลำเลียง จับลูกเรือเป็นเชลย
และริบทรัพย์เชลยเหล่านี้เสีย ต่อมาไทยได้ส่งกองทหารอาสาเข้าร่วมในสมรภูมิยุโรปด้วย การส่งทหารไปร่วมรบในครั้งนี้มีผู้มาสมัครเป็นทหารอาสามากมาย ไทยได้จัดส่งทหารไปเป็น 2 กอง คือ กองบินทหารบกประมาณ 400 คนเศษ และกองทหารบกรถยนต์ประมาณ 850 คน เดินทางไปถึงเมืองท่ามาร์แชล ประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2461
ซึ่งนับเป็นหน่วยทหารไทยกองแรกในประวัติศาสตร์ที่ยาตราทัพเป็นระยะทางไกลที่สุดถึงทวีปยุโรป กองทัพไทยถูกส่งประจำการแนวหน้าทันที ทำหน้าที่ลำเลียงกำลังให้แก่กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างเข้มแข็งและกล้าหาญ ทั้งกลางวันและกลางคืนท่ามกลางหิมะ สามารถยึดดินแดนของเยอรมนีทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำไรน์มาได้ ร่วมกับกองทัพของฝ่ายสัมพันธมิตร รัฐบาลฝรั่งเศสจึงได้ให้ตรา “ครัวซ์เดอแกร์” มาประดับธงชัยเฉลิมพล
เพื่อเป็นเกียรติแก่กองทหารรถยนต์ไทย กับได้ให้ตรานี้แก่ทหารไทย 2 นายที่ได้ตรวจทางกระสุนปืนของข้าศึกด้วยความกล้าหาญ สำหรับกองบินทหารบกนั้นไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมในสมรภูมิครั้งนี้ เพราะสงครามได้ยุติลงเสียก่อน จากการเข้าร่วมสงครามครั้งนี้ไทยได้สร้าง “อนุสาวรีย์ทหารอาสา” และ “วงเวียน 22 กรกฎา” ไว้เป็นอนุสรณ์ที่ระลึกไว้ด้วย
2.
ผลที่ไทยได้รับจากการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 มีดังนี้
1. ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักของนานาประเทศ โดยเฉพาะประเทศในทวีปยุโรป
2. ทำให้ได้รับการยกย่องว่ามีฐานะและสิทธิเท่าเทียมกับอารยประเทศ
3. ทำให้ไทยมีโอกาสเรียกน้องขอแก้สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมได้สำเร็จ โดยได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งยอมยกเลิกสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับไทยเป็นประเทศแรก
4. จากประสบการณ์ในการสงคราม ทำให้ไทยสามารถนำมาปรับปรุงวิชาการทหารให้เจริญก้าวหน้ามากขึ้น
5. ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2460 เยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการี ได้ยกเลิกสนธิสัญญาที่ทำไว้กับประเทศไทยและอำนาจศาลกงสุล
6. ไทยได้ผลประโยชน์จากการยึดทรัพย์สินและห้างร้านของเชลย
7. ไทยได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ริเริ่มในองค์การสันนิบาตชาติ