โพสต์นี้มีวิธีการแก้ปัญหาการอัปโหลดไฟล์ด้วยแอป Drive บนสมาร์ทโฟนระบบแอนดรอยด์ขึ้นกูเกิล Drive บริการเก็บข้อมูลแบบคลาวด์ของกูเกิลไม่ได้ มาฝากครับ
ปัญหาที่พบคือ เมื่อผมพยายามทำการอัปเดตไฟล์ เช่น ไฟล์รูปที่ได้จากกล้องถ่ายรูป หรือ ไฟล์รูปที่ได้จากการจับภาพหน้าจอ ขึ้นกูเกิล Drive โดยใช้แอป Drive จะไม่สามารถอัปโหลดได้โดยขึ้นสถานะ “waiting to upload” เป็นเวลานานมาก
จากนั้นผมจึงทำการเปิดการแจ้งเตือนของแอป Drive แล้วทำการเปิดดูในการแจ้งเตือนของโทรศัพท์จะได้หน้าจอลักษณะดังรูป
สาเหตุที่ทำให้อัปโหลดไฟล์ขึ้น Google Drive ไม่ได้
ผมไม่แน่ใจว่าปัญหาอัปโหลดไฟล์จากสมาร์ทโฟนระบบแอนดรอยด์ขึ้นกูเกิล Drive โดยใช้แอป Drive ไม่ได้เกิดมาจากสาเหตุอะไรกันแน่ แต่สงสัยว่าเป็นผลกระทบมาจากการอัปเดตสมาร์ทโฟนเป็น Android 8 Oreo ซึ่งอาจทำให้แอป Drive ค้างหรือทำงานผิดปกติ แต่ไม่ยืนยันสาเหตุนะครับ
วิธีการแก้ปัญหาอัปโหลดไฟล์ขึ้น Google Drive ไม่ได้
วิธีการแก้ไขปัญหาอัปโหลดไฟล์จากสมาร์ทโฟนระบบแอนดรอยด์ขึ้นกูเกิล Drive โดยใช้แอป Drive ไม่ได้ มีขั้นตอนดังนี้
1. บนหน้าจอ Home ให้แตะไอคอน Apps
2. บนหน้าจอ Apps แตะไอคอน Settings
3. บนหน้าจอ SETTINGS แตะ Apps
4. บนหน้าจอ Apps แตะ Drive
5. บนหน้าจอ APP INFO ของแอป Drive แตะ Storage
6. บนหน้า Storage ของแอป Drive แตะ CLEAR CACHE [1] จากนั้นแตะ CLEAR DATA [2]
7. บนหน้าแจ้งเตือน All of this applications’s data will be deleted permanently. This includes all files, settings, accounts, databases etc.แตะ DELETE
8. ปิดแอป Settings
ผลการทำงาน
ทำการเปิดแอป Drive แล้วทำการอัปโหลดไฟล์จากสมาร์ทโฟนขึ้นกูเกิล Drive หากไม่มีอะไรผิดพลาดจะสามารถทำการอัปโหลดได้โดยไม่มีปัญหาครับ
ประวัติการปรับปรุงบทความ
10 กรกฎาคม 2561: เผยแพร่ครั้งแรก
Share
This
by
หมายเหตุ: เราต้องการมอบเนื้อหาวิธีใช้ปัจจุบันในภาษาของคุณให้กับคุณโดยเร็วที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ หน้านี้ได้รับการแปลด้วยระบบอัตโนมัติ และอาจมีข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์หรือความไม่ถูกต้อง จุดประสงค์ของเราคือเพื่อให้เนื้อหานี้มีประโยชน์กับคุณ คุณแจ้งให้เราทราบว่าข้อมูลดังกล่าวมีประโยชน์ต่อคุณที่ด้านล่างของหน้านี้ได้หรือไม่
นี่คือบทความภาษาอังกฤษเพื่อให้ง่ายต่อการอ้างอิง พิจารณาสถานการณ์ต่อไปนี้: คุณมีไซต์ย่อย Microsoft SharePoint Server 2013 ไซต์ย่อยที่มีสิทธิ์เฉพาะที่จะไม่สืบทอดมาจากไซต์คอลเลกชันหลัก เปิดใช้งานคุณลักษณะโหมดจำกัดสิทธิ์ของผู้ใช้เข้าถึงที่จำกัดไซต์คอลเลกชันสำหรับไซต์แม่คอลเลกชันที่ไซต์ย่อยที่มีอยู่ คุณใช้รายการบนไซต์ย่อยร่วมกับผู้ใช้ และคุณมีอย่างน้อยแก้ไขสิทธิ์ เมื่อผู้ใช้พยายามเพิ่มไฟล์ลงในรายการ โดยใช้การลากไฟล์ต่อไปนี้ฟังก์ชันการทำงานเขาหรือเธอได้รับข้อความแสดงข้อผิดพลาดต่อไปนี้: ข้อผิดพลาดกับการร้องขอไปยังเซิร์ฟเวอร์: ปฏิเสธการเข้าถึง คุณไม่มีสิทธิ์ในการดำเนินการกระทำนี้ หรือเข้าถึงทรัพยากรนี้ก ถ้าต้องการแก้ปัญหานี้ คลิกเอกสารใหม่คลิกอัปโหลดไฟล์ที่มีอยู่และ แล้ว ทำตามขั้นตอนในกล่องโต้ตอบเพิ่มเอกสารเมื่อต้องการเพิ่มไฟล์ลงในรายการ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ไปยังเว็บไซต์ Microsoft ต่อไปนี้: เปิดใช้งาน หรือปิดใช้งานไซต์คอลเลกชัน ตัวเลือก2901074 "ลากไฟล์ต่อไปนี้" สำหรับรายการใน SharePoint Online ขาดหายไป หรือ SharePoint 2013 ภายในองค์กร ข้อมูล2796734เกี่ยวกับลากไฟล์ลงในไลบรารีเอกสารใน SharePoint Server 2013 หรือ SharePoint Online โดยใช้เว็บเบราว์เซอร์อาการ
วิธีแก้ไขปัญหาชั่วคราว
ข้อมูลเพิ่มเติม
ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมหรือไม่
วิธีส่งไฟล์ขนาดใหญ่ผ่านอีเมล
เซิร์ฟเวอร์อีเมลหลายแห่งปฏิเสธที่จะยอมรับไฟล์แนบอีเมลในขนาดที่กำหนด ในขณะที่ขนาดของไฟล์แนบยังไม่ทันตามเวลา แต่มีวิธีอื่นที่ง่ายในการส่งไฟล์ขนาดใหญ่ทางอีเมล.
แม้ว่าคุณจะใช้ไคลเอ็นต์อีเมลออนไลน์ที่ทันสมัยขนาดของข้อความก็มี จำกัด ตัวอย่างเช่น Gmail อนุญาตให้ข้อความมีขนาดไม่เกิน 25 MB รวมถึงข้อความของข้อความและไฟล์แนบใด ๆ Outlook.com อนุญาตเพียง 10 MB เมื่อส่งข้อความผ่านบริการเหล่านี้พวกเขาจะให้ความช่วยเหลือแก่คุณโดยอัตโนมัติและแนะนำทางเลือกอื่น ๆ เช่นการใช้ Google ไดรฟ์สำหรับไฟล์แนบ Gmail และ OneDrive สำหรับ Outlook.com แน่นอนว่ามีประโยชน์ แต่ถ้าคุณใช้ไคลเอนต์อีเมลเดสก์ท็อปหรือบริการอื่นคุณอาจจำเป็นต้องรู้เทคนิคเหล่านี้ด้วยตัวคุณเอง.
ขนาดสูงสุดของไฟล์แนบอีเมลคืออะไร?
ในทางทฤษฎีแล้วไม่มีการ จำกัด จำนวนของข้อมูลที่คุณสามารถแนบไปกับอีเมลได้ มาตรฐานอีเมลไม่ได้ระบุขนาด จำกัด ไว้ ในทางปฏิบัติเซิร์ฟเวอร์อีเมลส่วนใหญ่และไคลเอนต์อีเมลบางรายบังคับใช้ขีด จำกัด ขนาดของตนเอง.
โดยทั่วไปเมื่อแนบไฟล์กับอีเมลคุณสามารถมั่นใจได้ว่าไฟล์แนบสูงสุด 10MB นั้นโอเค เซิร์ฟเวอร์อีเมลบางแห่งอาจมีขีด จำกัด น้อยกว่า แต่โดยทั่วไป 10MB จะเป็นมาตรฐาน.
Gmail ช่วยให้คุณสามารถแนบได้สูงสุด 25MB กับอีเมลเดียว แต่จะรับประกันได้ว่าจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อคุณส่งอีเมลถึงผู้ใช้ Gmail รายอื่น ทันทีที่อีเมลออกจากเซิร์ฟเวอร์ของ Gmail เซิร์ฟเวอร์อีเมลอื่นอาจถูกปฏิเสธ เซิร์ฟเวอร์จำนวนมากถูกกำหนดค่าให้ไม่ยอมรับสิ่งที่แนบมากกว่า 10MB.
มันไม่ง่ายอย่างที่คิดขนาดของไฟล์แนบสูงสุดของบริการที่คุณใช้และบริการที่คุณส่งอีเมล - อีเมลมักจะเดินทางผ่านตัวแทนการถ่ายโอนจดหมายหลายฉบับเมื่อพวกเขาถูกส่งดังนั้นคุณอาจปฏิเสธสิ่งที่แนบมากับเซิร์ฟเวอร์ของคุณ วิธีถ้าคุณแนบข้อมูลมากเกินไป.
คุณควรจำไว้ว่าสิ่งที่แนบมากับอีเมลนั้นมักจะเข้ารหัสแบบ MIME ซึ่งจะเพิ่มขนาดไฟล์ได้ประมาณ 33% ดังนั้นไฟล์ 10MB ในดิสก์ของคุณจะกลายเป็นข้อมูลประมาณ 13MB เมื่อแนบกับอีเมล.
ใช้บริการ Cloud Storage
เท่าที่ผ่านมาตัวเลือกที่ง่ายที่สุดของคุณคือการจัดเก็บไฟล์ที่คุณต้องการแบ่งปันบนบริการพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์เช่น Dropbox, Google Drive หรือ OneDrive จากนั้นคุณสามารถแชร์ไฟล์กับใครบางคนและแจ้งให้พวกเขาทราบทางอีเมลที่คุณทำ พวกเขาสามารถคลิกลิงก์และดาวน์โหลดไฟล์โดยตรงไปยังคอมพิวเตอร์ของพวกเขา.
หากคุณใช้ Gmail หรือ Outlook.com คุณจะพบว่า Google และ Microsoft ได้รวม Google Drive และ OneDrive ไว้ในบริการอีเมลที่เกี่ยวข้อง เพียงคลิกปุ่ม Google Drive หรือ SkyDrive เมื่อส่งอีเมลคุณจะสามารถแชร์ไฟล์ผ่านอีเมลได้ Gmail และ Outlook จะแนะนำให้คุณเลือกไฟล์ที่มีอยู่แล้วในไดรฟ์จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ของคุณหรืออัปโหลดไฟล์ใหม่.
หากคุณใช้บางอย่างเช่น Dropbox คุณสามารถแชร์ไฟล์จากเว็บไซต์ของบริการพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ ตัวอย่างเช่นคลิกขวาที่ไฟล์ในเว็บไซต์ของ Dropbox และเลือกลิงก์แชร์หากคุณใช้ Dropbox หากคุณมีแอพ Dropbox ติดตั้งอยู่ในคอมพิวเตอร์คุณสามารถคลิกขวาที่ไฟล์ใด ๆ ในโฟลเดอร์ Dropbox ของคุณและคุณจะเห็นคำสั่ง“ แชร์” ที่นั่นเช่นกัน.
นี่คือตัวเลือกที่ผู้ให้บริการอีเมลหลายรายกำลังผลักดันให้เราดำเนินการหากคุณพยายามแนบไฟล์ขนาดใหญ่ใน Gmail หรือ Outlook.com คุณจะได้รับแจ้งให้อัปโหลดไปยัง Google Drive หรือ SkyDrive ก่อน.
สร้างและส่งเก็บหลายส่วน
หากคุณกำลังมองหาวิธีที่เป็นแบบดั้งเดิมมากขึ้นคุณก็สามารถแบ่งไฟล์ของคุณออกเป็นส่วนย่อย ๆ ได้ ตัวอย่างเช่นหากคุณมีไฟล์ขนาด 50MB คุณต้องการส่งอีเมลหรือแม้แต่ชุดไฟล์ขนาดใหญ่คุณสามารถใช้โปรแกรมบีบอัดไฟล์เช่น 7-Zip เพื่อสร้างไฟล์เก็บถาวรจากนั้นแยกไฟล์เก็บถาวรออกเป็นห้าชิ้น.
หลังจากแยกไฟล์เก็บถาวรแล้วคุณสามารถแนบชิ้นส่วนที่แยกออกทั้งหมดเพื่อแยกอีเมล ผู้รับจะต้องดาวน์โหลดไฟล์แนบแต่ละไฟล์จากนั้นใช้โปรแกรมแยกไฟล์เพื่อแตกไฟล์ที่ใหญ่กว่าและสมบูรณ์จากไฟล์เก็บถาวรแยกต่างหาก.
แม้ว่าวิธีนี้จะค่อนข้างยุ่งยาก แต่วิธีการดั้งเดิมนี้ยังคงใช้ได้เหมือนเดิมทุกครั้ง ผู้รับบางคนอาจสับสนโดยไฟล์แนบแยกต่างหาก - หรืออย่างน้อยก็ไม่สนุกกับการกระโดดผ่านห่วงเพื่อรวมกันอีกครั้ง หากคุณไม่แน่ใจว่าผู้รับของคุณจะรู้วิธีการทำสิ่งนี้อาจจะเป็นการดีกว่าถ้าคุณเลือกวิธีที่ง่ายกว่า.
ใช้บริการส่งไฟล์ขนาดใหญ่
เพื่อช่วยตอบปัญหาการแนบไฟล์ขนาดใหญ่บริการส่งไฟล์จำนวนหนึ่งได้เด้งแล้วทางออนไลน์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริการเหล่านี้ให้คุณอัปโหลดไฟล์จากนั้นให้ลิงก์ไปยังการอัปโหลดของคุณ จากนั้นคุณสามารถวางลิงก์นั้นลงในอีเมลและผู้รับสามารถคลิกที่ลิงก์และดาวน์โหลดไฟล์.
แน่นอนบริการเหล่านี้ต้องทำเงินอย่างใด พวกเขาอาจทำได้โดยการแสดงโฆษณา จำกัด ขนาดไฟล์สูงสุดที่ผู้ใช้สามารถใช้ได้ฟรีหรือเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิก เราได้ครอบคลุมบริการออนไลน์เหล่านี้มากมายสำหรับการส่งและแชร์ไฟล์ขนาดใหญ่ก่อนหน้านี้ และโปรดทราบว่าเมื่อคุณใช้บริการออนไลน์คุณจะมอบความไว้วางใจให้กับไฟล์ของคุณ อาจเป็นไรถ้าไฟล์ของคุณไม่ไวเป็นพิเศษ แต่คุณอาจต้องการหลีกเลี่ยงการอัปโหลดข้อมูลที่สำคัญไปยังบริการฟรีที่คุณไม่เคยได้ยินมาก่อน แน่นอนคุณสามารถเข้ารหัสไฟล์ก่อนที่จะอัปโหลด - แต่นั่นจะเพิ่มความยุ่งยากเพิ่มเติมให้กับผู้รับเช่นกัน.
บริการส่งไฟล์เหล่านี้ทำงานได้ดีตราบใดที่คุณโอเคกับโฆษณาหรือข้อ จำกัด ใด ๆ ที่มีอยู่และคุณเข้าใจถึงความเสี่ยงโดยเฉพาะกับไฟล์ที่ละเอียดอ่อน อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปเราแนะนำให้ใช้บริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์แทน.